มาถึงแดนปลาดิบทั้งทีก็ต้องลองทำอะไรแบบคนญี่ปุ่นแท้ ๆ กันสักหน่อย คราวนี้เราจึงขอพาทุกคนไปสัมผัสกับวัฒนธรรมการอาบน้ำของคนญี่ปุ่นอย่าง ‘การแช่ออนเซ็น’ บอกเลยว่างานนี้ไม่ต้องเขินอายเรื่องวิธีการปฏิบัติตัวเพราะเราจะสอนการ วิธีแช่ ออนเซ็น เซ็นโต ที่ถูกต้องตามแบบฉบับชาวญี่ปุ่น แบบละเอียดทุกขั้นตอน อ่านบทความนี้ก็รู้ทุกขั้นตอนในแบบที่ไปแช่ครั้งแรกก็ทำได้แบบโปร ทิ้งความเขินอายเอาไว้ แล้วเรียนรู้กติกาแล้วไปแช่ให้ฟินไปเลย
วิธีแช่ ออนเซ็น รู้ไว้ก่อนไปแช่ออนเซ็น (Onsen)
ออนเซ็น (Onsen) คืออะไรกันนะ
Cr: ryokan.glocal-promotion.com
คำว่า ออนเซ็น ที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ นั้น ที่จริงหมายถึงบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีมากกว่า 3,000 แห่งในประเทศญี่ปุ่น บ่อออนเซ็นในประเทศญี่ปุ่นมีสีและแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำร้อนแตกต่างกัน และการลงไปแช่ในบ่อออนเซ็นจะต้องเปลือยกายทั้งหมด
การลงไปแช่น้ำร้อนในบ่อน้ำพุร้อนหรือออนเซ็นถือเป็นกิจกรรมโปรดของชาวญี่ปุ่น แต่อาจไม่ใช่วัฒนธรรมที่คุ้นเคยของบ้านเรานัก (อาจจะเป็นเพราะอากาศที่ร้อนเหลือเกินของประเทศไทย)
แต่การแช่ออนเซ็นนั้นนอกจากจะช่วยอบอุ่นร่างกายให้ชาวญี่ปุ่นในฤดูหนาวแล้ว ยังช่วยผ่อนคลาย บรรเทาความเครียดและในน้ำยังมีแร่ธาตุต่าง ๆ ละลายอยู่ พร้อมทั้งยังมีสรรพคุณดีงามที่ช่วยทั้งการบำรุงผิวพรรณและบรรเทาโรคเมื่อลงแช่อีกด้วย (ขึ้นอยู่กับชนิดของแร่ธาตุด้วย)
บ่อออนเซ็นที่จริงแล้วมีหลายประเภท
บ่อน้ำพุร้อนหรือบ่อออนเซ็นนั้นที่จริงแล้วมีหลายรูปแบบทั้งแบบที่ตั้งอยู่ภายในอาคาร กลางแจ้ง บ่อที่ทำจากไม้หรือหิน หรืออาจอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างเช่นตั้งอยู่ในหุบเขา ข้างแม่น้ำหรือทะเลสาบทำให้ขณะแช่น้ำร้อนเราจะได้สัมผัสบรรยากาศอันสวยงามของธรรมชาติไปด้วย
โดยปกติอุณภูมิของน้ำร้อนจะอยู่ที่ประมาณ 40-44 องศาเซลเซียส แต่อุณหภูมิที่ว่ากันว่าแช่แล้วสบายที่สุดคือ 42 องศาเซลเซียส
บ่อออนเซ็นบางแห่งก็ถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบของสระว่ายน้ำหรืออ่างอาบน้ำ โดยบ่อออนเซ็นแบบนี้บางแห่งก็สามารถแช่น้ำได้โดยไม่ต้องเปลือยกายแต่ต้องใส่ชุดว่ายน้ำไว้แทน
ที่เรียวกังหรือโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นบางแห่งก็มีบ่อออนเซ็นแบบส่วนตัวหรือแบบครอบครัวให้แช่ด้วย เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวขี้อายหรือชาวต่างชาติที่ยังไม่คุ้นชินกับวัฒนธรรมแช่น้ำร่วมกับผู้อื่นอย่างเรา ๆ
บ่อออนเซ็นบางแห่งจะเป็นบ่อที่ต้องแช่น้ำรวมกันระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง (เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด) แต่หลายแห่งก็จะแยกบ่อออนเซ็นของชายและหญิงออกจากกัน
และเนื่องจากออนเซ็นคือบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ การแช่ออนเซ็นจึงต้องแช่ร่วมกับผู้อื่น ชาวญี่ปุ่นเองก็มีวัฒนธรรมอาบน้ำร่วมกันภายในครอบครัวอยู่แล้ว การเปลือยกายแช่น้ำร่วมกับผู้อื่นในบ่อออนเซ็นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่จำเป็นต้องเขินอายกัน แต่ต้องรักษากฏระเบียบและข้อควรกระทำในการใช้บ่อออนเซ็นร่วมกันมากกว่า
ขั้นตอนในการแช่ออนเซ็น
ถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า นำใส่ลงในตะกร้าพร้อมกับผ้าเช็ดตัว สำหรับของมีค่าให้เก็บในตู้ล็อกเกอร์หยอดเหรียญ
สำหรับคนขี้อายสามารถใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กปกปิดร่างกายได้ในขณะที่อยู่บริเวณนอกบ่อ (เมื่อลงบ่อแล้วจะห้ามนำผ้าขนหนูผืนนั้นลงน้ำโดยเด็ดขาด) แต่หลังจากนั้นต้องทำใจกล้าหน่อยนะ !
ก่อนลงแช่ในบ่อออนเซ็นต้องชำระล้างร่างกายตรงบริเวณที่มีก๊อกน้ำก่อน ในส่วนนี้ออนเซ็นส่วนใหญ่จะมีสบู่ให้ฟอกตัวด้วย หากฟอกสบู่ก็ควรชำระล้างร่างกายให้หมดจดก่อนลงบ่อออนเซ็น
ราดน้ำร้อนจากเท้าไปหาเอว จากปลายนิ้วไปถึงไหล่และจากหน้าอกไปจนถึงขา ตามด้วยราดที่หัวเพื่อให้ร่างกายชินกับอุณหภูมิของน้ำร้อน
ค่อย ๆ ลงแช่น้ำในบ่อเพื่อให้ร่างกายปรับอุณหภูมิก่อน (ไม่ควรลงแช่ทั้งตัวในทันที) ระดับการแช่น้ำร้อนขั้นแรกให้น้ำร้อนอยู่บริเวณข้อเท้า ไล่ขึ้นมาที่หัวเข่า หน้าท้อง หน้าอก จากนั้นจึงลงแช่ให้ระดับน้ำอยู่บริเวณไหล่ แนะนำให้แช่ประมาณ 10-20 นาที ตามต้องการ
วางผ้าขนหนูเย็นบนศีรษะระหว่างแช่เพื่อป้องกันอาการหน้ามืด
หากต้องการล้างกลิ่นกำมะถันออกจากร่างกายให้ล้างตัวที่บริเวณก๊อกน้ำก่อนลงแช่น้ำร้อนในบ่อออนเซ็นอีกสักครู่ จากนั้นค่อยขึ้นจากบ่อ
แล้วเช็ดร่างกายด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กเบา ๆ ก่อนไปที่ห้องแต่งตัวแล้วเช็ดตัวให้แห้งด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่อีกครั้ง
เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยแล้วให้ดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มเพื่อเติมน้ำในร่างกายที่เสียเหงื่อจากการแช่น้ำร้อน และควรพักผ่อนสบาย ๆ เป็นเวลาประมาณ 30 นาที
สิ่งที่ไม่ควรทำในการแช่ออนเซ็น
ไม่สวมเสื้อผ้าหรือเครื่องแต่งกายใด ๆ ลงในบ่อออนเซ็นรวมถึงชุดว่ายน้ำ (ยกเว้นที่ที่อนุญาต)
ไม่นำอาหารหรือเครื่องดื่มไปรับประทาน
ไม่นุ่งผ้าเช็ดตัวหรือผ้าขนหนูลงบ่อออนเซ็น
ไม่ใช้สบู่หรือแชมพูในขณะแช่ออนเซ็น
ไม่ส่งเสียงดังและไม่กระโดดลงบ่อออนเซ็น
ไม่ว่ายน้ำหรือสาดน้ำใส่กัน
ไม่ควรให้ผมโดนน้ำ หากไว้ผมยาวควรเก็บผมให้เรียบร้อย
ไม่ควรปรับลดระดับความร้อนของน้ำโดยพลการ
หากมีรอยสักตามหลักจะไม่สามารถแช่ออนเซ็นได้ (แต่ก็มีบางที่ที่อนุญาต)
ห้ามถ่ายภาพ
ห้ามซักผ้าในสถานที่แช่ออนเซ็น
ข้อควรระวังในแช่ออนเซ็น
สำหรับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ป่วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ควรระมัดระวังการแช่ออนเซ็นเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสเกิดอาการเส้นเลือดในสมองแตกได้
ห้ามแช่ออนเซ็นหลังจากทานอาหารอิ่มหรือดื่มของมึนเมาเช่นสุรา เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำอาจทำให้หน้ามืดหรือหมดสติได้
ห้ามแช่ออนเซ็นหลังการออกกำลังกาย เพราะจะทำให้หัวใจทำงานหนัก ควรพักก่อน 30 นาที
หากมีไข้ห้ามแช่ออนเซ็น
ไม่ควรแช่ออนเซ็นเพียงลำพัง เพื่อป้องกันการเกิดดกรณีฉุกเฉินและไม่มีคนช่วยเหลือ
ไม่ควรแช่ออนเซ็นหลังกินอาหารทันที ควรเว้นระยะประมาณ 30-60 นาที
ไม่ควรแช่ออนเซ็นเป็นเวลานานหรือหลายรอบเกินไป (ไม่ควรเกิน 3 ครั้ง) เพราะอาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย
ไม่ควรอาบน้ำหลังจากแช่ออนเซ็น เพราะสมุนไพรในน้ำร้อนจะถูกล้างออกไปด้วย (ยกเว้นต้องการล้างกลิ่นกำมะถันให้ขึ้นมาล้างตัวก่อนจะลงไปแช่ในบ่อครู่หนึ่งแล้วจึงขึ้นจากบ่อ)
ใครอ่านแล้วอยากลองไปแช่ออนเซ็นดูเราก็มีสถานที่แช่ออนเซ็นคุณภาพมาแนะนำด้วยนะ ดูได้จากลิงค์ข้างล่างนี้เลยจ้า
10 อันดับ แหล่งออนเซ็นคุณภาพ จากผลโหวตของนักแช่น้ำร้อนตัวยงชาวญี่ปุ่น!
การแช่ออนเซ็นถือว่าเป็นวัฒนธรรมการแช่น้ำร้อนเพื่อบำรุงผิวกายที่คนญี่ปุ่นปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน นักท่องเที่ยวอย่างเราที่นาน ๆ ไปเที่ยวญี่ปุ่นเห็นทีจะต้องลองเปิดใจ
รู้ไว้ก่อนไปแช่เซนโต (Sento)
เซนโต (Sento) คืออะไร
เซนโต คือ โรงอาบน้ำสาธารณะหรืออีกหนึ่งสถานที่แช่น้ำร้อนของชาวญี่ปุ่น โดยจะแยกห้องอาบน้ำเป็นห้องอาบน้ำรวมชายและห้องอาบน้ำรวมหญิง ส่วนใหญ่มักตั้งอยู่ในเขตชุมชนและการแช่น้ำร้อนในเซนโตถือเป็นธรรมเนียมปฎิบัติของชาวญี่ปุ่นที่มีมาช้านานตั้งแต่สมัยโบราณ
เซนโตต่างจากออนเซ็นอย่างไร
เซนโตกับออนเซ็นอาจมีความคล้ายคลึงกัน แต่สำหรับน้ำร้อนที่อยู่ในอ่างน้ำของเซนโตนั้นจะเป็นน้ำประปาที่ทางโรงอาบน้ำต้มเองไม่ได้มาจากธรรมชาติหรือน้ำพุร้อนแบบออนเซ็น
ภายนอกของเซนโตยังถูกออกแบบมาให้มีหน้าตาคล้ายกับวัด ซึ่งที่จริงแล้วเป็นการออกแบบสไตล์เดียวกันกับวัดที่เรียกว่า ‘มิยะซุกุริ’ นั่นเอง
ความพิเศษอย่างหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ของเซนโตก็คือ บนกำแพงในห้องอาบน้ำของเซนโตนั้นมักจะมีภาพจิตกรรมฝาผนังสไตล์ญี่ปุ่นโบราณอันสวยงามอยู่ โดยภาพจิตกรรมฝาผนังรูปภูเขาไฟฟูจินั้นจะเป็นภาพที่พบได้บ่อยมากในเซนโตที่ตั้งอยู่บริเวณเมืองโตเกียว
เซนโตบางแห่งยังมีสวนญี่ปุ่นที่เราสามารถมานั่งชมวิวชิมเครื่องดื่มหลังจากแช่น้ำร้อนได้ด้วย ซึ่งราคาในการอาบน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 450 เยนต่อครั้ง (แต่ละที่อาจราคาไม่เท่ากัน)
ขั้นตอนในการแช่เซนโต
ถอดรองเท้าเก็บเข้าตู้ล็อกเกอร์ให้ดีก่อนเข้าใช้บริการเซนโต
เก็บรองเท้าเรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าไปจ่ายค่าบริการตรงเคาท์เตอร์ต้อนรับ ซึ่งตรงบริเวณนี้อาจมีเครื่องดื่มหรืออุปกรณ์สำหรับอาบน้ำจำหน่ายด้วย (บางที่ก็ไม่มีนะ)
ทางเซนโตจะแยกห้องอาบน้ำของผู้ชายและผู้หญิงไว้คนละฝั่ง เพราะฉะนั้นก็ต้องเดินไปเข้าห้องอาบน้ำให้ถูกฝั่งด้วยนะ
เก็บของใช้ส่วนตัวของตนเองใส่ล็อกเกอร์ให้เรียบร้อย
ถอดเสื้อผ้าให้หมดจดก่อนเดินเข้าสู่บริเวณห้องอาบน้ำ ภายในห้องอาบน้ำบางแห่งจะไม่มีอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำไว้ให้นะ (ถ้าลืมก็ซื้อจากเคาเตอร์เข้าไปได้)
ต้องล้างตัวให้สะอาดก่อนลงแช่ในบ่ออาบน้ำรวม บริเวณสำหรับล้างตัวก็จะเป็นก็อกน้ำ (ทั้งร้อนและเย็น) ที่มี กระจก ฝักบัว กะละมังใบเล็ก และเก้าอี้ตัวเตี้ย ๆ ตั้งอยู่คล้ายกับในออนเซ็น (หรืออาจตั้งอยู่บริเวณมุมห้อง สามารถหยิบใช้ได้เลย) หากต้องการสระผม ฟอกสบู่หรือทำความสะอาดร่างกายก็ควรทำที่บริเวณนี้เลย
จากนั้นก็ลงแช่ในบ่อนานได้เท่าที่เราต้องการ (แต่ไม่ควรเกิน 20 นาทีเพราะอาจทำให้หน้ามืดได้)
แล้วจึงเช็ดตัวให้แห้งด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กก่อนกลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุด
จากนั้นนั่งพักสักครู่ด้วยการใช้บริการไดร์เป่าผม เก้าอี้นวดหรือนั่งดื่มเครื่องดื่มให้ร่างกายสดชื่นก็ได้
สิ่งที่ไม่ควรทำในการแช่เซนโต
ผู้ที่มีรอยสักอาจไม่สามารถเข้าใช้บริการได้ (ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของเซนโตแต่ละที่)
ห้ามซักผ้าในห้องอาบน้ำเด็ดขาด เพราะที่เซนโตส่วนมากจะมีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญให้บริการอยู่แล้ว
ไม่ควรให้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่เรานำเข้าไปอาบน้ำเปียกน้ำในอ่าง และไม่ควรแช่ผ้าในอ่าง
ห้ามวิ่งในบริเวณที่อาบน้ำเด็ดขาด
ห้ามใช้โทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ภายในบริเวณห้องอาบน้ำ
ห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด
ถ้าอยากลองไปแช่เซนโตดูสักครั้งเราก็รวบรวมสถานที่แช่น้ำร้อนในเซนโตที่โตเกียว มาฝากที่ลิงค์ด้านล่างด้วยนะ
7 โรงอาบน้ำ อุ่นสบายเหมือนแช่ ออนเซ็น มีรอยสักก็แช่ได้
เอาใจคนมีรอยสักแต่รักการแช่ ออนเซ็น ด้วย 7 โรงอาบน้ำสาธารณะ (Sento) ที่ไม่ว่าจะมีรอยสักหรือไม่มีก็สามารถลงแช่น้ำร้อนได้อย่างไร้กังวล
ข้อสรุป
วัฒนธรรมการอาบน้ำแช่น้ำร้อนร่วมกันของชาวญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็น ออนเซ็นหรือเซนโต นั้นถึงแม้ว่าจะแปลกสำหรับเราแต่ก็แฝงไปด้วยความน่าสนใจ นอกจากนั้นยังถือเป็นการดูแลรักษาร่างกายของตนเองให้สะอาดและช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งอีกด้วย ใครอยากจะลองสัมผัสวิถีความเป็นญี่ปุ่นอย่างแท้จริงต้องลองมาแช่น้ำร้อนกับคนญี่ปุ่นดูสักครั้งนะ