พาทัวร์ Aso Boy ขบวนรถไฟน่ารักแห่งภูมิภาคคิวชู!

10/05/2017 (อัพเดทเมื่อ 07/06/2021)
เพลิดเพลินกับการเดินทางด้วยรถไฟท่องเที่ยว Aso Boy ขบวนรถไฟที่น่ารักที่แห่งภูมิภาคคิวชู คะแนนความน่ารักเต็มร้อยที่จะทำให้ทุกคนในครอบครัวมีความสุขสนุกสนานไปกับการท่องเที่ยวคิวชูมากขึ้น ด้านในก็สนุก ชมวิวก็เพลิน งานนี้บอกเลยว่าขนเอาความประทับใจลงจากขบวนรถไฟมาเพียบ จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง และจองตั๋วยังไง ไปดูกันเลย

Aso Boy ไม่ใช่เด็กผู้ชายที่ไหน แต่มันคือชื่อเรียกของขบวนรถไฟที่ใคร ๆ ต่างก็ขนานนามว่าเป็น “ขบวนรถไฟที่น่ารักที่สุดแห่งภูมิภาคคิวชู” เพราะหน้าตาของมันช่างน่ารักเย้ายวนให้เรารู้สึกว่าจะต้องขึ้นรถไฟขบวนนี้ให้ได้สักครั้ง

Cr: the.Firebottle

ท้าวความย้อนกลับไปในอดีตสมัยที่ผู้คนมีทางเลือกในการคมนาคมมากขึ้น ทำให้การเดินทางโดยรถไฟถูกปัดตกไปเป็นทางเลือกอันดับท้าย ๆ ส่งผลให้การรถไฟแห่งชาติญี่ปุ่น หรือ JNR (Japanese National Railway) ขาดทุนและประสบปัญหาหนี้สินระยะยาว จึงแตกตัวกันออกเป็น JR (JR – Japanese Railway) แล้วกระจายตัวไปตามภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อพัฒนาเส้นทางรถไฟให้ตอบสนองประชาชนมากขึ้น

บริษัท เจอาร์ คิวชู (JR Kyushu) ถือเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จในการนำเอา “งานออกแบบ” เข้ามาพัฒนารถไฟของภูมิภาคจนสามารถดึงดูดประชากรในท้องถิ่นให้กลับมาใช้บริการรถไฟ รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติเองต่างก็สนใจเดินทางมาท่องเที่ยวโดยรถไฟคิวชูกันมากขึ้น

ซึ่งเราต้องขอยกความดีความชอบให้กับผู้บริหารบริษัท เจอาร์ คิวชู ณ ขณะนั้น และที่ขาดไม่ได้เลยคือคุณเอจิ มิโตะโอกะ (Eiji Mitooka) นักออกแบบและนักวาดภาพประกอบชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาเติมเต็มให้รถไฟคิวชูกลับมามีชีวิตชีวาและกลายเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญแห่งภูมิภาคอีกครั้ง

Cr: kevin lien

สำหรับวันนี้เราขอพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับขบวนรถไฟ Aso Boy หนึ่งในงานออกแบบของคุณเอจิ มิโตะโอกะที่สร้างสรรค์ออกมาเป็นขบวนรถไฟสุดน่ารักเอาใจคนรักครอบครัว โดยเฉพาะคุณหนู ๆ

โดยปกติแล้วรถไฟขบวนนี้จะวิ่งระหว่างสถานี Miyaji-Kumamoto แต่เนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นจึงปรับเปลี่ยนเส้นทางมาวิ่งระหว่างสถานี Hakata-Mojito ไปจนถึงเดือนมิถุนายนแทน

ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนเส้นทางเดินรถไปแต่ความสนุกสนานระหว่างการเดินทางยังคงอยู่ เพราะการออกแบบทุกอณูภายในห้องโดยสารนั้นเต็มไปด้วยความตั้งใจของผู้ออกแบบที่ต้องการให้ผู้เดินทางมีความสุขมากที่สุด

ตั้งแต่ก้าวเท้าแรกขึ้นรถไฟไปก็จะได้พบกับลวดลายของเบาะที่มีสีสันสดใสชวนนั่ง ห้อมล้อมไปด้วยผ้าม่านลายเจ้าหมาคุโระ มาสค็อตประจำรถไฟขบวนนี้ รวมทั้งกรอบรูปที่ใส่ภาพของเจ้าหมาน้อยอยู่ น่าร๊ากสุด ๆ

ภายในขบวนรถจะแบ่งออกเป็นโซน ๆ เป็นโซนที่นั่งโดยสารตามปกติ, โซนคาเฟ่ (มีเครื่องดื่มขาย), โซน Playground, โซนพักผ่อน ซึ่งเอกลักษณ์ของงานออกแบบก็จะแตกต่างกัน มีเสน่ห์ให้เราได้แวะถ่ายรูปกันทุกซอกทุกมุม

เราภูมิใจนำเสนอโซน Playground ที่คุณเอจิได้ผสมผสานเอาความทันสมัยและความโบราณเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว อย่างบ่อลูกบอลที่ปกติแล้วควรจะเป็นพลาสติกสีสันสดใสก็กลายมาเป็นลูกบอลไม้แบบของเล่นโบราณในอดีต ทำให้เด็ก ๆ ที่เติบโตมาในยุคเทคโนโลยีอันรวดเร็วสมัยนี้ได้สัมผัสกับความเนิบช้าในอดีตดูบ้าง

โดยสารไปเรื่อย ๆ บนรถไฟท่องเที่ยวที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความสุขสนุกสนานจนลืมไปเลยว่าเราใช้เวลาในการเดินทางมากี่ชั่วโมงแล้ว สอดคล้องกับชื่อของขบวนรถไฟ Aso Boy ที่เมื่ออ่านออกเสียงในภาษาญี่ปุ่นจะมีความหมายว่า “มาเล่นกัน !!”

ถ้าเป็นเด็กน้อยที่ชอบหยิบจับเล่นของเล่น ผู้ปกครองสามารถพามาหย่อนไว้ที่โซน Playground ได้เลย แต่ถ้าเป็นสายชื่นชอบธรรมชาติต้องมานั่งเล่นชมวิวข้างทางบริเวณจุดชมวิวที่รอบด้านเป็นกระจก 360 องศาให้เราได้ชมบรรยากาศข้างทางอย่างเพลิดเพลิน ซึ่งไม่ใช่แค่ชมเท่านั้นเพราะพนักงานประจำรถจะมีการชี้ชวนให้เราดูสิ่งต่าง ๆ ที่รถไฟแล่นผ่าน ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมีคุณค่าและเป็นที่น่าจดจำ

กิจกรรมอย่างหนึ่งที่พลาดไม่ได้เด็ดขาดเมื่อขึ้นรถไฟก็คือ การกินข้าวกล่องบนรถไฟ หรือ เอกิเบ็น เพราะถ้าไม่ได้กินข้าวกล่องบนรถไฟล่ะก็ถือว่ามาไม่ถึง ! ส่วนใครอยากกินน้ำหรือขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไปอุดหนุนได้ที่คาเฟ่ของ Aso boy ที่ของทุกอย่างที่ขายมีความกุ๊กกิ๊กน่ารักไปหมด ซื้อมาถ่ายรูปก็คุ้มแล้วจ้า

สำหรับขบวนรถไฟนี้เป็นขบวนที่เอาใจเด็ก ๆ มากที่สุดเลยล่ะ ทุกพื้นที่ภายในขบวนรถไฟอำนวยให้เด็ก ๆ ได้มีส่วนร่วม อย่างเช่นที่นั่งที่มีสองขนาดคู่กัน ตำแหน่งด้านในริมหน้าต่างเป็นไซส์เล็กสำหรับเด็ก ๆ ส่วนข้าง ๆ กันนั้นเป็นที่นั่งขนาดปกติสำหรับผู้ปกครองที่มาด้วยกัน หรือคาเฟ่ที่มีจุดสั่งอาหารที่ปรับระดับให้เตี้ยลงมาอยู่ในตำแหน่งที่เด็กสามารถสั่งได้สบาย ๆ และบริเวณอื่น ๆ ที่แสนจะสนุกสนาน

การจองที่นั่งรถไฟ Aso Boy

สำหรับการจองขบวนรถไฟนั้น เราจะต้องซื้อ Pass ก่อน ซึ่ง Pass ที่ใช้ได้มีอยู่ 3 ประเภท คือ All Kyushu Area Pass, Northern Kyushu Area Pass และ JR Rail Pass ซึ่ง 2 ประเภทแรกเราสามารถซื้อได้ในประเทศญี่ปุ่น แต่มีเพียง JR Rail Pass เท่านั้นที่ต้องซื้อล่วงหน้าในประเทศไทยเท่านั้น

1. ดูตารางเดินรถจากในเว็บไซต์ล่วงหน้า ซึ่งจะมีการอัพเดทตลอดเวลา และส่วนใหญ่จะวิ่งแค่วันหยุดเท่านั้น

floating-restaurant-1

JR KYUSHU

อ่านรายละเอียดและตรวจสอบเวลาและเส้นทางการเดินรถอัพเดทล่าสุดได้ที่นี่

2. เลือกวันและเวลาเดินรถที่สะดวก แต่ควรเผื่อเวลาอย่างน้อย 3-5 วันล่วงหน้าในการจองก่อนวันที่วางแผนจะขึ้นขบวนรถไฟ เพราะเต็มเร็วมาก ๆ เช่น เดินทางถึงประเทศญี่ปุ่นวันจันทร์ที่ 15 และต้องการขึ้นรถไฟวันอาทิตย์ที่ 21 อาจต้องตัดสินใจจองตั้งแต่วันที่ 15 หรือ 16 เพื่อให้มีที่นั่งว่าง

3. สำหรับผู้ที่ถือ JR Rail Pass จะสามารถจองที่นั่งได้ที่ JR Ticket Office ที่สถานีใดก็ได้ในประเทศญี่ปุ่น แต่สำหรับผู้ที่ถือ All Kyushu Area Pass และ Northern Kyushu Area Pass จะสามารถจองที่นั่งได้ที่ JR Ticket Office ณ สถานี Hakata เท่านั้น

ข้อสรุป

สำหรับใครที่ตั้งใจอยากจะมาเที่ยวคิวชูแล้วโดยสารรถไฟท่องเที่ยว Aso Boy ดูสักครั้งก็ต้องมีความตั้งใจในการวางแผนล่วงหน้าสักหน่อยเพราะรถไฟขบวนนี้ไม่ได้วิ่งตลอดเวลาเหมือนกับรถไฟโดยสารอื่น ๆ แต่รับรองว่าตลอดการเดินทางที่อยู่บนรถไฟขบวนนี้เพื่อน ๆ จะมีความสุขและสนุกสนาน พร้อมหอบเอาความทรงจำแสนประทับใจลงจากรถไฟไปเพียบ !!

Mytarn

Blogger : Mytarn

เราเองก็เป็นหนึ่งในคนไทยที่หลงใหลในประเทศญี่ปุ่น ?? และรู้สึกเหมือนกับหลาย ๆ คนที่ไม่เคยเบื่อการเดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศแห่งนี้ สิ่งที่ชอบที่สุดคงจะเป็นขนม เบียร์ และการช้อปปิ้ง อิ้ง อิ้ง อิ้ง~ ???

165 Posts

CCJ Hotel Search

สถานที่เที่ยว

| Feature

กรณีฉุกเฉิน

| Emergency
  • Police

    110

  • Ambulance

    119

  • AMDA International Medical Information Center

    03-6233-9266

  • สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว

    090-4435-7812

  • สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า

    090-1895-0987

  • สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ

    090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515