น้ำตกฟุคุโรดะ ( Fukuroda Falls )
ความงดงามและลักษณะเด่นของน้ำตก
น้ำตกฟุคุโรดะ ( Fukuroda Falls ) เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น โดยมีความสูงอยู่ที่ 120 เมตร กว้าง 73 เมตร และมีอีกชื่อหนึ่งว่าน้ำตกโยโดะ ( Yodo falls ) จุดเด่นของน้ำตกแห่งนี้ก็คือ น้ำตกแห่งนี้จะมีแผ่นหินผาขนาดใหญ่ 4 ชั้น ซึ่งน้ำจากด้านบนก็ไหลลงมาบนแผ่นหินทั้ง 4 จนทำให้เกิดวิวทิวทัศน์ที่งดงาม และจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของน้ำตกแห่งนี้ก็คือ ทั้ง 4 ฤดู ทิวทัศน์ของน้ำตกก็จะมีความงดงามแตกต่างกันไป โดยเฉพาะฤดูหนาวน้ำที่น้ำตกแห่งนี้จะแข็งเป็นน้ำแข็ง
จุดชมวิวน้ำตกแห่งนี้จะมีหลายชั้น หลังจากที่นักท่องเที่ยวเดินผ่านประตูตรวจตั๋วจะต้องเดินผ่านอุโมงค์ยาว 276 เมตร ซึ่งจะพานักท่องเที่ยวไปยังจุดชมวิว ซึ่งมีหลายชั้น โดยไฮไลท์อยู่ที่จุดชมวิวชั้นบนสุด ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปด้วยลิฟท์ จุดชมวิวแห่งนี้นักท่องเที่ยวสามารถชมวิว เห็นความงามของน้ำตกทั้ง 4 ชั้น แบบพาโนราม่า กันเลยทีเดียว
เส้นทางเดินป่ารอบน้ำตกสำหรับผู้เริ่มต้น
หลังจากที่นักท่องเที่ยวชมความงามของน้ำตกฟุคุโรดะ ( Fukuroda Falls ) เสร็จแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเดินกลับมาทางเดิม หรือไปทางออกของอุโมงค์ที่ 2 ซึ่งทางออกนี้นำนักท่องเที่ยวไปพบกับสะพานเล็กๆ ซึ่งสะพานแห่งนี้สามารถชมวิวน้ำตกฟุคุโรดะ ( Fukuroda Falls ) ได้
เมื่อนักท่องเที่ยวข้ามสะพานแห่งนี้แล้ว จะมีคอร์สสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินป่า Tsukiore โดยการเดินป่านี้จะพานักท่องเที่ยวไปพบกับน้ำตกนามาเสะ ( Namase Falls ), ซากปราสาท Tsukiore และวัด Tsukiore Kannon – Do
น้ำตกนามาเสะ ( Namase Falls )
น้ำตกแห่งนี้มีความสูง 15 เมตร อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม โดยนักท่องเที่ยวจะต้องเดินสะพานหลังออกจากอุโมงค์ที่น้ำตกฟุคุโรดะ ( Fukuroda Falls ) อีกประมาณ 15 นาที ซึ่งน้ำตกแห่งนี้จะถูกเปรียบเสมือนให้เป็นชั้นที่ 5 ของน้ำตกฟุคุโรดะ ( Fukuroda Falls )
ซากปราสาท Tsukiore
ปราสาท Tsukiore เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่บนภูเขา Tsukiore สร้างขึ้นโดยตระกูล Fukuroda โดยสูงกว่าระดับน้ำทะเลที่ 404 เมตร ปราสาทแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นฐานบัญชาการในสงครามในการบุกโจมตี Nango
ปัจจุบันตัวปราสาทได้ถูกทำลายลงเหลือแต่เพียงซากปราสาทเท่านั้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินมาที่ซากปราสาทนี้ได้จากน้ำตกฟุคุโรดะ ( Fukuroda Falls )
วัด Tsukiore Kannon – Do
วัดแห่งนี้ถือว่าเป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นปีค.ศ. 807 ซึ่งไว้สำหรับประดิษฐานพระโพธิสัตว์ Kannon ที่มีความยาวถึง 1.8 เมตร ประดิษฐานในหอ Kannon ( นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ ) และที่นี่ยังมีหอระฆังโบราณที่ยังคงอยู่มาถึงปัจจุบันอีกด้วย
ฤดูกาลและทัศนียภาพที่แตกต่าง
อย่างที่ผมกล่าวไว้ในบทนำว่าน้ำตกแห่งนี้ เป็นน้ำตกที่มีความพิเศษกว่าที่อื่นๆนั่นก็คือ สามารถมาเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ซึ่งแต่ละฤดูกาลก็มีเอกลักษณ์ บรรยากาศ ความสวยงาม ที่แตกต่างกันไปตามฤดู
ฤดูใบไม้ผลิ
ในช่วงฤดูใบไม้ผลินั้นจะเป็นช่วงเวลาที่ต่อจากฤดูหนาว ซึ่งน้ำตกที่เป็นน้ำแข็งในช่วงฤดูหนาวนั้นได้ละลาย ซึ่งทำให้มีเสียงของน้ำตกดังขึ้นมา ซึ่งเปรียบเสมือนเสียงที่เป็นสัญญาณว่ากำลังเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ โดยใบไม้จะมีความเขียวขจีประกอบกับมีเสียงน้ำตกที่เพิ่งละลายจากน้ำแข็ง ทำให้เพลิดเพลินกับการมาชมน้ำตกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการเดินป่า
ฤดูร้อน
ในช่วงฤดูร้อนนั้นหากนักท่องเที่ยวมายังน้ำตกแห่งนี้ นักท่องเที่ยวจะได้เห็นวิวท้องฟ้าตัดกับสีเขียวของต้นไม้ พร้อมกับมีน้ำของน้ำตกที่เป็นเส้นสีขาว ทำให้น้ำตกมีความโดดเด่น เท่านั้นไม่พออีก 1 ไฮไลท์ของช่วงหน้าร้อนก็คือ ละอองของน้ำตกกับแสงแดดมาปะทะกัน ทำให้เกิดรุ้งกินน้ำที่มีความงดงามให้ได้ชมกัน
ถ้าในช่วงที่มีฝนตกบ่อย จะทำให้ปริมาณน้ำมากขึ้น ทำให้แรงของน้ำที่กำลังไหลสู่เบื้องล่างยิ่งแรงมากขึ้น ทำให้ละอองน้ำพุ่งมาถึงบริเวณจุดชมวิวได้เลยทีเดียว
ฤดูใบไม้ร่วง
สำหรับฤดูใบไม้ร่วงนั้นถือว่าเป็นฤดูที่ทัศนียภาพของน้ำตกสวยงามเป็นอย่างมาก โดยนักท่องเที่ยวจะเห็นต้นเมเปิ้ลที่ใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีสันสวยงาม โดยมีน้ำตกที่มีสีขาวอยู่ตรงกลาง ซึ่งไม่ต่างกับภาพเขียนที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา
ฤดูหนาว
เมื่อมาถึงฤดูหนาว อากาศจะหนาวเย็นจนทำให้น้ำตกกลายเป็นน้ำแข็งมีสีขาว แต่ปัจจุบันนั้นน้ำที่น้ำตกจะไม่ค่อยเป็นน้ำแข็งทั้งหมด โดยเป็นน้ำแข็งประมาณ 70 % โดยจะละลายเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น
และในช่วงกลางคืนที่น้ำตกยังมีการประดับประดาไฟอีกด้วย
การประดับประดาไฟในอุโมงค์
ในช่วงเดือนตุลาคม – ปลายเดือนมกราคม บริเวณอุโมงค์ที่นักท่องเที่ยวจะต้องเดินไปยังน้ำตกได้มีการประดับไฟที่สวยงามให้นักท่องเที่ยวเดินชมระหว่างเดินผ่านอุโมงค์ไปยังน้ำตกด้วย
ตารางเวลาของการประดับไฟที่อุโมงค์
เดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ตั้งแต่ 08.00 น. – 20.00 น.
เดือนธันวาคม – มกราคม ตั้งแต่ 09.00 น. – 19.00 น.
ร้านโซบะและร้านขายของที่ระลึกบริเวณฐานของน้ำตก
บริเวณใกล้ๆกับฐานของน้ำตกจะมีร้านค้าขายของฝากให้เลือกซื้อ ร้านอาหารให้เลือกรับประทานมากมาย แต่จะมีเมนูเด่นๆที่ไม่ควรพลาด อยู่ 2 เมนูนั่นคือ เคนจินโซบะและพายแอปเปิ้ล
เคนจิน โซบะ ( Kenchin Soba )
เคนจิน โซบะ ( Kenchin Soba ) ถือว่าเป็นเมนูที่ขึ้นชื่อของจังหวัด Ibaraki โดยจะมีความหวานของรากผัก ผสมผสานกับน้ำซุปที่มีความเข้มข้น ซึมเข้าสู่เส้นโซบะ ทำให้มีความอร่อยสุดๆ โดยเฉพาะในฤดูหนาวเมนูนี้จะเป็นที่นิยมมาก โดยสามารถหารับประทานได้ที่ร้านอาหารแถวฐานน้ำตก ซึ่งมีหลายร้านที่มีเมนูนี้
พายแอปเปิ้ล ( Apple Pie )
เมนูพายแอปเปิ้ลของที่นี่ จะใช้วัตถุดิบก็คือ แอปเปิ้ลที่ปลูกใน Daigo เท่านั้น โดยจะใช้ลูกแอปเปิ้ลที่สุกเต็มที่ ซึ่งจะมีความหวานที่ลงตัว โดยนำแอปเปิ้ลมาอบกับเนย ทำให้มีความอร่อย ซึ่งหากนักท่องเที่ยวมาที่น้ำตก หรือแถบๆ Daigo แห่งนี้ ต้องลิ้มลองความอร่อยของพายแอปเปิ้ลให้ได้ซักครั้งหนึ่งในชีวิต
วิธีการเดินทางมายังน้ำตกฟุคุโรดะ ( Fukuroda Falls )
- จากสถานี Tokyo นั่งรถไฟมาลงสถานี Fukuroda โดยจะมีการเปลี่ยนขบวนที่สถานี Mito 1 ครั้งใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง เมื่อมาถึงสถานี Fukuroda แล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปที่น้ำตก ใช้เวลาประมาณ 30 – 40 นาที หรือนั่งรถบัสมาลงป้าย Takimoto ( 滝本 ) ใช้เวลาประมาณ 10 – 20 นาที
ตารางข้อมูล
น้ำตกฟุคุโรดะ ( Fukuroda Falls )
ที่อยู่ | 662 Kitadake, Daigo, Kuji, Ibaraki, 319-3521 |
เวลาทำการ | เดือนพฤษภาคม – เดือนตุลาคม เปิดตั้งแต่ 08.00 น. – 18.00 น. เดือนพฤศจิกายน เปิดตั้งแต่ 08.00 น. – 17.00 น. เดือนธันวาคม – เมษายน เปิดตั้งแต่ 09.00 น. – 17.00 น. |
ราคา | ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 150 เยน |
Website | น้ำตกฟุคุโรดะ ( Fukuroda Falls ) |
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงกับน้ำตกฟุคุโรดะ ( Fukuroda Falls )
สวนไคระคุเอน ( Kairakuen Garden )
สวนไคระคุเอน ( Kairakuen Garden ) เป็นสวนที่สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1841 โดย Tokugawa Nariaki ซึ่งเปิดให้ทั้งขุนนางและประชาชนทั่วไปในสมัยนั้นสามารถเข้าชมได้ และสวนแห่งนี้ถูกยกให้เป็น 1 ใน 3 สวนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นร่วมกับสวน Kenrokuen ที่จังหวัด Ishikawa และ Korakuen ที่จังหวัด Okayama
ช่วงเวลาที่พีคที่สุดของสวนนี้คือ ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนมีนาคม จะเป็นช่วงที่ดอกบ๊วยบานและที่สวนได้จัดเทศกาลดอกบ๊วยบานอีกด้วย
สวนไคระคุเอน ( Kairakuen Garden )
ที่อยู่ | 1-1251 Migawa, Mito, Ibaraki, 310-0912 |
วิธีเดินทาง | จากสถานี Mito นั่งรถบัสมาลงป้าย Kairakuen หรือหากมาช่วงเทศกาลดอกบ๊วยสถานีรถไฟ Kairakuen จะเปิดให้บริการเป็นกรณีพิเศษ สามารถนั่งรถไฟมาลงสถานี Kairakuen ได้เลย |
เวลาทำการ | กลางเดือนกุมภาพันธ์ – 30 กันยายน เปิดตั้งแต่ 06.00 น. – 19.00 น. 1 ตุลาคม – กลางเดือนกุมภาพันธ์ เปิดตั้งแต่ 07.00 น. – 18.00 น. |
ราคา | ผู้ใหญ่ 320 เยน เด็ก 160 เยน |
Website | สวนไคระคุเอน ( Kairakuen Garden ) |
โคโดคัง ( Kodokan )
ที่นี่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของซากปราสาท Mito เดิมทีนั้นที่นี่เคยเป็นโรงเรียนสอนเด็กผู้ชาย โดยเด็กๆจะต้องเรียนวิชาต่างๆ เช่นวิชาการทหาร วิชาการแพทย์ วิชาดาราศาสตร์ เป็นต้น ปัจจุบันที่นี่เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวสามารถมาเยี่ยมชมที่นี่ได้
ช่วงเวลาที่ควรมาที่นี่คือช่วง กุมภาพันธ์ – กลางมีนาคม เพราะจะมีดอกบ๊วยบานนับ 100 ต้น ซึ่งบริเวณนั้นจะเต็มไปด้วยดอกบ๊วยที่บานสะพรั่ง สร้างบรรยากาศสุดฟินน์ให้กับนักท่องเที่ยว
โคโดคัง ( Kodokan )
ที่อยู่ | 1 Chome-6-29 Sannomaru, Mito, Ibaraki 310-0011 |
วิธีเดินทาง | เดิน 10 นาทีจากสถานี Mito |
เวลาทำการ | วันที่ 20 กุมภาพันธ์ – 30 กันยายน เปิดตั้งแต่ 09.00 น. – 17.00 น. วันที่ 1 ตุลาคม – 19 กุมภาพันธ์ เปิดตั้งแต่ 09.00 น. – 16.30 น. |
ราคา | ผู้ใหญ่ 420 เยน เด็ก 210 เยน ผู้สูงวัยอายุมากกว่า 70 ปี 210 เยน |
Website | โคโดคัง ( Kodokan ) |
The Museum of Modern Art, Ibaraki
พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งนี้เปิดให้บริการเมื่อเดือนตุลาคมปี 1988 โดยมีวัตถุประสงค์คือ ให้ชาวจังหวัด Ibaraki ได้สนุกกับงานศิลปะ และวัฒนธรรมริมฝั่งของทะเลสาบ Senba ในเมือง Mito
โดยในพิพิธภัณฑ์นั้นได้จัดแสดงงานศิลปะจากฝีมือของศิลปินชั้นยอดทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน
The Museum of Modern Art, Ibaraki
ที่อยู่ | Higashikubo 666 − 1, Senbacho, Mito, Ibaraki, 310-0851 |
วิธีเดินทาง | เดิน 15 นาทีจากสถานี Mito |
เวลาทำการ | เปิดตั้งแต่ 09.30 น. – 17.00 น. |
ราคา | ผู้ใหญ่ 360 เยน เด็กมัธยมปลาย 270 เยน เด็กประถม/มัธยมต้น 200 เยน ผู้สูงวัยอายุมากกว่า 70 ปี 180 เยน สำหรับนิทรรศการพิเศษสามารถเช็คราคาได้ที่นี่ |
Website | The Museum of Modern Art, Ibaraki |
สรุป
หากคุณเป็นนักท่องเที่ยวที่ชอบความงามที่รังสรรค์โดยธรรมชาติ น้ำตกแห่งนี้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาด ซึ่งสามารถมาเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ซึ่งแต่ละฤดูกาลก็มีสเน่ห์แตกต่างกันไป และยังสามารถเดินป่าไปยังน้ำตกอีกแห่งได้อีกด้วย และนักท่องเที่ยวยังสามารถลิ้มรสอาหารท้องถิ่นได้อีกด้วยอย่างเช่น เคนจินโซบะ หรือ พายแอปเปิ้ล ซึ่งสามารถซื้อกินได้ในบริเวณนั้น