คูปองส่วนลดที่น่าสนใจ
10%
17%
5%

สำหรับจังหวัดอิบารากินั้น เป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้โตเกียวมาก ห่างจากโตเกียวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราวๆ 30 – 150 กม. ตั้งอยู่ทางเหนือของจังหวัดไซตามะและชิบะ เดินทางเพียง 100 กม. ก็จะถึงเมืองมิโตะซึ่งเป็นเมืองหลักของจังหวัด ความน่าสนใจคือตัวจังหวัดนี้มีพื้นที่ติดชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก จึงขึ้นชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางธรรมชาติ อีกทั้งยังรายล้อมด้วยทะเล แม่น้ำ ทะเลสาบ และภูเขา ประกอบกับสภาพอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่น ส่งผลให้มีมีความน่าสนใจที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาลให้ชมตลอดทั้งปี
นอกเหนือจากนั้นจังหวัดอิบารากิ ยังขึ้นชื่อในเรื่องทรัพยากรทางธรรมชาติอันสมบูรณ์มาตั้งแต่สมัยโบราณ มีทั้งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และผลิตภัณฑ์ทางทะเล จึงเป็นเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่จำนวนไม่น้อย ในอีกมุมนึงอิบารากิเป็นจังหวัดที่เงียบสงบ มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายศตวรรษ ยังคงไว้บรรยากาศบ้านเรือนร้านค้าสมัยเอโดะตอนต้นจำนวนมาก แม้จะอยู่ห่างจากโตเกียวโดยรถไฟเพียงชั่วโมงเดียว แต่ลักษณะเฉพาะแบบชนบทและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี จึงทำให้ที่นี่แตกต่างจากจังหวัดในแถบนี้ที่อยู่ใกล้เคียงอย่างเห็นได้ชัด

จังหวัดอิบารากิสามารถเดินทางจากโตเกียวได้ง่ายดาย และอยู่ใกล้กับสนามบินนาริตะ การเดินทางจากโตเกียวจึงมีความสะดวกสบายมาก ประกอบกับที่มีบริการของระบบขนส่งสาธารณะที่มีมากมาย ทั้งรถไฟและรถบัส นอกจากนี้ยังมีสนามบินอิบารากิที่แสนสะดวกสบาย ให้บริการทั้งเที่ยวบินภายในประเทศ และระหว่างประเทศไปยังประเทศจีนและไต้หวันอีกด้วย

จังหวัดอิบารากิ เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ มีชายหาดติดมหาสมุทรแปซิฟิก ประกอบด้วยพื้นที่ราบกว้างใหญ่ ทะเลสาบ และภูเขา ด้วยสภาพอากาศที่อบอุ่น จึงมีทิวทัศน์และดอกไม้ที่สวยงาม ให้เพลิดเพลินแตกต่างกันไปตามฤดูกาล ดังนั้นเรามาเริ่มต้น ทริปน่าประทับใจในอิบารากิกันเลย

สำหรับสายถ่ายภาพดอกไม้แล้ว ปักหมุดที่สวนดอกไม้ในเมืองฮิตาชินากะแห่งนี้ไว้ได้เลย เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของสวนดอกไม้ที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินได้ตลอดทั้งปี ซึ่งภายในพื้นที่มากกว่า 215 เฮกตาร์นี้จะมอบทัศนียภาพที่สวยงามให้กับคุณ โดยเฉพาะที่เนินเขามิฮาราชิอันกว้างใหญ่จะส่งต่อความงดงามที่แสนตรึงตาตรึงใจให้กับนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศให้สามารถชมความงามของดอกไม้บานได้ตลอดทั้งปี

ช่วงที่แนะนำว่าห้ามพลาดคือการมาชมภาพทุ่งดอกเนโมฟีลาสีฟ้าราวๆ 5,300,000 ต้น ตั้งแต่กลางเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปี ส่วนในช่วงกลางเดือนตุลาคม จะพบกับพุ่มต้นโคเชียกว่า 32,000 ต้น ที่พากันเปลี่ยนเป็นสีแดงไปทั่วทั้งบริเวณ ส่วนดอกดอกนาซิสซัส จะบานสะพรั่งช่วงฤดูใบไม้ผลิปลายเดือนมีนาคมถึง ลางเดือนเมษายนของทุกปี

ส่วนดอกทิวลิปที่สวยงามและเท่ไม่เบานี้จะพร้อมใจกันออกดอกช่วงกลาง ถึง ปลายเดือนเมษายน และส่วนดอกกุหลาบ ที่ทำให้บรรยากาศของสวนสุดแสนโรแมนติกราวกับเทพนิยาย แนะนำช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ถึง ต้นเดือนมิถุนายน และปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน นอกจากนั้นยังมีดอกทานตะวัน คอสมอส และดอกไม้สายพันธุ์อื่นอีกมากมาย ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนบานตามฤดูกาล
สวนดอกไม้ฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park)
| ที่อยู่ | 605-4 Onuma-aza, Mawatari, Hitachinaka-shi, Ibaraki |
| วิธีเดินทาง | จากสถานี Tokyo นั่งรถไฟไปยังสถานี Katsuta ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที แล้วนั่งรถไฟต่อไปยังสถานี Kaihin Koen Nishiguchi อีกประมาณ 10 นาที |
| เวลาทำการ | 9.30 – 17.00 น. |
| ราคา | ผู้ใหญ่ 450 เยน, ผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป 210 เยน และฟรีสำหรับนักเรียนมัธยมต้นลงไป (บางฤดูกาลอาจมีเปลี่ยนแปลง) |
| Website | Hitachi Seaside Park |

สถานที่ท่องเที่ยวต่อไปคือสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัด โดยสวนแห่งนี้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1842 โดยนาริอากิ โทกุกาวะ ขุนนางศักดินาคนที่ 9 ของอาณาจักรมิโตะในสมัยเอโดะ โดยชื่อ “ไคราคุเอ็น” สะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาของนาริอากิที่ต้องการสร้างที่นี่ให้เป็นสถานที่ที่เขา เหล่าขุนนาง และบรรดานักรบสามารถเพลิดเพลินกันถ้วนหน้า และสนุกสนานร่วมกันได้ และยังเปิดสำหรับสาธารณชนเข้ามาชมความงามของที่นี่ได้ด้วย สิ่งที่การันตีความน่าสนใจของสวนแห่งนี้ คือเป็นสวนที่ติดอันดับ 1 ใน 3 สวนที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีสวนเคนโระคุเอ็น ในจ.อิชิกาว่า และสวนโคระคุเอ็นในจ.โอคายาม่าด้วยนั่นเอง
สวนไคราคุเอน (Kairakuen Garden)
| ที่อยู่ | 1 Chome-3-3 Tokiwacho, Mito, Ibaraki 310-0033 |
| วิธีเดินทาง | ขึ้นรถไฟ JR สาย Joban ลงสถานี Kairakuen เดินประมาณ 7 นาที |
| เวลาทำการ | กลางกุมภาพันธ์ – 30 กันยายน : 6.00 – 19.00 น. และ 1 ตุลาคม – กลางกุมภาพันธ์: 7.00 – 18.00 น. |
| ราคา | ผู้ใหญ่ 320 เยน, เด็ก 160 เยน |
| Website | Kairakuen Garden |

ศาลเจ้าแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 856 ด้วยความเชื่อกันว่าเทพเจ้าสององค์เสด็จลงมายังชายฝั่งโออาไรแห่งนี้ โดยเทพเจ้าสององค์นี้คือท่านไดโคคุซามะ เทพเจ้าแห่งการสร้างชาติและความเจริญรุ่งเรืองของชาติ และท่านสุคุนาฮิโกนะ โนะ มิโกโตะ เทพเจ้าแห่งการแพทย์ ศาลเจ้าโออาไร อิโซซากิมีความเกี่ยวข้องกับคามิอิโซ โนะ โทริอิด้วย ซึ่งเป็นประตูศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อกันว่าเทพเจ้าเหล่านี้ลงมายังโลก ประตูศาลเจ้านี้ตั้งตระหง่านอยู่บนโขดหินในมหาสมุทรแปซิฟิกและดึงดูดช่างภาพจากทั่วโลกให้มาที่นี่ นอกจากนั้นศาลเจ้าแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงในหมู่แฟนๆ ของอนิเมะเรื่อง “Girls und Panzer” ซึ่งมีฉากอยู่ในเมืองโออาไรและใช้สถานที่จริงเป็นฉากหลัง แผ่นป้ายสวดมนต์จำนวนมากในศาลเจ้ามีภาพประกอบตัวละครจากอนิเมะที่แฟนๆ ที่มาเยี่ยมชมวาดไว้
ศาลเจ้าโออาไร อิโซซากิ (Oarai Isosaki Shrine)
| ที่อยู่ | 6890 Isohamacho, Oarai, Higashiibaraki District, Ibaraki 311-1301 |
| วิธีเดินทาง | จากสถานีรถไฟ Oarai ต่อแท็กซี่ประมาณ 6 นาที |
| เวลาทำการ | เปิด 24 ชั่วโมง |
| ราคา | เข้าชมฟรี |
| Website | Oarai Isosaki Shrine |

น้ำตกนี้มีความสูงอยู่ที่ 120 เมตรและกว้าง 73 เมตร มีน้ำไหลลดหลั่นลงมาจากชั้นหิน จนกลายเป็นทัศนียภาพที่งดงามจนติดอันดับความสวยงามของน้ำตกในญี่ปุ่น รองจากน้ำตกนาจิในจังหวัดวากะยามะ และน้ำตกเคงอนในจังหวัดโทชิงิเท่านั้น เห็นอย่างนี้ที่นี่ก็มีนักท่องเที่ยวและเหล่าช่างภาพนิยมมาเก็บภาพและสัมผัสบรรยากาศแสนสวยงามนี้ในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี ใบไม้ที่เปลี่ยนสีตัดกันกับน้ำตกสีขาวออกมาเป็นภาพที่สวยงามราวกับงานศิลปะ ถือเป็นอีกเสน่ห์ดึงดูดให้ผู้มาเยือนหลงใหล ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงฤดูหนาว น้ำตกแปรเปลี่ยนเป็นธารน้ำแข็ง มีการนำไฟหลากสีสันมาประดับจนกลายเป็นภาพน้ำตกที่แปลกตา ดูมีเสน่ห์ลึกลับ และมีดนตรีประกอบการเข้าชมด้วย
น้ำตกฟุคุโรดะ (Fukuroda Falls)
| ที่อยู่ | 3-19 Fukuroda, Daigo, Kuji District, Ibaraki 319-3523 |
| วิธีเดินทาง | จากสถานี Fukuroda เดินต่อประมาณ 30 – 40 นาที หรือนั่งรถบัสมาลงป้าย Takimoto ใช้เวลาประมาณ 10 – 20 นาที |
| เวลาทำการ | เดือนพฤษภาคม – เดือนตุลาคม 08.00 น. – 18.00 น. เดือนพฤศจิกายน 08.00 น. – 17.00 น.และเดือนธันวาคม – เมษายน 09.00 น. – 17.00 น. (เวลาจะปรับเปลี่ยนในช่วงจัดแสดงไลท์อัพ) |
| ราคา | ผู้ใหญ่ 300 เยน, เด็ก 150 เยน |
| Website | Fukuroda Falls |

พระพุทธรูปปางประทับยืนทองสัมฤทธิ์ อุชิคุไดบุทสึหรือพระใหญ่อุชิคุขนาดใหญ่ที่สุดในโลกนี้ ตั้งอยู่ที่อิบารากิ มีความสูงอยู่ที่ 120 เมตร ด้านในองค์พระถูกแบ่งเป็น 5 ชั้น ภายในองค์พระเงียบสงบและชวนให้รู้สึกน่าอัศจรรย์ มีจุดชมวิวบริเวณพระอุระอยู่ที่ความสูง 85 เมตร สามารถชมทัศนียภาพกว้างไกลผ่านกระจกทั้ง 4 ด้านได้ ส่วนบริเวณใต้พระบาทของพระพุทธรูปจะมีสวนขนาดใหญ่ราวกับดินแดนสุขาวดี รายล้อมด้วยดอกไม้สีสันสดใสที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ภายในสวนยังมีสวนสัตว์ขนาดเล็ก สามารถเพลิดเพลินได้ทั้งครอบครัว ความน่าสนใจขององค์พระยังถูกบันทึกสถิติโลกจากกินเนสส์บุ๊คว่าเป็น “Tallest Buddha” อีกด้วยนะ
อุชิคุไดบุทสึ (Ushiku Daibutsu)
| ที่อยู่ | 2083 Kunocho, Ushiku, Ibaraki 300-1288 |
| วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ สาย JR Joban มาลงที่สถานี Ushiku แล้วเดินต่ออีก 5 นาที |
| เวลาทำการ | เดือนมีนาคม ถึง เดือนกันยายน 9.30 – 17.00 น. และเดือนตุลาคมถึง เดือนกุมภาพันธ์ 9.30 – 16.30 น. |
| ราคา | ผู้ใหญ่ 800 เยน, เด็ก 400 เยน |
| Website | Ushiku Daibutsu |

ตลาดปลานากามินาโตะถือเป็นตลาดปลาที่ภูมิใจนำเสนอของภูมิภาคคันโตเลยก็ว่าได้ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเดินชมบรรยากาศแสนคึกคัก พ่อค้าแม่ค้า ชาวประมง มีแผงขายอาหารทะเลที่หลากหลาย ทั้งแบบปลาสด ปลาแปรรูป มีร้านขายอาหารที่เสิร์ฟปลาดิบสดๆ จะสั่งไคเซนด้งที่เสิร์ฟมาแบบพูนชามก็ฟินอย่าบอกใคร แถมยังตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือประมงนากามินาโตะ ซึ่งถือเป็นท่าเรือประมงอันดับหนึ่งในจังหวัดอิบารากิ และมหาสมุทรแปซิฟิก ความน่าสนใจนี้ทำให้มีผู้มาเยือนที่นี่มากกว่า 1 ล้านคนต่อปีเลยทีเดียว
ตลาดปลานากามินาโตะ (Nakaminato Fish Market)
| ที่อยู่ | 19-8 Minato, Hitachinaka, Ibaraki 311-1221 |
| วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR Joban Line มาลงสถานี Katsuta แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถไฟ Hitachinaka Seaside Railway มาลงที่สถานี Nakaminato แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที |
| เวลาทำการ | 8.00 – 18.00 น. |
| ราคา | เข้าชมฟรี |
| Website | Nakaminato Fish Market |

ภูเขาทสึคุบะแห่งนี้ ถือเป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ตั้งแต่สมัยโบราณว่ากันว่า “ภูเขาทสึคุบะเป็นตัวแทนทางทิศตะวันออกและภูเขาฟูจิเป็นตัวแทนทางทิศตะวันตก” นอกจากนี้ เนื่องจากสีของพื้นผิวภูเขาจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงเมื่อได้รับแสงแดดในตอนเช้าและตอนเย็น จึงกล่าวกันว่าภูเขาทสึคุบะเป็นยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ของภูมิภาคคันโต สำหรับใครที่ชอบการเดินชมธรรมชาติ และปีนเขาแบบเบสิคๆ ภูเขาทสึคุบะมีความสูงไม่มากนักจึงสามารถเดินชมบรรยากาศที่รายล้อมภูเขาได้อย่างง่ายดาย หากเดินชมภูเขาแล้วเหนื่อย ขาลงก็สามารถนั่งกระเช้าลงมาได้ ซึ่งก็มีไว้ให้บริการด้วย ที่นี่จึงเหมาะสำหรับผู้ที่อยากเทรกกิ้งขึ้นภูเขาในญี่ปุ่นง่ายๆ ใกล้โตเกียว ต้องลองมาเดินเขานี้ดูสักครั้ง
ภูเขาทสึคุบะ (Mount Tsukuba)
| ที่อยู่ | 1 Tsukuba, Tsukuba-City, Ibaraki |
| วิธีเดินทาง | จากสถานี Tsukuba นั่งรถบัสต่อใช้เวลาประมาณ 40 นาที |
| เวลาทำการ | เปิด 24 ชั่วโมง |
| ราคา | เคเบิ้ลคาร์ ผู้ใหญ่ เที่ยวเดียว : 590 เยน,ไป-กลับ : 1,070 เยน/ เด็ก เที่ยวเดียว:300 เยน ,เด็ก ไป-กลับ : 540 เยน |
| Website | Mount Tsukuba |

ถ้าพูดถึงศาลเจ้าแนะนำในจังหวัดอิบารากิ ขอแนะนำศาลเจ้าคาชิมะแห่งนี้ ซึ่งเป็นศาลเจ้าชินโตที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคคันโต สร้างขึ้นเมื่อราวๆ 600 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่จักรพรรดิจิมมุขึ้นครองบัลลังก์ โดยศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับทาเคมิคาซึจิ โนะโอคามิ เทพเจ้าแห่งสายฟ้าและสงครามของศาสนาชินโต เป็นเทพที่มีความเกี่ยวข้องกับศิลปะการต่อสู้ ภายในศาลเจ้าจึงมีการจัดแสดงม้วนกระดาษที่มีรูปของเขาไว้ด้วย ตามบันทึกในประวัติศาสตร์บอกไว้ว่าจักรพรรดิและเหล่าขุนศึกเคยมาสักการะที่ศาลเจ้าคาชิมะแห่งนี้ด้วย ตลอดทั้งปีที่นี่เป็นสถานที่จัดงานกิจกรรมต่างๆ มากมาย อย่าพลาดช่วงเทศกาลปีใหม่ เพราะผู้คนจากทั่วญี่ปุ่นกว่า 600,000 คนมักจะมาที่นี่ในช่วงสามวันแรกของเดือนมกราคม เพื่อขอพรให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ชนะการแข่งขัน ประสบความสำเร็จในชีวิต และทำการค้าขายเจริญรุ่งเรือง
ศาลเจ้าคาชิมะ (Kashima Jingu Shrine)
| ที่อยู่ | 2306-1 Kyuchu, Kashima, Ibaraki 314-0031 |
| วิธีเดินทาง | จากสถานี JR Kashima Jingu เดิน 10 นาที |
| เวลาทำการ | 9.00-16.00 น. |
| ราคา | เข้าชมฟรี ยกเว้นโถงสมบัติ ผูใหญ่ 300 เยน เด็ก 100 เยน |
| Website | Kashima Jingu Shrine |

เที่ยวชมธรรมชาติในอิบารากิมาหลายแห่ง อย่าลืมแวะเที่ยวที่อควาเวิลด์ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโออาไรประจำจังหวัดอิบารากิแห่งนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีสัตว์ทะเลประมาณ 580 ชนิด และปลามากกว่า 68,000 ตัว เช่น ปลาพระอาทิตย์ นากทะเล และอื่นๆ ที่สำคัญ เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีปลาฉลามหลากหลายสายพันธุ์มากที่สุดในญี่ปุ่น และหนึ่งในไฮไลท์ของที่นี่คือการแสดงโชว์ปลาโลมากับสิงโตทะเล ซึ่งจัดแสดงให้ชม 4 รอบต่อวัน ทุกท่านจะได้เพลิดเพลินไปกับการแสดงโชว์ปลาโลมากับสิงโตทะเลที่ทรงพลัง โดยมีทิวทัศน์ของมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นฉากหลังสวยงามมาก
อควาเวิลด์ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโออาไรอิบารากิ (Aqua World Ibaraki Oarai Aquarium)
| ที่อยู่ | 8252-3 Isohamacho, Oarai, Higashiibaraki District, Ibaraki 311-1301 |
| วิธีเดินทาง | จากสถานี Oarai รถไฟ Kashima Rinkai Tetsudo สาย Oarai Kashima ต่อรถบัสไปประมาณ 15 นาที |
| เวลาทำการ | 9.00 -16.00 น. |
| ราคา | ผู้ใหญ่ 2,300 เยน, เด็กนักเรียนประถมและมัธยมต้น 1,100 เยน |
| Website | Aqua World Ibaraki Oarai Aquarium |

เที่ยวกันมาตลอดทั้งทริปในอิบารากิแล้ว ต้องแวะช้อปปิ้งก่อนกลับกันสักหน่อย ห้างสรรพสินค้าเอาท์เล็ตที่เปิดให้บริการในปีค.ศ. 2009 เป็นต้นมา ภายในมีร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังของญี่ปุ่นและต่างประเทศมากกว่า 150 ร้าน มีตั้งแต่แบรนด์ต่างประเทศยอดนิยม ร้านไลฟ์สไตล์ และร้านอาหารให้เลือกมากมาย พร้อมทางเดินที่กว้างขวาง สะดวกสบายสําหรับผู้ที่มีรถเข็นเด็ก หรือเก้าอี้รถเข็น เป็นสถานที่ที่สามารถเพลิดเพลินกับการซื้อสินค้าราคาพิเศษได้ทุกวัน และที่นี่ยังตั้งอยู่ใกล้กับอุชิคุไดบุทสึหรือพระใหญ่อุชิคุด้วยนะ
อามิพรีเมียมเอ้าท์เล็ต (Ami Premium Outlets)
| ที่อยู่ | 4-1-1 Yoshiwara, Ami-Machi, Ibaraki |
| วิธีเดินทาง | ขึ้นรถไฟ JR สาย Joban ลงสถานี Arakawaoki ต่อรถบัสอีก 20 นาที |
| เวลาทำการ | 10.00 – 20.00 น. |
| ราคา | เข้าชมฟรี |
| Website | Ami Premium Outlets |

| วิธีการเดินทาง | รายละเอียด |
| รถไฟ | การเดินทางในอิบารากิ มีสายรถไฟ JR และ Joban Line ที่เป็นสายรถไฟหลักให้บริการในพื้นที่เพื่อเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ |
| รถบัส | อย่างที่รู้กันดีว่านอกจากการเดินทางด้วยรถไฟจะสะดวกที่สุดแล้ว แต่การเดินทางด้วยรถบัสเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สะดวกสำหรับการเดินทางในต่างจังหวัดของญี่ปุ่น |
| JR PASS | รายละเอียด |
| JR TOKYO WIDE PASS ราคาเริ่มต้น 3,596 บาท | เป็นพาสการเดินทางแบบ 3 วัน ใช้เดินทางในโตเกียวและรอบโตเกียว |
สภาพอากาศในจังหวัดอิบารากิ อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 29 องศา และตำ่สุด อยู่ที่ 4.99 องศา โดยส่วนใหญ่แล้วจังหวัดนี้อาากาศค่อนข้างดีเหมาะสมกับการท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง

จังหวัดอิบารากิมีจำนวนผลิตผลทางการเกษตรที่มากเป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น เพราะที่นี่มีอุณหภูมิอบอุ่นเฉลี่ยตลอดทั้งปีอยู่ที่ 13°C ถึง 14.5°C จึงทำเกษตรและปศุสัตว์ได้หลากหลาย อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรอาหาร และอยู่ติดมหาสมุทรแปซิฟิกจึงมีอาหารทะเลอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นมากมายที่ไม่ควรพลาด เช่นเมล่อน โซบะ มันหวานตากแห้ง และนัตโตะ นอกจากนี้ยังมีสาเกและเบียร์ท้องถิ่นอร่อยๆ แนะนำอีกด้วย
ทางจังหวัดมีการทำฟาร์มโคเนื้อมายาวนานมากกว่า 180 ปี ทำให้มีผลผลิตเป็นเนื้อเกรดคุณภาพมากมาย โดยเฉพาะเนื้อวัวฮิตาจิ ที่เป็นเนื้อวากิวแบรนด์ที่ดีที่สุดแบรนด์หนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ทั้งในด้านชื่อเสียงและคุณภาพเนื้อวัวฮิตาจิเป็นคุโรเกะวากิว (วัวสายพันธุ์ญี่ปุ่นขนสีดำ) มีจุดเด่นคือเนื้อลายหินอ่อนที่ละเอียด และไขมันคุณภาพดี ซึ่งมาจากการเลี้ยงด้วยอาหารสัตว์ที่อุดมด้วยแร่ธาตุ ประกอบกับสภาพอากาศอบอุ่นของอิบารากิทำให้ที่นี่เหมาะกับการทำการเกษตรและการเลี้ยงวัวที่แข็งแรง แนะนำให้มาลองเพลิดเพลินกับเนื้อฉ่ำนุ่มในรูปแบบของสเต็ก ยากินิกุ หรือสุกี้ยากี้ ที่เนื้อนุ่ม ละลายในปากเลยทีเดียว ยังไงมาลองชิมให้ได้เมื่อคุณมาเยือนอิบารากินะ
ไก่พันธุ์นี้เดิมทีถูกใช้เพื่อการต่อสู้ ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับไก่ทั่วไปแล้ว โอคุคุจิชาโมจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมากกว่า มีเนื้อสัมผัสที่แน่น มีรสชาติน่าสนใจ และดีต่อสุขภาพ เนื่องจากเป็นไก่ที่เลี้ยงในพื้นที่ภูเขาที่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของโอคุคุจิทางตอนเหนือของจังหวัดอิบารากิ เนื้อไก่จึงมีเอกลักษณ์เฉพาะคือรสชาติที่เข้มข้นและลึกซึ้ง คุณสามารถเพลิดเพลินกับวิธีกินที่หลากหลาย อาทิ ยากิโทริ, อาหารหม้อไฟ, ไก่ทอด ฯลฯ

หม้อไฟนี้เป็นอาหารประจำฤดูหนาว (ช่วงเดือนพศจิกายน – มีนาคม) ของจังหวัดอิบารากิเลยก็ว่าได้ สำหรับปลาอังโกะนี้เป็นปลาทะเลน้ำลึกที่ไม่มีเกล็ด เนื้อละมุนนุ่มนิ่ม ในอดีตเองถือเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ไดเมียวในสมัยนั้นจะมอบปลาเนื้อนุ่มที่ดีต่อผิวพรรณนี้ให้กับเหล่าโชกุน สัมผัสของเนื้อปลาที่นุ่มและมีรสชาติอ่อนๆ นี้ เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมด้วยคอลลาเจน วิตามิน มีไขมัน และแคลอรีต่ำ จึงเป็นที่นิยมในหมู่หญิงสาว และเหล่าชาวประมงที่กินแล้วมีกำลังวังชามากยิ่งขึ้น
เชื่อว่าหลายๆ คนรู้จักนัตโตะมาบ้างแล้ว ซึ่งนัตโตะอยู่กับโต๊ะอาหารญี่ปุ่นมานาน ตั้งแต่ในสมัยยาโยอิโน่นเลย เป็นหนึ่งในวิธีการถนอมอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อุดมไปด้วยวิตามิน โปรตีน ซึ่งเหมาะกับผู้ที่รักสุขภาพและผู้ที่ชอบรับประทานอาหารมังสวิรัติ แม้จะมีจุดเด่นตรงกลิ่นและรูปลักษณ์ ที่เป็นเอกลักษณ์ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าบ้านเกิดของนัตโตะอยู่ที่จังหวัดอิบารากิแห่งนี้ ว่ากันว่านัตโตะที่ใช้ถั่วที่ปลูกริมชายฝั่งอิบารากินั้นอุดมไปด้วยแร่ธาตุและรสชาติที่อร่อย อีกทั้งที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์นัตโตะ ในจังหวัดก็มีโรงงานผลิตนัตโตะหลายแห่ง ทำให้สามารถหาเมนูที่หลากหลายเกี่ยวกับนัตโตะได้ที่นี่ อาทิ ซอฟต์ครีมนัตโตะ เกี๊ยวซ่านัตโตะ เป็นต้น
มาถึงผลไม้กันบ้าง อิบารากิเป็นผู้ผลิตเมลอนรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และที่เมืองโฮโกตะเป็นหนึ่งในแหล่งปลูกเมลอนที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ ฤดูกาลที่เมลอนกำลังอร่อยคือช่วงเดือนเมษายน – ตุลาคม ส่วนพันธุ์เมลอนแนะนำก็มีตั้งแต่เมลอนแอนดีส เมลอนควินซี เมลอนเอิร์ล เมลอนอิบาระคิงชื่อนี้ย่อมาจากภาษาอังกฤษว่า Ibaraki King เป็นเมลอนแบรนด์อิบารากิซึ่งเกิดจากการผสมพันธุ์เมลอนมากกว่า 400 สายพันธุ์ที่มีมานานกว่า 10 ปีแล้วจุดเด่นคือสามารถลิ้มรสเมลอนที่เนื้อหนากว่าพันธุ์อื่นได้ หลายคาเฟ่ในจังหวัดมีเมนูเมลอนเสิร์ฟไว้ รวมทั้งพาร์เฟ่ต์เมลอน และขนมเกี่ยวกับเมลอนอื่นๆ ให้ลิ้มลองมากมาย
อาหารแสนอร่อยสุดท้ายที่อยากให้ลองเมื่อไปเยือนยังอิบารากิ นั่นคือมันรสหวานแบบธรรมชาติที่อร่อยที่สุดช่วงเดือนพฤศจิกายน – มีนาคม โฮชิอิโมะหรือมันเทศตากแห้งนี้เป็นขนมหวานดั้งเดิมของญี่ปุ่น ทำจากมันเทศนึ่งแล้วนำไปตากแดด อิบารากิมีดินและอากาศที่เหมาะสมจึงเป็นแหล่งผลิตโฮชิอิโมะอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ความน่าสนใจคือความหวานจากธรรมชาติโดยไม่ได้ใช้สารเติมแต่งหรือน้ำตาลแต่อย่างใด จึงสามารถเพลิดเพลินกับรสหวานตามธรรมชาติได้แบบจุใจ แนะนำให้รับประทานคู่กับชาหรือนมก็อร่อยแล้ว หรือจะนำมาหุงกับข้าวก็อร่อยไม่แพ้กัน นอกจากนั้นในจังหวัดยังนำโฮชิอิโมะ ไปทำเมนูอื่นๆ อีก อาทิ พายโฮชิอิโมะ ชีสเค้กโฮชิอิโมะ และเจลาโต้ที่ใส่โฮชิอิโมะ ก็มีให้เลือกอร่อยกัน
อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้คงเชื่อแล้วใช่ไหมคะว่า จังหวัดอิบารากินั้นเที่ยวง่ายแถมยังอยู่ใกล้โตเกียวแบบกระพริบตาเดียวถึง แล้วสถานที่ท่องเที่ยวก็มีเยอะมาก อุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางธรรมชาติ รายล้อมด้วยทะเล แม่น้ำ ทะเลสาบ และภูเขา ที่มีความสวยงามตามฤดูกาล สามารถมาชม มาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี นอกจากนั้นพวกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และผลิตภัณฑ์ทางทะเล ก็มีให้ลิ้มลองมากมาย ไม่แพ้จังหวัดอื่นในญี่ปุ่นเลย สำหรับใครที่กำลังมองหาจังหวัดน่าเที่ยวใกล้โตเกียว อิบารากิจะเป็นอีกความประทับใจในญี่ปุ่นให้กับคุณอย่างแน่นอน

Blogger : Pennapa Uttamang
อดีตบรรณาธิการผู้รับใช้ถ้อยคำมาตลอดหลายสิบปี ปัจจุบันก็ยังคงทำงานเขียน วาดภาพประกอบ เลี้ยงแมว และทำสตูดิโอออกแบบเล็กๆ เกี่ยวกับโบรชัวร์ญี่ปุ่น เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นจะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนผ่านเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่สร้างแรงบันดาลใจให้เรามากมายเช่นกัน
86 Posts

10 ที่เที่ยวฟูจิ เปิดพิกัดที่เที่ยวแบบใหม่ ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
Kitaguchi-hongu Fuji Sengen Shrine ศาลเจ้าที่อุดมไปด้วยพลังงานของขุนเขา คิตะกุ...

ไป โตเกียวพักย่านไหนดี แนะนำ 15 ย่าน เลือกพักตามสไตล์ที่ใช่
ตอบคำถามให้หายสงสัย ไปโตเกียว พักย่านไหนดี ! แนะนำ 15 ย่านในโตเกียวที่คู่ควรแก...

นั่งชินคันเซ็นคุ้มๆ จากโตเกียวไปโอซาก้า เดินทางง่ายแค่ใช้ JR PASS
เที่ยวให้ทั่วโตเกียวแล้วไปต่อโอซาก้า เพราะเรามีแผนการเดินทางสุดคุ้มจากโตเกียวไ...

พยากรณ์ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสี ประจำปี 2025
อัพเดทพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่น มาให้ดูกันล่วงนี้ เอาไว้จองตั๋วมาเที่ยวญ...

เที่ยวญี่ปุ่น 2022 เปิดเงื่อนไข วิธีการขอวีซ่า ไกด์ไลน์เที่ยวจัดเต็ม
เปิดข้อมูลการ เที่ยวญี่ปุ่น 2022 / 2565 เปิดทุกเกณฑ์การท่องเที่ยวแบบจัดเต็ม กา...
Police
110
Ambulance
119
AMDA International Medical Information Center
03-6233-9266
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว
090-4435-7812
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า
090-1895-0987
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ
090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515