ทริปหรรษาจากนาริตะสู่โตเกียว นาโกย่า เกียวโต โอซาก้าด้วย Luggage Free Travel (EP1)
อ่านบทความต่อได้เลย
เมื่อถึงสถานีเกียวโต อย่างแรกคือเราไปที่ Tourist Information ก่อนเลยเพื่อให้เค้าช่วยวางแผนเส้นทางการเดินทางให้ ในทริปช่วงเช้านี้เราก็มุ่งหน้าไปพระราชวังเกียวโตกันเลย เพราะเดินทางได้ง่ายสุดจากสถานี Imadegawa
พระราชวังเกียวโต อิมพีเรียล (京都御所, Kyōto Gosho) เคยถูกใช้เป็นที่ประทับของราชวงศ์อิมพีเรียล จนถึงปีค.ศ.1868 เนื่องจากย้ายเมืองหลวงไปเป็นที่โตเกียวแทน ประตูทางเข้าแต่ละด้านดูขลังมากๆ รู้สึกดีใจที่เจ้าหน้าที่เพิ่งอนุญาตให้ประชาชนเข้าไปดูได้อย่างใกล้ชิดมากๆ ได้เมื่อปี 2016 นี้เอง
ก่อนเข้าไปต้องแลกตรวจกระเป๋า และได้รับบัตรห้อยคอด้วยนะ จากนั้นเดินสำรวจเลยว่ามีทางเดินไปไหนบ้าง
ความสวยแปลกตาและความยิ่งใหญ่ด้านในเขตพระราชวังเก่า
นอกจากจะชมฟรีแล้ว ด้านในยังกว้างขวางมาก เดี๋ยวเดินเข้าไปชมด้านในต่อ อาคารทรงไม้ด้านในนี้ เรียกว่า Shishinden ใช้ประกอบพระราชพิธีสำคัญ เช่น พระราชพิธีขึ้นครองราชย์
สวนญี่ปุ่น จัดได้สวยและคลาสสิกมากๆ
การออกแบบของช่างในยุคโบราณและลวดลายบนประตูแสดงเป็นเรื่องราวต่างๆในสมัยนั้น
ที่นี่เป็นพระราชวังที่เก่าแก่ แล้วใช้ไม้แทบทั้งหมด เอกลักษณ์พิเศษ คือ หลังคา ที่สวยสง่างามมากๆ
ด้านนอกพระราชวัง ยังมีศาลเจ้าเล็กๆด้วยนะ
Kyoto Imperial Palace
เวลาทำการ | อังคาร – อาทิตย์ เวลา 9.00 – 17.00 ปิดรับ 16.20น. *มีเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล โปรดตรวจสอบอีกครั้ง วันหยุด วันจันทร์(หากตรงกับวันหยุดปฏิทิน จะเลื่อนไปหยุดในวันถัดไป) และวันสิ้นปี 28 ธันวาคม – 4 มกราคม |
---|---|
Website | Kyoto Imperial Palace |
ออกจากพระราชวังก็เป็นเวลาก่อนเที่ยง สำหรับอาหารเที่ยงมื้อนี้ เราจะไปชมการแสดงไมโกะกันนะคะ ไมโกะเป็นหญิงสาวสวมชุดกิโมโน ยังเป็นเกอิโกะ(เกอิชา)ฝึกหัด ยังเป็นวัยรุ่น หรือเป็นเด็กสาวที่กำลังเรียนรู้วิถีของเกอิชา ผู้ซึ่งเชี่ยวชาญในศิลปะแห่งการเล่นดนตรี เต้นรำ ครั้งนี้เราได้ไปเยือนที่ร้าน Maiko Theatre ด้วยนะ ต้องโทรจองคิวล่วงหน้า
ร้านเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะต้องโทรจอง เราก็จัดการโทรจองมื้อเที่ยงเลย ถ้าไม่ทานมื้อเที่ยงก็สามารถมาช่วงบ่ายได้ แค่ดื่มน้ำชา แต่ก็มีการแสดงให้ชมเหมือนกัน รายละเอียดทั้งหมดนี้ก็ได้รับมาจาก Tourist information ทั้งนั้น นัด 12.00 น. แต่เค้าจะให้เรามาก่อน 15 นาที ดังนั้นเราจะมาถึง 11.45 น. แล้วนั่งรอเวลา
ไมโกะจะจัดแสดงเต้น 2 เพลง แต่เค้าจะมีอธิบายก่อน มีป้ายภาษาอังกฤษด้วย ลำดับเค้าคือ ถ่ายภาพคู่กับไมโกะก่อน(ภาพนี้จะมอบให้แขกเป็นของที่ระลึก) จากนั้นทานข้าวให้เสร็จ ก่อนจะเริ่มการแสดง ด้วยเพลงเก่าแก่ของเกียวโต 2 เพลง ขอแนะนำว่า ให้รีบถ่ายวีดีโอ ถ่ายภาพให้เสร็จตั้งแต่เพลงแรกเลย พอเพลงที่สองบรรเลงแล้วค่อยตั้งใจชม ตัวจริงดูดีมีความเป็นญี่ปุ่นมากๆ และเราได้ดูอย่างใกล้ชิด
ไมโกะเป็นสาวน่ารักมาก คนนี้ชื่อน้องโคเอน จบการแสดงก็เดินลงมาจากเวทีพูดคุยกับแขก ตั้งคำถามได้ ตอบให้หมดเลย น้องโคเอนสนใจวิชาชีพนี้ตอนมาทัศนศึกษาชั้นมัธยมต้นที่เกียวโต พอเรียนจบก็มาสมัครงาน หนึ่งในกฏของการเป็นไมโกะ คือห้ามใช้มือถือ ติดต่อกันได้แค่ทางจดหมายเท่านั้น และหลังทำผมแล้วจะไม่สระผมจนกว่าจะถึงวันที่ว่าง(เดือนนึงจะมี 1 วัน) ไมโกะห้ามมีแฟน ห้ามเดินไปร้านสะดวกซื้อ แต่พอเลื่อนมาเป็นเกอิโกะแล้ว สามารถทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งแต่งงานมีครอบครัวค่ะ
Maiko Theater
ที่อยู่ | 302-2 Daikokucho, Daikokucho Gojo, Agaru, Higashiyama-ku, Kyoto |
---|---|
วิธีเดินทาง | รถบัสจากสถานีเกียวโต ขึ้นที่ D1 – บัสหมายเลข 100 หรือ 110 ลงป้าย Gojo Zaka/ D2-บัสหมายเลข206 รถไฟ สาย Keihin ลงสถานี Kiyomizu Gojo |
เวลาทำการ | มื้อเที่ยง อาหาร 12.00-13.30 มื้อบ่าย ขนมว่าง 14.00-15.30 มื้อค่ำ อาหาร 18.00 -20.00 เป็นต้น |
ราคา | มื้อเที่ยง ผู้ใหญ่ 8800 เยน เด็ก 3800 เยนไม่รวมเครื่องดื่ม มื้อบ่าย ผู้ใหญ่ 6800 เยน เด็ก 2000 เยนไม่รวมเครื่องดื่ม มื้อค่ำ ผู้ใหญ่ 13000 เยน เด็ก 4800 เยนไม่รวมเครื่องดื่ม เป็นต้น |
โทรศัพท์ | โทรศัพท์เพื่อจองก่อนไป 075-741-8258 หรือแฟ็กซ์ 075-741-8278 คอร์สอาหาร |
Maiko Theater | |
Website | Maiko Theater |
จากนั้น ทานข้าวเที่ยงแล้วเราไปเดินเที่ยววัดน้ำใสกันต่อ จริงๆสถานที่เที่ยวก็ละแวกเดียวกันทั้งนั้น การต่อรถบัสก็สะดวก เพียงแค่เรามีแผนที่รถบัส ซึ่งหยิบได้ที่ตามป้ายรถบัสหน้าสถานีเกียวโตหรือจุดบริการท่องเที่ยวในสถานี ลงรถที่ป้าย Kiyomizu-michi เลย แล้วเดินขึ้นบนเขาตามคนเค้าไปเลยจ้า เจอร้านค้ามากมายทันที
ขึ้นเขามาไม่นาน ก็เจอวิวสวยๆแบบนี้ ที่วัดน้ำใสเหมาะสำหรับการมาชมพระอาทิตย์ตกดินมากๆ
วิวสูง และมองเห็นแม้กระทั่งเกียวโตทาวเวอร์ที่หน้าสถานีเกียวโต
แสงสีทองที่เรืองรองของพระอาทิตย์ยามตกดิน ทำให้ที่นี่เหมือนเป็นดินแดนสวรรค์เลยค่ะ
ผู้คนมากมาย ใส่ชุดกิโมโนมาที่นี่
อาคารศาลาหลัก ถ้าเข้าด้านในเสียเงินด้วยนะ แต่ต้องเข้าเลยเพราะว่าวิวนี้สวยงดงาม แม้ตัวอาคารจะยังอยู่ในระหว่างการบูรณะ ( ภาพเดือน กันยายน 2019)
แต่ก็ยังมีความคลาสสิก ให้เราได้มีภาพที่มีแสงสวยๆได้
ด้านล่าง เป็นทางบังคับให้เดินลง เก็บภาพวิวไปตลอดทาง ใบไม้เปลี่ยนสีแล้วคงจะสวยมากๆ
พอถึงถนนด้านล่างโซนร้านค้า ก็ลัดเลาะไปได้หมดทุกซอยเลยนะ ย่านนี้เราเดินได้ทั้งวันเพราะของกินเยอะมาก และมีของสวยงามน่ารักเต็มไปหมด
จุดนี้ต้องไม่เพลาด คือร้านสตาร์บัคส์ ก็เดินลงมาเรื่อยๆ
แล้วมาหยุดที่นี่ Yasaka Pagoda หรือ Hokanji Temple แลนด์มาร์คที่ยอดนิยมแห่งการมาเกียวโต สวยงามและคนเยอะเช่นกัน จะได้ภาพแบบนี้คือต้องรอจนถึงช่วงเวลาราว 19.00 น.เป็นต้นไป
ถ่ายเสร็จเดินลงมาทางถนนใหญ่ด้านล่าง แหงนมองกลับไป ยังได้ภาพสวยๆอีกนะ
ค่ำคืนนี้เราพักที่ โรงแรม Kyoto Inn Gion เพราะใกล้ที่เที่ยวมากมาย ตั้งอยู่ในย่านกิออนและติดถนนที่รถบัสผ่านด้วย(เกียวโตเก็บภาษีที่พักแล้วนะ ที่พักต่ำกว่าคืนละ 2 หมื่นเยน คือภาษี 200 เยน จ่ายเงินสดที่โรงแรม) ถ้ามาจากสถานีลงรถบัสที่ป้าย Gion เลยจ้า
เช้านี้ตื่นมา ทานอาหารเช้าด้านล่าง และเราก็ได้เห็นแวบๆ เบื้องหน้าคือ ซามูไร Itsuo Okada คนนี้ดังที่สุดในเกียวโตและในญี่ปุ่น มีผลงานมากมายและมีจัดกรุ๊ปทัวร์แบบซามูไรด้วยนะ ฝรั่งจะชื่นชอบมาก เห็นเดินมาทักทายเรื่อยๆ
และความที่ชอบตื่นเช้า และที่พักเราอยู่ใกล้วัด Chionin มาก เพียงแค่ข้ามถนนมาก็ถึงแล้ว จึงเดินเข้ามาในบริเวณวัด ไม่มีคนเลยจ้า กรี๊ดกร๊าด แล้วประตูวัดเปิด 6 โมงเช้า สบายยยย
วัดในญี่ปุ่นต้องเดินและเดินขึ้นเขาเท่านั้น ที่นี่เลยเหมือนที่ออกกำลังกายของคนเกียวโตด้วย วัด Chionin เป็นวัดหลักอันดับหนึ่งของนิกาย Jodo sect แห่งศาสนาพุทธญี่ปุ่น
เดินขึ้นไปบนเขาให้สุด แล้วเราจะเห็นห้องที่ใส่กระดูกของเจ้าอาวาสคนแรกของที่นี่ ขนาดเราไปเช้า 6 โมงกว่า ยังเห็นมีคนญี่ปุ่นเดินขึ้นมาถึงด้านบนนี่เพื่อสักการะ 2-3 คนเลยนะ เค้าศรัทธามาก และจะได้ยินเสียงพระสวดตั้งแต่เช้าเลย
และเพราะเช้ามาก คนน้อย เลยแวบเดินไปที่ Yasaka Pagoda อีกรอบ เหนื่อยแฮะ 15 นาทีได้ แต่เอาน่า ถือว่าเดินออกกำลังกายยามเช้าเหมือนคุณป้าคุณลุงแถวนี้ละกัน
แล้วเราก็กลับไปโรงแรมอีกรอบ ก่อนจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เช็คเอาท์แล้วออกเที่ยวต่อเลยจ้า ยังวัยรุ่น แรงยังเยอะ ฮ่าๆ เดินไปขึ้นรถบัสตรงถนนใหญ่ฝั่งเดียวกับโรงแรมเลย(ออกจากซอยแล้วเลี้ยวซ้าย) บัสเบอร์ 46 นั่งยาวไปลง ป้าย Imamiyajinja mae (นั่งยาวจนจะหลับ)
วันนี้เรามาเที่ยวศาลเจ้าต่อ สายบุญๆจ้า ความขลังของที่นี่คือ เดิมสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.994 ตั้งแต่ยุคเฮอัน!! แล้วย้ายมาสถานที่ปัจจุบันในปี 1001 ก็ถือว่านานมากๆๆ ส่วนใหญ่มาขอพรเรื่องสุขภาพกัน
และๆไฮไลต์ของศาลเจ้าที่นี่คือ Kazariya aburimochi เป็นโมจิเสียบไม้ย่างบนเตาถ่าน ราดซอสหวานแบบคาราเมลผสมผงคินาโกะ อร่อยเหาะมากๆๆ นี่มาสองครั้งแล้วก็ยังต้องมาอีก ฮ่าๆ
ซื้อกลับบ้านได้ด้วยนะ ที่นี่มีสองร้านซ้ายขวาคนละฝั่ง ถ้าเดินพ้นประตูศาลเจ้าไป ร้านขวาเป็นร้านเปิดกิจการมาแล้วราว 400 ปี ส่วนร้านซ้ายมือ อายุราว 1000 ปี! กรีดร้อง เป็นการทำกิจการรุ่นสู่รุ่นเลยนะคะ รสชาติของสองร้านต่างกันนิดหน่อย
ขากลับ ต้องเดินไปขึ้นรถบัสที่หน้าปากซอยถนนใหญ่โน้นเลยนะคะ เดินจากหน้าศาลเจ้าตรงไปเลย ราว 10 นาทีแล้วข้ามถนนไปรอรถบัสกลับสถานีเกียวโต รถบัสหมายเลย 205
จากนั้นเดินทางเข้าสถานีเกียวโตในช่วงบ่ายเพื่อเดินทางต่อไปโอซาก้า ใช้เวลาไม่นานเลย ครั้งนี้เดินทางสบายมากๆ เพราะสัมภาระส่งต่อมาจากนาโกย่าก่อนนี้เรียบร้อยแล้ว ด้วยการส่งแบบ Luggage Free Travel และเราได้ลองใช้โค้ดในการจองด้วย ทำให้ได้ส่วนลดอีก 20% ประหยัดเงินลงด้วย เราใช้โค้ดนี้นะ th190807 ใช้ลดราคาสำหรับสัมภาระที่สั่งให้ถึงที่รับภายในวันที่ 31 มีนาคม 2020
กดเข้าไปที่นี่เลยจองขนส่งกระเป๋าเดินทางได้เลยกับ Luggage Free Travel
รับส่วนลดฟินๆ ไปเลย!!
เราพักที่ Sotetsu Fresa Inn สถานีชินไซบาชิ เดินทางด้วย Midosuji Lineและ ลงสถานี Shinsaibashi ทางออก 1 เลยจ้า พอเราไปถึงเราก็ได้กระเป๋าของเราทันที จากนั้นก็ออกเดินเที่ยวเล้ยยย เดินทางจากที่พักใกล้มากๆ ก็ถึงไฮไลต์ของเมืองโอซาก้าแล้ว
เหนื่อยละ หาอะไรทานกันดีกว่า คือมาที่นี่บ้างแต่ไม่เคยคิดสังเกตว่าทำไมร้านนี้ถึงคนเยอะจัง พอไปส่องดูลาดเลา โอ้ววว ร้านนี้ราเมงถูกมากกก สั่งธรรมดาถ้วยละ 600 เยน พร้อมเติมข้าวสวย ผักแกล้ม ฟรีไม่อั้น! จัดไปค่ะ บรรยากาศเสี่ยวเอ้อมากๆ
วิธีกดสั่งก็มีตู้ขายคูปองด้านหน้า เอาคูปองให้พนักงานขาย จะได้ชิพหมายเลขมา ไปหาที่นั่งและรอเรียกจ้า เค้าจะเรียกด้วยภาษาญี่ปุ่นนะ(มีความมั่นใจมาก ลูกค้าส่วนใหญ่มีแต่ต่างชาติ ฮ่าๆ) แต่ถ้าไม่เห็นคนเดินไปรับราเมง จะขานเรียกหมายเลขเป็นภาษาอังกฤษแทน
กินอิ่ม หลับสบาย กลับห้องสิจ๊ะ..นอนตุนเอาแรงไว้เพราะทริปเช้าเราจะไปพิพิธภัณฑ์กัน ที่นี่คือ Osaka Museum of Housing and Living เป็นพิพิธภัณฑ์บนตึกติดกับสถานี Tenjimbashisuji ทางออก 3 เดี๋ยวเจอป้ายบอกเลย ขึ้นไปที่ชั้น 8 นะ
ความพิเศษของที่นี่คือ เดินทางง่าย ทำเลดีมาก มีชุดกิโมโนบริการ ให้ใส่เดินเล่นภายในพิพิธภัณฑ์ แอร์เย็นฉ่ำ ฝนตกก็ไม่มีปัญหา
มีของเล่นโบราณมาให้เล่นย้อนวัยกัน เพลิ๊นเพลิน ฮ่าๆ
กำลังเล่นของเล่นอยู่ สักพักไฟก็ค่อยๆมืดลง เอ๊ะ อ๊ะ เกิดอะไรขึ้น…. อ๋อ มันคือเข้าสู่ช่วงเวลากลางคืนจ้า แหม จำลองซะจนเหมือนจริง มีทั้งหมาเห่า นกร้อง กาบินผ่าน ตกใจหมด ฮ่าๆ กลัวจะมีผีออกมาด้วย
ด้านในมีการจำลองบ้านของชาวญี่ปุ่นในยุคเอโดะ ห้องครัว การจัดสำรับอาหาร เหมือนจะไม่กว้างแต่ที่นี่ก็เพลินมากๆ เพราะทุกอย่างสามารถดูได้อย่างใกล้ชิดเลย
จำลองทุกอย่างเหมือนจริงแม้กระทั่ง เอมะ (絵馬) หรือแผ่นป้ายเขียนขอพร คำอธิษฐานตามวัดห
ชั้นล่างลงมา ยังมีตุ๊กตาจำลอง ประเพณีและเทศกาลต่างๆของชาวญี่ปุ่นในยุคเอโดะอีกมากมาย เด็กๆมาแล้วน่าจะชอบเลยค่ะ
Osaka Museum of Housing and Living
ที่อยู่ | 8th Floor,6-4-20 Tenjimbashi, Kita, Osaka, 530-0041 |
---|---|
วิธีเดินทาง | สถานี Tenjimbashisuji exit 3 (Tanimachi Subway/Sakaisuji Subway) |
เวลาทำการ | 10.00 – 17.00 (เข้าได้ไม่เกิน 16.30) หยุดทุกวันอังคารและช่วงปีใหม่ |
ราคา | ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 600 เยน / ระดับม.ปลาย หรือมหาวิทยาลัย 300 เยน |
Website | Osaka Museum of Housing and Living |
จากนั้นช่วงบ่ายเราไปเที่ยวปราสาทโอซาก้ากัน ซึ่งการเดินทางก็ไม่ยากอะไรเลย สามารถนั่งรถไฟต่อกันมาได้ แต่การเดินเข้ามาถึงตัวปราสาทต้องบอกว่า ไกลนิดนึงและก็ใช้เวลาราว 10-15 นาที คูน้ำรอบกำแพงปราสาทมีเรือนำเที่ยวบริการด้วยนะ วิวสวยมากๆ ใช้เวลาที่นี่ราว 2 ชั่วโมง
ปราสาทโอซาก้า มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 450 ปีเลยนะ ตัวปราสาทเดิมถูกทำลายทั้งจากสงครามและภัยธรรมชาติ แต่ฟื้นคืนมาด้วยการสนับสนุนจากชาวโอซาก้าที่ระดมทุนกำลังทรัพย์สร้างปราสาทขึ้นมาใหม่ ยิ่งกว่านั้น เป็นปราสาทที่รอดพ้นจากสงครามโลก ครั้งที่ 2โดยไม่ได้รับความเสียหายเลยทั้งที่อยู่เมืองสำคัญและถูกโจมตีอย่างหนัก และเราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานเลย เพราะมีร่มเงาให้นั่งพักเยอะแยะ นั่งมองปราสาทไป ลมเย็นสบาย ก่อนจะเตรียมตัวเดินทางกลับต่อไป และถือว่าเป็นการจบทริปเที่ยว 6 วันแบบคุ้มมากๆที่ได้เดินทางครบรสแบบนี้ ขอบอกว่าต้องนอนกอดกล้องเลยคืนนี้ ภาพสวยๆในนี้เพียบ
Osaka castle
ที่อยู่ | 1-1 Osakajo, Chuo, Osaka, Osaka (ตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะปราสาทโอซาก้า) |
---|---|
วิธีเดินทาง | ลงสถานี Morinomiya หรือ Osakajokoen แล้วเดินเข้ามาในสวนเลย |
เวลาทำการ | 9.00 – 17.00 (ปิดรับ 16.30น.) วันหยุด 28 ธันวาคม – 1 มกราคม |
ราคา | ค่าเข้าชม ด้านนอกเดินชมฟรี / เข้าด้านในปราสาท ผู้ใหญ่ 600 เยน บริเวณด้านในมีร้านอาหาร ค่าเข้าในปราสาท ผู้ใหญ่ 600 เยน |
Website | Osaka castle |