วันนี้ทริปนางฟ้า จะออกไปท่องดินแดนแห่งความเป็นมรดกโลก พอพูดถึงคำว่ามรดกขึ้นมานี่ หัวใจเบิกบานทันที ฮ่าๆ รู้สึกเหมือนว่ากำลังจะสัมผัสสิ่งที่ทรงคุณค่าและสืบทอดตามกาลเวลามาจนถึงปัจจุบัน นิกโก้ถูกประกาศให้เป็นเขตมรดกโลก จากศาลเจ้านิกโก้โทโชกุ ศาลเจ้านิกโก้ฟุตะระซังและวัดนิกโก้รินโนจิ เมื่อปี คศ 1999 โดยองค์การยูเนสโก
วิธีเดินทาง
วันนี้เราให้ความไว้วางใจ Nikko Pass 2000 เยน ให้พาเราไปสู่ เมืองนิกโก้ เพราะมีราคาถูก ขึ้นรถไฟได้ที่สถานีโทบุอาซาคุสะ ซึ่งเป็นสถานีไม่ใหญ่และไม่วุ่นวายในตอนเช้า
สถานีโทบุอาซาคุสะ ก็อยู่ใกล้กับสี่แยกตรงอาซาคุสะเลย ใครนึกภาพไม่ออก ก็ตึกสวยๆนี่เลย EKIMISE ด้านในที่เป็นสถานีรถไฟกับ Tobu Tourist Information Center (จำหน่ายพาสนิกโก้ต่างๆ ) ก็อยู่ด้านล่างตึกนี้เลย เดินเข้าไปก็เจอ
วันนี้เราจะซื้อพาสนิกโก้ เที่ยวโซนมรดกโลกกัน เดินทางด้วยรถไฟสายโทบุ โดยเราไปติดต่อขอรับข้อมูลและขอคำแนะนำการเดินทางในทริปนี้ที่ Tobu Tourist Information Center ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกอย่างดี
ด้านหน้าห้องจำหน่ายพาส มีข้อมูลภาษาอังกฤษให้อ่านคร่าวๆ
เข้าไปด้านใน มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ 2-3 ท่าน จริงๆที่นี่มีเจ้าหน้าที่คนไทยด้วยนะ แต่ตอนที่เราไปยังไม่เข้างาน
เวลาเปิดทำการก็เช้ามาก คือ 7.20 น. -19.00 น. ดังนั้นเราสามารถออกเที่ยวแต่เช้าได้เลย
NIKKO PASS ALL AREA 4 DAYS
พาสเที่ยว 4 วัน เราเรียกว่า Nikko Pass All Area ซึ่งหมายถึงว่า เก็บตกโซนนี้ได้ทั้งหมดและอย่างเต็มอิ่มด้วย เพราะที่นี่กว้างมาก มีทั้งโซนธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ออนเซ็น แล้วแต่ละแห่งก็กว้างขวางใช้เวลา 1 วันก็ไปไม่ครบ เหมาะสำหรับคนที่ชอบธรรมชาติและอยากใช้เวลาที่นี่นานๆ โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่เริ่มในต้นเดือนตุลาคม
แผนที่เส้นทางของพาสนี้ จะเห็นว่าครอบคลุมทุกโซน เราก็แค่วางแผนว่า สองวันแรกเราจะเที่ยวโซนไหนก่อน แล้วอีกสองวันหลังเป็นโซนไหน เพราะขบวนรถไฟที่จะไป-กลับโตเกียวนั้นมีเงื่อนไขการเดินทาง (ไปกลับจากสถานีต้นทางคือสถานีอาซาคุสะหรือสถานีโตเกียวสกายทรี – ถึงสถานีชิโมะอิมาอิชิ จะได้เส้นทางละ 1 รอบเท่านั้น แต่สามารถลงระหว่างทางที่สถานีโตเกียวสกายทรี และสถานีโทชิกิได้ ) ประมาณว่าส่งไปและรอรับกลับโตเกียว ส่วนการโดยสารรถบัสและรถไฟในเมืองนิกโก้แบบไม่จำกัดเที่ยวนั้น
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ TOBU
ราคาพาส Nikko Pass All Area แบ่งตามช่วงฤดูกาล
- 20 เมษายน – 30 พฤศจิกายน ผู้ใหญ่ 4520 เยน เด็ก 1150 เยน ( 6-11ขวบ)
- 1 ธันวาคม – 19 เมษายน ผู้ใหญ่ 4150 เยน เด็ก 1040 เยน ( 6-11ขวบ)
ระยะเวลา | ผู้ใหญ่ | เด็ก |
---|---|---|
20 เมษายน – 30 พฤศจิกายน | 4,780 เยน | 1,330 เยน |
1 ธันวาคม – 19 เมษายน | 4,160 เยน | 1,080 เยน |
NIKKO PASS WORLD HERITAGE AREA 2 DAYS
พาสเที่ยว 2 วันนี้ เหมาะสำหรับคนที่อยากไปเที่ยวเช้า-เย็นกลับ หรืออยากไปพักแค่คืนเดียวแล้วกลับ อาจจะเที่ยวแค่โซนศาลเจ้า คินุกาวะออนเซ็น เมืองจำลองโทบุเวิลด์สแควร์ ก็สบายๆ เส้นทางรถไฟก็น้อยลงมาตามขนาดของพาส แต่ก็ยังถือว่าคุ้มเพราะแต่ละที่ๆไปได้นั้น ประทับใจจริงๆ ใช้เวลาเพลิดเพลินไปจนเกือบลืมเวลาขึ้นรถไฟกลับเลย ถ้าไปค้าง 1 คืนนอนเรียวกัง แช่ออนเซ็นวิวสวยๆ จะเติมเต็มทริปญี่ปุ่นได้สมบูรณ์ที่สุดเลย
ส่วนราคา ก็ถูกมาก 2000 เยนไปได้ทั้งขาไปและขากลับ แถมยังโดยสารรถบัสเที่ยวในโซนมรดกโลกอย่างจุใจ
*เงื่อนไข สถานีต้นทางคือ อาซาคุสะ/โตเกียวสกายทรี แต่ทั้งนี้ เราควรเพิ่มเงินอีกนิดหน่อย แล้วไปนั่งขบวนด่วนพิเศษแทนเพื่อใช้เวลาในการเดินทางให้น้อยลงเพื่อเพิ่มเวลาเที่ยวให้ยาวนานขึ้น ยกตัวอย่างเช่น จากสถานีอาซะคุสะ – สถานีโทบุนิกโก้ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกเที่ยวละ 1340 เยน เป็นต้น ตอนซื้อตั๋วเจ้าหน้าที่จะแนะนำให้
* ตรวจสอบการท่องเที่ยวเพื่อวางแผนเพิ่มเติมได้ที่ TOBU มีภาษาไทยด้วยนะ
มาดูตัวอย่างกันว่า ถ้าถือพาสนิกโก้ทั้งสองแบบนี้เข้าไปเที่ยวเมืองนิกโก้แล้วได้ลดราคาพิเศษที่จุดไหนบ้าง Let’s check it out!
บริเวณนิกโก้
- พิพิธภัณฑ์ธรรมชาตินิกโก้
- นิกโก้คิริฟุริสเก็ตเซ็นเตอร์ (ฤดูหนาว ลานสเก็ตกลางแจ้ง)
- พิพิธภัณฑ์ศิลปะนิกโก้อนุสรณ์โคะสุคิโฮอัน
- นิกโก้แอสเทเรียโฮเทล
- เรือทะเลสาบชูเซ็นจิ (ให้บริการกลางเมษา – 30 พฤศจิกายน) *ฟรีด้วย Nikko Pass All Area
- รถบัสมลพิษต่ำ (ให้บริการกลางเมษายน – 30 พฤศจิกายน ระหว่างอะคะนุมะชาโคะ – เซ็นจุกาฮามะ)*ฟรีด้วย Nikko Pass All Area
- อะเคจิไดระโรปเวย์ * ฟรีด้วย Nikko Pass All Area
แล้วเราก็เพิ่มเงินเพื่อจะได้นั่งขบวนด่วนพิเศษ ก็ได้ตั๋วแบบนี้มา 2 ชุด คือสำหรับขาไปและขากลับ
สำหรับใครที่อยากเที่ยวต่อไปยังโซน AIZU จ.ฟุคุชิม่า ที่อยู่ติดกัน และมีธรรมชาติสวยงามเช่นกัน ทางสายรถไฟโทบุเค้าก็ตอบสนองความต้องการได้ตรงใจมากๆ ด้วยการเดินรถไฟยาวไปยังโซนนี้เลย เพียงแต่ต้องเปลี่ยนรถไฟอีกรอบแค่นั้นเอง
ทางสายรถไฟโทบุเค้าก็ได้แนะนำพาสเที่ยวอย่างจุใจอีกเช่นเคย คือ Yuttari ( Relaxing) Aizu Tobu Free Pass ระยะเวลาพาส 4วัน
เช็คราคา
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TOBU หรือสอบถามที่ Tobu Tourist Information Center ได้เลย เค้าแนะนำได้ละเอียดมากๆ
เมื่อได้ข้อมูลมากมายแล้ว จากนั้น เราก็เริ่มเดินทางกันละนะ ขึ้นบันไดเลื่อนที่ด้านหน้าห้องจำหน่ายพาสนี้ได้เลย
ยื่นแสดงตั๋วและพาสให้เจ้าหน้าที่สถานีดู
ไปให้ถูกชานชลา ถ้าไม่มั่นใจให้ถามเจ้าหน้าที่ก่อน วันนี้เราจะเดินทางด้วยขบวนนี้ Revaty
เทียบตั๋วกับป้ายบนชานชลาให้ตรงกัน แล้วค่อยขึ้น
ขบวนนี้พิเศษกว่าที่อื่นคือ แม้จะเป็นแค่รถไฟด่วนพิเศษแต่ก็มีที่เสียบชาร์จมือถือได้ด้วยนะ
พิเศษที่สุด ที่ทำให้การเดินทางกับรถไฟขบวนนี้ดูสนุกสนานขึ้นมาทันที คือ มี Free Wifi ขอบอกว่าทันสมัยมากๆ จัดการทำตามขั้นตอนในคู่มือทันทีจ้า ง่ายมากๆ ที่สำคัญเราต้องจำ E-Mail เรามาด้วยนะ เพื่อใช้กรอก
ต่อไวไฟได้ละ ง่ายมากๆ
นั่งเล่นมือถือไปสักพัก รถเข็นขนมของฝากก็เดินผ่านมา เด็กๆคงชอบ มีขนมทานตลอดทางเลย เค้าจะเข็นผ่านประมาณ 2 – 3 รอบเลยนะ
เมื่อถึงสถานี Tobu World Square แล้ว ข้ามถนนมาฝั่งตรงกันข้าม ก็จะเจอสวน เดินเข้ามาตามทางเลย ก็จะถึงเมืองจำลอง Tobu World Square
ด้านในนี้มีร้านอาหาร ถ้าหิวข้าวก็ทานได้เลย
ตั๋วและพาสที่ใช้ลดราคาค่าเข้า
จริงๆที่แรกที่เราไปถ่ายรูปคือ โตเกียวทาวเวอร์ ได้ยืนส่องอย่างใกล้ชิดกันเลยทีเดียว นึกถึงละครตอนแปลงร่างเป็นยักษ์เลย ส่วนโตเกียวสกายทรีนั้น ด้านล่างตึกเก็บรายละเอียดครบมาก เดี๋ยวตอนเย็นทริปนี้เราจะไปดูของจริงกัน
งานอียิปต์ก็มานะ พีระมิดสวยงามมาก
เหมือนมีคนงานก่อสร้างกำลังทำงานอยู่
ถัดมาสักหน่อยจะเจอมุมนี้ ดินแดนอียิปต์นี่ใช้พื้นที่กว้างกว่าทุกส่วนเพราะต้องจำลองสัดส่วนมาให้ได้เต็มที่ที่สุด
The Fountain Palace of Peter the Great จากรัสเซีย เป็นพระราชวังฤดูร้อนที่ได้ชื่อว่าเป็นพระราชวังที่งดงามที่สุดในโลก
หอเอนเมืองปิซา จากอิตาลี ไม่มาได้อย่างไร ที่นี่กาลิเลโอ กาลิเลอิ ได้เคยมาทดลองเรื่องแรงโน้มถ่วงด้วยนะ
The Eiffel Tower จากฝรั่งเศส จุดนี้ ถ้าเรายืนถ่ายภาพด้วย ออกมาแล้วเหมือนไปที่โน้นจริงๆเลยนะ
Angkor Wat มาดูฝั่งเอเชียของเราบ้าง นครวัดแห่งประเทศกัมพูชา
Forbidden City จากจีน พระราชวังต้องห้าม อยู่ใจกลางเมืองปักกิ่ง ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจตุรัสเทียนอันเหมิน ตอนนี้เป็นหนึ่งในมรดกโลกไปแล้ว
ไปยืนส่องใกล้ๆแล้วขนลุกขึ้นมาเลย สถานที่จริงคงใหญ่มาก ขนาดจำลองมายังมีพื้นที่ขนาดนี้
The Dragon and Tiger Pagodas in Kaohsiung จากไต้หวัน เจดีย์มังกรเสือ วัดฉือจี้ เกาสง
มาดูจากทีมญี่ปุ่นกันบ้าง นี่คือวัด Yakushi-ji Temple จากนารา สวยงามน่าตามรอยมาก
รายละเอียดขนาดย่อ สเกล 1/25 ไม่น่าเชื่อว่าจะต้องเป๊ะขนาดนี้
Jishoji Silver Pavillion วัดจิโชจากเกียวโต ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยเป็นส่วนหนึ่งของอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เกียวโตโบราณ
ปราสาทคุมาโมโต้ จังหวัดคุมาโมโต้ ปราสาทแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในปราสาทที่มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
ปราสาทฮิเมจิ ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกและสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นเมื่อเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2536 ถือว่าเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น
ดูนาฬิกา นี่เราใช้เวลาที่นี่ราว 2 ชั่วโมงมาแล้วรึ ดูแป๊บๆมาก สงสัยจะเที่ยวรอบโลกจนเพลิน เริ่มหิวข้าวแล้ว ออกไปหาข้าวทานที่ร้านอาหารตรงทางออกกันดีกว่า มื้อนี้เราทานที่ร้านสไตล์ญี่ปุ่นนะ
TOBU WORLD SQUARE
ที่อยู่ | 209-1 Ogahara Kinugawa Onsen Nikko, Tochigi Prefecture 321-2593 |
---|---|
เวลาทำการ | ฤดูร้อน ระหว่างวันที่ 20 มีนาคม – 30 พฤศจิกายน เวลา 9.00-17.00 / ฤดูหนาว ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม – 19 มีนาคม เวลา 9.30 – 16.00 |
ราคา | ผู้ใหญ่ 2800 เยน / เด็ก 1400 เยน ถ้าแสดง Nikko Pass ให้เจ้าหน้าที่ดูตอนซื้อตั๋วจะได้ส่วนลดทันที เหลือ 1800 เยน |
โทรศัพท์ | 0288-77-1055 |
Website | TOBU WORLD SQUARE |
ท้องอิ่มแล้วเราก็เดินทางต่อ ด้วยชานชลาเดิมที่ลงตะกี้ แพลนเดิมคือเราต้องเดินทางด้วย Tobu Kinugawa Line/Tobu Nikko Line ไปลงสถานีโทบุนิกโก้ แต่เนื่องจากเราดื่มด่ำกำซาบกับการถ่ายรูปและท่องเที่ยวเกียวโต นาราเหลือเกิน เราจึงพลาดขบวนนี้ แต่ไม่ต้องตกใจ เราสามารถปรับแพลนได้ ก็ใช้พาสนิกโก้เช่นเดิม
เราจะนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Shimo – Imaichi ก่อน แล้วเปลี่ยนขบวนอีกครั้ง จากนี้เราจะนั่งรถไฟรุ่นคลาสสิกสีแดงแล้วนะ ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงสถานีโทบุนิกโก้ บนชานชลารถไฟ ปกติจะมีตารางเวลา เส้นทาง ควรถ่ายรูปเก็บไว้ดู เผื่อวางแผนตอนขากลับ
ขาออกสถานี ก็ยื่นพาสนิกโก้ + ตั๋วรถไฟให้เจ้าหน้าที่ดูเช่นเคย
ออกมาแล้วจะเจอห้องนี้ นี่คือจุดซื้อตั๋วและ Tobu Nikko Station Tourist Center มีเจ้าหน้าที่อยู่ประจำ สามารถเข้าไปสอบถามการนั่งรถบัส รถไฟ ป้ายรถบัส ขอรับตารางรถบัสและอื่นๆได้
ป้ายโซนมรดกโลกของเรา อยู่ที่ 2B ขึ้นที่ด้านประตูหลัง
เดี๋ยวเราจะได้ลงแล้วนะ เตรียมสัมภาระให้เรียบร้อย อย่าลืมของ เสื้อโค้ท กล้อง เช็คให้เรียบร้อย ถ้าจะลงป้ายไหน กดปุ่มเลย แล้วแค่ยื่นพาสนิกโก้ให้คนขับรถดู
จากนั้นเดินข้ามถนนเข้ามาตามทางเลย
เดี๋ยวเราจะมาถึงจุดที่เค้าเรียกว่าสูงจากระดับน้ำทะเล จุดนี้คือเท่าความสูงของโตเกียวสกายทรี
ป้าย Toshogu และด้านหลังเป็น Ishidorii Gate เป็นประตูโทริอิที่ทำจากหินอันแข็งแกร่ง ซึ่งประตูนี้อุทิศถวายโดยขุนนางชั้นสูง เมื่อปี คศ 1618 โดยการลำเลียงหินมาทางเรือจากเกาะคิวชู
ใครอยากขึ้นมาด้านบน ก็ไปติดต่อซื้อตั๋วที่เจ้าหน้าที่ได้เลย ผู้ใหญ่คนละ 1,300 เยน เด็ก 450 เยน ด้านในก็สวยงามไม่แพ้ด้านนอกเลย
ลิงตัวแรกนั้นจะปิดหู ลิงตัวที่สองปิดปาก และลิงตัวสุดท้ายปิดตา ซึ่งลิงแต่ละตัวนั้นก็มีความหมาย โดยมีความหมายว่า “ See no evil ” “Hear no evil ” “ Speak no evil ” หรือพูดง่ายๆ ว่า ไม่ดู ไม่ฟัง ไม่พูด ในสิ่งที่ไม่ดี
อาคารสีแดงสวยนี้เรียกว่า Sanjinko (โกดังศักดิ์สิทธิ์สามแห่ง) และให้สังเกตด้านบน จะมีงานแกะสลักช้างขนาดใหญ่ซึ่งมาจากจินตนาการของช่างสมัยนั้นที่ไม่เคยเห็นช้างมาก่อน นี่คือสมบัติชาติญี่ปุ่นเลยนะเนี่ย
ทางขึ้นไปสุสานด้านบน เมื่อถึงด้านบนแล้ว นี่แหล่ะถึงจะเรียกว่ามาถึงศาลเจ้านิกโก้โทโชกุ สร้างด้วยความสง่างามสมเกียรติ
NIKKO TOSHOGU SHRINE
ที่อยู่ | 2301, Yamauchi, Nikko-shi, Tochigi Prefecture 321-1431 |
---|---|
เวลาทำการ | เมษายน – ตุลาคม 8.00 – 17.00 / พฤศจิกายน – มีนาคม 8.00 – 16.00 |
ราคา | ผู้ใหญ่ 1300 เยน / เด็ก 450 เยน * เด็ก หมายถึง ประถมและมัธยมต้น |
โทรศัพท์ | 075-204-5543 (+81-75-204-5543) |
Website | NIKKO TOSHOGU SHRINE |
จากนั้นเราก็กลับมายังป้ายรถเมล์เดิม พอขึ้นรถบัสแล้วเราก็จะแวบไปที่สะพานชินเคียว แลนด์มาร์คของนิกโก้อีกแห่ง ให้นั่งรถบัสมาลงที่ป้าย 7 ซึ่งรถบัสจะผ่านสะพานมา แล้วถึงแยกไฟแดง เลี้ยวขวาแล้วก็จอด เราก็ลงตรงนั้นแล้วเดินย้อนขึ้นมานิดหน่อยก็ถึงแล้ว ยื่นพาสให้คนขับดูก่อนจะลงนะ แล้วเดินมาสะพานเลย
แถวนี้ยังมีร้านขนมที่ดังและมีชื่อเสียงด้วยนะ ชื่อร้าน Soppo ก็อยู่ฝั่งตรงข้ามกับป้ายรถบัสเบอร์7 ที่ลงตะกี้
เข้ามาในสถานีโทบุนิกโก้แล้วเลี้ยวซ้าย เพราะขบวนที่จะกลับเข้าโตเกียว อยู่ทางซ้าย ขึ้นให้ตรงตู้เหมือนเช่นเคย โดยดูด้านบนจะมีป้ายบอกหมายเลข ในภาพคือ สำหรับคนที่ขึ้นตู้หมายเลข 3
เรานั่งยาวกลับมาโตเกียว แต่คราวนี้ไม่ได้ลงที่สถานีอาซาคุสะเหมือนตอนเช้านะ เราจะไปลงที่สถานีโตเกียวสกายทรี เพราะแพลนของเราคือ มาดูแสงสีศิวิไลซ์ของมหานครโตเกียวกัน เมื่อรถไฟใกล้จะจอด ให้ออกมายืนรอที่ประตูเช่นเคย
จากสถานีโตเกียวสกายทรีไปยังโตเกียวสกายทรี สามารถสอบถามเส้นทางจากเจ้าหน้าที่สถานีได้
ที่นี่มีพื้นกระจกแบบมองเห็นวิวด้านล่างด้วยนะ ถ้าเป็นตอนกลางวันก็จะสวยด้วยความสว่างของแสงอาทิตย์ พอในเวลากลางคืนก็ยิ่งประทับใจด้วยแสงไฟที่ส่องประกายมาในความมืด และเมื่อออกมาถ่ายรูปด้านนอกกัน จะเจอตึกโตเกียวสกายทรีที่มีแสง light up อีก ประทับใจสุดๆ
ข้อสรุป
Nikko Pass ของTobu ช่วยให้คนที่มีงบประหยัดสามารถท่องเที่ยวในเมืองนิกโก้ เมืองแห่งมรดกโลกได้อย่างสนุกสนานเต็มที่ พาสมีใช้ทั้งแบบ 2 วันและ 4 วัน ซึ่งถือว่าจุใจและเต็มอิ่ม เหมาะสมกับแพลนของผู้เดินทางที่จะเลือกใช้พาสนี้ในทุกช่วงเวลาที่อยู่ในเมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้อย่างคุ้มค่าที่สุด