Cover Photo Cr : skadyfernix / Freepik
ในช่วงที่ผ่านมา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเทรนด์การถ่ายรูปนั้นมาแรงสุด ๆ เพราะใคร ๆ ต่างก็อยากบันทึกภาพของความทรงจำเก็บเอาไว้ ซึ่งในปัจจุบันหลายคนนิยมแชร์ภาพถ่ายผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คกันมากขึ้น ทำให้เกิดเป็นการแข่งขันเล็ก ๆ ที่อยากจะอวดภาพสวย ๆ ที่ถ่ายมาให้โลกได้เห็น
และ ‘กล้องถ่ายรูป’ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยให้การบันทึกความทรงจำของเราสวยงามยิ่งขึ้น นอกเหนือไปจากองค์ประกอบภาพ แสงเงา มุมกล้อง และความสามารถของผู้ถ่าย แต่กล้องดี ๆ สักตัวมันก็แพงเหลือเกิน เพราะฉะนั้นเราลองไป ซื้อกล้องที่ญี่ปุ่น แบบมือสองที่ราคาถูกกว่าที่ญี่ปุ่นกันดีกว่าค่ะ
หากใครมีโอกาสเดินทางไปช้อปปิ้งที่ประเทศญี่ปุ่นอยู่บ่อย ๆ ก็คงจะทราบดีว่าสินค้ามือสองของที่นี่เป็นของดีมีคุณภาพ ซึ่งบางชิ้นยังมีสภาพใหม่เอี่ยมราวกับไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน
กล้องถ่ายรูปเองก็เช่นกัน ด้วยความที่เป็นสินค้าที่มีการผลิตเป็นจำนวนมาก ทำให้มีกล้องรุ่นใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ส่วนรุ่นเก่าที่ตกรุ่นแล้วก็ถูกเจ้าของนำมาขายทอดตลาดกลายเป็นกล้องมือสองที่มีขายอยู่มากมายในญี่ปุ่นนั่นเอง
สำหรับกล้องที่จำหน่ายอยู่ในประเทศญี่ปุ่นถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
เป็นสินค้าที่ผลิตและขายในประเทศญี่ปุ่น ทุกอย่างจะเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด ตั้งแต่เมนู คู่มือ ซอฟต์แวร์ ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนภาษาได้ และจะรับประกันเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งบางครั้งอาจใช้ไฟฟ้า 110 V. ได้อย่างเดียว ซึ่งไม่สามารถใช้ที่ไทยได้ แต่มีข้อดีคือราคาถูกกว่าประเภทอื่นมาก
ตัวกล้องจะมีเมนู คู่มือ และซอฟต์แวร์เป็นภาษาอังกฤษ (ยกเว้นกล้องดิจิตอลยี่ห้อ Sony และ Panasonic) กระแสไฟฟ้าที่ใช้รองรับตั้งแต่ 110-240 V. แต่จะรับประกันเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น และมีราคาไม่ต่างจากประเภทที่ 1 มากนัก
เป็นกล้องที่ผลิตขึ้นเพื่อส่งขายไปยังตลาดต่างประเทศ ทำให้รองรับได้หลายภาษา ซึ่งบางครั้งอาจมีภาษาไทยด้วย ตั้งแต่เมนู คู่มือ และซอฟต์แวร์ มีกระแสไฟฟ้าที่ครอบคลุมและการรับประกันแบบ Worldwide สามารถนำไปเคลมที่ประเทศใดก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่ามีราคาสูงที่สุดในบรรดากล้องทั้งสามประเภท
แม้ว่าจะเป็นกล้องมือสองที่ราคาถูกลดลงมากกว่าครึ่งแล้วก็ตาม เราก็ยังต้องใช้ความตั้งใจในการเลือกซื้อ โดยเพื่อน ๆ จะต้องรู้ก่อนว่าอยากได้กล้องไว้ใช้ทำอะไร เพราะถ้าใช้ในการทำงานก็ต้องเลือกกล้องเสปคสูง ๆ แต่ถ้าใช้เพื่อถ่ายภาพบันทึกความทรงจำก็อาจเลือกเสปคที่ต่ำลงมาหน่อย จะได้มีเงินเหลือเก็บไว้ช้อปปิ้งอย่างอื่นต่อ
และไม่ว่าจะซื้อกล้องรุ่นใด ราคาเท่าไร จะเสปคสูงหรือต่ำ สิ่งที่เราชาวไทยต้องยึดมั่นไว้เสมอคือหลักสิทธิผู้บริโภคนั่นเอง พูดง่าย ๆ ก็คือ ‘ซื้ออย่างไร…ไม่ให้เสียเงินฟรี’ และนี่คือข้อแนะนำและสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ ซื้อกล้องที่ญี่ปุ่น มือสอง
1. หากไม่ได้ซื้อ JR All Pass ไว้ แนะนำให้ซื้อเป็น 1 Day Pass ของจังหวัดที่ไปเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เพราะเราอาจไม่เจอกล้องแบบที่ต้องการในร้านเดียว ทำให้ต้องเดินทางตามหา
2. อย่าลืมพกพาสปอร์ตติดตัวไปด้วยเพื่อใช้ในการขอยกเว้นภาษี (ในกรณีที่ซื้อสินค้าครบ 10,800 เยนขึ้นไป) เพราะถึงแม้จะเป็นกล้องมือสองแต่ก็สามารถยกเว้นภาษีได้ เท่ากับว่าเราได้ลดราคาไปอีก 8% เพราะฉะนั้นห้ามลืมเด็ดขาด
3. ร้านขายกล้องมือสองในญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไม่ให้ต่อราคาเพราะเค้าไม่ได้ตั้งราคาสูงไว้เผื่อต่อเหมือนบ้านเรา
4. แทบทุกร้านจะมีระบบสมาชิกให้สะสมแต้มสำหรับการซื้อแต่ละครั้ง ซึ่งนักท่องเที่ยวอย่างเราที่ไม่ได้ซื้อบ่อย ๆ นั้นไม่จำเป็น จึงอาจลองพูดคุยเพื่อต่อรองกับพนักงานดูว่าเราสามารถเปลี่ยนเป็นสิทธิพิเศษอื่นได้หรือไม่ เช่น ส่วนลดเพิ่มจาก 5% เป็น 10% เป็นต้น
5. กล้องมือสองจะถูกแบ่งเกรดออกเป็น A, B และ C (บางร้านอาจแบ่งเกรดไว้มากกว่านี้) ซึ่งราคาก็จะลดหย่อนตามสภาพกันไป โดยการจัดเกรดจะเขียนไว้ที่มุมบนขวาของป้ายราคา รวมทั้งรายละเอียดสินค้าอย่างเช่นอุปกรณ์ที่มากับตัวกล้องหรือกล้องตัวนี้ขาดอุปกรณ์ใดและมีตำหนิตรงไหนบ้าง (เป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ แนะนำให้ขอพนักงานลองเล่นดู)
6. เมื่อเจอกล้องมือสองรุ่นที่ต้องการแล้ว อันดับแรกที่ต้องทำคือการทดลองใช้ด้วยตัวเองเพื่อทดสอบตัวกล้องเบื้องต้นกันก่อน เริ่มจากเช็คด้านกายภาพว่าสึกหรอมากน้อยเพียงใด แล้วจะส่งผลต่อการใช้งานหรือเปล่า ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่จะมาจากเลนส์ที่ได้มาพร้อมกล้อง เพราะหากมีราขึ้นเพียงจุดเล็ก ๆ ก็อาจทำให้เลนส์ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
จากนั้นก็เริ่มทดสอบเมนูคำสั่งและปุ่มกดต่าง ๆ ว่ายังใช้งานได้ปกติหรือไม่ กดไปกดมาจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรที่ผิดปกติ และการทดสอบที่ดีที่สุดก็คือการลองถ่ายจริงแล้วดูว่าภาพที่ได้มีความคมชัดหรือแสงสีตามที่ต้องการไหม สุดท้ายคือเรื่องประกันว่าหมดอายุหรือยัง แต่ถ้าไม่ใช่แบบ Worldwide ก็ไม่มีผลเท่าไรนัก
7. และที่สำคัญที่สุดที่อยากบอกก็คือ “ควรซื้อกล้องมือสองในวันแรก ๆ ที่เดินทางไปถึงญี่ปุ่นและลองใช้งานจริงเลย เพราะหากมีปัญหายังสามารถนำกลับไปให้ที่ร้านดูได้ ฉะนั้น…ไม่ควรซื้อวันสุดท้ายก่อนกลับ”
ในโตเกียวนั้นมีร้านจำหน่ายกล้องอยู่มากมาย ตั้งแต่แบรนด์ยักษ์ใหญ่ไปจนถึงร้านเล็ก ซึ่งแหล่งรวมร้านขายกล้องส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้น Akihabara ย่านจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ นั่นเอง ซึ่งเกือบทุกร้านขายกล้องจะมีขายทั้งกล้องมือหนึ่งและมือสอง โดยอาจจะขายแยกกันคนละชั้นหรือคนละตึก
รุ่นของกล้องและราคาก็จะแตกต่างกันไป เพราะกล้องมือสองแต่ละตัวก็เปรียบเหมือนกับสินค้าที่มีตัวเดียวในโลก เพราะผ่านการใช้งานมาต่างกัน และตัวไหนถูกขายไปแล้วก็คือไม่มีแล้ว หมดแล้วหมดเลย ในฐานะลูกค้า เราก็ต้องอาศัยความใจเย็นและศึกษาข้อมูลมาให้เยอะ ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ
สำหรับร้าน Yodobashi สาขา Akihabara นั้นเป็นสาขาที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีขายทั้งกล้องมือหนึ่งและมือสองที่ให้เลือกกันแบบสะใจ ส่วนรุ่นและราคาก็มีหลากหลาย ค่อย ๆ เดินและหากันไปอย่าใจร้อน
ที่อยู่ | 1-1 Kandahanaokacho, Chiyoda-ku, Tokyo 101-0028, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line มาลงสถานี Akihabara ออกทางออกฝั่งถนน Showa Dori แล้วเดินอีก 2 นาที |
เวลาทำการ | 9.30-22.00 น. |
โทรศัพท์ | 03-5209-1010 |
Website | Yodobashi-Akiba |
ร้าน Fujiya Camera สาขาที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานี Nagano นั้น แบ่งร้านออกเป็นหลายตึกและหลายชั้นเพื่อแยกประเภทและยี่ห้อของกล้องออกจากกัน ซึ่งก็มีมากมายจนอาจเลือกไม่ถูก และเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนเราควรเลือกประเภทของกล้องที่ต้องการเอาไว้ก่อน
ที่อยู่ | 5-61-1 Yubinbango, Nakano-ku, Nakano, Tokyo 164-0001 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Chou Line มาลงสถานี Nagano แล้วเดินอีก 3 นาที |
เวลาทำการ | 10.00-20.30 น. |
โทรศัพท์ | 03-5318-2241 |
Fujiya Camera |
หากไม่ใช่นักช้อปกล้องมือสองตัวจริง อาจไม่ค่อยคุ้นชื่อร้าน Map Camera มากนัก แต่ที่นี่เป็นอีกร้านขายกล้องมือสองที่น่าสนใจ ภายในร้านจะแบ่งประเภทของกล้องในแต่ละชั้นที่ค่อนข้างชัดเจน ทำให้สะดวกกับลูกค้าอย่างเรา
ที่อยู่ | 1-12-5 อาคาร, Buranshe Nishi-Shinjuku, Shinjuku, Tokyo 160-0023 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line มาลงสถานี Shinjuku ออกทางออกฝั่ง Shinjuku Post Office แล้วเดินอีก 5 นาที |
เวลาทำการ | 10.30-20.00 น. |
โทรศัพท์ | 03-3342-3381 |
Website | Map Camera |
ตะลุยโอซาก้าตามล่าร้าน ‘กล้องมือสอง’ ที่เค้าว่าเด็ด !
ใครที่กำลังวางแผนจะไปโอซาก้าเชิญทางนี้ ! เราได้ทำการรวบรวมร้านขาย ‘กล้องมือสอง’ เด็ด ๆ ในโอซาก้ามาไว้ให้เพื่อน ๆ ได้ไปละลายทรัพย์แบบคุ้มค่ากันแล้ว
Blogger : Mytarn
เราเองก็เป็นหนึ่งในคนไทยที่หลงใหลในประเทศญี่ปุ่น ?? และรู้สึกเหมือนกับหลาย ๆ คนที่ไม่เคยเบื่อการเดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศแห่งนี้ สิ่งที่ชอบที่สุดคงจะเป็นขนม เบียร์ และการช้อปปิ้ง อิ้ง อิ้ง อิ้ง~ ???
178 Posts
Seibu Pepe Shinjuku & Brick St.ห้างวินเทจใจกลางชินจูกุ แหล่งรวมร้านอร่อย ช้อปปิ้งสุดเพลินทั้งวัน
Seibu Pepe Shinjuku & Brick St. คือห้างใหญ่ใจกลางเมืองชินจูกุ การเดินทางมาแสน...
เครื่องสำอางญี่ปุ่น 2020 รวม 40 อันดับน่าใช้ได้ใจสุด
มาแลัว กับอันดับ เครื่องสำอางญี่ปุ่น 2020 ออกใหม่สดๆ ร้อนๆ ยังคงรวบรวบข้อมูลใ...
Mitsui Garden Hotel Ueno ที่พักราคาดี ตรงข้ามสถานีอุเอโนะ
Cr: Booking ยินดีต้อนรับเข้าสู่โรงแรม Mitsui Garden Hotel Ueno ที่นับว่าเป็นโร...
[รีวิว] SEIBU Shibuya Department Store ห้างใหญ่ ในชิบูย่า ใกล้สถานี ที่รวบรวมแบรนด์ที่มีชื่อเสียงของโลก
ห้างเซบุ (SEIBU) เป็นหนึ่งใน 10 ห้างดังย่านชิบูย่า (SHIBUYA) ที่รวบรวมแบรนด์ที...
10 ที่เที่ยวฟูจิ เปิดพิกัดที่เที่ยวแบบใหม่ ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
Kitaguchi-hongu Fuji Sengen Shrine ศาลเจ้าที่อุดมไปด้วยพลังงานของขุนเขา คิตะกุ...
50 อันดับ อาหารญี่ปุ่น ที่ไปแล้วต้องกิน !
22/07/2019 | Japan
เหล้าบ๊วยญี่ปุ่น 7 อันดับ รสเยี่ยม ที่ต้องห้ามพลาด
23/02/2017 | Japan
โอมากาเสะ คือ อะไร กินแบบไหน รู้ไว้ก่อนลอง
31/07/2018 | Japan
เทียบ 6 แกงกะหรี่สำเร็จรูป ยี่ห้อไหนอร่อย พร้อมเคล็ด(ไม่)ลับจากครัวญี่ปุ่น
22/05/2020 | Japan
8 ร้านขายสินค้าญี่ปุ่นในไทย พร้อมพิกัด ช้อปสินค้าแก้คิดถึง
14/10/2021 | Japan
Police
110
Ambulance
119
AMDA International Medical Information Center
03-5285-8088
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว
03-5789-2449
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า
06-6262-9226-7
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ
092-686-8775
เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น คลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้คุ๊กกี้ของเราผ่านทาง นโยบายความเป็นส่วนตัว