ปราสาทซูริ Shuri Castle
ปราสาทซูริ Shuri Castle นั้นเป็นปราสาทที่ไม่ปรากฎปีที่สร้างขึ้นแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อประมาณศตวรรษที่ 13- 14 โดยตัวปราสาทนั้นเป็นสีแดง และรูปแบบจะแตกต่างจากปราสาทอื่นๆของญี่ปุ่นเพราะว่าได้รับอิทธิพลจากจีนมา
ซึ่งในอดีตนั้นปราสาทซูริ Shuri Castle ถือว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวริวกิว และถูกใช้เป็นที่พำนักของราชวงค์ที่ปกครองอาณาจักรริวกิว
ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในศึก Battle Of Okinawa ปราสาท Shuri ได้ถูกใช้เป็นศูนย์บัญชาการรบของกองทัพญี่ปุ่น ทำให้ถูกฝ่ายอเมริกายิง ปืนใหญ่ถล่มจนปราสาทถูกทำลายลง ในปีค.ศ. 1950 ปราสาท Shuri ก็ถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยริวกิว
ปีค.ศ. 2000 ปราสาท Shuri ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้คอนเซป Gusuku Sites and Related Properties of the Kingdom of Ryukyu หรือแปลเป็นไทยคือ กูซุคุ และ ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรริวกิว ( Gusuku คือ ปราสาท หรือป้อมปราการ ในหมู่เกาะริวกิวที่มีกำแพงหินล้อมไว้ )
แต่ทว่าในปีค.ศ. 31 ตุลาคม 2019 ปราสาท Shuri ได้ถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ ทำให้ปราสาทเสียหายอย่างหนัง แต่ปัจจุบันปราสาทได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอีกครั้งหนึ่ง
จุดที่น่าสนใจของปราสาทซูริ Shuri Castle
ประตู Shureimon
ถ้าพูดถึงจุดที่น่าสนใจของปราสาทซูริ Shuri Castleจะไม่พูดถึงประตู Shureimon แห่งนี้ไม่ได้
เพื่อนๆเคยเห็นธนบัตร 2000 เยนกันมั้ยครับ เพราะประตูแห่งนี้จะปรากฎอยู่บนธนบัตร 2000 เยนนั่นเอง
โดยที่ตัวประตูที่จมะป้ายแขวนไว้ ซึ่งเขียนว่า Shurei No Kuni แปลว่า อาณาจักรแห่งการรักษามารยาทขนบธรรมเนียม เพราะคำว่า Shurei แปลว่า การรักษาขนบธรรมเนียม
ประตูหิน Sonohyan-Utaki Ishimon
ประตูแห่งนี้ถูกทำลายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนที่จะสร้างขึ้นมาใหม่ในปีค.ศ. 1957
ก่อนที่ถูกจดทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2000
ในอดีตนั้นประตูแห่งนี้ถูกใช้สถานที่ที่กษัตริย์มาอธิฐานของพรก่อนที่จะเดินทางไปราชการ
ประตู Kankaimon
ประตูแห่งนี้ในอดีตถูกใช้สำหรับต้อนรับบุคคลสำคัญ เพราะในอดีตเคยใช้ต้อนรับคณะทูติจากประเทศจีน เลยถูกใช้ต้อนรับบุคคลสำคัญตั้งแต่นั้นมา
โดยคำว่า Kankai แปลว่าการต้่อนรับ
ถ้าสังเกตในรูปดีๆ ทั้ง 2 ข้างของประตูจะมีสิงโตอยู่ทั้งซ้ายและขวา ซึ่งสิงโตชนิดนี้เรียกว่า Shisa ซึ่งตามความเชื่อนั้น สิงโตคู่นี้จะปกป้องปราสาทจากความชั่วร้ายต่างๆ
ประตูแห่งนี้ก็ถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยเช่นกัน แต่ก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในปีค.ศ. 1974
ประตู Zuisenmon
ประตูแห่งนี้ทางด้านขวาจะมีรูปปั้นที่เป็นหัวมังกรและมีน้ำพุไหลมาจากปากของมังกร ซึ่งหัวมังกรอันนี้เรียกว่า Ryuhi โดยในอดีตนั้น Ryuhi ถูกนำเจ้ามาจากประเทศจีน ซึ่งน้ำพุจะถูกใช้ดื่มกินกันในปราสาท
โดยชื่อของประตู Zuisenmon คำว่า Zuisen แปลว่าน้ำพุแห่งความสุข
ซึ่ง 2 ข้างของประตูนี้ก็ยังมี Shisa วาคู่กันอยู่ด้วยเช่นเดียวกับประตู Kankaimon
ประตู Roukokumon
ประตูแห่งนี้จะมีถังเก็บน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านบน ซึ่งจะไว้ใช้วัดเวลาจากน้ำที่ตกลงมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะตีกลอง เมื่อเจ้าหน้าอีกคนได้ยินเสียงกลองก็จะตีระฆัง เพื่อให้ผู้คนทั้งในและนอกปราสาทได้ทราบถึงเวลา
โดยคำว่า Roukoku ในภาษาจีนแปลว่า นาฬิกาน้ำ
Suimui Utaki
Suimui Utaki นับว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ด้านหน้ากำแพงปราสาท Shuri ตามความเชื่อนั้นเชื่อกันว่า Suimui Utaki ถูกสร้างโดยพระเจ้าและสร้างขึ้นมาก่อนปราสาท Shuri ซะอีก
Suimui Otaki นั้นถูกกล่าวขึ้นในบทกวีโบราณ Omoro Soshi ด้วยเช่นกัน
ประตู Hoshimon
ประตู Hoshimon จะเป็นประตู 3 ช่อง โดยประตูตรงกลางจะเป็นประตูสำหรับกษัตริย์ คณะทูตจีน และบุคคลระดับสูง ส่วนเจ้าหน้าที่ธรรมดาจะเดินประตูซ้ายขวาข้างๆ แทน
โดยประตูนี้มีอีกชื่อคือ Kimihokori ujo นอกจากทางเดินแล้ว ทางซ้ายสุดและขวาสุด ก็จะมีห้องด้วย โดยห้องทางซ้ายเรียกว่า Naden เป็นห้องสำหรับเก็บชา ยา ยาสูบ ห้องทางขวาเป็นห้องสำหรับทำพิธี Kimihokori และพิธีกรรมอื่นๆ
ประตู Hoshinmon นั้นนับว่าเป็นประตูสุดท้ายในเส้นทางสู่ปราสาท Shuri โดยตามบันทึกได้กล่าวไว้ว่า ราวบันไดหินของประตู Hoshinmon นั้นสร้างเสร็จเมื่อปีค.ศ. 1562 ดังนั้นแล้วตัวประตูน่าจะเริ่มสร้างก่อนหน้านั้น ต่อมาในปีค.ศ. 1754 ก็ได้ปรับปรุงตามแบบระบบของจีน
และในสมัยปลายยุคเมจิประมาณค.ศ. 1868 – ค.ศ. 1912 ก็ได้ถูกรือถอนออกไป
และในค.ศ. 1992 ประตูแห่งนี้ก็ได้ถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
อาคารหลัก Seiden
อาคารหลักของปราสาท Shuri เรียกกันว่า Seiden ซึ่งมีสีแดงทั้งหลัง ดูจากภายนอกแล้วเหมือนจะมี 2 ชั้น แต่จริงๆ มีทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกัน
ปราสาท Shuri นั้นสร้างขึ้นมาจากไม้ และเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดของอาณาจักรริวกิว
- ชั้นแรก เรียกว่า Shichagui ชั้นนี้หลักๆคือมีไว้สำหรับกษัตริย์ใช้ทรงงานต่างๆ โดยมีบัลลังค์ที่สำหรับให้กษัตริย์ประทับเรียกว่า Usasuka ซึ่งด้านหลังของบังลังค์จะมีบันไดไว้ขึ้นลงชั้น 2 ของปราสาท และด้านหน้าของบัลลังค์มีเสา 2 เสา ลายเมฆสีทองและมังกร
- ชั้นสอง เรียกว่า Ufugui บริเวณชั้นนี้ มีไว้สำหรับราชินีและสตรีชั้นสูง ซึ่งชั้นนี้ก็มี Usasuka ด้วยเช่นกัน แต่จะมีไว้สำหรับกษัตริย์ทำพิธีกรรม บวงสรวงต่างๆ รวมถึงงานพระราชพิธีและงานเลี้ยงต่างๆ
ตรงข้ามกับ Usasuka เรียกว่า Karahafu ซึ่งจุดนี้จะถือว่าเป็นจุดหนึงของปราสาทที่มีความสำคัญมาก เพราะว่าสถานที่สำหรับกษัตริย์ประกอบพิธีกรรมต่อหน้าข้าราชการที่ยืนเข้าแถวบริเวณจตุรัส Una ในวันสำคัญอย่างเช่นวันขึ้นปีใหม่เป็นต้น
ชั้น 3 นั้นเป็นห้องใต้หลังคาสำหรับระบายอากาศ
จตุรัส Una
จตุรัสที่อยู่ด้านหน้าของอาคารหลักของปราสาท Shuri ซึ่งเป็นลานสำหรับทำพิธีต่างๆ โดยพื้นจะปูกระเบื้องเป็นสีต่างๆ สำหรับแบ่งระดับยศของข้าราชการที่มาร่วมพิธี
โดยจตุรัสนี้จะล้อมด้วยอาคารสำคัญๆ เช่น Seiden, nanden และ Bandokoro ทางทิศใต้ และ Hokuden ทางทิศเหนือ
พิกัด ปราสาท Shuri
ที่อยู่ | 1 Chome-2 Shurikinjocho, Naha, Okinawa 903-08 |
วิธีเดินทาง | จากสนามบิน Naha โดยสารรถไฟ Yui Rail มาลงสถานี Shuri Station แล้วเดินอีกประมาณ 15 นาที จะถึงประตู Shureimon หรือ จากสถานี Shuri Station โดยสารรถบัส ที่ป้าย Shuri Ekimae มาลงป้าย Shurijo Mae แล้วเดินอีก 1 นาทีจะถึงประตู Shureimon |
เวลาทำการ | เปิดบริการทุกวันยกเว้นวันพุธแรกและวันถัดไปของเดือนกรกฎาคม โซนฟรี 08.00 น. – 19.30 น ( เดือนเมษายน – มิถุนายน ) 08.00 น. – 20.30 น. (กรกฎาคม – กันยายน ) 08.00 น. – 19.30 น. ( ตุลาคม – พฤศจิกายน ) 08.00 น. – 18.30 น. ( ธันวาคม – มีนาคม ) โซนเสียเงิน 08.30 น. – 19.00 น. ( เมษายน – มิถุนายน ) 08.30 น. – 20.00 น. (กรกฎาคม – กันยายน ) 08.30 น. – 19.00 น. ( ตุลาคม – พฤศจิกายน ) 08.30 น. – 18.00 น. ( ธันวาคม – มีนาคม ) |
ราคา | ผู้ใหญ่ 400 เยน เด็กมัธยม 300 เยน เด็กประถม 160 เยน |
Website | ปราสาท Shuri |
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงปราสาทซูริ Shuri Castle
ว่ากันด้วยเรื่องของ Shisa และสถานที่ตั้งของ Shisa ในตำนานที่ห้ามพลาด
Shisa คือสิงโตแกะสลัก ที่ชาว Okinawa เชื่อว่าของสิริมงคลและปกป้องบ้านเรือนจากสิ่งชั่วร้าย ซึ่งมักจะวางไว้คู่กันหน้าประตูบ้าน หรือบนหลังคา
ตามความเชื่อนั้นก็จะมีหลายความเชื่อด้วยเช่นกัน อย่างเช่นบางความเชื่อจะเชื่อว่า สิงโตที่กำลังหุบปากมีความหมายว่าเก็บความดีเอาไว้ในปาก แต่อีกความเชื่อก็จะเชื่อว่าสิงโตได้เก็บความชั่วร้านที่จะเข้ามาในบ้านไว้ในปาก หรือสิงโตที่กำลังอ่าปากคือการปลดปล่อยความชั่วออกไป กับอีกความเชื่อ คืออ้าปากปล่อยความสุขเข้ามาในบ้าน
Shisa แห่งหมู่บ้าน Tomori
หมู่บ้าน Tomori เป็นหมู่บ้านที่อยู่ทางตอนใต้ของ Okinawa เดิมทีนั้นหมู่บ้านนี้มีชื่อว่า Torimori ในอดีตนั้นหมู่บ้าน Torimori เป็นหมู่บ้านที่เกิดเพลิงไหม้ขึ้นบ่อยมาก ทำให้คนในหมู่บ้านของขอคำปรึกษาจากซินแสท่านหนึ่ง โดยซินแซให้คำแนะนำว่า ให้สร้าง Shisa ขึ้นมาแล้วตั้งให้หันหน้าเข้าไปทางภูเขา Yaese เพราะตามความเชื่อนั้น เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นบ่อยๆมาขจากพลังของภูเขา Yaese
ปัจจุบัน Shisa ตัวนี้ก็ยังคงอยู่ที่หมู่บ้าน Tomori โดยสามารถรอดจากการถูกทำลายในช่วงสงครามโลกได้
Shisa ตัวนี้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาชมไได้ โดยเป็น Shisa ที่อายุมากที่สุดและขนาดใหญ่ที่สุด
พิกัด Tomori Stone Lion
ที่อยู่ | 22 Tomori, Yaese, Shimajiri District, Okinawa 901-0402 |
วิธีเดินทาง | จาก Naha นั่งรถบัสมาลงป้าย Tomori แล้วเดินต่ออีก 10 นาที หรือขับรถตามพิกัดนี้ https://goo.gl/maps/YmcGxttA4MuhbEkp9 |
เวลาทำการ | เปิดตลอด 24 ชั่วโมง |
ราคา | ฟรี |
Website | Tomori Stone Lion |
Kinjo Stone Road
Shuri Kinjo Stone Road หรือเรียกย่อๆว่า Kinjo Stone Road เป็นถนนหินที่ทำมาจาก หินปูน ตั้งอยู่ทางใต้ของปราสาท Shuri โดยมีระยะทาง ประมาณ 300 เมตร กว้าง 4 เมตร แต่ความจริงมีความยาวถึง 10 กิโลเมตร แต่ทว่าได้ถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เหลือเพียง 300 เมตร
ถนน Shuri kinjo แห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อเชื่อมระหว่างปราสาท Shuri และท่าเรือ Naha เพื่อทำให้เคลื่อนย้ายทหารไปยังท่าเรือได้รวดเร็ว
ปัจจุบัน ถนน Kinho Stone Road ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของ Okinawa ที่จะต้องลองไปเดินดูซักครั้งในชีวิต
พิกัด Kinjo Stone Road
ที่อยู่ | 2 Chome Shurikinjocho, Naha, Okinawa 903-0815 |
วิธีเดินทาง | เดิน 10 นาทีจากปราสาท Shuri |
เวลาทำการ | เปิดตลอด 24 ชั่วโมง |
ราคา | ฟรี |
Website | Kinjo Stone Road |
สวน Shikina-en Royal Gardens
สวน Shikinaen สร้างขึ้นช่วงศตวรรษที่ 18 โดยเป็นที่พักอาศัยแห่งที่ 2 ของกษัตริย์ริวกิว โดยมีวังที่สร้างจากไม้ เป็นสไตล์ Okinawa และมีหลังคาสีแดง เป็นสไตล์ญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในสวนที่ตรงกลางเป็นบึง ก่อนที่สวนนี้จะถูกทำลายในศึก Battle Of Okinawa ในปีค.ศ. 1945 ก่อนที่จะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในช่วงหลังสงคราม
ปัจจุบันสวนนี้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้คอมเซป Gusuku
ปัจจุบันสวนแห่งนี้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาได้สัมผัสความงดงามของธรรมชาติพร้อมทั้งสูดอากาศบริสุทธิ์ และได้เห็นสถาปัตยกรรมของวังในสวนนี้ด้วย
พิกัด สวน Shikina-en Royal Gardens
ที่อยู่ | 421-7 Maaji, Naha, Okinawa 902-0072 |
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัสจากสถนามบิน Naha 20 นาที |
เวลาทำการ | เดือนเมษายน – กันยายน 09.00 น. – 18.00 น. เดือนตุลาคม – มีนาคม 09.00 น. -17.30 น. |
ราคา | ผู้ใหญ่ 400 เยน เด็ก 200 เยน |
Website | Shikina-en |
Naha kokusai dori shopping street
ถนน Kokusaidori หรือแปลเป็นอังกฤษคือ International Road เป็นถนนช็อปปิ้งหลักของ Naha โดยชื่อของถนนมีที่มาจากอดีตโรงภาพยนตร์ที่มีชื่อว่า Ernie Pyle International Theater ซึ่งโรงภาพยนตร์นี้สร้างขึ้นพร้อมกับถนนเส้นนี้หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2
ถนนช็อปปิ้งแห่งนี้มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ โรงแรม ร้าน และห้างสรรพสินค้า โดยร้านค้าส่วนใหญ่จะเปิดถึงประมาณ 4 ทุ่ม ซึ่งร้านอาหารบางร้านก็จะมีการเล่นดนตรี Okinawa แบบสดๆ ให้ฟังอีกด้วย
ซึ่งเรียกว่าถ้าใครมา Okinawa ต้องมาช็อปสินค้าที่นี่กันแทบทุกคน
พิกัด Naha kokusai dori shopping street
ที่อยู่ | 3 Chome-2-10 Makishi, Naha, Okinawa |
วิธีเดินทาง | จากสถานี Monorail Kencho – Mae เดิน 10 นา |
เวลาทำการ | ร้านส่วนใหญ่เปิดตั้งแต่ 10.00 น. – 22.00 น. |
ราคา | – |
Website | Naha Kokusai Dori Shopping Street |
สรุป
ปราสาท Shuri นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังคงเอกลักษณ์ของอาณาจักรริวกิวไว้เต็มเปี่ยม ซึ่งถ้านักท่องเที่ยวได้ไปที่นี่จะได้เห็นวัฒนธรรมริวกิวแบบเต็มอิ่ม รวมถึงภูมิปัญญาของชาวริวกิวอย่างเช่นประตู Roukokumon ที่ใช้น้ำในการบอกเวลา หรือหัวมังกร Ryuhi เป็นต้น เป็นปราสาทที่ต้องไปซักครั้งในชีวิต
นอกจากนั้นแล้วสถานที่ท่องเที่ยวใกล้่ๆเคียงก็ยังน่าสนใจที่ต้องไปให้ได้ซักครั้ง รวมถึงถนนช็อปปิ้งที่มีของขายมากมาย ก็น่าสนใจไม่น้อย