ตะลุยแดนหิมะ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ พาเที่ยวโทชิงิ-ฟุกุชิมะ-มิยางิ พิกัดถ่ายรูปจัดเต็ม!

โทชิงิ/มินามิโทโฮคุครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ โทชิงิ ฟุกุชิมะ มิยางิ และยามากาตะ จังหวัดโทชิงิอยู่ในภูมิภาคคันโตเช่นเดียวกับโตเกียว ส่วนฟุกุชิมะ มิยางิ และยามากาตะตั้งอยู่ในตอนใต้ของภูมิภาคโทโฮคุ จึงเรียก 3 จังหวัดนี้ว่าบริเวณมินามิโทโฮคุ ซึ่งแปลว่าโทโฮคุตอนใต้

4 จังหวัดนี้มีหิมะตกหนักในฤดูหนาว นอกจากกินซังออนเซ็นในยามากาตะแล้ว แต่ละจังหวัดก็ยังมีแหล่งออนเซ็นมากมาย เมื่อเข้าฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระก็จะผลิบานอย่างสวยงาม แต่เนื่องจากหลายพื้นที่อุณหภูมิต่ำกว่าโตเกียว จึงมีโอกาสจะได้ชมซากุระช้ากว่าโตเกียว ซึ่งตรงกับช่วงสงกรานต์พอดี บางช่วงเวลายังสามารถชมหิมะพร้อมซากุระได้ในบางพื้นที่ อีกทั้งฤดูใบไม้ร่วงในภูมิภาคนี้ยังมีใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามอีกด้วย

จะเดินทางจากโตเกียวเข้าถึงใจกลางแต่ละจังหวัดด้วยชินคันเซ็นและรถไฟด่วนพิเศษได้ในเวลาอันสั้นและสะดวกสบาย

Model course นี้เหมาะกับคนที่อยากเล่นหิมะไปพร้อมกับเก็บรูปสวยๆ ระหว่างทริป ทำกิจกรรมน่ารักๆ อย่างเก็บสตรอเบอร์รี่และชิมขนม ทริปนี้จะพาเดินทางจากโตเกียวถึงนิกโก้ เดินเล่นหมู่บ้านโบราณโออุจิจูกุ เล่นสกี แวะไปหาจิ้งจอกญี่ปุ่น ตามด้วยช้อปปิ้ง ใครที่กำลังหาทริปดีๆ ไปเที่ยวกับเพื่อนหรือคนรัก ลองอ่านเป็นแนวทางได้นะ

ตั้งต้นจากโตเกียว ไปตะลุยพิกัดดัง เที่ยวโทชิงิ ฟุกุชิมะ และมิยางิกันได้เลย

วิธีเดินทางจากโตเกียวไปนิกโก้

การเดินทางจากโตเกียวไปนิกโก้ได้หลายแบบ รวมถึงมีพาสที่ใช้ได้ สามารถเลือกให้เหมาะกับที่พักงบประมาณและกำหนดการ

จากสถานีโตเกียวไปนิกโก้

จากสถานีชินจูกุไปนิกโก้

จากสถานีอาซากุสะไปนิกโก้

จากสถานีโตเกียวไปนิกโก้ด้วยรถบัสด่วน

ฟรีพาสที่แนะนำ

พาสขึ้น Tobu Bus แบบไม่จำกัดเที่ยว กรณีไปถึงน้ำตกเคงอน แนะนำให้ซื้อ Chuzenji Onsen Free Pass ใช้ขึ้นลงบัสในบริเวณที่กำหนดแบบไม่จำกัดเที่ยวตลอด 2 วัน ซื้อได้ที่ Tourist Center ของ Tobu Nikko Station

DAY1 วัดและศาลเจ้ามรดกโลกในนิกโก้ และ Yunishigawa Onsen Kamakura Festival

＞＞การเดินทาง：จาก Tobu Nikko Station ถึงสะพานชินเคียว นั่งรถ World Heritage Sightseeing Bus ประมาณ 5 นาที

วัดและศาลเจ้ามรดกโลกในนิกโก้

มาถึงนิกโก้แล้วต้องแวะที่เที่ยวต่อไปนี้

ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1999 ประกอบด้วยนิกโก้โทโชกุ วัดรินโนจิ และศาลเจ้าฟูทาระซัง ล้อมรอบด้วยซากโบราณสถาน

แม้นิกโก้จะโด่งดังเรื่องงานแกะสลักวิจิตรสวยงาม แต่ก็มีรูปแกะสลักน่ารักๆ ด้วย ที่ดังๆ ก็ได้แก่ แมวหลับ (Nemuri Neko) ที่ได้รับเลือกให้เป็นสมบัติแห่งชาติ และ ลิงสามตัว

สำหรับลิงสามตัวนั้น ลิงตัวแรกจะปิดตา ตัวที่สองปิดหู และตัวที่สามปิดปาก ซึ่งกล่าวกันว่าหมายถึงคำสอนว่า ไม่ให้ดู ฟัง หรือพูดสิ่งไม่ดี เพื่อรักษาจิตใจอันบริสุทธิ์ไว้นั่นเอง แค่ดูก็น่ารักดี แต่ยิ่งรู้ความหมายก็ยิ่งอินนะ

นอกจากนี้ ยังมีศาลเจ้าฟูทาระซังที่เป็นพาวเวอร์สปอตที่ขึ้นชื่อเรื่องความรักและเป็นที่นิยมของสาวๆ อีกด้วย ภายในมีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ว่ากันว่าขลังเรื่องคู่ ใครสนใจลองไปตามหากันได้

Nikko Toshogu

Nikko Futarasan Shrine

ชิมอาหารและขนมขึ้นชื่อในนิกโก้

พูดถึงอาหารขึ้นชื่อในนิกโก้ก็ต้องยูบะ หรือฟองเต้าหู้ ด้วยความที่แคลอรีต่ำและรสอ่อนนุ่มนวล จึงเป็นที่นิยมของสาวๆ อย่างยิ่ง

ใครอยากลองเมนูยูบะ ขอแนะนำร้าน Kamaya Cafe และ Nagomi Chaya

Kamaya Cafe

เมนูฮิตของ Kamaya Cafe คือ NIKKO Don หรือดงบุริชามใหญ่ที่ท้อปหน้าด้วยเนื้อย่างกับเต้าหู้ยูบะ

Kamaya Cafe du Revaberu

Nagomi Chaya

ส่วน Nagomi Chaya คือร้านที่ให้บรรยากาศเหมือนร้านน้ำชา มีเมนูหลากหลายให้เลือกสั่ง ร้านสวยน่าถ่ายรูปมาก

Fudan Kaiseki Nagomi Chaya

อิ่มแล้วก็ต้องต่อด้วยของหวาน ขอแนะนำขนมที่กำลังโด่งดังในหมู่คนไทยอย่าง SOPPO Yaki และ Nikko Pudding with ice cream

SOPPO Yaki

SOPPO Yaki คือขนมรูปลิงน่ารัก ก่อนกินต้องถ่ายรูปสักหน่อยว่าได้มาลองที่นิกโก้แล้ว มีไส้ให้เลือกทั้งคัสตาร์ดและถั่วแดงกวน

Nikko Pudding Tei

ส่วน Nikko Pudding with ice cream จากร้าน Nikko Pudding Tei คือพุดดิ้งที่เสริมทัพความอร่อยด้วยซอฟท์ครีมด้านบน แค่เห็นก็อยากลองแล้ว

Nikko Nishisando Chaya

ใครที่ยังลังเลว่าควรลองขนมตัวไหนหลังอาหาร ขอแนะนำ Nikko Nishisando Chaya ที่เพิ่งเปิดใหม่ มีหลายร้านดังประจำโทชิงิ ต้องได้ขนมถูกใจจากที่นี่แน่นอน

อย่างนี่คือร้าน Nikko Dorabata-san ร้านโดรายากิที่โดดเด่นด้วยแป้งนุ่มๆ กับไส้ที่เลือกได้ระหว่างบัตเตอร์ครีมกับเจลาโต้ อร่อยแปลกแหวกแนวโดรายากิมากๆ

มีให้เลือกหลายรส ไม่ว่าจะเป็นแบบออริจินอล ชาเขียวถั่วแดง สตรอเบอร์รี่ รัมเรซิ่น พิสตาชิโอ และช็อกโกแลต

Nikko Nishisando Chaya แห่งนี้เพิ่งเปิดใหม่ในปี 2020 มีทั้งอาหารและขนม รวบรวมร้านร้านชื่อดังไว้ถึง 4 ร้าน แวะมาชิมขนมและเครื่องดื่มที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นกันได้ ถือเป็นพิกัดใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจในนิกโก้ ลองแวะไปกันได้

Nikko Nishisando Chaya

ได้ชิมขนมไปแล้วอย่าเพิ่งอิ่มนะ เพราะเราจะไปเก็บสตรอเบอร์รี่ต่อกัน ที่นิกโก้นี่ล่ะ

＞＞การเดินทาง：จากสะพานชินเคียวถึง Tobu Nikko Station นั่งรถ World Heritage Sightseeing Bus ประมาณ 5 นาที จากนั้นนั่งแท็กซี่ประมาณ 20 นาที

Nikko Strawberry Park

ที่สวนแห่งนี้เก็บสตรอเบอร์รี่กินได้ไม่อั้นตลอด 30 นาที ลิ้มรสสตรอเบอร์รี่ที่ปลูกด้วยวิธีออแกนิค มีพันธุ์โทจิโอโตเมะลูกใหญ่รสหวานและพันธุ์อื่นๆ ยิ่งมาตรงฤดูยิ่งหวานอร่อย

ในหน้าสตรอเบอร์รี่ ผลจะเป็นสีแดงถึงบริเวณขั้วเลยทีเดียว เมื่อเด็ดมาแล้วเขาแนะนำให้กินจากฝั่งขั้วไปถึงปลายผล เพราะจะทำให้ลิ้มรสหวานและกลิ่นได้มากกว่าล่ะ

Nikko Strawberry Park

อิ่มแล้วก็ไปเข้าที่พักและแช่ออนเซ็นผ่อนคลายกันดีกว่า

＞＞การเดินทาง：จาก Nikko Strawberry Park ถึง Shimoimaichi Station นั่งแท็กซี่ประมาณ 10 นาที

Shimo-imaichi Station

ก่อนจะไปถึง Kinugawa Onsen ที่จะเข้าพักกัน จะผ่าน Shimo-imaichi Station ขอพาแวะที่นี่กันสักหน่อย เพราะเป็นสถานีบรรยากาศสุดเรโทรที่มีรถไฟหัวจักรไอน้ำแบบโบราณบนลานกว้างที่หมุนเปลี่ยนทิศให้ชมรถไฟได้ทุกมุมอย่างใกล้ชิด

ซึ่งรถไฟที่ว่าจะอยู่หน้าโรงรถไฟที่ตัวอาคารเป็นลายอิฐสีแดงดูวินเทจ หากมาพอดีเวลาจะได้เห็นรถไฟหมุนเปลี่ยนมุมด้วยนะ

มีห้องนิทรรศการที่เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมอยู่ติดกับลานกว้าง จัดแสดงรถไฟโบราณ รวมถึง แบบจำลองรถไฟ SL ไทจูที่วิ่งผ่านคินุกาวะออนเซ็น แวะมาชมบรรยากาศเรโทรระหว่างเดินทางก็ดีไม่น้อย

Shimo-imaichi Station

＞＞การเดินทาง：จาก Shimo-imaichi Station ถึง Yunishigawa Onsen Station ประมาณ 50 นาที จากนั้นนั่งรถ Nikko Kotsu Bus ประมาณ 20 นาทีเข้าไปถึง Yunishigawa Onsen

Yunishigawa Onsen Kamakura Festival

Yunishigawa Onsen ที่จะเข้าพักนี้มีวิวหิมะสวยๆ ชนิดที่หาในเมืองใหญ่ไม่ได้ให้ชม รวมถึงเทศกาลคามาคุระขนาดเล็กที่จะเนรมิตให้ทั่วบริเวณสว่างไสวไปด้วยแสงเทียน

แหล่งออนเซ็นเก่าแก่แห่งนี้จะปกคลุมไปด้วยหิมะในฤดูหนาว ซึ่งในช่วงปลายมกราคมถึงต้นมีนาคมของทุกปีก็จะมีการจัด Yunishigawa Onsen Kamakura Festival ขึ้น โดยจุดจัดเทศกาลหลักจะอยู่ที่ Heike no Sato

บริเวณ Heike no Sato นี้จะมีกระท่อมหิมะหลังน้อยปรากฏขึ้นรอบบ้านเรือนที่มุงหลังคาด้วยฟาง ชมเทศกาลไปพร้อมกับประวัติศาสตร์และการใช้ชีวิตบนภูเขาของคนที่นี่ได้

ในเทศกาล Sawaguchi Riverbed Mini Kamakura กระท่อมหิมะจิ๋วนับร้อยจะสว่างไสวด้วยแสงเทียนไปทั่วบริเวณ สวยงามจนได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในทัศนียภาพยามค่ำคืนประจำประเทศของญี่ปุ่น รวมถึงยังเป็น “1 ใน 100 ภาพที่ต้องมาเห็นสักครั้งในชีวิต” อีกด้วย เรียกได้ว่าต้องมาเก็บภาพกันให้ได้เลยนะ

Yunishigawa Onsen Kamakura Festival（Main Site）

Yunishigawa Onsen

Yunishigawa Onsen ออนเซ็นที่เคยครองแชมป์ออนเซ็นเพื่อผิวสวยมาแล้ว นอกจากจะมีออนเซ็นให้แช่น้ำร้อนให้ร่างกายอบอุ่นกันเต็มที่แล้ว ยังมีอาหารท้องถิ่นที่ทำจากปลาแม่น้ำและวัตถุดิบจากภูเขาอันอุดมสมบูรณ์ให้อบอุ่นหัวใจกันอีกด้วย

เมนูขึ้นชื่อคืออาหารที่ใช้เตาถ่านและปิ้งวัตถุดิบรอบกองไฟแบบร้อนๆ ใครมาต้องมาลอง

Yunishigawa Onsen มีที่พักมากมาย ใครยังไม่มีที่พักในใจ ดูได้>> ที่นี่

Yunishigawa Onsen

DAY2　ใส่กิโมโนเดินเล่นในโออุจิจูกุและปราสาทสึรุกะ

แนะนำพาสสุดคุ้ม Ouchijuku Discount Ticket

แนะนำ Yunokami Onsen Station

สถานีที่มุงหลังคาด้วยฟาง ถือว่าหายากแม้ในญี่ปุ่นก็ตาม อีกทั้งยังมีบ่อแช่เท้าให้แช่เพลินๆ ระหว่างรอรถไฟหรือรถบัส

หมู่บ้านโบราณโออุจิจูกุ

วันนี้เราจะขึ้นเหนือกันไปจนถึงอุระบันได โดยระหว่างทางจะพาแวะพิกัดที่ได้ชื่อว่าเป็นที่ 1 ไม่ก็ 2 ของฟุกุชิมะอย่าง หมู่บ้านโบราณโออุจิจูกุ (Ouchi-juku)

ที่เที่ยวยอดนิยมแห่งจังหวัดฟุกุชิมะ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ มาเดินเล่นในหมู่บ้านหลังคาฟางกว่า 30 หลังในหุบเขาห่างไกล สัมผัสประสบการณ์เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสมัยเอโดะเมื่อ 400 ปีที่แล้ว

ฤดูหนาวคือช่วงพีคที่คนนิยมมาเยี่ยมชมเป็นพิเศษ โดยจะมีเทศกาลหิมะในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี มีร้านรวงมาออกมามาย ชิมขนมญี่ปุ่นดั้งเดิมอย่างขนมถั่วแดงคินสึบะ อิโมะโมจิ และเมนูอื่นๆ ขณะเดินเล่นก็เพลินดี

ส่วนของขึ้นชื่อที่นี่คือ เนกิโซบะ ซึ่งจะใช้ต้นหอมแทนตะเกียบ มาจากการอวยพรให้ “อายุยืนยาวเหมือนต้นหอมที่ลำต้นตรงยาว และอยู่จนผมหงอกเป็นสีขาว” แนวคิดดี แต่แอบกินยากเหมือนกัน…

Ouchi-juku

ซึมซับบรรยากาศเอโดะกันแล้ว ไปชมปราสาทแห่งฟุกุชิมะกันต่อเลย

＞＞การเดินทาง：จากโออุจิจูกุถึง Yunokami Onsen Station นั่งรถ Saruyu-go Bus ประมาณ 20 นาที ต่อรถไฟประมาณ 40 นาทีไปจนถึง Aizu-Wakamatsu Station จากนั้นเดินประมาณ 20 นาทีจะถึงทางเข้าปราสาทสึรุกะ

ปราสาทสึรุกะ

พูดถึงที่เที่ยวเด่นในฟุกุชิมะก็ต้องไอสึวากามัตสึ ซึ่งปราสาทสึรุกะนี้ก็มีอีกชื่อว่าปราสาทไอสึวากามัตสึ ปราสาทสึรุกะ (Tsuruga Castle) สร้างโดยนักรบอะชินะในปี 1384 ปราสาทแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของไอสึเลยก็ว่าได้ กระเบื้องหลังคาสีแดงนับว่าหาได้ยากและถือเป็นแห่งเดียวในญี่ปุ่น ถ่ายรูปสวยมาก

ภายในหอปราสาทมีหอเก็บเอกสาร เมื่อขึ้นไปถึงชั้นบนสุด จะสามารถมองลงมาเห็นเมืองรอบปราสาทและวิวของไอสึวากามัตสึ มีชาให้ดื่มแกล้มขนมญี่ปุ่นในสวนสไตล์ญี่ปุ่นกันด้วย

ส่วนใครมาหน้าหนาวต้องมาชมวิวหิมะ! หิมะสีขาวโดดเด่นบนหลังคาสีแดง อีกทั้งยังมี Aizu Painted Candle Festival ที่จะจุดเทียนส่องหิมะให้สว่างไสวสวยงาม เรียกให้นักท่องเที่ยวมาชมกันมากมาย

Tsuruga Castle

มาเดินเล่นชมเมืองย้อนยุคทั้งที ใส่ชุดกิโมโนให้เข้ากับบรรยากาศก็คงดีไม่น้อย ใครคิดแบบนั้นขอแนะนำร้านเช่าชุดกิโมโนที่ใกล้ปราสาทที่สุดอย่าง Aizu Kimono Rental Shop Tsuruga โดยร้านจะอยู่บนชั้น 2 ของ Tsurugajo Kaikan เปิดให้บริการทั้งปีเลย

มีชุดชาวเมืองกว่า 100 ตัว กิโมโนผ้าฝ้ายไอสึ 10 ตัว และยูกาตะสำหรับฤดูร้อนอีก 70 ตัว เลือกใส่ได้หลากหลายตามความต้องการ

Aizu Kimono Rental Shop Tsuruga

＞＞การเดินทาง：จากทางเข้าปราสาทสึรุกะถึงนานุกะมาจิ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที

เดินเล่นถนนนานุกะมาจิ (Nanukamachi-dori)

นั่งบัสจากปราสาทมา 10 นาทีก็จะถึงถนนนานุกะมาจิ ที่คึกคักไปด้วยร้านค้า ที่พัก และร้านอาหารมากมาย

สองฝั่งถนนเต็มไปด้วยโกดังและร้านขายขนมญี่ปุ่น ภาชนะแบบญี่ปุ่น เทียนเพ้นท์ลาย และของฝากหลากหลาย รวมถึงอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ที่ให้บรรยากาศย้อนยุค ที่นี่จึงเป็นที่นิยมมาก ยิ่งใส่กิโมโนมาเดินถ่ายรูปยิ่งได้รูปสวยๆ เป็นที่ระลึก

ส่วนร้านขายของฝากที่แนะนำคือร้านนี้เลย Eki cafe ร้านบรรยากาศสุดวินเทจที่อยู่ในสถานี เต็มไปด้วยของกระจุกกระจิกกุ๊กกิ๊กจนเลือกซื้อไม่ถูก รวมถึงมีร้านขายของกินของฝากและสินค้าต่างๆ ของแถบไอสึที่จัดจำหน่ายโดยคนในท้องที่ด้วย แถมยังมีพื้นที่คาเฟ่ให้จิบกาแฟ Cold Brew กันด้วย มานั่งพักในร้านที่ตกแต่งสไตล์ตะวันตกนี้ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

Eki cafe

แนะนำอาหารบริเวณ Aizu-Wakamatsu Station

ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ต่อไปอย่างอินาวาชิโระ แวะเติมพลังกันที่ร้านอาหารในไอสึวากามัตสึกันก่อนดีกว่า

ซอสคัตสึด้ง คือเมนูในดวงใจของชาวไอสึวากามัตสึมาช้านาน เป็นดงบุริที่เสิร์ฟทงคัตสึราดซอสชุ่มๆ มาบนกะหล่ำปลีและข้าวสวยร้อนๆ ใครมีเวลาอยู่ที่ไอสึวากามัตสึอยากให้ลองกันนะ

＞＞การเดินทาง：จาก Nanukamachi Station ถึง Aizu-Wakamatsu Station ใช้เวลาประมาณ 4 นาที ต่อรถไฟประมาณ 30 นาทีมาถึง Inawashiro Station จากนั้นใช้เวลาอีกประมาณ 10 นาทีจะถึง Hotel Listel Inawashiro

Hotel Listel Inawashiro

Hotel Listel Inawashiro คือโรงแรมรีสอร์ทที่มีกิจกรรมหลากหลายให้สนุกกันได้ตลอดทั้งปี ซึ่งในฤดูหนาวมีสกีให้เล่นกันที่ Listel Ski Fantasia ที่อยู่ติดกับโรงแรม

จาก JR Inawashiro Station มีชัตเติ้ลบัสฟรีวิ่งจากสถานีมาถึง Hotel Listel Inawashiro ซึ่งตารางบัสจะจัดให้ตรงกับรอบรถไฟที่วิ่งจาก Koriyama Station มาถึง Inawashiro Station หรือหากไม่มีเวลารอก็สามารถนั่งแท็กซี่เข้าไปถึงใน 10 นาที

ห้องพักที่นี่เห็นวิวทะเลสาบอินาวาชิโระทุกห้อง โดยเฉพาะภาพยามอาทิตย์ตกลงไปจนลับทะเลสาบนั้นสวยมากๆ

ห้องอาบน้ำเองก็มีห้องอาบน้ำกลางแจ้งที่เห็นวิวทะเลสาบด้วยเหมือนกัน

Hotel Listel Inawashiro

DAY3　เล่นสกีที่ Listel Ski Fantasia และเยือนหมู่บ้านจิ้งจอก

เข้าสู่วันที่ 3 ได้เวลาเล่นหิมะกันแบบจริงจังแล้ว

l Ski Fantasia

Listel Ski Fantasia มีตั้งแต่เนิน 800 เมตรความสูงน่ารักๆ สำหรับครอบครัวและมือใหม่ ไปจนถึงคอร์สทางไกล 1500 เมตรสำหรับสกีระดับกลาง พร้อมวิวภูเขาบันไดและทะเลสาบอินาวาชิโระ ใครไม่เคยเล่นก็เลือกเล่นคอร์สสำหรับมือใหม่ได้แบบปลอดภัย

สำหรับผู้เข้าพัก มีแพลนห้องพักพร้อมตั๋วขึ้นลิฟต์และตั๋วเช่าชุดให้เลือกด้วยนะ คุ้มสุดๆ

Listel Ski Fantasia

สนุกกับสกีในช่วงเช้าแล้ว เตรียมไปหาจิ้งจอกในช่วงบ่ายกัน

＞＞การเดินทาง：จาก Hotel Listel Inawashiro ถึง Inawashiro Station ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ต่อรถไฟ Ban-Etsusai Line ประมาณ 50 นาทีมาลง Koriyama Station เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟ Tohoku Shinkansen ประมาณ 40 นาทีมาลง Shiroishi Zao Station จากนั้นนั่งแท็กซี่อีกประมาณ 20 นาที

หมู่บ้านจิ้งจอก (Zao Fox Village)

ที่เที่ยวยอดฮิตที่จะได้พบกับจิ้งจอกตัวเป็นๆ เป็นหมู่บ้านแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่มีจิ้งจอกหลากสายพันธุ์ให้ชม

จิ้งจอกมากกว่า 100 ชีวิตรออยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ มาพบกับจิ้งจอกสายพันธุ์หายากกันได้ ถือเป็นที่เที่ยวที่โด่งดังในหมู่คนไทยที่ชอบเที่ยวญี่ปุ่นเลยทีเดียว

Zao Fox Village

ได้ใกล้ชิดกับน้องๆ กันเต็มอิ่มแล้ว ต่อไปก็ได้เวลาเดินทางสู่ที่พัก สำหรับวันนี้คือโทกัตตะออนเซ็นนั่นเอง

＞＞การเดินทาง：นั่งแท็กซี่ 20 นาที

โทกัตตะออนเซ็น (Togatta Onsen)

โทกัตตะออนเซ็นตั้งอยู่บนที่ราบสูงที่สูงราว 330 ม. มาสัมผัสธรรมชาติยิ่งใหญ่พร้อมบรรยากาศญี่ปุ่นแท้กันได้ และยังมีที่เที่ยวมากมายที่สามารถเดินไปได้ด้วย นั่งบัสด่วนจาก JR Sendai Station ถึงใน 1 ชั่วโมง หรือใครนั่งชินคันเซ็น มาขึ้นบัสได้ที่ JR Shiraishi Station ใช้เวลาราว 40 นาที

โทกัตตะออนเซ็นมีที่พักมากมาย ใครยังไม่มีที่พักในใจ ดูได้ >>ที่นี่

※สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโทกัตตะออนเซ็นได้ที่ Zao Town Tourist Information Center

Zao Town Tourist Information Center

DAY4　ชมอควาเรียมแห่งเซนไดและช้อปปิ้งที่เอาท์เล็ต

＞＞การเดินทาง：จากโทกัตตะออนเซ็นถึงเซนได นั่งบัสด่วนประมาณ 70 นาที ต่อรถไฟ Senseki Line ประมาณ 20 นาทีมาลง Nakanosakae Station จากนั้นเดินต่อประมาณ 15 นาที (หรือนั่งแท็กซี่)

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเซ็นได อุมิโนะโมริ (Sendai Umino-mori Aquarium)

มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองเซนได เริ่มจากที่เที่ยวยอดนิยมอันดับ 1 ประจำเมืองนี้อย่าง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเซ็นได อุมิโนะโมริ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโทโฮคุเลย นอกจากจะอยู่ใกล้ท่าเรือเซนไดแล้ว บริเวณใกล้เคียงยังมีเอาท์เล็ตและร้านค้าขนาดใหญ่ จึงเป็นแหล่งรวมของคนทั้งในและนอกเมือง

ชม Inochi Kirameku Umi ตู้กระจกขนาดมหึมาที่จำลองทะเลซันริคุ เพลิดเพลินไปกับโชว์สุดฮิตของโลมาและสิงโตทะเลที่ Uminomori Stadium แถวหน้าสุดจะได้นั่งหน้าสระ สนุกกับการแสดงตื่นตาได้ในระยะประชิด

นอกจากนี้ยังมีโชว์สามมิติที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้อีกด้วย

Sendai Umino-mori Aquarium

และอย่างที่เกริ่นไว้ว่ารอบบริเวณนี้เป็นแหล่งช้อปปิ้ง ถึงเวลาไปซื้อของกันแล้ว

＞＞การเดินทาง：เดินประมาณ 10 นาที

Mitsui Outlet Park Sendai Port

หลังสนุกกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแล้ว ก็ได้เวลาช้อปปิ้งส่งท้ายกันที่ Mitsui Outlet Park Sendai Port เอาท์เล็ตแห่งใหญ่ในเซนได รวบรวมเอาแบรนด์ดังจากญี่ปุ่นและต่างประเทศ รวมถึง select shop มาให้เลือกซื้อสินค้าคุณภาพดีได้ในราคาสบายกระเป๋า

นอกจากช้อปปิ้งแล้ว ที่นี่ยังมีร้านอาหารมากมาย รวมถึงชิงช้าสวรรค์แห่งใหญ่ สนุกกับครอบครัวได้ทั้งวัน พักผ่อนเติมพลังกันได้ที่ฟู้ดคอร์ท จะหามื้อเย็นให้จบที่นี่ก็ไม่ว่ากัน

Mitsui Outlet Park Sendai Port

＞＞การเดินทาง：จาก Outlet Park ถึง Nakanosakae Station เดินประมาณ 8 นาที จากนั้นนั่งรถไฟ JR Senseki Line ประมาณ 18 นาทีถึง Sendai Station จากนั้นเปลี่ยนไป Sendai Subway Tozai Line นั่งต่อ 2 นาทีมาลง Aoba-dori Ichibancho Station ※ใช้ JR EAST PASS ขึ้น Senseki Line ได้

เดินเล่นบริเวณสถานีเซนได

ซื้อของเรียบร้อยแล้ว กลับมาที่บริเวณสถานีเพื่อแวะคาเฟ่และหาของอร่อยอีกสักนิดก่อนกลับ

มีคาเฟ่สวยๆ หลายแห่งในถนนอาโอบะ-โดริ อิจิบังโจ อย่างคาเฟ่ชื่อเก๋ HEY มีโดนัทน่ารักจนไม่กล้ากินเลย

HEY

ส่วนใครอยากจัดมื้อหนัก แนะนำให้มาที่ VLANDOME ย่านการค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ถัดจากสถานีเซนไดมาอีกสถานี เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหาร คนในท้องถิ่นก็แวะเวียนมาอย่างคับคั่งเช่นกัน

พูดถึงอาหารเซนไดก็ต้องลิ้นวัว! ซึ่งที่นี่ก็มีร้านลิ้นวัวชื่อดังหลายร้าน รวมถึงอาหารท้องถิ่นอย่างเฮียวตันอาเกะก็มาหาชิมกันได้

VLANDOME

＞＞การเดินทาง：จากเซนไดถึงโตเกียว นั่งชินคันเซ็นประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที – 2 ชั่วโมง

ข้อสรุป

เส้นทาง เที่ยวโทชิงิ – มินามิโทโฮคุ มีทั้งพิกัดเที่ยวน่าสนใจ กิจกรรมฤดูหนาวน่าลอง อาหารท้องถิ่นน่าชิม และคาเฟ่น่าแวะ ซึ่งล้วนแต่คัดมาแล้วว่าได้ภาพสวยๆ ตลอดทริปแน่นอน ใครกำลังมองหาที่เที่ยวกับเพื่อนหรือคนรู้ใจ สายกล้อง หรือสายคาเฟ่ ลองเก็บลิสต์เหล่านี้ไปจัดแพลนกันนะ วิธีเดินทางก็มีบอกให้อย่างละเอียดแล้ว เที่ยวสนุกไม่มีหลงแน่นอน

อ่านเส้นทางเที่ยวอื่นๆ ใน โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ ได้ที่นี่

สัมผัสฤดูหนาว เส้นทางใหม่ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ เที่ยวสุดพรีเมียม ครบรส(ภาค 1 โทชิงิ-ฟุกุชิมะ)

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวโซนใหม่น่าสนใจ โทชิงิ-มินามิ โทโฮคุ ที่เหมาะสำหรับสายเที่ยว แบบพรีเมี่ยม สัมผัสฤดูหนาว หิมะ ภูเขา และวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างเต็มอิ่ม

ทริปสัมผัสฤดูหนาวโทชิงิ-มินามิโทโฮคุ เส้นทางใหม่ เที่ยวสะดวก ครบรส (ภาค 2 มิยางิ-ยามากาตะ)

ขอแนะนำโทชิงิ-มินามิโทโฮคุ ที่เที่ยวโซนใหม่น่าสนใจ พร้อมเส้นทางท่อง Model route พาคุณไปสัมผัสฤดูหนาว ปีศาจหิมะแห่งซาโอ กินซังออนเซ็น และสถานที่วิวสวยมากมาย

ทริปครอบครัวฤดูหนาว เปิดเส้นทางใหม่ สายโทชิงิ-มินามิโทโฮคุ ตระเวนเที่ยวยามากาตะ-มิยางิ

ทริปครอบครัว พาเที่ยวมิยางิ-ยามากะตะ ทำกิจกรรมครอบครัว เล่นหิมะ ใกล้ชิดสัตว์ต่างๆ แบบจัดเต็ม 4 วัน จัดเต็มทั้งเที่ยว กิน ช้อปปิ้ง เที่ยวเพลินทั้งครอบครัว

Golden route พิกัดเด็ดเที่ยวญี่ปุ่น สนุกกับกิจกรรมหิมะในเส้นทางใหม่ สายโทชิงิ-มินามิโทโฮคุ (ภาค1โทชิงิ-ฟุกุชิมะ-มิยางิ)

รวมเอาพิกัดเด็ดๆ ที่มาทั้งทีต้องมาเยือนเอาไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นนิกโก้ ไอสึวากามัตสึ อุระบันได และอื่นๆ ชื่นชมธรรมชาติอันสวยงามของโทชิงิและฟุกุชิมะ

Golden route เที่ยวญี่ปุ่นเส้นทางใหม่ สนุกกับกิจกรรมหิมะ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ (ภาค2มิยางิ-ยามากาตะ)

โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ โซนท่องเที่ยวใหม่น่าสนใจ รวมเอาพิกัดเด็ดๆ ที่มาทั้งทีต้องมาเยือนเอาไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นมัตสึชิมะ ซาโอ และอื่นๆ