สัมผัสฤดูหนาว เส้นทางใหม่ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ เที่ยวสุดพรีเมียม ครบรส(ภาค 1 โทชิงิ-ฟุกุชิมะ)

โทชิงิ/มินามิ โทโฮคุ เป็นบริเวณที่ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ โทชิงิ ฟุกุชิมะ มิยางิ และยามากาตะ จังหวัดโทชิงิอยู่ในภูมิภาคคันโตเช่นเดียวกับโตเกียว ส่วนฟุกุชิมะ มิยางิ และยามากาตะตั้งอยู่ในตอนใต้ของภูมิภาคโทโฮคุ จึงเรียก 3 จังหวัดนี้ว่าบริเวณมินามิโทโฮคุ ซึ่งแปลว่าโทโฮคุตอนใต้

ทั้ง 4 จังหวัดนี้มีหิมะตกหนักในฤดูหนาว นอกจากกินซังออนเซ็นในยามากาตะแล้ว แต่ละจังหวัดก็ยังมีแหล่งออนเซ็นมากมาย เมื่อเข้าฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระก็จะผลิบานอย่างสวยงาม แต่เนื่องจากหลายพื้นที่อุณหภูมิต่ำกว่าโตเกียว จึงมีโอกาสจะได้ชมซากุระช้ากว่าโตเกียว ซึ่งตรงกับช่วงสงกรานต์พอดี บางช่วงเวลายังสามารถชมหิมะพร้อมซากุระได้ในบางพื้นที่ อีกทั้งฤดูใบไม้ร่วงในภูมิภาคนี้ยังมีใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามอีกด้วย ที่สำคัญยังเดินทางจากโตเกียวถึงใจกลางแต่ละจังหวัดด้วยชินคันเซ็นและรถไฟด่วนพิเศษได้ในเวลาอันสั้นและสะดวกสบาย สำหรับบทความนี้เราจะพาคุณเที่ยว 2 จังหวัดคือ โทชิงิ และ ฟุกุชิมะ

สำหรับ Model course ที่เราจะมาแนะนำนี้เหมาะกับคนที่อยากสนุกกับหิมะญี่ปุ่นอย่างเต็มที่แม้จะต้องจ่ายแพงขึ้นสักหน่อย โดยเฉพาะคนที่อยากลองเล่นสกีหรือกิจกรรมเกี่ยวกับหิมะยิ่งห้ามพลาด เพราะเรารวบรวมเส้นทางท่องเที่ยว พร้อมข้อมูลให้คุณวางแผนเที่ยวได้อย่างสะดวก มีความพรีเมียม เป็นส่วนตัว ยิ่งหากนำไปรวมแพลนกับ Premium route อีกเส้นทาง (ภาคมิยางิ-ยามากาตะ) ก็จะได้ตะลุยทั่วครบทั้งภูมิภาคโทชิงิ-มินามิโทโฮคุ เอาล่ะถ้าพร้อมแล้ว ไปลุยหิมะในโทชิงิและฟุกุชิมะกันเลย

วิธีเดินทางจากโตเกียวไปนิกโก้ และพาสแนะนำ

การเดินทางจากโตเกียวไปนิกโก้ได้หลายแบบ สามารถเลือกให้เหมาะกับที่พักและกำหนดการรวมถึงพาสที่ใช้ได้

จากสถานีโตเกียวไปนิกโก้

เส้นทาง：Tokyo Station（ชินคันเซ็น/Yamabiko）→ Utsunomiya Station（JR Nikko Line）→ Nikko Station
เวลาที่ใช้：ประมาณ 2 ชั่วโมง
ราคา：5,680 เยน（Yamabiko แบบจองที่นั่ง / ช่วงเวลาปกติ）
เปลี่ยนรถ：1 ครั้ง

จากสถานีชินจูกุไปนิกโก้

เส้นทาง：Shinjuku Station หรือ Ikebukuro Station（Limited Express Nikko）→ Nikko Station
เวลาที่ใช้：ประมาณ 2 ชั่วโมง
ราคา：4,080 เยน
เปลี่ยนรถ：ไม่ต้อง

จากสถานีอาซากุสะไปนิกโก้

เส้นทาง：Asakusa Station（Limited Express Spacial Kegon）→Nikko Station
เวลาที่ใช้：ประมาณ 2 ชั่วโมง
ราคา：2,433 เยน
เปลี่ยนรถ：ไม่ต้อง

จากสถานีโตเกียวไปนิกโก้ด้วยรถบัสด่วน

เส้นทาง：Tokyo Station → Tobu Nikko Station
เวลาที่ใช้：ประมาณ 2 ชั่วโมง 55 นาที
ราคา：2,500 เยน
เปลี่ยนรถ：ไม่ต้อง

พาสที่แนะนำ

พาสขึ้น Tobu Bus แบบไม่จำกัดเที่ยว กรณีไปถึงน้ำตกเคงอน แนะนำให้ซื้อ Chuzenji Onsen Free Pass ใช้ขึ้นลงบัสในบริเวณที่กำหนดแบบไม่จำกัดเที่ยวตลอด 2 วัน ซื้อได้ที่ Tourist Center ของ Tobu Nikko Station
ราคา ผู้ใหญ่ 2,200 เยน เด็ก 1,100 เยน

Nikko Kotsu

นอกจากการนั่งรถสาธารณะ เรายังขอแนะนำอีกหนึ่งวิธีการเดินทางสุดพรีเมี่ยมสะดวกสะบายด้วยการใช้บริการเช่ารถพร้อมคนขับ สำหรับคนที่ไม่อยากลำบากกับกระเป๋าเดินทาง ไม่อยากรอรถเมล์ จ้างเป็นชั่วโมงหรือรายวัน กับบริการ Nikko Kotsu ซึ่งจองได้โดยการ เข้าไปที่จองได้ที่ Nikko Kotsu Contact Form โดยกรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษได้

หรือตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมที่

ไกด์

หากอยากรู้จักมรดกโลกแบบละเอียด จองไกด์ที่พูดอังกฤษได้ที่นิกโก้กันได้ แต่ตอนจองจะเป็นภาษาญี่ปุ่น ต้องให้โรงแรมจองให้ ใครไม่อยากจองให้ยุ่งยาก ที่นิกโก้โทโชกุก็มีระบบบรรยายเป็นภาษาอังกฤษให้ จองไกด์ทัวร์นิกโก้ TEL 0288-54-0641

DAY1 เที่ยวโทชิกิ ชมวัดและศาลเจ้ามรดกโลก ชมน้ำตกเยือกแข็ง

วัดและศาลเจ้ามรดกโลกในนิกโก้ : นิกโก้โทโชกุ วัดรินโนจิ ศาลเจ้าฟูทาระซัง

นิกโก้นับเป็นเมืองมรดกโลก เพราะมีสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกจากยูเนสโก้อยู่หลายที่ แต่ก่อนที่จะไปเยือนวัดและศาลเจ้าขอแนะนำให้มาถ่ายรูปที่สะพานชินเคียวตรงทางเข้าก่อนเป็นอย่างแรก

การเดินทาง： ชินจูกุถึงนิกโก้ นั่งรถไฟ Tobu Railway ประมาณ 2 ชั่วโมง
จาก Tobu Nikko Station ถึงสะพานชินเคียว นั่งรถแท็กซี่ส่วนตัว Nikko Kotsu ต่อประมาณ 5 นาที

ไม่ไกลจากสะพานสามารถเดินเที่ยว วัดรินโนจิ นิกโก้โทโชกุ และศาลเจ้าฟูทาระซัง ทั้งสามแห่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและสมบัติแห่งชาติ เป็นจุดมุ่งหมายยอดนิยมทั้งจากชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ นิกโก้โทโชกุมีระบบนำเที่ยวภาษาอังกฤษด้วย แนะนำให้ใช้บริการกันนะ

โดยสิ่งก่อสร้างในบริเวณนิกโก้โทโชกุ วัดรินโนจิ และศาลเจ้าฟูทาระซังทั้ง 103 หลัง ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก ล้อมรอบด้วยโบราณสถาน และซากที่บอกเล่าประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีเอกลักษณ์ของรูปแบบสถาปัตยกรรมโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี ชมงานแกะสลักไม้บริเวณใต้หลังคาเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ได้อย่างอ่อนช้อย ทำให้สถานที่ศักดิ์ศิทธิ์มีชีวิตชีวามากขึ้น

Nikko Toshogu

มื้อเที่ยงที่นิกโก้

ชมมรดกโลกแล้วก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน เราจะพาไปชิมเมนูท้องถิ่นประจำนิกโก้อย่างยูบะ (ฟองเต้าหู้) เมนูที่ทำจากนมถั่วเหลือง เคี่ยวด้วยไฟอ่อนและทำเป็นแผ่นบาง ว่ากันว่ามาได้รับอิทธิพลจากจีน เป็นอาหารเจที่สืบทอดกันมากว่า 1,200 ปี มาที่นิกโก้ทั้งทีต้องลองร้านเหล่านี้

Gyoushintei

ร้านอาหารเจแห่งนิกโก้ รังสรรค์เมนูอาหารเจของญี่ปุ่นที่ได้แรงบัลดาลใจมาจากแนวคิดทางพุทธที่ต้องการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นให้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหรือเกิดกิเลส ออกมาเป็นเมนูเจที่อร่อย สบายท้อง และยังดีต่อสุขภาพ ย่อยง่าย

Gyoushintei

Nikko Yubayuzen

สำหรับใครที่อยากชิมเซ็ตอาหารหลากหลาย ต้องมาร้านนี้ที่อยู่ใกล้สะพานชินเคียว ชิมอาหารจากยูบะในรูปแบบเซ็ต ที่รับรองว่าอร่อยจริงๆ

Nikko Yubayuzen

Masudaya

สำหรับใครที่ชอบความจัดเต็มแนะนำร้านนี้เพราะจะได้เพลิดเพลินกับชมวิวสวนกับภูเขาพร้อมเซ็ตเมนูอาหารไคเซกิยูบะ และวัตถุดิบชั้นดีที่กินแล้วต้องติดใจ

Masudaya

วัดนิกโก้ซังชูเซ็นจิ（ทาจิกิคันนอน）

หลังอิ่มอร่อยกับอาหารท้องถิ่นนิกโก้ ก็นั่งรถต่อไปทางทะเลสาบชูเซนจิกัน เดินทางขึ้นไปตามถนนคดเคี้ยวแห่ง Irohazaka ที่ได้รับเลือกให้เป็น 100 ถนนชื่อดังแห่งญี่ปุ่น จะพบกับวัดชูเซ็นจิที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 1,200 ปี โดยพระโชโดโชนินผู้บุกเบิกเขานิกโก้ซัง เป็นวัดสาขาของวัดนิกโก้ซังรินโนจิที่ไปชมกันมา

การเดินทาง：นั่งรถแท็กซี่ส่วนตัว Nikko Kotsu ประมาณ 30 นาที

มาถึงที่นี่ต้องไปไหว้รูปปั้น Tachiki Kannon หรือ เจ้าแม่กวนอิมปางพันกรที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ รูปปั้นนี้แกะสลักจากต้นไม้ทั้งต้นโดยฝีมือพระเจ้าของวัด กล่าวกันว่าพระโชโดโชนินได้เห็นนิมิตของเจ้าแม่กวนอิมพันกรปรากฏกายขึ้นเหนือทะเลสาบชูเซ็นจิ จึงได้สลักต้นไม้เป็นรูปที่เห็นโดยรากของต้นไม้นั้นยังติดอยู่กับพื้นดิน เป็นประดิษฐ์ที่ธรรมชาติและมนุษย์สร้างด้วยกันอย่างลงตัว ใบหน้าของเจ้าแม่กวนอิมมีความสงบเยือกเย็นและมีศิลปะที่สวยงาม

Nikko san Chuzenji

น้ำตกเคงอน

อีกหนึ่งสถานที่ซึ่งไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวที่นิกโก้คือน้ำตกเคงอน ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ สูง 97 เมตร ติด 1 ใน 3 น้ำตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น น้ำตกขนาดมหึมาถาโถมลงสู่เบื้องล่าง ชื่นชมความอลังการได้พร้อมกับธรรมชาติสวยงามรอบข้าง

การเดินทาง：นั่งรถแท็กซี่ส่วนตัว Nikko Kotsu จากจุดที่แล้วประมาณ 5 นาที

เราสามารถขึ้นลิฟต์ไปชมความยิ่งใหญ่ของน้ำตกได้เต็มตาจากจุดชมวิว เห็นสายน้ำตกกระทบเบื้องล่างเป็นละออง พร้อมเสียงดังกึกก้อง ในฤดูหนาว สายน้ำจะถูกแช่แข็งกลางอากาศ เกิดเป็นภาพเหนือจินตนาการ

ไม่ไกลจากน้ำตกเคงอน สามารถชมทะเลสาบชูเซ็นจิ ทะเลสาบน้ำจืดที่งดงามไปด้วยภูมิทัศน์ป่าเขา นับเป็นทะเลสาบที่มีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น

น้ำตกเคงอน

ชิมขนมอร่อยในนิกโก้ที่ Meiji no Yakata Cake Shop

หลังชมน้ำตกที่สวยตะลึงแล้วก็ย้อนกลับไปทางเดิมเพื่อไปยังที่พักในวันนี้ คินุกาวะ ออนเซ็น แต่ก่อนเข้าที่พักต้องไม่พลาดชิมชีสเค้กเจ้าดังแห่งนิกโก้ ซึ่งร้านนี้อยู่ใกล้กับสถานี สะดวกสุดๆ

การเดินทาง：นั่งรถแท็กซี่ส่วนตัว Nikko Kotsu จากจุดที่แล้วประมาณ 30 นาที

ชีสเค้กเนื้อเนียนละมุน ด้วยส่วนผสมคุณภาพและสูตรเฉพาะ ท็อปด้วยครีมชีสหอมมัน ได้รสชาติประทับใจ ใครที่ชอบชีสเค้กรับรองว่าต้องฟิน

Meiji no Yakata

เข้าพักที่คินุกาวะ ออนเซ็น

ชิมชีสเค้กอร่อยๆ แล้วก็ไปคินุกาวะ ออนเซ็น หมู่บ้านออนเซ็นซึ่งเป็นที่พักของเราวันนี้

การเดินทาง：จากนิกโก้ถึงคินุกาวะออนเซ็น นั่งรถไฟ Tobu Railway ประมาณ 45 นาที

มีที่พักมากมายในคินุกาวะ ออนเซ็น ใครยังไม่รู้จะพักที่ไหน ลองดูในลิ้งก์ด้านล่างได้

ค้นหาที่พัก คินุกาวะ ออนเซ็น

ที่พัก คินุกาวะ ออนเซ็น จาก agoda.com

ค้นหาที่พัก คินุกาวะ ออนเซ็น

ที่พัก คินุกาวะ ออนเซ็น จาก booking.com

วันนี้เราเลือกพักที่ Asaya Hotel ถือว่าดังมากในหมู่ชาวต่างชาติ บรรยากาศเหมือนหลุดเข้าไปในแอนิเมชั่นเรื่อง Spirited away จุดเด่นคือมีห้องพักที่มีออนเซ็นส่วนตัวในห้องด้วย ใครที่ขี้อายต้องชอบที่นี่

Asaya Hotel

DAY2　นิกโก้เอโดะมูระ & Yunishigawa Onsen Kamakura Festival

นิกโก้เอโดะมูระ

สัมผัสบรรยากาศญี่ปุ่นโบราณที่นิกโก้เอโดะมูระ (EDO WONDERLAND Nikko Edomura ) คือธีมปาร์คที่เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปยุคเอโดะที่เคยมีซามูไรอยู่ มีสิ่งน่าสนใจมากมาย ทั้ง คฤหาสน์นินจา นินจาโชว์ พบกับโออิรันในเมืองเอโดะ และร้านอาหารแบบเอโดะ

การเดินทาง：นั่งรถแท็กซี่ส่วนตัว Nikko Kotsu จากจุดที่แล้วประมาณ 15 นาที

ใครที่อยากไปเที่ยวอาจขอให้พนักงานโรงแรมเรียกแท็กซี่ให้ หรือจะนั่งบัสมาจาก Kinugawa Onsen Station ก็ได้ กรณีไม่ได้เช่ารถ หลังเช็คเอาท์แล้ว แนะนำให้ฝากสัมภาระไว้ที่ล็อกเกอร์ตรงKinugawa Onsen Station จะสะดวกที่สุด แปลงร่างเป็นซามูไรหรือเจ้าหญิงยุคเอโดะกันได้ที่นี่ และแชะภาพลงโซเชี่ยลเก๋สุดๆ ไปเลย

นอกจากนี้ยังมีการแสดงมากมายให้ชม ให้อินกับความเป็นเอโดะตื่นตาตื่นใจอาทิ โชว์นินจา อันตื่นเต้น

EDO WONDERLAND Nikko Edomura

เดินเล่นในคินุกาวะ ออนเซ็น

หลังสนุกกับยุคสมัยแห่งซามูไรของญี่ปุ่นแล้วก็กลับมาบริเวณสถานี และเดินเล่นในคินุกาวะออนเซ็นกัน ที่นี่มีบ่อแช่เท้าหลายแห่งให้ มาลองแช่กัน อย่าลืมใส่ถุงเท้าหรือถุงน่องที่ถอดง่ายกับเตรียมผ้าขนหนูไปด้วยนะ มาดูกันว่าแถวนี้มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง

การเดินทาง：นั่งรถแท็กซี่ส่วนตัว Nikko Kotsu จากจุดที่แล้วประมาณ 15 นาที

Kinuta no Yu คือบ่อแช่เท้าฟรีที่อยู่หน้าสถานี ไม่ว่าใครก็มาแช่ได้ นั่งชิลกินบรรยากาศ ผ่อนคลายจากความเมื่อยล้า เป็นกิจกรรมไม่ควรพลาดเมื่อเที่ยวในเมืองออนเซ็น

เดินต่อประมาณ 10 นาทีก็จะถึงสะพาน Kinu Tateiwa Otsuribashi พร้อมวิวอลังการ เมื่อข้ามสะพานไปก็จะพบกับรูปปั้น “ทาเทกิ” ที่คอยคุ้มครองแม่น้ำคินุกาวะ เดินต่อไปอีกก็จะเจออุโมงค์ทาเทอิวะ สุดอุโมงค์จะมีศาลเจ้า Tateiwa Kinu Hime Shrine ที่เชื่อว่าช่วยเสริมดวงความรัก และยังมีจุดชมวิว Tateiwa Observatory ใครมีเวลาอยากให้ลองไปกัน

Kinu Tateiwa Otsuribashi

Footbath Cafe espo

ข้ามสะพานแขวนกันมาเหนื่อยๆ แนะนำให้แวะ Footbath Café “espo” ที่อยู่ในชั้น 1 ของ Hotel Sunshine Kinugawa คาเฟ่นี้อยู่หน้าสะพานเลย ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ วิวสวยมาก นั่งที่นั่งตรงระเบียงแล้วสดชื่นดี แช่เท้าอุ่นๆ ไปพร้อมกับชมวิวสวยๆ กันเพลินๆ

Footbath Cafe espo

Yunishigawa Onsen Kamakura Festival

เดินเล่นในคินุกาวะออนเซ็นแล้วก็ไปจุดหมายต่อไป Yunishigawa Onsen ในฤดูหนาวที่นี่จะจัดเทศกาล Yunishigawa Onsen Kamakura Festival ขึ้นในช่วงกุมภาพันธ์ของทุกปี ที่จะก่อหิมะขึ้นเป็นอิกลู หรือโดมหิมะเล็กๆ และจุดเทียนไว้ด้านใน เนรมิตให้ริมฝั่งแม่น้ำ Sawaguchi สว่างไสวสวยงาม

การเดินทาง：จาก Kinugawa Onsen ถึง Yunishigawa Onsen นั่งรถไฟ Tobu Railway ประมาณ 25 นาที
จาก Yunishigawa Onsen Station ถึง Honke Bankyu Ryokan-mae นั่ง Nikko Kotsu Bus ประมาณ 20 นาที

Yunishigawa Onsen Kamakura Festival

เข้าพักที่ Yunishigawa Onsen

Yunishigawa Onsen มีที่พักมากมาย ให้เลือกตามความชอบ บริการดีขึ้นชื่อ ใครยังไม่มีที่พักในใจ ลองดูลิ้งก์ด้านล่าง

Honke Bankyu

ส่วนเราเลือกพักที่ Honke Bankyu เรียวกังเก่าแก่ ที่สร้างขึ้นในต้นเอโดะ (ปี 1666) หากมาเข้าพักที่นี่ จะมีคนมาตีกลองต้อนรับเวลาเข้าเช็คอิน ซึ่งเป็นวิธีต้อนรับที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยเอโดะเลยทีเดียว นอกจากล็อบบี้และห้องพักจะสวยแล้ว ยังมีสะพานเถาวัลย์ที่อยู่ระหว่างล็อบบี้หลัก และห้องรับประทานอาหารเย็น และรอบข้างก็ยังสวยงามมาก ถูกใจสายถ่ายรูป นอกจากนี้ยังมาปิ้งอาหารข้างเตาไฟได้อีกด้วย ประสบการณ์แบบนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ หากมีโอกาส ลองมาพักที่นี่นะ

Honke Bankyu

DAY 3 โออุจิ จูกุ และอุระบันได อันซีน ฟุกุชิมะ

แนะนำ Ouchi-juku common discount ticket สุดคุ้ม

ตั๋วนี้ใช้ขึ้นได้ทั้ง Aizu Railway และ Saruyu-go ซื้อได้ที่สถานี Aizu-Tajima ในราคา 2,200 (นั่งได้ถึงสถานี Aizu-Wakamatsu)

มีตั๋ว 1 Day Free Ticket ที่เอาไว้ขึ้น Saruyu-go Bus แบบคุ้มๆ ด้วย
ผู้ใหญ่ 1100 เยน เด็ก 500 เยน

แนะนำ Yunokami Onsen Station

สถานีที่มุงหลังคาด้วยฟาง ถือว่าหายากแม้ในญี่ปุ่นก็ตาม อีกทั้งยังมีบ่อแช่เท้าให้แช่เพลินๆ ระหว่างรอรถไฟหรือรถบัส

หมู่บ้านโบราณโออุจิจูกุ

ย้ายจังหวัดมาที่ฟุคุชิมะ ขึ้นเหนือไปถึงอุระบันได ระหว่างทางก็แวะหมู่บ้านโบราณโออุจิจูกุ พิกัดสุดฮิตที่อาจเป็นอันดับ ต้นๆ ของฟุคุชิมะ หมู่บ้านโบราณในหุบเขาห่างไกล ตั้งอยู่ตอนใต้ของจังหวัด บ้านที่มุงหลังคาด้วยฟางมากกว่า 30 หลังยังคงสภาพดั้งเดิมไว้ราวกับหยุดเวลาไว้ในยุคเอโดะ จึงได้ขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของ​ชาติ สถานที่นี้มีเสน่ห์สวยงามในทุกฤดูกาล เหมือนได้ย้อนเวลาข้ามไปในสมัยที่ยังเป็นที่พักของคนโบราณ

การเดินทาง： นั่ง Nikko Kotsu Bus ประมาณ 20 นาที
หรือ นั่งรถไฟจาก Nishikawa Onsen ถึง Yunokami Onsen ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที นั่งบัส Saruyu-go ประมาณ 20 นาที
หรือ นั่งรถไฟจาก Yunishigawa Onsen Station ถึง Yunokami Onsen Station ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที จากนั้นต่อรถ Saruyu-go Bus มาจนถึงหมู่บ้าน

ของขึ้นชื่อที่นี่คือ เนกิโซบะ ซึ่งจะใช้ต้นหอมคีบเส้นโซบะแทนตะเกียบ มาจากการอวยพรให้ “อายุยืนยาวเหมือนต้นหอมที่ลำต้นตรงยาว และอยู่จนผมหงอกเป็นสีขาว” แม้แอบกินยากเหมือนกัน แต่ก็เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่เลย

Ouchi-juku

Urabandai Lake Resort

จากโออุจิจุกุเราจะเดินทางเข้าที่พักของวันนี้ที่ Urabandai Lake Resort โดยอุระบันได คืออีกชื่อหนึ่งของที่ราบสูงบันได ล้อมรอบด้วยภูเขาบันได ภูเขาอะดาทาระ และภูเขาอาซุมา (Azuma) ฤดูใบไม้ผลิมีซากุระ ฤดูร้อนมีบ้านพักตากอากาศ ฤดูใบไม้ร่วงมีใบไม้เปลี่ยนสี ฤดูหนาวมีกีฬาทางหิมะและออนเซ็นให้มาสนุกกัน เป็นที่เที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

รีสอร์ทแห่งนี้สะดวกต่อการทำกิจกรรมในวันถัดไป ทำเลล้อมรอบด้วยทะเลสาบมากมายที่เกิดจากภูเขาไฟระเบิด รวมถึงบึงห้าสีโกชิคินุมะ เหมาะมากสำหรับการมาสัมผัสเสน่ห์ของอุระบันได อย่าลืมจองกิจกรรมสำหรับพรุ่งนี้เอาไว้ด้วย ที่รีสอร์ทแห่งนี้มี Nekoma Rikyu ที่หน้าตาเหมือนปราสาท ครบทุกสิ่งอำนวยความสะดวก ใครอยากสัมผัสความหรูหรา พร้อมผ่อนคลายกับการแช่ออนเซ็นให้หายเหนื่อยล้าจากการเดินทางพร้อมชมวิวสวยๆ ช่วยให้อิ่มใจได้จริงๆ

การเดินทาง : นั่งบัส Saruyu-go ประมาณ 20 นาที จากโอจิจูกุ นั่งรถไฟจาก Yunokami Onsen Station ถึง Aizu-Wakamatsu Station ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
นั่งรถไฟจาก Aizu-Wakamatsu Station ถึง Inawashiro Station ใช้เวลาประมาณ 30 นาที นั่ง shuttle bus อีกประมาณ 30 นาที

Urabandai Lake Resort

DAY４　ตกปลาวาคาซากิและเดินสโนว์ชูว์ที่โกะชิคินุมะ

ตกปลาวาคาซากิ

กิจกรรมที่ทำได้เฉพาะหน้าหนาว ตกปลาวาคาซากิ โดยนั่งบนทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็ง เจาะรูน้ำแข็งแล้วหย่อนเบ็ดลงไป โดยปกติแล้วจะให้นั่งตกปลากลางลมหนาวในเต็นท์ แต่ที่ทะเลสาบฮิบาระแห่งนี้มีกระท่อมเล็กๆ อันอบอุ่นให้มานั่งตกปลา

มาแต่ตัวได้เลยเพราะเขามาพร้อมอุปกรณ์ตกปลาครบครัน มามือเปล่าได้เลย เป็นกิจจกรรมที่เปิดโลก และได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนเมืองหนาวอีกด้วย

ตกปลาวาคาซากิ

เดินสโนว์ชูว์ชมบึงห้าสีโกชิคินุมะ

เพราะสีของบึงโกะชิคินุมะจะเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ จึงได้ชื่อว่าบึงห้าสี เป็นจุดชมวิวที่สวยและเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในอุระบันได ช่วงธันวาคมของทุกปี ที่นี่จะปกคลุมไปด้วยหิมะ มาใส่รองเท้าสำหรับเดินบนหิมะและเดินไปชมบึงกันก็เป็นกิจกรรมออกกำลังกายฤดูหนาวอย่างดีเยี่ยม

เพลิดเพลินกับชาอุ่นๆ และขนมหวานใต้ต้นเมเปิ้ลท่ามกลางหิมะนุ่มฟูได้อรรถรสกับบรรยากาศที่ดีรายรอบ

ชมบึงห้าสีแล้วก็ไปยังที่พักต่อไปเพื่อไปลองกิจกรรมหิมะแบบใหม่ของอุระบันไดแห่งนี้ ให้ล็อบบี้ของโรงแรมเรียกแท็กซี่ให้จะสะดวกที่สุด

Goshikinuma Snowshoe

Numajiri Kogen Lodge

ที่พักที่สร้างขึ้นโดยนักปีนเขาหญิงชื่อดังผู้รักภูเขาตลอดทั้งชีวิตของเธอ ทาเบอิ จุนโกะ ผู้หญิงคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ รวมถึงยอดเขาที่สูงที่สุด 7 แห่งของโลก ที่แห่งนี้เป็นที่รักของผู้คนมากมาย

การเดินทาง：นั่งรถแท็กซี่ส่วนตัว Nikko Kotsu ประมาณ 30 นาที

ที่นี่ต้องปิดตัวไปชั่วคราวในปี 2016 เมื่อคุณทาเบอิลาจากโลกนี้ไป จนในปี 2019 จึงกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในชื่อเดิม Numajiri Kogen Lodge ตามเจตนารมณ์ของเธอ ล้อมรอบด้วยธรรมชาติที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล มีหลายกิจกรรมหลากความสนุกให้เลือกทั้งปีนเขา เดินป่า ออนเซ็น สกี สโนว์บอร์ด กอล์ฟ และอื่นๆ อีกมากมาย

Numajiri Kogen Lodge

กิจกรรมหิมะแบบใหม่ POW SURF & Snow Bike & Fat Bike

cafe&activity nowhere

มาถึงวันสุดท้าย อยากแนะนำให้มาลองทำกิจกรรมหิมะแบบใหม่กันดีกว่า ข้างๆ Numajiri Kogen Lodge เป็นสถานที่รวมกิจกรรมสนุกๆ เอาไว้มากมาย รวมถึง “Extreme onsen” ของ Numajiri Motoyu สนุกกับหิมะในรูปแบบใหม่ไปกับ POW SURF สโนวไบค์ จักรยานล้อโต และอื่นๆ ที่ถูกใจสายกิจกรรม หรือถ้าใครอยากเล่นสกีแบบปกติก็ได้ มีลานสกีอยู่ใกล้ๆ เรียกว่าครบกิจกรรมฤดูหนาวยอดนิยมจริงๆ

การเดินทาง：จาก Numajiri Kogen Lodge ถึง Inawashiro Station ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
จาก Inawashiro ถึง Koriyama นั่งรถไฟ Ban-Etsusai Line ประมาณ 50 นาที
จาก Koriyama ถึง Sendai นั่งรถไฟ Tohoku Shinkansen ประมาณ 40 นาที

Cafe & activity nowhere

ข้อสรุป

สำหรับใครที่กำลังมองหาทริปที่ครบทั้งธรรมชาติ กิจกรรมล่ะก็รับรองว่าทริปนี้มีความตอบโจทย์ อีกทั้งยังได้รับความสะดวกสบายในการเดินทาง เป็นเส้นทางท่องเที่ยวอีกเส้นทางที่เต็มไปด้วยความประทับใจต่อผู้มาเยือนแน่นอน สำหรับใครที่อยากติดตามภาคสอง อ่านได้ที่บทความนี้

ทริปสัมผัสฤดูหนาวโทชิงิ-มินามิโทโฮคุ เส้นทางใหม่ เที่ยวสะดวก ครบรส (ภาค 2 มิยางิ-ยามากาตะ)

ขอแนะนำโทชิงิ-มินามิโทโฮคุ ที่เที่ยวโซนใหม่น่าสนใจ พร้อมเส้นทางท่อง Model route ที่เหมาะสำหรับสายเที่ยว Unseen Japan พาคุณไปสัมผัสฤดูหนาว หิมะ ภูเขา และวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะเป็น ปีศาจหิมะแห่งซาโอ กินซังออนเซ็น และสถานที่วิวสวยมากมาย และยังแนะนำกิจกรรมที่หาได้ที่นี่เท่านั้นอย่างพบปะกับเกอิชาตัวเป็นๆ และอื่นๆ พร้อมข้อมูล การเดินทาง แนะนำบริการอำนวยความสะดวกสำหรับใครที่อยากเที่ยวแบบสะดวกพรีเมี่ยม พิกัดและแผนที่ครบถ้วน ใครอยากกลับมาอ่านประกอบการจัดทริปครั้งหน้า แชร์ไว้ก่อนได้นะ

หรือหากสนใจเส้นทางท่องเที่ยวอื่นๆ ของ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ อ่านได้ที่บทความเหล่านี้

Golden route พิกัดเด็ดเที่ยวญี่ปุ่น สนุกกับกิจกรรมหิมะในเส้นทางใหม่ สายโทชิงิ-มินามิโทโฮคุ (ภาค1โทชิงิ-ฟุกุชิมะ-มิยางิ)

หนาวนี้เราจะพาคุณไปเที่ยวญี่ปุ่น เล่นหิมะสุดฟินในโซนใหม่น่าสนใจ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ พร้อมแนะนำตัวอย่างเส้นทางเที่ยวที่ไม่ควรพลาด นับเป็น Model route ที่รวมเอาพิกัดเด็ดๆ ที่มาทั้งทีต้องมาเยือนเอาไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นนิกโก้ ไอสึวากามัตสึ อุระบันได และอื่นๆ ชื่นชมธรรมชาติอันสวยงามของโทชิงิและฟุกุชิมะ รวมถึงสนุกกับไปกิจกรรมหิมะ เพลิดเพลินกับสวนสัตว์ในมิยางิที่มีจิ้งจอกให้ชมเพียงที่เดียวในญี่ปุ่น ยิ่งหากนำไปรวมแพลนกับ Golden route อีกเส้นทางก็จะได้ตะลุยครบทั้งโทชิงิ ฟุกุชิมะ มิยางิ และยามากาตะ เป็นเส้นทางทองคำแห่งภูมิภาคโทชิงิ-มินามิโทโฮคุฉบับสมบูรณ์! พร้อมข้อมูลพิกัดและแผนที่ครบถ้วน ใครอยากกลับมาอ่านประกอบการจัดทริปครั้งหน้า แชร์ไว้ก่อนได้นะ

Golden route เที่ยวญี่ปุ่นเส้นทางใหม่ สนุกกับกิจกรรมหิมะ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ (ภาค2มิยางิ-ยามากาตะ)

โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ โซนท่องเที่ยวใหม่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่นับว่ามีพิกัดเด็ดๆ เพียบ วันนี้เรานำตัวอย่างเส้นทางเที่ยวเมืองแห่งหิมะ หรือ Model route โดนใจที่รวมเอาพิกัดเด็ดๆ ที่มาทั้งทีต้องมาเยือนเอาไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นมัตสึชิมะ ซาโอ และอื่นๆ ที่จะได้ชื่นชมธรรมชาติอันสวยงามของเซนได มิยางิ และยามากาตะ รวมถึงสนุกกับไปกิจกรรมหิมะ ยิ่งหากนำไปรวมแพลนกับ Golden route อีกเส้นทางก็จะได้ตะลุยครบทั้งโทชิงิ ฟุกุชิมะ มิยางิ และยามากาตะ เป็นเส้นทางทองคำแห่งภูมิภาคโทชิงิ-มินามิโทโฮคุฉบับสมบูรณ์! พร้อมข้อมูลพิกัดและแผนที่ครบถ้วน แชร์เอาไว้เพื่อจัดทริป รับรองว่าเด็ด

ตะลุยแดนหิมะ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ พาเที่ยวโทชิงิ-ฟุกุชิมะ-มิยางิ พิกัดถ่ายรูปจัดเต็ม!

โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ ที่เที่ยวโซนใหม่น่าสนใจ มาเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว ไม่เล่นหิมะคงไม่ได้ ขอแนะนำตัวอย่างเส้นทางเที่ยวเมืองแห่งหิมะ สำหรับบทความนี้จะแนะนำ Model route รวมที่เที่ยวและพิกัดน่ารักๆ พร้อมของหวาน ถูกใจสาวๆ และสายคาเฟ่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นนิกโก้ ไอสึวากามัตสึ อุระบันได ซาโอ เซนได และอื่นๆ ที่จะได้ชื่นชมธรรมชาติอันสวยงามของโทชิงิ ฟุกุชิมะและมิยางิ รวมถึงสนุกกับไปหลากกิจกรรมหิมะ พร้อมข้อมูลพิกัดและแผนที่ครบถ้วน ใครอยากกลับมาอ่านประกอบการจัดทริปครั้งหน้า แชร์ไว้ก่อนได้นะ

ทริปครอบครัวฤดูหนาว เปิดเส้นทางใหม่ สายโทชิงิ-มินามิโทโฮคุ ตระเวนเที่ยวยามากาตะ-มิยางิ

เที่ยวโซนใหม่ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ เปิดทริปครอบครัวฤดูหนาว เที่ยวเมืองหิมะ ตั้งแต่เซนได มิยางิ ไปจนถึงยามากาตะ ไปเที่ยวสัมผัสสัตว์อย่างใกล้ชิด เก็บผลไม้ที่สวน พร้อมสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น เก็บความทรงจำดีๆ ไปเป็นที่ระลึก ให้เที่ยวตามได้อย่างง่าย พร้อมบอกข้อมูลพิกัดและแผนที่ สำหรับใครที่มีแผนจะเที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาวรอบหน้า เก็บไว้อ่านเป็นแนวทางทำทริปได้เลย