ทริปสัมผัสฤดูหนาวโทชิงิ-มินามิโทโฮคุ เส้นทางใหม่ เที่ยวสะดวก ครบรส (ภาค 2 มิยางิ-ยามากาตะ)

โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ เป็นพื้นที่ครอบคลุม 4 จังหวัด 1 จังหวัด ในภูมิภาคคันโต คือ โทชิงิ (ภาคเดียวกับโตเกียว) และ 3 จังหวัดในภูมิภาคโทโฮคุ คือ ฟุกุชิมะ มิยางิ และยามากาตะ อันเป็นบริเวณมินามิโทโฮคุ ซึ่งแปลว่าโทโฮคุตอนใต้ พื้นที่เหล่านี้มีหิมะตกหนักในฤดูหนาว นอกจากกินซังออนเซ็นในยามากาตะแล้ว แต่ละจังหวัดก็ยังมีแหล่งออนเซ็นมากมาย เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระก็จะผลิบานอย่างสวยงาม แต่เนื่องจากหลายพื้นที่อุณหภูมิต่ำกว่าโตเกียว จึงมีโอกาสจะได้ชมซากุระช้ากว่าโตเกียว ซึ่งตรงกับช่วงสงกรานต์พอดี บางช่วงเวลายังสามารถชมหิมะพร้อมซากุระได้ในบางพื้นที่ อีกทั้งฤดูใบไม้ร่วงในภูมิภาคนี้ยังมีใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามอีกด้วย การเดินทางจากโตเกียวเข้าถึงสู่ใจกลางแต่ละจังหวัดนั้นแสนสะดวกด้วยชินคันเซ็นและรถไฟด่วนพิเศษได้ในเวลาอันสั้นและสะดวกสบาย

Model course นี้เหมาะกับคนที่อยากชมวิวพร้อมสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างเต็มที่ แม้ว่าค่าใช้จ่ายอาจสูงขึ้นแต่ก็คุ้มค่า ได้เห็นวิวหิมะสวยงามราวกับอยู่ในฝันยิ่ง พาคุณเข้าสู่ทุกจุดหมายอย่างสะดวก รวดเร็ว เก็บครบแบบชิลล์ๆ ยิ่งถ้าจัดแพลนรวมกับเส้นทางโทชิงิ-ฟุกุชิมะ จะได้สัมผัสกับเสน่ห์ของโทชิงิ-มินามิโทโฮคุแบบครบถ้วน ไม่พลาดอะไรแน่นอน เอาล่ะไปลุยหิมะในมิยางิและยามากาตะกันเลย

วิธีเดินทางสู่เซนได

เนื่องจากการบินไทยยังงดให้บริการเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่เซนไดจนถึงตอนนี้ (มีนาคม 2021) จึงสามารถตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงได้ในเว็บไซต์ของการบินไทย

กรณีมาจากโอซาก้าหรือฟุกุโอกะ แนะนำให้นั่งเครื่องบินมาลงเซนได ส่วนใครมาจากโตเกียว ขอแนะนำวิธีเดินทางด้านล่างนี้ เลือกตามงบประมาณหรือตำแหน่งที่พักกันได้เลย

ชินคันเซ็น

เส้นทาง：Tokyo Station（Tohoku Shikansen Hayabusa / Hayate / Yamabiko）→ Sendai Station
เวลาที่ใช้：ประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาทีขึ้นไป
ราคา：10,560 เยนขึ้นไป (ราคาจะต่างไปตามชนิดของชินคันเซ็นและคลาสของที่นั่ง)

บัสด่วน

เส้นทาง：Tokyo Station（Tohoku Express Bus เป็นต้น）→ Sendai Stion
เวลาที่ใช้：ประมาณ 5 ชั่วโมง-7 ชั่วโมง
เราคา：3100 เยนขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับบริษัทรถบัส）

DAY1 วัดโจกิเนียวไร ไซโฮจิอันสวยงามและอะคิอุออนเซ็น

วัดโจกิเนียวไร ไซโฮจิ (Jogi Nyorai Saihoji Temple)

(c)Miyagi Prefectural Government Tourism Division

เซนไดเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในโทโฮคุ นอกจากการเที่ยวในตัวเมืองแล้ว ที่เที่ยวในฤดูหนาวก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน เริ่มจากวัดโจกิเนียวไร ไซโฮจิกันก่อนสำหรับการเดินทางนั้นอาจจะใช้เวลาเดินทางจากเซนไดสักหน่อย แต่แนะนำมากๆ ว่าไม่ควรพลาด

เพราะวัดแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานราว 800 ปี มีเจดีย์ห้าชั้นสวยงามควรค่าแก่การมาชม โดยเฉพาะตอนหิมะโปรยปรายในฤดูหนาวยิ่งสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ ประทับใจไม่รู้ลืม สำหรับคนที่อยากสมหวังเรื่องคู่ครองและการคลอดบุตร ต้องมาสักการะที่นี่เพราะมีชื่อมากๆ

Jogi Nyorai Saihoji Temple

อะคิอุออนเซ็น (Akiu Onsen)

(c)Miyagi Prefectural Government Tourism Division

ชมวัดสวยๆ กันแล้ว เราจะพาไปต่อกันที่ อะคิอุออนเซ็น ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ออนเซ็นที่ยิ่งใหญ่ในญี่ปุ่น (อีก 2 แห่งได้แก่ อาริมะออนเซ็นในเฮียวโงะ และโดโงะออนเซ็นในเอฮิเมะ) ที่นี่เป็นออนเซ็นที่คนในราชวงศ์ญี่ปุ่นเคยมาเยือนและให้บริการ แหล่งออนเซ็นนี้ตั้งอยูใกล้แม่น้ำนาโทริ มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 1400 ปี วันนี้เราจะพักกันที่นี่

การเดินทาง： จากวัดไซโฮจิถึงอะคิอุออนเซ็น นั่งแท็กซี่ประมาณ 40 นาที
หรือ จากวัดไซโฮจิถึง Ayashi Station นั่งบัสประมาณ 40 นาที แล้วต่อบัสประมาณ 15 นาทีไปลงอะคิอุออนเซ็น

(c)Miyagi Prefectural Government Tourism Division

ก่อนจะออกมาเดินเที่ยวหากยังไม่ถึงเวลาเช็คอินสามารถฝากสัมภาระเอาไว้กับที่พัก เดินเล่นชมบรรยากาศในหมู่บ้านออนเซ็น ไปจนถึงน้ำตกอะคิอุ ที่กว้าง 6 ม. และสูงถึง 55 ติด 1 ใน 100 อันดับน้ำตกญี่ปุ่น มีชื่อเสียงไม่น้อยหน้าน้ำตกเคงอนของโทชิงิและน้ำตกนาจิของวากายามะนอกจากวิวน้ำตกในยามปกติ วิวในฤดูหนาวที่เป็นน้ำตกเยือกแข็งดูอลังการ สามารถนั่งบัสจาก Akiu Sato Center ไปถึงน้ำตกได้

(c)Miyagi Prefectural Government Tourism Division

นอกจากนี้ยังมี วิวสวยแปลกของหุบเขาหินที่มีแม่น้ำไหลผ่านที่หุบเขาไรไรเคียว ชมหินรูปร่างประหลาดที่สรรค์สร้างจากธรรมชาติ ซึ่งจะสวยสะดุดตาในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

(c)Miyagi Prefectural Government Tourism Division

สายคราฟต้องแวะทำงานฝีมือท้องถิ่นของมิยางิที่ Akiu Kogei no Sato สัมผัสเสน่ห์ของวัสดุจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นงานทอ งานไม้ และอีกมากมาย เป็นประสบการณ์ประทับใจ

หรือจะเป่าแก้วที่ Garasu Kobo Moto ที่อยู่หน้าทางเข้าอะคิอุออนเซ็น และอีกมากมาย เรียกว่าครบกิจกรรมที่น่าสนใจ เที่ยวดี ได้รู้จักวัฒนธรรมด้วย

Akiu Sato Center

3.เข้าพักที่อะคิอุออนเซ็น

อะคิอุออนเซ็นมีที่พักมากมาย ใครยังไม่มีที่พักในใจ ดูในลิ้งก์ได้เลย

DAY2 ปีศาจน้ำแข็งแห่งซาโอและโทกัตตะออนเซ็น

ปีศาจน้ำแข็งแห่งซาโอ

วิธีเดินทาง：จากอะคิอุออนเซ็นถึง Sumikawa Snow Park นั่งแท็กซี่ประมาณ 1 ชั่วโมง
หรือจากอะคิอุออนเซ็นถึงสถานีเซนได นั่งบัสประมาณ 50 นาที จากนั้นต่อรถ Juhyo-go bus ประมาณ 2 ชั่วโมงไปลง Sumikawa Snow Park

จุดหมายต่อไปเราจะพาคุณออกเดินทางไปชมปีศาจน้ำแข็งแห่งซาโอกันแต่เช้า การเดินทางด้วยรถยนต์นั้นสะดวกที่สุด แนะนำให้บอกพนักงานโรงแรมให้เรียกแท็กซี่มาให้ นั่งยาวไปถึง Sumikawa Snow Park กรณีไปด้วยรถไม่ได้แนะนำให้พักในตัวเมืองเซนไดแล้วนั่งรถ Juhyo-go bus ไป

ปีศาจน้ำแข็งคือต้นไม้ที่มีหิมะกับน้ำแข็งเกาะ อีกชื่อเรียกว่า Ice monster ภาพปีศาจน้ำแข็งเรียงกันเป็นจำนวนมากสวยงามจนบรรยายไม่ถูก เป็นภาพอันซีนอีกที่ของญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก เป็นสถาปัตยกรรมที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ได้งดงามเฉพาะฤดูหนาวเท่านั้น

(c)SAIL CO., LTD. – Miyagi Zao Ski Resort Sumikawa Snow Park

ด้วยความที่การเดินทางไป ปีศาจน้ำแข็งแห่งซาโอของจังหวัดมิยางิจะเดินทางเองยาก ไม่ว่าจะด้วยรถยนต์หรือเดิน จึงแนะนำให้ไปกับทัวร์และนั่งรถที่ใช้วิ่งบนหิมะโดยเฉพาะไปจาก Sumikawa Snow Park การร่วมทัวร์ชมปีศาจหิมะ จึงต้องไปให้ถึงก่อน 11 โมง

ทัวร์มี 2 แบบ ได้แก่แบบ Standard class และแบบ Deluxe class กรณีเลือกแบบ Deluxe class จะมาพร้อมห้องเลานจ์พิเศษ เครื่องดื่ม ของที่ระลึก และบริการผ้าขนหนูให้ด้วย โดยต้องต้องจองทัวร์ล่วงหน้า

Miyagi Zao Ice Monster Tour

โทกัตตะออนเซ็น (Togatta Onsen)

การเดินทาง：โดยนั่งบัสจาก Sumikawa Snow Park ถึง Togatta Onsen นั่งบัสประมาณ 40 นาที ลงที่ Togatta Onsen Tourist Information Center

หลังชมวิวสวยๆ ก็ต้องไปผ่อนคลายร่างกายที่โทกัตตะออนเซ็นกันต่อ ที่นี่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงที่สูงราว 330 ม. ในอดีตเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่รุ่งเรือง ปัจจุบันจึงมีเรียวกังและบ่อแช่น้ำรวมมากมาย สัมผัสธรรมชาติยิ่งใหญ่พร้อมบรรยากาศญี่ปุ่นดั้งเดิม และมีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งที่สามารถเดินเที่ยวได้อย่างสะดวก

ออนเซ็นรวม Kami no yu บ่อสวยน่าแช่ น้ำพุร้อนมีแร่ธาติที่ดีต่อผิวและสุขภาพ อิ่มเอมบรรยากาศธรรมชาติ

(c)Miyagi Prefectural Government Tourism Division

Zao Town Tourist Information Center

Zao BOO Burger

นอกจากการแช่ออนเซ็น การหาของกินอร่อยๆ ก็เป็นไฮไลท์ที่เด็ดดวง ที่ Zao BOO Burger มีจานเด็ดคือแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นใหญ่เต็มคำ ทำจากเนื้อหมูโมจิบูตะและเนื้อวัวซาโอกิวที่เป็นแบรนด์ท้องถิ่นของจังหวัดมิยางิ รวมถึงผักที่ปลูกในท้องที่ ล้วนแต่เลือกสรรวัตถุดิบมาอย่างพิถีพิถัน เนื้อชุ่มฉ่ำ อิ่มอร่อยฟินๆ

เข้าพักที่โทกัตตะออนเซ็น (Togatta Onsen)

โทกัตตะออนเซ็น หมู่บ้านออนเซ็นอันเงียบสงบ มีความน่าเดินเล่น ให้เพลิดเพลินๆ ซึ่งคืนนี้เราจะพักที่นี่กัน ที่นี่มีที่พักให้เลือกมากมาย ใครยังไม่มีที่พักในใจ ดูในลิ้งก์ได้เลย

DAY 3 แหล่งออนเซ็นชั้นนำของญี่ปุ่น กินซังออนเซ็น

กินซังออนเซ็น (Ginzan Onsen)

พูดถึงกินซังออนเซ็น ก็ต้องนึกถึงภาพหิมะโปรยปรายและเมืองแบบญี่ปุ่นโบราณใต้แสงจากตะเกียง เป็นออนเซ็นที่มีเอกลักษณ์มาก หลายคนน่าจะเคยเห็นรูปและอยากไปที่นี่กันบ้าง เรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่ดังเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น

เดินทางโดยนั่งบัสกลับมาที่ตัวเมืองเซนได แล้วนั่งรถต่อเดียวไปถึงกินซังออนเซ็น
ขึ้นรถ Yamako Bus จาก Sendai Station West Exit จุดขึ้นบัส No. 23 (คลิกเพื่อดูพิกัด)ไปจนถึงป้ายรถเมล์ Obanazawa Machiaijo ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที จากนั้นต่อรถบัสประจำทางไปจนถึงออนเซ็น

พิกัดเที่ยวในกินซังออนเซ็น นั้นมีหลายจุดที่น่าสนใจ อาทิ

Warashi-yu

บ่อแช่เท้าหน้าแม่น้ำกินซัง อยู่ใกล้สะพานชิโรกาเนะที่เชื่อมกับทางเข้าเมืองเรียวกังของกินซังออนเซ็น น้ำในบ่อคือน้ำจากแหล่งน้ำร้อน แช่ได้ฟรีๆ จึงเป็นที่นิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยว ผ่อนคลายจากความเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดี

Shirogane Park

สวนสาธารณะที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ในชิโรกาเนะออนเซ็น พรรณไม้สวยงามเรียงรายให้ความรู้สึกสดชื่น มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติเลียบลำธาร สามารถเดินมาจากเมืองออนเซ็นได้สบายๆ

น้ำตกชิโรกาเนะ

เพลิดเพลินกับวิวของน้ำตกชิโรกาเนะอยู่ในสวนสาธารณะชิโรกาเนะ อยู่บริเวณทางเข้าเส้นทางชมธรรมชาติ เดินทางสะดวก มีจุดชมวิวอยู่ 2 ฝั่ง ชมความสวยงามของน้ำตกได้เต็มตา ท่ามกลางสวนสวยได้วิวสุดประทับใจ

Ginzan Onsen Tourist Information Center

เข้าพักที่กินซังออนเซ็น (Ginzan Onsen)

กินซังออนเซ็นมีที่พักให้เลือกหลากหลาย เลือกดูได้ตามลิงค์นี้

กินซังออนเซ็นคือที่เที่ยวยอดฮิต อาจจองที่พักได้ยากในบางช่วง ขอแนะนำให้พักที่เทนโดออนเซ็นที่อยู่ใกล้ๆ กันแทน

Tendo Onsen

DAY4 พิกัดถ่ายรูปจากเรื่อง “โอชิน” ทัวร์โรงเก็บข้าว Sankyo Soko ดูการแสดงไมโกะที่ Somaro Maiko Teahouse

Ginzan Onsen → Oishida Station นั่งรถบัสประจำทางประมาณ 40 นาที
Oishida Station → Shinjo Station นั่งรถไฟ JR ประมาณ 20 นาที
Shinjo Station → Sakata Station นั่งรถไฟ JR ประมาณ 75 นาที
Sakata Station → Sankyo Soko นั่งรถบัสประจำทางประมาณ 5 นาที

โรงเก็บข้าว Sankyo Soko

หลังชมวิวสวยๆ ที่กินซังออนเซ็นแล้ว ก็มุ่งหน้าไปยังเมืองซากาตะ จังหวัดยามากาตะกันต่อ เดินทางโดยการนั่งบัสจากกินซังออนเซ็นไปถึง Oishida Station เมืองซากาตะ จากนั้นนั่งรถไฟ Ou Main Line ไปลง Shinjo Station ต้องเปลี่ยนรถเยอะหน่อยตั้งสังเกตุกันดีๆ นะ

เมืองซากาตะขึ้นชื่อในฐานะแหล่งปลูกข้าวแห่งใหญ่มาตั้งแต่อดีต ในสมัยเอเดะเคยรุ่งเรืองในฐานะเมืองท่าแห่งใหญ่ มีบ้านและโกดังของพ่อค้ามั่งคั่งอยู่มากมาย ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้คุณไปเดินเล่นในเมืองซากาตะและลองเที่ยวพร้อมความรู้กับทัวร์โรงเก็บข้าวกันที่ Sankyo Soko

โรงเก็บข้าวอันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ และยังเป็นสถานที่ถ่ายทำละครดังที่แม้แต่คนไทยก็รู้จักดีเรื่อง “โอชิน” บริเวณโกดังทากำแพงสีขาว 9 หลัง เก็บข้าวได้ 10,800 ตัน (180,000 กระสอบ) ต้นเคยากิด้านหลังช่วยป้องกันโกดังจากอุณหภูมิในหน้าร้อน มีหลังคา 2 ชั้นเพื่อป้องกันความร้อนด้านใน นับเป็นการรักษาอุณหภูมิไว้ด้วยภูมิปัญญาจากคนรุ่นก่อน ยังใช้เก็บผลผลิตทางเกษตรมาจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าทั้งเที่ยวและได้ความรู้ เที่ยวโรงเก็บข้าวแล้ว อย่าลืมชมต้นเคยากิอายุกว่า 150 ปีตั้งเรียงรายอยู่ 35 ต้น สร้างทัศนียภาพที่สวยงาม น่าแชะภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก นอกจากนี้ใกล้ๆ กันยังมีสถานที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

Homma Museum

นอกจากนี้ที่เมืองซากาตะยังมีอาคารที่ถ่ายรูปสวยอีกมากมาย ให้คุณชมสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์มีเสน่ห์ สัมผัสบรรยากาศสวนญี่ปุ่นสวยๆ ให้ชมที่ Homma Museum ที่มีสวนญี่ปุ่นพร้อมอาคารไม้สวยงามคลาสสิค

Sanno Club

Sanno Club สร้างมา 120 ปีแล้ว เป็นร้านขึ้นชื่อของซากาตะ ขายอาหาร ขนมสไตล์ญี่ปุ่น มีเอกลักษณ์ที่ห้องโถงสไตล์ญี่ปุ่นที่ทำให้ดื่มด่ำความเป็นญี่ปุ่น

Sankyo Soko

มื้อเที่ยงที่ซากาตะ

หลังจากเที่ยวกันอย่างเพลิดเพลินเรามาหามื้อเที่ยงรับประทานในเมืองซากาตะกันดีกว่า เราขอพาคุณ ไปรู้จักกับ 2 ร้านที่คนท้องถิ่นบอกต่อกันมา

Suzumasa

ร้านนี้เป็นร้านซูชิเก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่ปี 1955 ซึ่งที่นี่คุณจะได้ลิ้มลองซูชิปลาจากในท้องถิ่นได้ที่นี่ ทางร้านเสิร์ฟกันในรูปแบบโอมากาเสะที่จำกัด 20 มื้อต่อวันเท่านั้น ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมกันสุดๆ อร่อยกับวัตถุดิบดีๆ ลุ้นกับเมนูเจ๋งๆ ที่จะทำให้คุณประทับใจ

Suzumasa

Sushi Koise

Sushi Koise เป็นร้านซูชิที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟ ที่เดิน 5 จาก Sakata Station เท่านั้น เดินทางสะดวกมาก ที่นี่ก็มีซูชิปลาจากในท้องถิ่นให้ชิมเช่นกัน คนท้องถิ่นบอกกันปากต่อปากจนลูกค้าแน่นร้าน รวมถึงลูกค้าที่มาจากที่อื่นก็มีถึง 50％ เลยทีเดียว การันตีถึงความสดอร่อยประทับใจ ใครที่อยากเลือกเมนูลองเลือกร้านนี้ดูนะ

Sushi Koise

Somaro Maiko Teahouse

สำหรับสถานที่ต่อไปคุณจะได้ทั้งชมการแสดง และเพลิดเพลินกับอาหารที่ Somaro ร้านอาหารประจำซากาตะที่โด่งดังมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ปรับปรุงใหม่และเปิดในเดือนมีนาคม ปี 2000

เพลิดเพลินกับมื้ออาหารไปพร้อมกับชมการเต้นรำของไมโกะได้ที่นี่ ในร้านยังมีการจัดแสดงตุ๊กตาฮินะและศิลปะโบราณ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะอีกด้วย เรียกได้ว่าได้อรรถรสพร้อมเปิดประสบการณ์สุดประทับใจ อินไซด์กับวัฒนธรรมญี่ปุ่น

Somaro Maiko Teahouse

เข้าพักในเมืองซากาตะ

ที่เมืองซากาตะมีที่พักมากมายให้คุณเลือก สำหรับใครยังไม่มีที่พักในใจ ดูในลิ้งก์ได้เลย

Tsuki no Hotel

Tsuki no Hotel คือโรงแรมใกล้สถานีซากาตะที่เพิ่งเปิดเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2020 เดินทางสะดวก พักก็สบาย ครบสิ่งอำนายความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว การตกแต่งภายในเป็นเอกลักษณ์ดูอบอุ่น มีมุมเก๋ๆ ให้แชะภาพด้วยนะ

Tsuki no Hotel

DAY5เมืองสึรุโอกะและภูเขาฮากุโระ

●การเดินทาง： Sakata Station → Tsuruoka Station นั่งรถไฟ JR ประมาณ 35 นาที
Tsuruoka Eki-mae → Hagurozuijinmon นั่งบัสประจำทางประมาณ 40 นาที

ภูเขาฮากุโระ (Mt.Haguro)

ขอแนะนำที่สุดท้ายในทริปนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธ์ที่เชื่อว่าเป็นแหล่งพลังงานดีหรือ พาวเวอร์สปอตอย่างภูเขาฮากุโระเส้นทางสัญจรกว่า 1400 ปีรู้จักกันดีในฐานะภูเขาศักดิ์สิทธิ์สำหรับฝึกตน และยังมีเจดีย์ห้าชั้นที่เป็นสมบัติแห่งชาติและสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์มากมาย ภาพสิ่งก่อสร้างโบราณท่ามกลางธรรมชาตินั้นสวยงามมาก ราวกับหลุดเข้าไปในสถานที่ในตำนาน

การเดินทางทำได้โดยนั่งรถไฟจาก Tsuruoka Station ไปถึง Sakata Station หลังจากนั้นต่อรถบัสไปถึงภูเขา สามารถนั่งบัสขึ้นไปถึงยอดเขาได้ แต่แนะนำให้เดินผ่านประตูสีแดง Zuishinmon（คลิกเพื่อดูพิกัด）ขึ้นภูเขา แต่ต้องปีนขึ้นบันได 2,446 ขั้น จึงไม่ควรแบกของหนักขึ้นไป แต่งตัวให้พร้อมปีนเขาได้สะดวกหน่อยก็ดี

ภูเขาฮากุโระแห่งนี้คือสถานที่ที่ยามาบูชินิยมมาบำเพ็ญตน ยามาบูชิคือนักพรตที่บำเพ็ญตนในป่าเขาเพื่อรับพลังธรรมชาติ มักห้อยสร้อยหอยชิ้นใหญ่ไว้ที่คอ ถ้าโชคดีอาจเจอกับยามาบูชิตัวจริงเสียงจริงระหว่างเดินขึ้นเขากันก็ได้ เป็นอีกกิจกรรมที่ได้ทั้งวิวดี สถาปัตยกรรมเด่น ได้แสวงบุญพร้อมรับพลังที่ดีกลับบ้าน

Mt.Haguro

ข้อสรุป

เรียกได้ว่าทริปนี้ครบทุกกิจกรรม ทั้งการเที่ยวที่สนุก ชมสถานที่อันซีน พักผ่อนกาย แช่น้ำพุเพื่อสุขภาพ เดินเล่นในเมืองหลากรส ชิมอาหารแสนอร่อย ไปจนถึงการแสวงบุญรับพลัง เรียกได้ว่าสนุกสุขสันต์สะดวกสบายกันมากมายเลยทีเดียว สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านภาค 1 อ่านได้ที่บทความนี้

สัมผัสฤดูหนาว เส้นทางใหม่ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ เที่ยวสุดพรีเมียม ครบรส(ภาค 1 โทชิงิ-ฟุกุชิมะ)

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวโซนใหม่น่าสนใจ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ ผ่านการนำเสนอตัวอย่างเส้นทางเที่ยวเมืองแห่งหิมะ Model route ที่เหมาะสำหรับสายเที่ยว Unseen Japan ที่ต้องการความสะดวก แบบพรีเมี่ยม ที่จะพาคุณไปสัมผัสฤดูหนาว หิมะ ภูเขา และวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะเป็นวัดและศาลเจ้าแห่งนิกโก้ เทศกาลหิมะในหุบเขา แถบโทชิงิ-ฟุกุชิมะ พร้อมข้อมูลพิกัดและแผนที่ครบถ้วน พร้อมแนะนำบริการเช่ารถพร้อมคนขับอีกหนึ่งตัวเลือกสุดสะดวก ใครอยากกลับมาอ่านประกอบการจัดทริปครั้งหน้า แชร์ไว้ก่อนได้นะ

หรือหากสนใจเส้นทางท่องเที่ยวอื่นๆ ของ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ อ่านได้ที่บทความเหล่านี้

Golden route พิกัดเด็ดเที่ยวญี่ปุ่น สนุกกับกิจกรรมหิมะในเส้นทางใหม่ สายโทชิงิ-มินามิโทโฮคุ (ภาค1โทชิงิ-ฟุกุชิมะ-มิยางิ)

หนาวนี้เราจะพาคุณไปเที่ยวญี่ปุ่น เล่นหิมะสุดฟินในโซนใหม่น่าสนใจ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ พร้อมแนะนำตัวอย่างเส้นทางเที่ยวที่ไม่ควรพลาด นับเป็น Model route ที่รวมเอาพิกัดเด็ดๆ ที่มาทั้งทีต้องมาเยือนเอาไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นนิกโก้ ไอสึวากามัตสึ อุระบันได และอื่นๆ ชื่นชมธรรมชาติอันสวยงามของโทชิงิและฟุกุชิมะ รวมถึงสนุกกับไปกิจกรรมหิมะ เพลิดเพลินกับสวนสัตว์ในมิยางิที่มีจิ้งจอกให้ชมเพียงที่เดียวในญี่ปุ่น ยิ่งหากนำไปรวมแพลนกับ Golden route อีกเส้นทางก็จะได้ตะลุยครบทั้งโทชิงิ ฟุกุชิมะ มิยางิ และยามากาตะ เป็นเส้นทางทองคำแห่งภูมิภาคโทชิงิ-มินามิโทโฮคุฉบับสมบูรณ์! พร้อมข้อมูลพิกัดและแผนที่ครบถ้วน ใครอยากกลับมาอ่านประกอบการจัดทริปครั้งหน้า แชร์ไว้ก่อนได้นะ

Golden route เที่ยวญี่ปุ่นเส้นทางใหม่ สนุกกับกิจกรรมหิมะ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ (ภาค2มิยางิ-ยามากาตะ)

โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ โซนท่องเที่ยวใหม่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่นับว่ามีพิกัดเด็ดๆ เพียบ วันนี้เรานำตัวอย่างเส้นทางเที่ยวเมืองแห่งหิมะ หรือ Model route โดนใจที่รวมเอาพิกัดเด็ดๆ ที่มาทั้งทีต้องมาเยือนเอาไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นมัตสึชิมะ ซาโอ และอื่นๆ ที่จะได้ชื่นชมธรรมชาติอันสวยงามของเซนได มิยางิ และยามากาตะ รวมถึงสนุกกับไปกิจกรรมหิมะ ยิ่งหากนำไปรวมแพลนกับ Golden route อีกเส้นทางก็จะได้ตะลุยครบทั้งโทชิงิ ฟุกุชิมะ มิยางิ และยามากาตะ เป็นเส้นทางทองคำแห่งภูมิภาคโทชิงิ-มินามิโทโฮคุฉบับสมบูรณ์! พร้อมข้อมูลพิกัดและแผนที่ครบถ้วน แชร์เอาไว้เพื่อจัดทริป รับรองว่าเด็ด

ตะลุยแดนหิมะ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ พาเที่ยวโทชิงิ-ฟุกุชิมะ-มิยางิ พิกัดถ่ายรูปจัดเต็ม!

โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ ที่เที่ยวโซนใหม่น่าสนใจ มาเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว ไม่เล่นหิมะคงไม่ได้ ขอแนะนำตัวอย่างเส้นทางเที่ยวเมืองแห่งหิมะ สำหรับบทความนี้จะแนะนำ Model route รวมที่เที่ยวและพิกัดน่ารักๆ พร้อมของหวาน ถูกใจสาวๆ และสายคาเฟ่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นนิกโก้ ไอสึวากามัตสึ อุระบันได ซาโอ เซนได และอื่นๆ ที่จะได้ชื่นชมธรรมชาติอันสวยงามของโทชิงิ ฟุกุชิมะและมิยางิ รวมถึงสนุกกับไปหลากกิจกรรมหิมะ พร้อมข้อมูลพิกัดและแผนที่ครบถ้วน ใครอยากกลับมาอ่านประกอบการจัดทริปครั้งหน้า แชร์ไว้ก่อนได้นะ

ทริปครอบครัวฤดูหนาว เปิดเส้นทางใหม่ สายโทชิงิ-มินามิโทโฮคุ ตระเวนเที่ยวยามากาตะ-มิยางิ

เที่ยวโซนใหม่ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ เปิดทริปครอบครัวฤดูหนาว เที่ยวเมืองหิมะ ตั้งแต่เซนได มิยางิ ไปจนถึงยามากาตะ ไปเที่ยวสัมผัสสัตว์อย่างใกล้ชิด เก็บผลไม้ที่สวน พร้อมสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น เก็บความทรงจำดีๆ ไปเป็นที่ระลึก ให้เที่ยวตามได้อย่างง่าย พร้อมบอกข้อมูลพิกัดและแผนที่ สำหรับใครที่มีแผนจะเที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาวรอบหน้า เก็บไว้อ่านเป็นแนวทางทำทริปได้เลย