เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาวที่ มิเอะ ทั้งจุกทั้งฟิน แบบจัดเต็ม

02/04/2019 (อัพเดทเมื่อ 10/11/2020)
คอนนิจิว้า เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ ญี่ปุ่นอยู่ในช่วงฤดูหนาว หนาวจับใจ สวยจับจิตกันเลยทีเดียว แต่ครั้งนี้การเที่ยวญี่ปุ่นจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะหญิงจะพาไปเปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในฤดูหนาว ที่จังหวัดมิเอะกันแบบจัดเต็ม จุใจกันไปเลย พร้อมไปเก็บสตรอว์เบอร์รี่กันถึง 3 ที่ ให้คอสตรอว์เบอร์รี่ ได้จุก ไม่ใช่สิ ฟินกันสุดๆ
SOMPO

mie

มิเอะมีอะไรหรอ เพื่อนๆอาจจะสงสัย จังหวัดมิเอะมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก ไม่ว่าจะขึ้นกระเช้าลอยฟ้าที่โกะไซโช วิวนี้มองได้ 360 องศาไปเลย ต่อด้วยเดินเล่นที่น้ำตก 48 สายแห่งอาคาเมะ ทานเนื้อวัวมัตสึซากะ ศักการะบูชาและขอพรกับเทพเจ้าแห่งความรัก ที่หินศักดิ์สิทธิ์เมะโอโตะ อิวะ หรือจะไปเดินเล่นถนนคนเดินที่ โอคาเงะโยโกะโจ ทานอาหารทะเลสดๆจัดทำโดยอะมะซัง หรือหญิงดำน้ำเก็บของทะเล อยากจะบอกว่าถ้าให้เล่าหมดคงต้องใช้เวลาหลายวันมากค่ะ

Kintetsu Rail Pass Plus

เราไปเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่า การเดินทางครั้งนี้ เราจะเริ่มจากสถานีคินเทะซึนาโกย่า (近鉄名古屋駅)จุดศูนย์กลางของภูมิภาคชูบุ โดยขึ้นรถไฟของบริษัท kintetsu (近鉄)และการเดินทางจะเกิดความคุ้มค่าต่อเมื่อเราซื้อตั๋วบัตร Kintetsu Rail Pass Plus ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 4,800 เยน(ผู้ใหญ่)ส่วนราคาเด็กนั่นอยู่ที่ 2,500 เยนเท่านั้นค่ะ และเพื่อความประหยัดไปอีก หญิงแนะนำให้ซื้อที่ประเทศไทยค่ะ เพราะหากซื้อที่ญี่ปุ่นละก็ แพงขึ้น 200 เยนค่ะ

Kintetsu Rail Pass Plus

บัตร Kintetsu Rail Pass Plus สามารถขึ้นรถไฟฟ้าคินเท็ตสึ รถไฟอิกะ รถบัสนาราโคซือ รถบัสมิเอะ โคซือ รถบัสโทบะคาโมเมะ ได้ทั้งหมดแบบไม่อั้นเลย และที่สำคัญสามารถใช้ได้ถึง 5 วัน พร้อมสิทธิ พิเศษส่วนลดจากสถานท่องเที่ยว ร้านอาหาร และอื่นๆอีกมากมาย พูดตรงๆเลยว่าคุ้มมว๊าก

ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติม หญิงจะแปะไว้ให้ตรงนี้นะคะ >>> Kintetsu

kintetsu nagoya

แต่ทว่าบัตร Kintetsu Rail Pass Plus สามารถขึ้นได้แต่รถไฟธรรมดา ดังนั้นเราเลยต้องซื้อตั๋วรถไฟความสูง หรือเรียกว่าโทะคิวเคน(特急券) ในส่วนของราคา ขึ้นอยู่กับระยะทางนะคะ ครั้งนี้ เราจะนั่งรถไฟ Ltd. Exp. (特急) จากสถานี Kintetsu Nagoya (近鉄名古屋駅)เวลา 9:30 น. ไปถึงที่สถานี Kintetsu Yokkaichi(近鉄四日市駅)เวลา 9:57 น. ส่วนตั๋วรถไฟ Ltd. Exp. (特急券) อยู่ที่ราคา 510 เยน รถไฟคันนี้มุ่งตรงสู่สถานี Osaka-Namba ค่ะ

 Kintetsu Yokaichi

เมื่อถึงสถานี Kintetsu Yokkaichi(近鉄四日市駅) แล้วเราจะนั่งรถไฟธรรมดาต่อ มาลงที่สถานี Yunoyama onsen (湯の山温泉駅) แน่นอนค่ะว่าเราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มอะไรทั้งนั้น เพราะเรามีบัตร Kintetsu Rail Pass Plus ค่ะ

Yunoyama onsen

และแล้วเราก็มาถึงสถานี Yunoyama onsen (湯の山温泉駅) เมื่อออกมาจากช่องตรวจตั๋ว ให้เดินเลี้ยวขวา แล้วไปรอขึ้นบัสเลยค่า

 AQUAIGNIS

เรากำลังจะไปเก็บสตอว์เบอรี่กันที่ AQUAIGNIS (アクアイグニス)โดยจะขึ้นบัส Mie-Kotsu แน่นอนว่าเรามีบัตร Kintetsu Rail Pass ขึ้นไปเลยจ้า ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มใดๆ การเดินทางโดยบัสใช้เวลาประมาณ 7 นาที

Aquaignis (アクアイグニス) : รีสอร์ทออนเซน สปาและการดูแล สุขภาพ พร้อมอาหารชั้นเลิศแถมกิจกรรมเก็บสตอว์เบอรี่แบบจุใจ

Aquaignis (アクアイグニス)

ก่อนอื่นอยากจะแนะนำ Aquaignis กันก่อน Aquaignis เป็นสถานที่พักผ่อนแบบครบวงจร มีทั้งออนเซน 100% และสปา พร้อมทั้งอาหารรสเลิศไม่ว่าจะเป็น อาหาอิตาเลียน อาหารญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งขนมเค้ก ขนมปังหอมๆก็ตาม

Aquaignis

และในช่วงฤดูหนาวก็มีสวนสตรอว์เบอร์รี่ให้เราได้มาเก็บสตรอว์เบอร์รี่ทานแบบไม่อั้นกันด้วย ซึ่งหญิงขอรับประกันเลยว่าบรรยากาศที่นี้ดีมาก ถ่ายรูปอัพลงโซเชียลได้สวยๆเลย

Aquaignis

ว่าแล้ว ในฤดูหนาวนี้เราจะไม่พลาดกิจกรรมเก็บสตรอว์เบอร์รี่แน่นอนค่า เลี้ยวกันเข้าไปเลยที่ Aquaignis Tsujiguchi Farm

Aquaignis

สวนสตรอว์เบอร์รี่แห่งนี้ มีความสะอาดมาก หญิงพูดเลยว่า ตั้งแต่ไปมาหลายๆที่ ที่นี้คือเดอะเบส อยากให้เพื่อนๆทุกคนลองมาจริงๆค่ะ แต่แนะนำให้จองมาก่อนนะคะ เพราะที่นี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เสาร์ อาทิตย์แน่นอนว่าอย่าไปจองเลยค่ะ ฮ่าๆ

Aquaignis

ราคาเข้าเก็บสตรอว์เบอร์รี่อยู่ที่ 2,100 เยน สำหรับผู้ใหญ่ ราคาเด็กประถม 1,700 เยน ราคาเด็กตั้งแต่ 3 ปีถึงอนุบาลชั้นปีที่ 3 ราคา 1,300 เยนค่ะ เพิ่มเติมคือ มีออฟชั่นให้ สำหรับเพื่อนๆที่อยากทานกับนมข้นหวาน ราคา 50 เยน หรือจะเป็นคาราเมล ในราคา 100 เยน

Aquaignis

ว่าแล้วเรามาเริ่มเก็บกันเลยดีกว่า ที่สวนสตรอว์เบอร์รี่แห่งนี้มีสายพันธุ์สตรอว์เบอร์รี่ถึง 8 ชนิด แต่หญิงจะขอแนะนำ 2 ชนิดเป็นออเดิร์ฟให้เพื่อนๆนะคะ ชนิดแรก หวาน กรอบ อร่อย ทุกอย่างคือดีค่ะ เรียกว่า Benihoppe

Aquaignis

รูปร่างจะสวย น่ารักแบบนี้เลย แดงสวยมาก อีกอย่างคือ ที่นี้เขารับประกันความหวานที่ไม่ต้องพึ่งนมข้นหวาน หรือออฟชั่นอื่นใดเลยค่ะ สุดยอดจริงๆ นับถือเลย

Aquaignis

สายพันธุ์ต่อไปคือ Toukun มีความพิเศษคือ มีกลิ่นหอมและรสชาติเหมือนลูกพีช คือกินเข้าไปก็ยังงงอยู่ว่า นี้กินสตรอว์เบอร์รี่อยู่ หรือกินลูกพีชนะ

Aquaignis

ลักษณะของสตรอว์เบอร์รี่ Toukun เป็นลูกเล็กๆ น่ารัก สีไม่แดงมาก บ้างลูกออกชมพูนิดๆ

Aquaignis

นอกจาก 2 สายพันธุ์นี้แล้ว ก็มีอีก 6 สายพันธุ์ที่เรียงราย ให้เราได้ชิมแบบไม่เบื่อ ไม่เลี่ยนเลย เพราะแต่ละสายพันธุ์ก็มีรสชาติเฉพาะ อีกอย่างเราสามารถทานได้ไม่อั้น จัดไปเต็มๆ 40 นาทีเลยค่า

Aquaignis

และที่พลาดไม่ได้เลย นอกจากทานได้ไม่อั้นแล้ว ที่นี้ขณะเก็บสตรอว์เบอร์รี่ก็จะมีเพลงเพราะๆให้เราได้ฟังเพลินๆ บันเทิงจิตใจมากค่ะ

Aquaignis (アクアイグニス)

ที่อยู่4800-1 Komono , Komonocho , Miegun , Mie Prefecture 510-1233
วิธีเดินทางจากสถานี Yunoyama Onsen นั่งรถบัสสาย 76 Yunoyamasen (76湯の山線) ประมาณ 7 นาที
เวลาทำการ10:00-17:00 น. (ติดต่อสอบถามถึง 16:00 น.)
ช่วงเวลาเก็บสตรอว์เบอร์รี่1 ธันวาคม-6 พฤษภาคม  ผู้ใหญ่ 2,100 เยน /เด็กประถม 1,700 เยน / เด็กอนุบาล 1,300 เยน / 7 พฤษภาคม-31 พฤษภาคม ผู้ใหญ่ 1,800 เยน / เด็กประถม 1,500 เยน /เด็กอนุบาล 1,100 เยน
โทรศัพท์059-394-7733
Website Aquaignis

ดูแผนที่ Aquaignis

Gozaisho Ropeway (御在所ロープウエイ) : วิวสีขาว บนเขาโกะไซโช

Gozaisho RopewayCr: Gozaisho Ropeway

เก็บสตรอว์เบอร์รี่กันหนำใจแล้ว สถานที่ต่อไปที่หญิงจะพาไปคือ Gozaisho Ropeway ครั้งนี้เรามาในช่วงฤดูหนาว บนภูเขาจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ขาวโพลนไปทั่วเขาค่ะ

Gozaisho Ropeway

แต่พอดีว่าปีนี้หญิงมาช้าไปหน่อยค่ะ อีกอย่างคืออากาศเปลี่ยนแปลงเป็นอุ่นขึ้นเร็วมาก เลยไม่ได้เห็นภาพฤดูหนาวที่สวยงามนั่น ไว้มีโอกาสจะมาใหม่ แต่หญิงก็มีรูปให้เพื่อนได้ชมกันนร้า

Gozaisho Ropeway

ก่อนอื่นเรามาซื้อตั๋วขึ้น Ropeway กันก่อนค่ะ อยากบอกว่าเรามีสิทธิพิเศษจากการถือบัตร Kintetsu Rail Pass ทำให้เราสามารถขึ้นกระเช้าได้ในราคาถูกกว่า 30% คือ จากราคา 2,400 เยน จ่ายเพียง 1,680 เยน ลดไปตั้ง 720 เยนแหนะค่ะเพื่อนๆ

 Gozaisho Ropeway

และนี่คือภาพบรรยากาศที่หญิงได้มาค่ะ หิมะเริ่มละลายไปมากแล้ว ต้นไม้เริ่มเป็นสีเขียวเห็นได้ชัดมากขึ้นแล้วค่ะ

Gozaisho Ropeway Cr: Gozaisho Ropeway

แต่ถ้าหากมาช่วงฤดูหนาว ก็จะขาว สวย ประมาณนี้เลยค่ะ อย่างกับเทพนิยายเลย

Gozaisho Ropeway

ภาพนี้ถ่ายเมื่อต้นเดือนมีนาคม ถ้าเพื่อนๆอยากมาช่วงที่หิมะปกคลุม แนะนำให้เช็คสภาพอากาศ หรือจะดูในโซเชียลดูรูปอัพเดตล่าสุด ว่าภาพบรรยากาศเป็นยังไงก่อนมาก็ดีนะคะ

Gozaisho Ropeway Cr: Gozaisho Ropeway

งั้นเรานั่งกระเช้าขึ้นไปบนเขากันเลยดีกว่าค่ะ นั่งกระเช้าใช้เวลาทั้งหมด 15 นาทีค่ะ คือให้นั่งนานๆเป็นครึ่งชั่วโมงก็ยอมค่ะ ถ้าวิวจะสวยขนาดนี้

Gozaisho Ropeway

เข้าสู่ช่วงความรู้มีอยู่จริง Gozaisho Ropeway มีบริเวณติดกับ Yunoyama onsen ตั้งอยู่บริเวณ Mt. Gozaisho ที่มีความสูง 1,212 เมตร ถึงแม้จะไม่สูงมาก แต่อยากบอกว่าวิวล้ำค่ามากค่ะ ยิ่งตอนใบไม้ร่วงในช่วงเดือน พฤศจิกายน ภูเขาลูกนี้จะไล่สีตั้งแต่สีเขียว เหลือง แดง สวยงามมากจริง

Gozaisho Ropeway

จุดนี้เป็นสถานที่เล่นกระดานเลื่อน สำหรับเด็กๆและครอบครัวได้ใช้ช่วงเวลาดีๆด้วยกัน กระดานเลือน หรือ Sledding Slop มีให้บริการให้เช่า 600 เยนค่ะ โดยที่จุดนี้จะแยกออกมาจาก ski slopes เพื่อความปลอดภัย

Gozaisho Ropeway

ยอดเขานี้มีความพิเศษคือ หากเราไปยืนอยู่ฝั่งซ้ายจะยืนอยู่บนจังหวัดชิกะ แต่หากมายืนอยู่ฝั่งขวาจะเป็นจังหวัดมิเอะนั่นเอง และถ้ามองจากจุดนี้ หมุนตัวไปรอบๆ จะเห็นวิวที่เขาสวยงามละลานตาไปหมดเลยค่ะ

Gozaisho Ropeway Cr: gozaisho.co.jp

และนี่คือภาพบรรยายเวลาหิมะปกคลุมต้นไม้ ทางเดิน เป็นอะไรที่สวยมากจริงค่ะ อยากเห็นมากเลย

Gozaisho Ropeway

นอกจากจะชมความสวยงาม และมีสถานที่สำหรับเด็กและครอบครัวแล้ว ที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยม ในการมาเล่นสกีกันค่ะ เพราะที่แห่งนี้เป็นลานสกีแห่งเดียวในจังหวัดมิเอะ แถมมีแบ่งแยกเลนสำหรับมือใหม่ และมือโปรไว้อย่างชัดเจนอีกด้วย คุณลุงในรูปท่านนี้ก็เก่งมากค่ะ อายุ 80 กว่าแล้ว เท่มาก มาบ่อยมาก เห็นพี่พนักงานเล่าให้ฟังค่ะ

Gozaisho Ropeway

และแน่นอนว่าเพื่อนๆไม่ต้องกังวลเรื่องอุปกรณ์เลยค่ะ เพราะที่ Gozaisho มีบริการเช่าอุปกรณ์แบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Ski boots, Ski poles, Ski three-piece set ( Ski + pole + boots)

Gozaisho Ropeway Cr: gozaisho.co.jp

ค่าธรรมเนียมตามตารางด้านบนเลยค่ะ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเช็คได้ที่เว็บไซต์ด้านนี้เลยค่ะ >>> Gozaisho Ropeway

Gozaisho Ropeway

และก่อนที่เราจะจากภูเขาลูกนี้ไป หญิงขอแนะนำร้านอาหาร ที่ถือว่าอร่อยเลยแหละค่ะ ชื่อร้าน “Restaurant Nature” เมื่อขึ้นโรปเวย์มาก็จะเจอร้านนี้เลยค่ะเพื่อนๆ เป็นร้านที่วิวดีมาก มีที่นั่งถึง 100 ที่

Restaurant Nature

เมนูที่หญิงอยากจะแนะนำมาก คือเมนู Yokkaichi Tonteki Teishoku หมูสเต็กของขึ้นชื่อเมือง Yokkaichi ค่ะ ราคาชุดละ 2,000 เยน หมูมีความนุ่มละมุนกำลังดี ซอสมีความหวานเข้าที่มาก

Restaurant Nature

และอีกเมนู Gozaisho Curry Udon ราคา 900 เยน เป็นเมนูที่ทาง Gozaisho แนะนำอยากให้ทานเป็นที่สุด แบบนี้ไม่ลองไม่ได้แล้วค่ะ นอกจากนี้ยังมีเมนูอีกมากมายให้เลือกทาน

Gozaisho Ropeway

ทานอิ่มแล้วก็นั่งกระเช้าลงกันค่า ไปเที่ยวสถานที่ต่อไปกัน สถานที่หญิงจะพาไปนั่น มีดอกไม้หลายพันธุ์ ขอบอกว่าสวยมากจริงๆ และที่สำคัญมีการประดับไฟที่สุดจะอลังการ แน่นอนว่าไม่ทำให้เพื่อนๆผิดหวังแน่ค่ะ และก่อนที่เราจะไปชมแสงไฟและดอกไม้ จะพาเพื่อนไปเก็บสตอว์เบอรี่กันก่อนค่า

Gozaisho Ropeway (御在所ロープウエイ)

ที่อยู่8625 Yunoyama Onsen ,Komono ,Komono-cho, Mei-gun, Mie Prefecture 510-1233
วิธีเดินทางจากสถานี Kintetsu-Yokkaichi (近鉄四日市駅) นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Yunoyama- onsen(湯の山温泉) ใช้เวลาประมาณ 28 นาที หลังจากนั่นขึ้นรถบัสมุ่งสู่ Gozaisho Ropeway (御 在所ロープウエイ)ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
เวลาทำการเดือนเมษายน- เดือนพฤศจิกายน 9:00 – 17:00 น. / เดือนธันวาคม – เดือนมีนาคม 9:00 – 16:00 น.
ราคาราคาขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไป-กลับ :ผู้ใหญ่ 2,400 เยน /เด็ก(ตั้งแต่ 4 ขึ้นไป-ระดับประถมศึกษา) 1,200 เยน
โทรศัพท์059-392-2261
Website Gozaisho Ropeway

ดูแผนที่ Gozaisho Ropeway

Nagashima Farm (ナガシマファーム) : ทานสตรอว์เบอร์รี่สดๆที่สวนนากาชิม่า

Nabana No Sato

และก็เป็นครั้งที่สองในรอบวันนี้ค่ะ ที่เราจะพาไปเก็บสตอว์เบอรี่กันอีก อยากบอกว่าสู้ตายมาก ครั้งนี้เรามาเก็บกันที่ Nagashima Farm

Nabana No Sato

การจะมาเก็บนั้น เพื่อนๆต้องจองล่วงหน้ามาก่อนนะคะ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย จะแตกต่างไปตามฤดูกาลค่ะ ถ้าเป็นในช่วง 12/2/2019-7/4/2019 เป็นช่วงที่หญิงไปจะอยู่ที่ราคา 1,800 เยน สำหรับผู้ใหญ่ 1,500 เยน สำหรับเด็กประถม และ 1,200 เยน สำหรับเด็กตั้งแต่ 3 ขวบ ขึ้นไปค่ะ

Nabana No Sato

ภายในสวนสตรอว์เบอร์รี่สะอาดและกว้างมาก มีให้เลือกทานได้เป็นแถวๆไปค่ะ เพราะบ้างลูกก็ยังไม่สุกพอดีที่จะอร่อย

Nabana No Sato

ตัวผลสตรอว์เบอร์รี่จะมีขนาดใหญ่ สีแดง มีรสชาติหวานกำลังดี เป็นสายพันธุ์ Benihoppe จ้า

Nabana No Sato

แต่การเลือกสตรอว์เบอร์รี่ที่หวานอร่อย ก็มีเคล็ดลับอยู่ที่ว่า เราต้องเลือกลูกที่มีรูปร่างไม่สมบูรณ์นั่นเอง

Nabana No Sato

ถ้าหากเพื่อนๆคนไหนรู้สึกต้องการความหวานเพิ่มเติม ที่นี้เขาก็มีบริการ ซอสช็อคโกแลต และนมข้นหวานให้ฟรีด้วยนร้า บีบเข้าไปเลยจ้า

Nagashima Farm

ที่อยู่Matsukage, Nagashima-Cho, Kuwana-Shi, Mie, Japan 511-1134
วิธีเดินทางเดินทางจาก Nabana no sato โดยรถบัสประมาณ 15 นาที
เวลาทำการ10:00-17:00 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 16:30 น.)
ราคา22 ธันวาคม 2018 – 11 กุมภาพันธ์ 2019 ผู้ใหญ่ 2,000 เยน เด็ก 1,700 เยน เด็กเล็ก (ต่ำกว่า 3 ขวบ) 1,400 เยน / 12 กุมภาพันธ์ 2019 – 7 เมษายน 2019 ผู้ใหญ่ 1,800 เยน เด็ก 1,500 เยน เด็กเล็ก (ต่ำกว่า 3 ขวบ) 1,200 เยน / 8 เมษายน 2019 ผู้ใหญ่ 1,500 เยน เด็ก 1,200 เยน เด็กเล็ก (ต่ำกว่า 3 ขวบ) 1,000 เยน
โทรศัพท์0594-45-2000
Facebook Nagashima Farm

ดูแผนที่ Nagashima Farm

Nabana No Sato (なばなの里) : ชมสวนดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

Nabana No Sato

หลังจากที่เราเก็บสตรอว์เบอร์รี่กันจุใจแล้ว ก็มาเดินเล่นที่สวน Nabana No Sato กันค่ะ ที่สวนแห่งนี้ ถือเป็นสวนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และไม่ว่าจะฤดูไหนก็มีดอกไม้สวยๆให้ชมตลอดทั้งปีเลย

Nabana No Sato

โดยเฉพาะช่วงเข้าฤดูใบไม้ผลิ หรือ กลางเดือนมีนานั้น ดอกบ๊วยชิดะเรจะบานสะพรั่งให้ได้ชมกันค่ะ สวนดอกบ๊วยมีพื้นที่ทั้งหมด 10,000 ตารางเมตร ใหญ่จริงค่ะ

Nabana No Sato

แต่ตอนที่หญิงไปนั้น เป็นช่วงต้นเดือนมีนาคม ดอกบ๊วยยังไม่บานเต็มที่พอ เพราะถ้าบานเต็มที่ละก็ จะเต็มต้นและสวยงามมาก แต่ต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2 อาทิตย์ค่ะ

Nabana No Sato

และที่สำคัญคือ ไม่ใช่แค่ตอนกลางวันเท่านั้น ที่เราจะสามารถดูดอกบ๊วยได้ แต่ตอนกลางคืน เขาก็มีเปิดไฟ ส่องไปที่ต้นบ๊วย ทำให้บรรยากาศสวยไปอีกแบบค่ะ

Begonia Garden

หญิงอยากจะบอกเพื่อนๆว่า ค่าเข้านั่นเราก็ได้รับส่วนลดจากบัตร Kintetsu Rail Pass Plus คือจากราคา 2,300 เยนก็จ่าย เพียง 1,800 เยนจ้าเพื่อนๆ บัตรเข้าชมนี้ เราสามารถเข้าได้ทั้ง Begonia Garden และการประดับไฟที่ยิ่งใหญ่ได้เลย

Begonia Garden

ส่วนตอนนี้เราได้เข้ามาอยู่ในสวน Begonia Garden มีพื้นที่ถึง 9,000 ตารางเมตร เต็มไปด้วยดอกไม้หลากหลายชนิดให้ได้ชมมากมาย กลิ่นหอมของดอกไม้ทำให้สดชื่นจริงๆค่ะ

Begonia Garden

แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่ให้ชมนร้า ที่นี้ยังถือเป็นจุดที่ถ่ายรูปสวยมาก และมีบริการจุดถ่ายรูปให้ด้วย

Begonia Garden

ไฮไลท์สำคัญของเรือนกระจกขนาดใหญ่หรือที่เรียกว่า Begonia Garden นี้ คือที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยดอกกุหลาบขนาดใหญ่ที่บานสะพรั่ง เรียงรายกว่า 800 สายพันธุ์

Begonia Garden

และภายในสวนแห่งนี้ก็มีที่ให้เราได้นั่งพักผ่อน เผื่อเพื่อนๆคนไหนรู้สึกเมื่อยขาค่ะ ต้องการพักสักนิด

Begonia Garden

การนั่งพักผ่อนนั้นก็ต้องมีของหวานให้ชื่นใจกันบ้าง หญิงขอแนะนำซอฟท์ครีมรสซากุระ ที่มีโมจิ shigahabutae เพิ่มรสชาติความอร่อย ซึ่งรสชาตินี้มีเฉพาะฤดูใบไม้ผลิเท่านั่น ราคา 350 เยนค่ะ อยากบอกว่าคุ้มมาก และดีมาก

Begonia Garden

หลังจากพักผ่อนกันไปสักพักแล้ว เราไปเดินเล่นต่อกันเถอะค่ะ บ่อน้ำด้านหน้านี้มีขนาดใหญ่ และสวยมากตามรูปเลย ภายในบ่อน้ำนี้จะมีดอกไม้ชนิดต่างๆลอยวนไปตามทิศทางวนขอน้ำ มองกี่ทีก็เพลินตาค่ะ

Begonia Garden

ด้านข้างของสวนก็จะมีกระถางดอกไม้นานาชนิด วางเรียงกันเป็นแถว ให้เราได้รู้สึกสดชื่นเมื่อเดินไปตามทาง

Begonia Garden

และเมื่อเราออกมาจากสวนแล้ว ที่ต่อไปที่แนะนำคือ การไปขึ้น Island Fuji เป็นที่ชมวิวแบบ 360 องศาบนความสูง 45 เมตรค่ะ ตรงนี้ต้องเสียค่าขึ้นต่างหาก ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็กราคา 300 เยนจ้า

Begonia Garden

จากตรงนี้จะเห็นตึกเหมือนโบสถ์เล็กๆ ซึ่งเป็นฮไลท์อีกแห่งตรงกลางสวน มีการเล่นไฟเพิ่มความน่าตื่นตาตื่นใจมากเลย

Nabana No Sato

และนี้แหละค่ะ จุดไฮไลท์ของ Nabana No Sato เป็นอุโมงค์ไฟสุดอลังการ ซึ่งจะเป็นอิลูมิเนชั่นในฤดูหนาวเท่านั่นด้วย มีความยาวประมาณ 200 เมตร

Nabana No Sato

ระยะเวลาในการจัดอิลูมิเนชั่น มีตั้งแต่ 20/10/2018 -6/5/2019 ซึ่งเป็นการจัดอิลูมิเนชั่นที่ใหญ่ที่สุดในญีปุ่น แถมได้ถูกจัดให้เป็น 「Top30 Attractions in Japan by International Travelers 2017」 อีกด้วยนร้า

Nabana No Sato

และที่ต่อไปที่เราจะไปชมกัน ก็สวยไม่แพ้กันเลยทีเดียว เพราะที่แห่งนี้จะใช้ลูกเล่นของไฟ ในการเล่าเรื่องราวความเป็นญี่ปุ่น ไม่ว่าจะวัฒนธรรม ธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ หรือจะเป็นขนบธรรมเนียม ให้ผู้รับชมได้รู้สึกถึงความสวยงามของประเทศญี่ปุ่นค่ะ

Nabana No Sato

นั่นก็หมายความว่า ธีมการจัดแสดงคือ “JAPAN” นั่นเอง แต่ที่พิเศษมากกว่านั่นภาพพื้นหลังจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มีทั้งหมด 14 ซีน ให้เพื่อนๆได้ชม และเรียนรู้ถึงความเป็นญีปุ่นได้อย่างแน่นอน

Nabana No Sato

หลังจากดูการแสดงจบกันไปแล้ว เราก็จะเดินวนออกมา เข้าที่อุโมงค์ไฟอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นอุโมงค์ไฟลาเวนเดอร์ ที่มีสีม่วง ฟ้า และน้ำเงิน สลับกันให้ความรู้สึกเย็นๆ เหมือนอยู่ในโลกของเทพนิยาย

Nabana No Sato

อุโมงค์นี้มีความยาว 100 เมตร และนอกจากจะเป็นสีม่วงแล้วก็จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวสับกันไปเป็นพักๆค่ะ

Mugi

อาหารเย็นวันนี้หญิงมาทานที่ร้าน Mugi เป็นอาหารสไตล์อิตาเลียน ที่ไม่ได้แค่มีแค่พาสต้า หรือพิซซ่าเท่านั้น ทางร้านยังนำเสนออาหารทะเลอีกด้วยค่ะ

Nabana No Sato (なばなの里)


ที่อยู่270 Urushibata, ,Nagashimacho-Komae, Kuwana-shi, Mie Prefecture 511-1144
วิธีเดินทางจาก Gozaisho Ropeway ขึ้นรถบัส Mie-Kotsu ลงสถานีรถไฟ Yunoyama- onsen(湯の山温泉) ใช้เวลา 8 นาที หลังจากนั่นนั่งรถไฟต่อไปที่สถานี Kuwana (桑名駅) ใช้เวลา 38 นาที เมื่อถึงสถานี Kuwana (桑名駅) แล้วให้เดินไปขึ้นรถบัสสาย 57 มุ่งสู่ Nabananosato (なばなの里行)ใช้เวลา 18 นาที สามารถใช้บัตร Kintetsu Rail pass plus ได้
เวลาทำการ9:00 – 22.00 น.
ราคาเข้าดูสวนดอกไม้ 2,300 เยน
โทรศัพท์059-441-0787

ดูแผนที่ No Sato (なばなの里)


Miyako Hotel Yokkaichi (都ホテル四日市) : โรงแรมใจกลางเมือง Yokkaichi

Yokkaichi Miyako Hotel

และแล้วก็ถึงเวลาพักผ่อนกันแล้วค่า ค่ำคืนนี้เราจะเอนร่างกายของเราที่ โรงแรม Miyako Hotel Yokkaichi เป็นโรงแรมใจกลางเมืองมาก เพราะไม่ว่าจะสถานีรถไฟฟ้า ร้านอาหาร ตลาดนัดคนเดิน ห้างสรรพ สินค้า ก็อยู่ใกล้มาก

Yokkaichi Miyako Hotel

นี้คือห้องพักในวันนี้ เตียงใหญ่มาก แถมยังมีเครื่องทำกาแฟภายในห้องให้ด้วยนร้า อีกอย่างวิวจากหน้าต่างของห้องก็ดีมาก เห็นวิวเมือง Yokkaichi แบบชัดแจ๋ว

Yokkaichi Miyako Hotel

อาหารเช้าวันนี้ เราจะมาทานกันที่ชั้น 1 ค่ะ ตรงข้ามล็อบบี้เลย และจากห้องอาหาร มองไปข้างหน้าจะเป็นสวนสาธารณที่ทุกเพศทุกวัยจะมาออกกำลังแต่เช้าเลยค่ะ ดูแล้วเพลินหรือรู้สึกผิดก็ไม่ทราบค่ะ

Yokkaichi Miyako Hotel

ห้องอาหารก็มีขนาดใหญ่มาก ไม่ต้องกลัวเรื่องมาช้าแล้วจะไม่มีที่นั่งเลยค่ะ

Yokkaichi Miyako Hotel

ทางโรงแรมมีทั้งอาหาร สไตล์อิตาเลียน และญี่ปุ่น ที่จะมีข้าว ปลาย่าง น้ำซุปสาหร่าย ไข่หวาน ซึ่งแน่นอนว่าบุฟเฟ่ต์ และที่สำคัญอร่อยค่ะ ไม่ผิดหวังเลย

Yokkaichi Miyako Hotel

อย่างที่บอกเลยค่ะ ข้างโรงแรมติดกับห้างสรรพสินค้า อีกทั้งยังมี Starbucks Coffee และ Big camera ให้แวะกันด้วย

Miyako Hotel Yokkaichi(都ホテル四日市)

ที่อยู่1-3-38 Ajima,Yokkaichi-City, Mie Prefecture 510-0075
วิธีเดินทางจากสถานี Kintetsu-Yokkaichi (近鉄四日市駅)ออกประตูฝั่งทิศเหนือ หลังจากนั้น เลี้ยวซ้าย เดินประมาณ 3นาที
เวลาทำการเช็คอิน 14:00 น. เช็คเอาท์ 11:00 น.
ราคา10,369 – 25,866 เยน
โทรศัพท์059-352-4131

ดูแผนที่ Miyako Hotel Yokkaichi

Kintetsu Rail Pass Plus

หลังจากที่เราทานข้าวเช้ากันเสร็จแล้ว ก็เริ่มออกเดินทางกันเลยดีกว่าค่ะ วันนี้เราก็ยังใช้บัตรเดิมอยู่ คือ บัตร Kintetsu Rail Pass Plus ในการเดินทาง

Kintetsu Yokaichi

โดยที่เราจะขึ้นรถไฟจากสถานี Kintetsu Yokkaichi( 近鉄四日市駅)ไปที่สถานี Nabari (名張駅)เวลา 7:59 น. ค่ะ

Kintetsu Yokaichi

และแล้วรถไฟของเราก็มาแล้ว หาที่นั่งตามเลขที่นั่งที่อยู่บนตั๋วเลยค่ะ การขึ้นรถไฟ Ltd. Exp. นั้น เมื่อซื้อตั๋ว ทุกตั๋วจะระบุที่นั่งไว้อย่างชัดเจนนะคะ

Kintetsu Rail Pass Plus

ซึ่งตั๋วรถไฟ Ltd. Exp. จากสถานี Kintetsu Yokkaichi( 近鉄四日市駅)ไปที่สถานี Nabari (名張駅)จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ราคาตั๋ว 1,320 เยนค่ะ

Village of Ninja training Akame Shijuhachitaki (赤目四十八滝):หมู่บ้านฝึกนินจา Iga-ryu Akame

Iga-ryu Akame

แล้วเราก็มาถึงสถานที่เที่ยวที่แรกของเราในวันที่ 2 ค่า วันนี้เราจะมาฝึกเป็นนินจา Iga-ryu Akame กันที่ Akame Shijuhachitaki

Akame Shijuhachitaki

โดยก่อนอื่นเราจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และรับฟังคำอธิบายจากพี่ๆพนักงานใน Akame Business Center ก่อนที่จะไปฝึกเป็นนินจา การฝึกจะใช้เวลาประมาณ 90 นาที

Akame Shijuhachitaki

หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก็จะเป็นตามรูปเลยค่ะ การฝึกนินจา จะมีทั้งการปีน การบุกรุก การหลบหนีโดยใช้ประตูที่ทำขึ้นเฉพาะ การใช้ดาวกระจาย และอื่นๆอีกมากมาย อีกอย่างเขาบอกว่านินจาที่ใส่สีม่วงคือนินจาที่สูงศักดิ์ เป็นชนชั้นสูง แน่นอนว่าหญิงก็จัดเลย ยกระดับจากลูกกระจ๊อกเป็นนินจากันไปเลย

Akame Shijuhachitaki

ถ้าฝึกดีก็จะเท่ไปเลย แต่ถ้าหน้าตาแบบหญิงก็จะตลกหน่อยๆค่ะ นี้คือการปีนกำแพงในความสูง 2.5 เมตร โดยไม่ใช้อุปกรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น การฝึกนั่นก็มีระดับ ยากมาก ยาก และ ง่าย อยู่ 3 ระดับค่ะ

Akame Shijuhachitaki

การฝึกของเรานั่น จะฝึกกันในป่า เดินไม่ไกลจาก Akame Business Center เท่าไร และถ้าฟ้าเปิดจริงๆ วิวก็จะสวยมากค่ะ บุคคลท่านนี้ คืออาจารย์สอนนินจาหญิงเอง อาจารย์ชมเก่งมากถึงหญิงจะเน่าเพียงใด

Akame Shijuhachitaki

ไฮไลท์ของการฝึกนินจาครั้งนี้คือ มีการฝึกนินจาด้วย VR โดยเนื้อหานั่นเป็นการหลบ Shuriken หรือดาวกระจายจากศัตรูตรงข้าม ขอบอกว่าสนุกมาก โดนไปหลายดอกเหมือนกันจ้า

Akame Shijuhachitaki

เมื่อเราฝึกจบครบทุกกระบวนการแล้ว อาจารย์ก็จะให้ม้วนกระดาษที่เขียนว่าคุณนั้นได้ทำการฝึกเสร็จเป็นที่สมบูรณ์แล้ว แต่ก่อนที่อาจารย์จะให้ อาจารย์อ่านเนื้อหาให้ฟัง แล้วรู้สึกขนลุกเลย

Akame Shijuhachitaki (赤目四十八滝)

ที่อยู่Nagasaka 682,Akame-cho, Nabari-shi, Mie Prefecture 510-0075
วิธีเดินทางจากสถานี Kintetsu Yokkaichi( 近鉄四日市駅)ไปที่สถานี Nabari (名張駅)หลังจากนั่นให้นั่งรถไฟ Kintetsu-Osaka line ลงที่ สถานี Akameguchi (赤目口駅)และนั่งรถบัสจากสถานี Akameguchi Ekimae Bus stop สาย 11 Akamesen มุ่งหน้าสู่ Akametaki จำนวน6ป้าย ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ให้ลงที่ป้าย Akametaki Bus Stop
เวลาทำการช่วงเช้า ตั้งแต่ 10:30 น. / ช่วงบ่าย ตั้งแต่ 13:30 น. ทุกๆการฝึกต้องใช้เวลาประมาณ 90 นาที
ราคาค่าฝึกสอนเป็นนินจา ผู้ใหญ่ 3,000 เยน / เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี 2700 เยน /เด็ก 2,200 เยน
โทรศัพท์059-564-2695
E-mail[email protected]

ดูแผนที่ Akame Shijuhachitaki

Akame 48 Waterfalls (赤目四十八滝):ธารน้ำตก 48 สายบนหุบเขา Akame

Akame 48 Waterfalls

และตอนนี้หญิงก็ได้เป็นนินจาเต็มตัวแล้ว ต่อไปเราจะเดินเข้าไปดูธารน้ำตก 48 สายบนหุบเขา Akame กันค่ะ ที่แห่งนี้มีธารน้ำตก เล็กน้อยหลายแห่ง และแต่ละแห่งก็จะมีชื่อ ซึ่งชื่อนั้นถูกตั้งให้เกี่ยวข้องกับทางพระพุทธศาสนา ทำให้ที่นี้ถือเป็นน้ำตกที่ศักดิ์สิทธ์ จึงไม่สามารถลงไปเล่นน้ำได้ค่ะ

Akame 48 Waterfalls

แต่ทว่าน้ำตกที่นี้ก็ไม่ได้มีแค่เล็กๆเท่านั้น แต่มีน้ำตก 5 แห่งที่เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ และน้ำตกขนาดใหญที่แรกคือ น้ำตก Fudo เราจะเห็นชัดเจนเมื่อเราเดินข้ามสะพานตรงจุดนี้ค่ะ

Akame 48 Waterfalls

ซึ่งน้ำตก Funo Falls นั้น เดินไม่ไกลจากจุดเริ่มต้นเลย เพียง 6 นาที 230 เมตรเท่านั้นเองค่ะ ซึ่งการเดินในครั้งนี้หญิงจัดไปแค่ Short&Easy Course ที่จะได้เห็นน้ำตกขนาดใหญ่คือ Fudo Senju และ Nunobiki

akame48taki Cr: akame48taki.com

และคำว่า 48 นั้นไม่ใช่หมายความว่าที่นี้มีน้ำตก 48 จุดนะคะ แต่เป็นแค่ชื่อเรียกเท่านั้น และนอกจากจะมีน้ำตกมากมายแล้ว ที่นี้ยังเป็นแหล่งที่ Salamander อยู่กันถึง 8 สายพันธุ์ ซึ่งที่นี้ก็มีสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย

akame48taki

ครั้งนี้หญิงไปในช่วงฤดูหนาว บรรยากาศและธรรมชาติ ความสวยงามก็จะแตกต่างออกไปจากฤดูอื่น ทาง Akame Shijuhachitaki บอกว่าช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้นจะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ เพราะว่าสีของใบไม้แดงที่ตัดกับน้ำตกนั้นสวยมากจริงค่ะ

akame48taki

ถึงแม้ว่าน้ำตกแห่งนี้จะลงเล่นน้ำไม่ได้ก็ตาม แต่เราสามารถนำอาหารเข้ามาทานได้นะคะ แต่ย้ำว่าเอากลับไปทิ้งด้านนอกให้ด้วยค่า ขอบพระคุณค่ะ

Akame 48 Waterfalls (赤目四十八滝)

ที่อยู่671-1 Nagasaka ,Akame-cho, Nabari-shi, Mie Prefecture 518-0469
วิธีเดินทางจากสถานี Kintetsu Yokkaichi( 近鉄四日市駅)ไปที่สถานี Nabari (名張駅)หลังจากนั่นให้นั่งรถไฟ Kintetsu-Osaka line ลงที่ สถานี Akameguchi (赤目口駅)และนั่งรถบัสจากสถานี Akameguchi Ekimae Bus stop สาย 11 Akamesen มุ่งหน้าสู่ Akametaki จำนวน6ป้าย ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ให้ลงที่ป้าย Akametaki Bus Stop เดินต่ออีก 10 นาที
เวลาทำการช่วงเช้า ตั้งแต่ 10:30 น. / ช่วงบ่าย ตั้งแต่ 13:30 น. ทุกๆการฝึกต้องใช้เวลาประมาณ 90 นาที
ราคาผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก 250 เยน
Website Akame 48 Waterfalls

ดูแผนที่ Akame 48 Waterfalls

Shourenjiko Kankoumura Budou Kumiai (青蓮寺湖観光村ぶどう組合): เก็บสตรอว์เบอร์รี่สดๆจากต้น

Shourenjiko Kankoumura Budou Kumiai

และที่สุดๆไปเลยของทริปนี้คือ การเก็บสตรอว์เบอร์รี่เป็นครั้งที่3แล้วค่ะ ครั้งนี้เรามาเก็บกันที่ Yamayuri Ichigo Gari (やまゆりいちご狩り) เดินทางไกลหน่อย แต่ขอบอกว่าสตรอว์เบอร์รี่เขาอร่อยค่ะ ก่อนที่เราจะไปเก็บนั้น ต้องมาจองว่าจะเก็บสตรอว์เบอร์รี่กันก่อนที่ Yamayuri ตึกตรงนี้ค่ะ

amayuri Ichigo Gari

หลังจากที่เราจองเสร็จแล้ว ทำการชำระเงินไปคนละ 1,700 เยนเรียบร้อยแล้ว เราก็จะนั่งรถไปเก็บสตรอว์เบอร์รี่กันที่สวนค่ะ

amayuri Ichigo Gari

สตรอว์เบอร์รี่ของที่สวนนี้มีทั้งหมด 4 สายพันธ์ุค่ะ มี Akahime Yotsuboshi Benihoppe และ Kaorino สวนสตรอว์เบอร์รี่ที่นี้จะอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ไกลจากตัวเมืองหน่อยค่ะ แต่มีความอบอ่นของพี่ๆพนักงานเป็นอย่างมาก

amayuri Ichigo Gari

และถึงแม้วันไหนฝนจะตกก็ตาม เราก็ไม่ต้องกลัวว่าจะอดเก็บ เพราะสถานที่อยู่ในร่มค่ะ ที่ Yamayuri จะให้เวลาเพื่อนๆ 30 นาทีในการทานสตรอว์เบอร์รี่แบบไม่อั้น ขอบอกว่าแค่ 20 นาทีแรก ก็จุใจพอแล้วค่ะ

Shourenjiko Kankoumura Budou Kumiai

ที่อยู่976 Syourenji , Nabari-shi, Mie Prefecture 518-0443
วิธีเดินทาง จากป้าย Akametaki Bus Stop นั่งสาย 11 Akamesen มุ่งหน้าสู่ ป้าย Akameguchi Ekimae Bus stop หลังจากนั้นเดินไปที่สถานี Akameguchi (赤目口駅) ไปที่สถานี Nabari (名張駅) และต่อรถบัสจากป้าย Nabarieki Higashiguchi สาย 05 Yurigaokasen มุ่งหน้าสู่ Nabarieki Higashiguchi ลงที่ป้าย Yurigaoka เดินต่ออีก 4 นาที
เวลาทำการ9:30 – 16:00 น.
ราคา3 มกราคม – 10 พฤษภาคม ผู้ใหญ่ 1,700 เยน/ เด็กประถม 1,500 เยน/ เด็กอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป 1,000 เยน / 11 พฤษภาคม – 31 พฤษภาคม ผู้ใหญ่ 1,150 เยน/ เด็กประถม 900 เยน/ เด็กอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป 600 เยน
โทรศัพท์0595-63-7000
Website Shourenjiko Kankoumura Budou Kumiai

ดูแผนที่ Shourenjiko Kankoumura Budou Kumiai

    สรุป

    หลังจากที่เราไปเก็บสตรอว์เบอร์รี่มาแล้ว 3 ที่แบบจุใจสุดๆไปเลย ในบทความหน้าหญิงจะพาเพื่อนๆไปทานอาหารที่แบบว่าอร่อยมาก แน่นอนว่าใครที่มาญี่ปุ่นจะมาต้องมาทานแน่นอน เพื่อนคนไหนสนใจ ตามหญิงไปเที่ยวจังหวัดมิเอะกันในบทความหน้าด้วยนะคะ ในตอน หน้าหนาวในมิเอะแบบจัดเต็ม ตอนที่ 2 ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนร้า แน่นอนว่าดีงาม แล้วเจอกันค่ะ สวัสดีจ้า

DARIN | ダーリン

Blogger : DARIN | ダーリン

เดินทางชิวชิว หิวหยิบสัปปะรด ชอบธรรมชาติเป็นที่สุด หลุดขั้วเที่ยวญี่ปุ่น แฮปปี้พรรณาของกิน มโนได้จนเพื่อน ๆ คล้อยตาม อิอิ ??

14 Posts

สถานที่เที่ยว

| Feature

กรณีฉุกเฉิน

| Emergency
  • Police

    110

  • Ambulance

    119

  • AMDA International Medical Information Center

    03-6233-9266

  • สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว

    090-4435-7812

  • สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า

    090-1895-0987

  • สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ

    090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515