คูปองส่วนลดที่น่าสนใจ
15%
20%
5%
เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ตรวจเช็คสัมภาระที่จำเป็นเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางกัน ทริปนี้เราจะไปเที่ยวจ.ไอจิ หรือ เมืองนาโกย่าที่เราคุ้นเคยกัน เราตั้งใจจะไปแช่ออนเซนวิวทะเลสวยๆ ใส่ชุดยูกาตะเดินไปมา ทานอาหารสไตล์ญี่ปุ่น ดื่มด่ำกับความเป็นญี่ปุ่นให้หนำใจ และเราก็ตัดสินใจจะไปเรียวกังชื่อ Genji-koh เมืองมินามิชิตะ เมื่อได้ข้อมูลมาจนเป็นที่พอใจแล้ว ก็กางแผนที่ออกเที่ยว ส่วนตัวเราหาข้อมูลจากเว็บไซด์โรงแรมนี้ >> Genji-koh มีเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะ
และถ้าเราจะตั้งต้นทำแพลนเที่ยว ก็ต้องเริ่มที่สถานีนาโกย่าเลย เพราะที่นี่เป็นต้นทางของรถไฟและรถบัสหลายเส้นทาง แต่วันนี้เราไม่ได้ใช้สถานีเจอาร์นาโกย่า เราใช้สถานีเมเททสึนาโกย่า (Meitetsu Nagoya station) เป็นสถานีหลักของแพลนครั้งนี้
หลายคนที่เคยเดินทางไปกลับสนามบินนาโกย่าชูบุเซ็นแทรร์ (Chubu Centrair International Airport) อาจจะคุ้นชื่อสายรถไฟ Meitetsu เพราะเป็นรถไฟสายเข้าเมืองเลย ซึ่งสถานีเมเททสึนาโกย่านี้ก็เป็นที่ขึ้นลงทั้งรถบัสทางด่วน และรถไฟต่าง ๆ และตั้งอยู่ติดกับสถานีเจอาร์นาโกย่า คือเป็นตึกที่มีทางเชื่อมต่อกัน หาง่าย มีป้ายบอกตลอดทางในสถานีทั้งสอง

อย่างเช่นถ้าเราเดินในสถานีเจอาร์นาโกย่า เราจะเจอแบบนี้ ก็เดินป้ายตามไปเลย

แพลนขึ้นรถไฟวันนี้ของเรา ไปตามตารางนี้เลย ถ้าใช้ Hyperdia ช่วยในการเดินทางจะมีละเอียดมากเข้าใจง่าย ซึ่งเราไม่ต้องการต่อรถไฟหลายสาย เพราะเรามีสัมภาระเยอะ (จริง ๆ คือเราเมื่อย ฮ่า ๆ) ใน 1 ชั่วโมงจะมีแค่บางขบวนเท่านั้นที่จะวิ่งตรงสุดสายถึงสถานีสุดท้าย ( Utsumi station) คือส่วนใหญ่เป็นขบวนที่วิ่งในนาทีที่ 11 และ นาทีที่ 26 เช่น 10.11น./ 11.11น./14.26น.ถ้าไม่มั่นใจ ถามเจ้าหน้าที่สถานีได้ เค้ายืนรอให้พวกเราไปสอบถาม แถมพูดภาษาอังกฤษก็ได้ เยี่ยมไปเลย

รูทรถไฟตรงบริเวณตู้ขายตั๋วอัตโนมัติจะเป็นแบบนี้ สายสีฟ้า สถานี Utsumi จะอยู่ขวาล่าง ราคาค่าโดยสาร 1110 เยน ( จากจุดนี้ไปสนามบินก็ใกล้มาก) เราสามารถหาสถานีจากภาพนี้ได้โดยดูคำว่า Utsumi 内海 หรือ Utsumi station 内海駅

ขั้นตอนการซื้อตั๋วก็ง่ายมาก จะเลือกเดินไปซื้อกับเจ้าหน้าที่ก็ได้ หรือกดซื้อเองที่ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติเพื่อความตื่นเต้นก็ย่อมได้ เพราะที่ตู้ก็มีปุ่มเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษ * ถ้าใครถือบัตร IC Card แตะเข้าได้เลยค่ะ

จากนั้น เริ่มกดซื้อได้เลย อย่าลืมเปลี่ยนภาษาก่อนนะจ๊ะ

แล้วกดเลือกตัวเลข 1110 ซึ่งหมายถึงราคาตั๋วโดยสาร 1110 เยน หลักการเดียวกันกับรถไฟฟ้าบีทีเอสบ้านเรา ต้องรู้สถานีที่จะลง รู้ราคาก่อน จึงจะเลือกตัวเลขได้

จากนั้นเค้าจะเตือนให้เราใส่เงินไปตามช่อง ธนบัตร หรือ เงินเหรียญ ก็ใส่ตามที่เรามี

แล้วตั๋วใบเล็กๆจะปลิวออกมาจากช่อง เราก็หยิบมา เดินทางกันต่อ รักษาดีๆนะคะเนี่ย เล็กแต่ยิ่งใหญ่เพราะเคยเห็นทำตั๋วหายหลายคนแล้ว ฮา

จากนั้นเราก็เดินเข้าประตูสู่ด้านในกัน เข้ามาก่อน แล้วถึงจะรู้ว่าต้องไปชานชลาหมายเลขอะไร เสียบตั๋วไปในช่องแบบนี้เลย แล้วไปยืนรอรับคืนที่ปลายทางด้านโน้น

หยิบไปด้วยนะ เมื่อถึงสถานีปลายทาง Utsumi ต้องใช้อีกครั้งเพื่อออก

เข้ามาด้านในแล้วมองหาชานชลาหมายเลข 4 เมื่อเจอแล้วก็เดินตามตัวเลข 4 ไปเลย ( สังเกตมีคำว่า Utsumi ด้วยนะ)

เมื่อเดินมาเรื่อยๆ เราเจอชานชลาตรงหน้าเลย ก็ดูจอบอกเวลาขบวนรถไฟทันที ปกติรถไฟจะมาจอดเทียบตรงตามเวลา ให้ระวังอย่าขึ้นผิดขบวนเพราะระยะห่างแต่ละขบวนแค่ 2 นาทีเอง ( กล้าแนะนำเพราะขึ้นผิดแต่ไหวตัวทันก่อน ฮ่าๆ)

มีตารางเวลารถไฟแปะข้างฝาผนังใกล้ ๆ ที่เรายืนรอ การอ่านคือ เลขด้านหน้าแถบน้ำเงิน 5-19 คือ ชั่วโมง เช่น 05 นาฬิกา นอกนั้นเป็นเลขนาที ครั้งนี้ขบวนที่วิ่งตรงไม่เปลี่ยนขบวนในรูทเราคือรอบเวลา 13.11 น. สังเกตคือ ด้านล่างเลขนาที มีตัวคันจิเล็กๆ เขียนว่า 内 จะมีอยู่ตรงนาทีที่ 11 และ 26 และก็เตรียมตัวเลยจ้า

และแล้ว รถไฟของเราก็มา แดงสวยหวานฉ่ำมาก ชอบๆ และเพื่อความมั่นใจมากขึ้น ก็ส่องดูข้างขบวนอีกครั้งเห็นคำว่า Utsumi ก็สบายใจแล้ว ขึ้นรถไฟเล้ย ที่นั่งตรงไหนว่างนั่งตามสบาย

มาดูด้านในรถไฟกัน จะคลาสสิคขนาดไหน พอก้าวผ่านประตูเข้ามาสัมผัสได้ถึงความหนาวยะเยือก…แอร์เย็นมาก

สังเกตที่ประตูรถไฟ กรี๊ด…ไม่มีป้ายไฟวิ่งบอกชื่อสถานีถัดไปลย แล้วจะฟังประกาศรู้เรื่องไหม แต่สติเริ่มมา นึกได้ว่าเราลงสุดสายนี่นา ถึงจะลืมลงก็ต้องลงเพราะเค้าจะให้ทุกคนลงให้หมด

และแล้วเราก็มาถึงสถานี Utsumi เป็นสถานีเล็ก ๆ ที่อยู่ชานเมือง บนรถไฟมีนักเรียนม.ต้น ม.ปลายนั่งมาด้วยประปรายแบบในละครที่เราเคยดูเลย พอผู้โดยสารลงรถไฟหมด เจ้าหน้าที่จะหันปรับเบาะใหม่ ให้หันไปทางหัวขบวนอีกด้านแทน

ที่นี่เป็นสถานีเล็ก มีทางเข้าออกทางเดียว ลงบันไดมาปุ๊บ เจอทางออกกับเจ้าหน้าที่ 1 ท่านทันที ไม่มีหลงแน่นอน

สอดตั๋วใบเล็ก ๆ นี้อีกครั้งแล้วก็เดินออกมาเลย ใครทำตั๋วหายไม่ต้องกังวลเพราะเราสามารถจ่ายเงินอีกรอบที่เจ้าหน้าที่ได้เลยจ้า


นี่คือหน้าตารถบัส อาจจะเป็นสีขาวบ้าง สีฟ้าบ้าง เดี๋ยวเค้าจะขับมาจอดที่ป้ายตามเวลา

ไหนเดินมาดูตารางรถบัสออกซิ ช่วงเวลาบ่ายนี้มีรถบัสออกทุกนาทีที่ 17 และใช้เวลาวิ่งแค่ 10 นาทีก็ถึงป้ายที่เราจะลง ซึ่งคือป้ายชื่อว่า Yamami bus stop – 山海 อ่านว่า ยามามิ ซึ่งจากนี้เราต้องจำคันจิตัวนี้ดีๆ เพราะต้องใช้อ่านตอนก่อนลงรถบัส และรอบที่เราขึ้นคือเวลา 15.17 น.


สามารถดูตารางรถบัสสายนี้จากลิงค์นี้ แยกเป็นวันธรรมดาและวันหยุด จะเห็นได้ว่ามีชั่วโมงละ 1 คัน เผื่อเวลาดีๆ คลิ๊กที่นี่

เนื่องจาก เรามีเวลาเหลือเฟือกว่ารถบัสน้อยจะมา เลยมองหาอะไรทำฆ่าเวลาไป ใครจะไปห้องน้ำก็อยู่ฝั่งด้านหลังห้องเจ้าหน้าที่ ใครอยากลองนั่งดื่มกาแฟชิลล์ ๆ ที่ร้านแบบท้องถิ่น ร้านอยู่ตรงหน้าห้องเจ้าหน้าที่เลย เราสั่งน้ำส้มมา แก้วละ 400 เยน แต่คุณป้าเจ้าของร้านใจดีมาก แถมขนม ชวนคุยเยอะแยะ และรู้จักเรียวกังที่เราจะไปพักด้วย บอกว่าที่นี่มีชื่อเสียงมานานแล้ว ปลื้มปริ่มค่ะ

ดื่มน้ำส้มไป ฟังเพลงไป ดูแพลนพรุ่งนี้ไปเพลิดเพลินมาก

พอได้เวลา รถบัสก็มาจอดที่ป้ายตามเวลา ก่อนจะขึ้นก็ลองถามคนขับอีกทีว่า ผ่าน Yamami ไหมคะ เค้าบอกผ่าน เราเลยขึ้นมาเลย ทางขึ้นอยู่ตรงประตูด้านหลัง พอขึ้นมาแล้วจะเจอตั๋วใบเล็กแบบนี้ หยิบออกมาเลยคนละใบ

ด้านในรถ สีสันฉูดฉาดมาก คนน้อย เลือกที่ได้นั่งตามชอบเลย

วิวข้างทาง เป็นริมทะเล หาดทรายยาวตลอดทาง จุดนี้คืออ่าวอิเซะ ส่วนของน้ำทะเล รับมาจากมหาสมุทรแปซิฟิค

นั่งไปได้สักพัก พอป้ายไฟบนแผงหน้าด้านหน้ารถขึ้นตัวหนังสือมาว่า 山海 เราก็เตรียมกดปุ่มให้เค้าจอดป้ายนี้ให้

กดปุ่มเลยจ้า ตรงสีขาวนะ แล้วไฟตรงแดงจะขึ้น คนขับจะเตรียมจอดรถให้เราลง

ลงป้ายนี้ตามรูปเลย ซึ่งจากที่เรานั่งมาจากสถานีที่ลงรถไฟตะกี้ แค่ราว 10 นาทีเอง จ่ายเงินที่ด้านหน้าตรงกล่องใกล้คนขับ เดี๋ยวเค้าบอกเอง ว่าตรงไหน ค่าโดยสารคนละ 160 เยน หยอดเงินลงไปพร้อมกับตั๋วได้เลย *รถบัสนี้ใช้ได้เฉพาะเงินสด ธนบัตรไม่เกิน ใบละ 1000 เยน ถ้าใครเตรียมเงินมาพอดี จะดีมาก

แล้วเรียวกัง ต้องเดินไปทางไหนต่อน้อ มองตามหลังรถบัสเลย นั่นแหล่ะ ตึกสีน้ำตาลสูง ๆ คือเรียวกังที่เราจะไปพักคืนนี้

ด้านหน้าเรียวกัง ตกแต่งด้วยสวนญี่ปุ่นเล็กๆ ถ้าใครเช่ารถมาก็สบาย มีลานจอดรถกว้างขวาง

พอเดินผ่านประตูเข้าไปก็มีพนักงานใส่ชุดแบบญี่ปุ่นออกมาต้อนรับทันที เมื่อเราแจ้งรายละเอียดการจองเรียบร้อยแล้ว ก็มานั่งพักก่อน เครื่องดื่มต้อนรับของที่นี่มีทั้งกาแฟร้อน เย็น น้ำดื่ม มีหนังสือพิมพ์ ถ้ามาถึงก่อนเวลาเช็คอิน สามารถมานั่งพักและเดินเล่นแถว ๆ โรงแรมได้เลยค่ะ วิวทะเลด้านนอกก็สวย ที่นี่ยังมีบริการ Free Wi-Fi ด้วย


ด้านหน้าก็สวยสะอาดตา สังเกตลิฟต์ ลวดลายสวยมากค่ะ

จากนั้นเค้าจะให้เราไปเลือกสีชุดที่จะใส่เดินพรมแดงในค่ำคืนนี้ เอ๊ย ใส่เดินในขณะที่อยู่ในเรียวกังนี่แหล่ะจ้า เราก็เลือกไป เอาสายคาดพุงสีอะไรก็หยิบไป พนักงานจะรวบรวมแล้วหยิบไปวางบนห้องให้เรา ณ จุดๆนี้รับรู้ถึงความเป็นคุณหนูน้อยทันทีค่ะ

พนักงานจะยืนกดลิฟต์และพาเราขึ้นมายังห้องพักซึ่งด้านหน้าห้องแต่ละห้องจะมีชื่อเป็นเอกลักษณ์ด้วย ชั้นที่เราไปพักคือชั้น 8 วิวทะเล เปิดประตูมาแล้วจะเจอชั้นวางรองเท้าและประตูเลื่อนแบบญี่ปุ่น

อันนี้คือรองเท้าที่เค้าให้เราเปลี่ยนใช้ภายในในเรียวกัง ระหว่างที่เดินไปเดินมาด้านใน น่ารักเนอะ

สำรวจภายในห้องกันซะหน่อย สวยงามมาก ให้ความรู้สึกเหมือนมาพักบ้านญี่ปุ่นเลย

ระเบียงห้องพัก วิวติดชายทะเลเลย ได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่งตลอดเวลา สดชื่นและผ่อนคลายมาก


เครื่องดอกไม้ภายในห้อง วางไว้อย่างประณีตและสวยงาม


สักพัก พนักงานจะเอาธูปหอม 5 กลิ่น มาวางให้เราเลือก เราลองดมกลิ่นดูก่อนได้ จากนั้นหยิบกลิ่นที่ชอบออกมา เค้าจะจุดให้ สักพักห้องจะอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมที่เราเลือกไว้ ครั้งนี้เราเลือกกลิ่นกุหลาบ สีชมพูด้านขวาสุด

จุดแล้ววางแบบนี้ จนกว่าก้านธูปจะไหม้หมดลงเอง จากนั้นห้องเราก็จะหอมไปทั้งคืน

ภาพนี้ ทำให้นึกย้อนไปถึงญี่ปุ่นสมัยก่อนเลย มองไปยิ้มไป ช่างอ่อนโยนจริงๆ

ภายในห้องยังมีตู้เซฟเล็กๆหรือใครจะฝากไว้ที่ตู้เซฟกับพนักงานด้านล่างก็ได้ เรียวกังที่นี่ มีออนเซนอยู่ 3 จุด อยู่ที่ชั้น 8 ตรงหน้าห้องของเราเลย เป็นออนเซนสำหรับผู้หญิง ชั้น 9 เป็นออนเซนสำหรับผู้ชาย และยังมี ชั้น 10 ที่เป็นออนเซนวิวทะเล สวยมาก

แชมพู ครีมนวดผม สบู่ และทุกอย่างใช้ยี่ห้ออย่างดี POLA นะจ๊ะ นอกนั้นก็มีหมวกคลุม ยางรัดผม และอื่นๆ
Cr: Rikichan
อ่างอาบน้ำของชั้น 8 ที่อยู่ตรงชั้นเดียวกับห้องพักเรา น้ำอุ่นสบาย 41 องศา ค่อนข้างส่วนตัวมาก เพราะส่วนใหญ่เป็นแขกที่อยู่ในชั้นเดียวกันมาอาบ ด้านนอกเป็นวิวภูเขาท้าแดดท้าลมมาก แต่รุ่นนี้ก็ไม่มีคำว่า อาย *เราให้พนักงานช่วยพาไปถ่ายรูป

สระผม ถูๆขัดๆตัวกันให้เต็มที่ แชมพูมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เค้าวางขวดไซส์ใหญ่ไว้ให้เลย สะใจมาก

ส่วนชั้น 10 เป็นชั้นของออนเซนวิวทะเล สวยมาก ก.ไก่ล้านตัว เป็นออนเซนในฝันเลย แช่น้ำไปฟังเสียงคลื่นเบาๆ หาดทรายก็สวย น้ำทะเลก็สีฟ้า ยิ่งช่วงเวลาค่ำคืนจะมีแสงไฟสลัว ๆ แต่เรากลับสามารถมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้

กลางวันยังสวยขนาดนี้ ตอนเย็นพระอาทิตย์ตกดินจะสวยขนาดไหน ประมาณว่าถ้าเห็นดาวตกปุ๊บพร้อมอธิษฐานเลย

บ่อนี้ก็แช่ตัวสบายมาก ถ้าเป็นช่วงเช้าตรู่เราจะเห็นเรือประมงลำใหญ่หลายลำหาปลาอยู่กลางทะเล

อาบน้ำเสร็จ ออกมานั่งพักก่อน และทานไอศครีมสิจ๊ะ จะรออะไร รองท้องไปก่อน ถ้าใครอยากจะแช่ช่วงดึกต่ออีก ก็ตามสบาย เพราะเค้าเปิดให้แช่ถึงเที่ยงคืนเลย เค้าแบ่งเวลาแช่คือ 15.00น.-24.00 น. และตอนเช้า 6.00น.-10.00น. บ่อน้ำมีแร่ธาตุโซเดียม แคลเซียม คลอไรด์ ช่วยลดอาการปวดข้อ ปวดเมื่อย ลดความหนาวเย็นและช่วยผ่อนคลาย

มาดูช่วงมื้อค่ำกันบ้าง หิวข้าวละ พักแบบเรียวกังก็ดีอย่างคือ จะมีคนเตรียมอาหารค่ำและอาหารเช้าไว้ให้เรา เราแค่เดินไปทานตามเวลานัดก็พอ ห้องอาหารอยู่ที่ชั้น 2 พออาบน้ำเสร็จเราก็ใส่ชุดยูกาตะที่เราเลือกไว้ ผูกมัดเอวตามใจชอบ หรือให้พนักงานช่วยแต่งตัวก็ได้ เค้ายินดีดูแลเราเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแขกต่างชาติ เราสวมรองเท้าที่มีในห้องเดินมาเลย นี่คือด้านหน้าห้องอาหาร

เข้าไปด้านใน เห็นมุมนี้แทบเข่าทรุด โต๊ะนั่งวิวทะเลสวยมาก ชอบที่สุด

ทางเดินด้านใน มีหลายห้องเลย ทานแบบส่วนตัวมุมใครมุมมัน ไม่ต้องกลัวคุยกันแล้วใครจะมาได้ยินเลย ( ความจริงคือ เค้าไม่สนใจกัน)

ถ้ามาเป็นครอบครัวใหญ่ ขอจองมุมนี้เลยนะ กะว่าเวลาพระอาทิตย์ตกดินตรงนี้น่าจะสวยงามที่สุด

ตรงนี้ก็สวย เลือกไม่ถูกเลย ( จริงๆคือเค้าเตรียมโต๊ะให้เราแล้ว ตามจำนวนสมาชิก)

อาหารค่ำ เราเลือกเมนูเนื้อวัวย่างค่ะ ซึ่งเค้าจะมีชุดอาหารญี่ปุ่นชนิดอื่น ๆ มาให้เราด้วย มีผัก มีเนื้อปลา มีข้าวหุงแบบญี่ปุ่นซึ่งจะมีหลายแบบให้เราเลือก เช่น หุงใส่ปลาหมึก หรือปลาชิราสุ (คล้ายปลาข้าวสาร) และอาหารถ้วยเล็กถ้วยน้อยมากมาย
Cr: Rikichan
ทุกอย่างทำด้วยความประณีต สวยงามไปหมด

เนื้อวัวที่นุ่มละลายในปาก เมนูนี้ชื่อ Chita Ushi เป็นเนื้อวัว เกรด A5 อร่อยมาก

นอกจากอาหารค่ำที่อร่อยทานจนพุงกางแล้ว ที่เรียวกังแห่งนี้ยังให้เราได้มีประสบการณ์ลองสวมชุดคลุมคล้ายกิโมโน เรียกว่า Juni-hitoe- kimono ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายของเหล่าบรรดาสตรีชั้นสูงในยุคสมัยเฮอัง ( Heian ) ตามประวัติศาสตร์คืออยู่ในช่วงปี ค.ศ. 794 – ค.ศ. 1185 เป็นยุคที่มีศิลปะและวัฒนธรรมที่รุ่งเรืองถึงขีดสุด เฮอัง แปลว่า ความสงบสันติ สมัยนี้หาชุดแบบนี้แทบไม่ได้แล้ว ราคาแพงมาก สวยงามจับจิต อยากลองสวมสีไหนก็ได้เลย ด้านในยังมีอีกหลายชุด ถ่ายรูปจนพอใจ เมมโมรี่เต็ม
Cr: Rikichan
ใส่แล้วมีความเป็นหงส์เหนือมังกร ถ้ารู้ว่ากิโมโนจะสวยเลอค่าระดับนี้ เราจะนั่งแต่งหน้าทำผมสักสองชั่วโมงก่อนไปลองสวมเลย

ฝีมือการปักผ้าสวยงดงามมาก เลยขอลองสวมชุดสีชมพูอีกจ้า ให้สมกับวัยหน่อย ฮิฮิ ปลายชุดกองมาก

นอกจากจะพาเราย้อนเราสู่ยุคอดีตกาลของญี่ปุ่นแล้ว เค้ายังให้เราเรียนรู้ถึงธรรมเนียมอันเก่าแก่ด้วย แก้วกระเบื้องใบนี้ ด้านบนเป็นเหมือนก้านธูปเล็กๆ วางบนแผ่นเหล็กที่อยู่บนเถ้าถ่านอีกที ด้านล่างภายในแก้วจะมีความร้อนจากก้อนถ่าน ทำให้ส่งกลิ่นหอมออกมาเป็นระยะ มีขั้นตอนการใช้มือหยิบขึ้นมาดมด้วยนะคะ เพราะทุกอย่างคือศิลปะ

ที่เรียวกังแห่งนี้ เค้ามีบริการเสิร์ฟค็อกเทลถึงห้องพักด้วย พอเราทานอาหารค่ำเสร็จ เค้าจะสังเกตแล้วว่าเรากลับถึงห้องหรือยัง จากนั้น พนักงานสุดหล่อจะยกถาดที่มีส่วนผสมในการปรุงค็อกเทลที่เราต้องการ
Cr: Rikichan
ค็อกเทลหน้าตาดี อร่อยเชียวนะคะ รสชาติละมุนมาก เราสั่งค็อกเทลอุเมะ (บ๊วย) เอ้า ชนแก้วกันหน่อย

ก่อนนอน เกือบลืมของว่างรอบดึกที่พนักงานให้มา กล่องสีแดงนี้ด้านในเป็นเหมือนข้าวซูชิ เรียกว่า อินาริ (ข้าวซูชิห่อด้วยแผ่นเต้าหู้) ถ้าไทยมีมิดไนท์ไก่ตอน ที่เรียวกังนี้ก็มีมิดไนท์สแน็ค
Cr: Rikichan
ตื่นเช้ามา พร้อมกับแสงสว่าง แดดอ่อน ๆ และเสียงคลื่นทะเลและนกร้อง หันไปมองที่ระเบียง เฮ้อ ไม่อยากจะลุกจากที่นอนเลย ฟูกนิ่มนอนสบาย แอร์เย็นพอดี ผ้าห่มก็ฟู ๆ อยากนอนมองทะเลแบบนี้ไปนาน ๆ

ตื่นแล้วออกมารับลมรับแดดที่ระเบียงกันหน่อย เห็นวิถีชีวิตชาวประมง ดูเรือหาปลากัน ฟ้าสวยใส ด้านซ้ายมองเห็นประภาคารรูปปลาโลมา น่ารักเชียว

หน้าร้อน เวลาตีห้าครึ่งก็สว่างแบบนี้แล้ว

เริ่มเช้าวันใหม่ ด้วยหัวใจเบิกบาน เมื่อคืนนอนหลับสบายถึงเช้า เราใส่ชุดยูกาตะออกมาทานข้าวเช้า หรือใครจะเปลี่ยนเสื้อผ้าก็แล้วแต่สะดวก พอเราลงมาที่ห้องอาหาร พนักงานเชิญเราไปที่ห้องที่จัดเตรียมไว้ให้แล้ว พอเห็นอาหารเช้าแล้ว ตื้นตันใจเหลือเกิน อาหารเช้าในฝันของดิชั้น เติมข้าวได้ไม่อั้นด้วยนะ นี่แหล่ะถูกใจมาก
Cr: Rikichan
มานั่งย่างปลากัน ปลาแห้งนี่คือเค้าถือกระด้งใส่ปลาหลายแบบมาเลย เราก็ชี้เอา 2 ชนิด อย่างละตัว จะเอาสุกแค่ไหนก็ตามใจ ส่วนเครื่องดื่มก็มีให้ตรงด้านหน้า เดินไปเทใส่แก้วมาเลย มีหลายอย่างให้เลือกทั้งน้ำผลไม้และชา

สุขใดไหนเล่าจะเท่าเรียวกัง หน้าที่ของเราคือ นั่งกินให้หมด ฮ่าๆ อร่อยทุกอย่างมีแต่ของดีและมีประโยชน์
รายละเอียดของสถานที่ Genji-koh 源氏香
| ที่อยู่ | 103 Yashiki, Yamami, Minamichita-cho, Chita-gun, Aichi 470-3322, Japan |
|---|---|
| วิธีเดินทาง (ア) | จากสถานี Meitetsu Nagoya ด้วย Meitetsu Limited Express ขึ้นที่ชานชลา 4 ไปลงสถานี Utsumi แล้วต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Yamami ใช้เวลานั่งรถไฟราว 1 ชั่วโมง ส่วนรถบัสใช้เวลา 10 นาที |
| วิธีเดินทาง (イ) | จากสถานี Meitetsu Nagoya ด้วย Meitetsu Kowa line ไปลงที่สถานี Kowa แล้วรอรถ Free Shuttle Bus มารับ ทั้งนี้ต้องจองที่นั่งล่วงหน้ากับทางเรียวกังก่อน มี 3 รอบดังนี้ 14:35、15:35、14:20 ใช้เวลานั่งรถไฟราว 50 นาที ส่วนรถบัส 15 นาที |
| ที่จอดรถ | มีที่จอดรถฟรี |
| เวลาทำการ | 15.00 น.- 20.00 น. เวลาเช็คเอาท์ 7.00น. – 10.00 น. รับบัตรเครดิต |
| ราคา | ราคาต่อห้องโดยประมาณ 27000 – 35000 เยนต่อคน ฟรีอาหารเช้า * สำหรับสองท่าน |
| โทรศัพท์ | 0569-62-3737 |
| เวลาทำการ | 9.00 – 21.00 |
| Website | Genji-koh |
| Genji-koh มีระบบจองและส่งข้อความได้ |

นอกจากนอนฟูกนุ่ม ๆ และทานอาหารญี่ปุ่นจนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว เราก็หาที่เที่ยวที่จะเป็นรูทเที่ยวก่อนกลับสถานีนาโกย่า ใกล้ๆเรียวกังของเรา มีศาลเจ้าที่สวยงามขึ้นชื่อแห่งหนึ่ง เดินออกมาหน้าโรงแรมแล้วมองไปทางขวา จะเห็นตั้งเด่นตระหง่านบนเขา ให้เดินเลยป้ายรถบัสไปนิดหน่อย เลาะๆไปจะเจอทางขึ้น ชื่อ ศาลเจ้า Arakuma Shrine เป็นศาลเจ้าแห่งความมั่งคั่งในเรื่องธุรกิจและเรื่องแต่งงาน ไหว้เทพเจ้าขอพรกัน คำนวณเวลาที่เราเดินมาจากเรียวกังจนถึงยอด ใช้เวลาราว 15 นาที ใครชอบเดินออกกำลังกายน่าจะชอบที่นี่


ด้านบนก็สวยมาก ถ้าไม่ได้มาจะเสียดายเลย แต่เราคิดว่า ถ้ามาตั้งแต่เช้าตอนพระอาทิตย์ขึ้นน่าจะสวยมาก
ศาลเจ้า Arakuma Shrine 荒熊神社
| ที่อยู่ | 10 Yamami Koza, Minamichita-cho, Chita-gun 470-3322, Aichi Prefecture|
|---|---|
| วิธีเดินทาง | จากสถานี Meitetsu Nagoya ด้วย Meitetsu Limited Express ขึ้นที่ชานชลา 4 ไปลงสถานี Utsumi แล้วต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Yamami ใช้เวลานั่งรถไฟราว 1 ชั่วโมง ส่วนรถบัสใช้เวลา 10 นาที เดินขึ้นเขาต่ออีกราว 10 นาที |
| โทรศัพท์ | (+81) 0569-64-1828 |
| Website | Arakuma Shrine |

ลงจากที่นี่แล้วเราก็เดินมารอรถบัสที่ป้ายเดิม Yamami รถบัสจะมาชั่วโมงละ 1 คัน ดังนั้นดูเวลาดีๆ ป้ายนี้รถบัสมาจอดที่ นาทีที่ 17 เราก็รอขึ้นที่เวลา 9.17 น. (ใครจะกลับนาโกย่าก็แค่ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามไปยืนรอรถบัสตรงป้ายเลย นั่งไปลงที่สถานี Utsumi แล้วต่อรถไฟกลับ) บัสมาจอดตรงเวลาอีกแล้วจ้า

แพลนวันนี้ เราจะไปดูดอกไม้ที่สวนชื่อ Hana Hiroba ชื่อทางการเค้าคือ Kanko Noen Hana Hiroba Tourist Farm แต่จากเรียวกังต้องต่อรถ 1 ครั้งคือต้องนั่งไปลงที่ป้าย Toyohama 豊浜 ก่อนแล้วข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเพื่อไปรอรถบัสอีกคัน ไปลงป้าย Plastic Kougyodanchi Maeプラスチック工業団地前
จากนั้นเดินไปตามกูเกิ้ลเลยจ้า ใครขี้เกียจเดิน ให้เรียวกังช่วยเรียกแท็กซี่ให้นั่งยาวไปเลยจ้าใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที ค่าแท็กซี่เริ่มต้นที่ 600เยน(ระยะทางเกือบ 6 กิโลเมตร) แต่ควรแจ้งเค้าแต่เนิ่นๆ สักก่อนเดินทาง 30 นาที เพราะแถวนี้ไม่ค่อยมีรถแท็กซี่ผ่าน
แผนที่เที่ยว* เครดิตภาพและดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊กที่นี่

รอแป๊บๆ ไม่เกิน 20 นาที รถบัสก็มาจอดจ้า ตรงป้ายนี้มีร้านแฟมิลี่มาร์ทด้วยนะ เผื่อใครอยากเข้าห้องน้ำหรือซื้อเครื่องดื่ม

นั่งต่อมาสัก 5 นาที ก็ลงป้ายนี้ Plastic Kougyodanchi Mae プラスチック工業団地前 แล้วข้ามถนนมาอีกฝั่ง เดินต่อขึ้นเขาอีกราว 10 นาทีค่ะ ตามแผนที่กูเกิ้ลไปกัน
จ่ายตั๋วค่าเข้าชมแล้วเดินออกไปชมดอกไม้กันเลย ที่สวน Hana Hiroba เค้าปลูกดอกไม้ไว้ทุกฤดู ใครอยากไปดูดอกอะไร ก็ตามนี้เลย และยังมีอีกหลายชนิด สรุปคือมีดอกไม้ตลอดปี
ดอกป๊อปปี้ ดอกดาวเรือง กลางมีนาคม – พฤษภาคมช่วงนี้หน้าร้อน เป็นดอกทานตะวันแต่เค้าปลูกไล่ระยะเวลาไป ดังนั้นที่นี่จะมีดอกทานตะวันตั้งแต่ต้นกรกฎาคม – ต้นธันวาคมเลย

ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 650 เยน เด็กประถม 300 เยน เวลาทำการ 8.00 น. – 17.00 น.

เว็บไซด์หน้าหลัก คลิ๊กที่นี่ มีภาษาอังกฤษ มีภาพกิจกรรมและดอกไม้เยอะแยะ ลองเข้าไปดู จริงๆวันนี้ เรามาดูดอกทานตะวัน แต่กลับค้นพบทุ่งโคเชียขนาดใหญ่ วั้ย ตื่นเต้นดีใจ ตุลาคมนี้สีน่าจะเป็นทุ่งแดงเพลิงสวยเลย

หันมาดูดอกทานตะวันกันบ้างจ้า ยืนรอลูกค้ามาตั้งแต่เช้าแล้ว

ปลูกเป็นทุ่งกันขนาดนี้เลยรึ แล้วสวนนี้ใจดีมาก แจกกรรไกรให้เราตัดดอกทานตะวันกลับบ้านได้ คนละ 5-6 ดอก
สวน Hana Hiroba 観光農園花ひろば
| ที่อยู่ | 48 Takamidai, Toyohama, Minamichita-Town, Chita-District, Aichi Prefecture 470—3411 |
|---|---|
| วิธีเดินทาง | จากสถานี Meitetsu Nagoya นั่งรถไฟสาย Kowa line มาลงที่สถานี Kowa ใช้เวลา 45 นาทีค่ารถไฟ 920 เยน แล้วนั่งรถบัสสาย Umikko Toyohama (豊浜線Toyohama-sen)อีกราว 20 นาที ค่ารถบัส 300 เยน ลงที่ป้าย Tai Matsuri Hiroba/Hana Hiroba-mae แล้วเดินต่อราว 10-20 นาที |
| เวลาทำการ | 8.00 น. – 17.00 น. |
| ราคา | ผู้ใหญ่ 650 เยน(ระดับมัธยมต้นขึ้นไป) เด็กประถม 300 เยน *แต่งคอสเพลย์ได้ นำสัตว์เลี้ยงเข้าได้ มีไอศครีมและคาเฟ่ |
| โทรศัพท์ | 0569-65-2432 |
| Website | Hana Hiroba |
| Sightseeing farm Flower garden |

แล้วก็ปิดทริปด้วยอะควาเรียมริมอ่าวอิเซะชื่อ Minami Chita Beach Land เรียกแท็กซี่นั่งมาเลยจ้า ค่าแท็กซี่ราว 6 พันเยนนิดๆ ถ้ามาหลายคนก็ช่วยได้เยอะเลย เพราะประหยัดเวลาและพลังงานเราได้มากค่ะ แก่แล้วต้องถนอมร่างกาย ฮ่าๆ ลองให้พนักงานช่วยเรียกให้นะคะ บ่ายนี้จะใช้เวลาที่นี่ให้เต็มที่เลยค่ะ ชอบดูโชว์โลมามาก และที่นี่เค้าก็ขึ้นชื่อเรื่องกิจกรรมให้มีประสบการณ์สัมผัสปลาโลมาด้วย มาถึงด้านหน้าแล้ว
ใครที่อยากมาที่นี่โดยตรงจากนาโกย่าก็นั่งรถไฟสาย Meitetsu line ที่สถานี Meitetsu Nagoya มาลงที่สถานี Chita Okuda โดยใช้เวลาราว 50 นาที จากสถานีเดินต่ออีก 15 นาที ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

จ่ายตั๋วค่าเข้าแล้วลุยกันเลย ผู้ใหญ่คนละ 1700 เยน เด็กคนละ 800 เยน

เราวิ่งมาที่สระโลมาก่อนละจ้า โชว์จะเริ่มแล้ว มีโชว์เรียกน้ำย่อยด้วย จากเจ้าแมวน้ำแสนรู้ น่าหมั่นไส้มาก

บอยแบนด์ออกมาแล้ว แต่ละตัวล่ำมาก ทุกตัวเต็มที่กับการแสดงจริงๆ คนดูแถวหน้าถึงกับยืนขึ้นกันเลย คือ โดนน้ำสาดใส่หน้ากันถ้วนทั่ว ฮ่าๆ

มุมชิลล์ชิลล์ก็มีนะคะ ว่ายแบบนี้กันทั้งวัน

หรือจะเอาชิลแค่ไหน แบบเต่าพอไหม คือจะบอกว่า ตอนยืนถ่ายรูปอยู่ มีเสียงเป่าลมดัง ฟู่ๆ ด้านล่าง เลยหันลงไปมอง คือว่า เต่ามันเรียกดิชั้นค่า ฮ่าๆ


ด้านในนี้ยังมีสวนสนุกสำหรับเด็กเล็กด้วย ที่ชอบคือบ้านกระต่ายซิลวาเนียน กระต่ายเยอะมาก มากันเป็นตระกูล นั่งเล่นได้ทั้งวัน ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มอีก เปิดประตูบ้านเข้าไปนั่งเล่นเลย
Minami Chita Beach Land
| ที่อยู่ | 428-1 Okuda, Mihama Town, Chita District, Aichi Prefecture 470-3233 |
|---|---|
| วิธีเดินทาง | จากสถานี Meitetsu Nagoya นั่งสาย Meitetsu Chita line มาลงที่สถานี Chita Okuda เดินต่ออีกราว 15 นาที |
| เวลาทำการ | มีนาคม – ตุลาคม 9.30 น. – 17.00น., พฤศจิกายน 9.30 น. – 16.30 น., ธันวาคม 10.00 น. – 16.00 น, มกราคม – กุมภาพันธ์ 10.00น. – 16.00 น. |
| วันหยุดทำการ | ธันวาคม – กุมภาพันธ์ ทุกวันพุธ และหยุดตรวจเช็คสภาพอุปกรณ์ ทุกต้นธันวาคมและต้นกุมภาพันธ์ *กรุณาเช็คเว็บไซด์อีกครั้ง |
| ค่าเข้า | ผู้ใหญ่ (มัธยมปลายขึ้นไป) 1700 เยน เด็ก 800 เยน |
| ที่จอดรถ | จอดได้ 800 คัน คันละ 500 เยน |
| โทรศัพท์ | 0569-87-2000 Fax 0569-87-3776 |
| Website | Minami Chita Beach Land |

ขากลับสามารถเดินมาขึ้นรถไฟที่สถานี Chita Okuda ได้ ก็จะไกลนิดนึงค่ะ แต่พอเดินได้ ถ้าเรานั่งแท็กซี่มา มิเตอร์เริ่มต้นที่ 600 เยน ตอนลงก็ไม่ขยับ อยู่ที่ 600 เยนเหมือนเดิม เลยว่าพอเดินไหวค่ะ ชมนกชมไม้ไป

เรานั่งขบวนที่มุ่งหน้าไปทางนาโกย่า สถานีรถไฟที่นี่ใช้บัตร IC Card ได้ ค่าโดยสารราว 970 เยน

ด้านในก็สวย วิวข้างทางนอกหน้าต่างก็ดีงาม ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็กลับมาถึงนาโกย่า

มาถึงสถานีเมเททสึนาโกย่าปุ๊บ ออกมาด้านหน้าก็ข้ามถนนไปตึก Midland Square ขึ้นลิฟต์ไปชั้น 42 สามารถชมวิวเมืองได้ สวยงาม ดูอบอุ่น นานๆจะได้มาเยือนนาโกย่าสักครั้ง ไม่ทำให้ผิดหวังเลย ยังมีสถานที่สวยๆรอเราอีกมากมาย แล้วการขึ้นรถไฟก็ไม่ซับซ้อนมาก มีจุดเที่ยวเชื่อมต่อได้เยอะ เป็นอีกเมืองที่ประทับใจจนอยากจะมาอีก
Sky Promenade ในตึก Midland Square
| ที่อยู่ | 189 Ubayanagicho Nakagyo-ku Kyoto Kyoto |
|---|---|
| วิธีเดินทาง | มันจะใช้เวลา 10 นาทีเพื่อเดินจากสถานีเกียวโต |
| เวลาทำการ | ภายในตึกมีจุดชมวิวเรียกว่า Sky Promenade จุดซื้อบัตรอยู่ชั้นที่ 42 / มีนาคม – มิถุนายน และ ตุลาคม – ธันวาคม เวลา 11.00น.-22.00น. /กรกฎาคม – กันยายน เวลา 11.00น. – 23.00 น. /มกราคม –กุมภาพันธ์ เวลา 13.00น. – 21.00น. |
| ราคา | คนละ 750 เยน (18 ปีขึ้นไป) อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปและระดับชั้นมัธยม 500 เยน เด็กประถม 300 เยน ปกติไม่มีวันหยุด ยกเว้น วันที่ 1 มกราคม |
| โทรศัพท์ | +81-52-584-7111 |
| Website | Sky Promenade ในตึก Midland Square |
เมืองมินามิชิตะ เป็นเมืองที่มีบรรยากาศคล้ายต่างจังหวัด เวลาเรานั่งรถไฟห่างออกจากเมืองนาโกย่าไปเรื่อยๆ เราจะเริ่มเห็นภาพเห็นวิวภูเขา ทุ่งนา แม่น้ำ บ้านคนประปราย บนรถไฟเจอนักเรียนทั้งม.ต้นและม.ปลาย สถานีรถไฟเล็กๆ แต่ให้ความเข้าใจง่าย คนยิ้มให้กัน มีความสงบและยังมีประเพณีท้องถิ่นสวยงาม ถ้าคิดว่ากำลังค้นหาความหมายของการพักผ่อน ที่นี่ก็คือคำตอบแรก

Blogger : Rikichan
สาวผู้รักการถ่ายภาพฟูจิ ชอบภูเขา ใบไม้เปลี่ยนสี แม่น้ำ ท้องทะเล ชานเมือง มีความสุขกับการได้เดินทางไปทุกๆที่กับกล้องคู่ใจ และมีคติประจำใจว่า ไปให้สุดแล้วหยุดที่ร้านขนมอร่อย
50 Posts
Police
110
Ambulance
119
AMDA International Medical Information Center
03-6233-9266
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว
090-4435-7812
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า
090-1895-0987
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ
090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515