Yamagata Day3
Bunshokan ศาลากลางที่ 2 จังหวัด Yamagata
ศาลากลางจังหวัดที่ 2 แห่งจังหวัด Yamagata อีกหนึ่งสถานที่ที่รวมสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกเอาไว้อย่างสวยงาม เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะพบกับบันได้ทางขึ้นสไตล์ตะวันตกให้อารมณ์ขลังๆ
โถงทางขึ้นไม้ กระจกประดับลายแบบกรีกโรมัน
ด้านในห้องโถงบริเวณเพดานมีการตกแต่งด้วยลวดลายแกะสลักดอกกุหลาบด้วยมือที่ใช้ระยะเวลาทำกว่า 5 ปีเลยทีเดียว
ความสวยงามของ Bunshokan นั้นทำให้ได้รับความนิยมเป็นฉากในการถ่ายละครหลายเรื่องทั้งญี่ปุ่นและต่างประเทศ
และหนึ่งในนั้นก็คือ ดั่งดวงหฤทัย เวอร์ชั่น พี่ติ๊ก!! ใช่แล้วทุกคน เรากำลังยืนอยู่ที่เดียวกับที่ที่พี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์ เคยยืน และอีกหนึ่งนักแสดงชื่อดังคือ คิมเบอร์รี่ นางเอกของเรื่อง บรรยากาศที่นี่สวยสมคำร่ำลือมากๆ
วิวเมืองยามากาตะจากห้องโถง
สีแดงของกิโมโนนี้เกิดจากการย้อมด้วยสีธรรมชาติ ซึ่งสีธรรมชาตินี้มาจากดอกคำฝอย ซึ่งปลูกกันมากในจังหวัดยามากาตะ
ด้านในมีพิพิธภัณฑ์เล่าเรื่องเกี่ยวการย้อมผ้าอยู่ โดยใช้สีจากดอกคำฝอย มาทำให้เกิดเป็นสีแดง โดยใช้ดอกคำฝอยถึง 300 ดอกถึงได้มาหนึ่งช่อสีแดงเท่านั้น เพื่อใช้ในการย้อมชุดกิโมโนในสมัยก่อน แต่ในปัจจุบันสถานที่ที่ยังใช้สีแดงธรรมชาติอยู่คือ ที่ พระราชวังอิมพีเรียล และเกียวโต
Bunshokan
ที่อยู่ | 3-4-51 Hatagomachi, Yamagata, 990-0047 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Yamagata นั่งรถบัสประมาณ 12 นาที |
เวลาทำการ | 09.00 – 16.30 ปิดวันจันทร์ที่หนึ่งและสามของทุกเดือน |
ราคา | ค่าเข้าชมฟรี |
Website | Bunshokan |
Robata ろばた ร้านอาหารเจงกิสข่าน
ร้านอาหารเจงกิสข่าน เรามาแวะทานอาหารสไตล์เจงกิสข่านกัน โดยมื้อนี้เราทานเป็นเนื้อแกะย่าง กะทะคล้ายทรงกะทะหมูกะทะบ้านเรา แต่จุดกำเนิดของทรงกะทะแบบนี้เขาเล่ากันว่ามีจุดกำเนิดมาจากที่นี่นั่นเอง
โดยที่นี่มีหิมะตกหนามากๆ การทานเนื้อแกะจะช่วยให้ความอบอุ่นมากกว่าเนื้อวัวอีกด้วย ขอบอกเลยว่าเนื้อนุ่มอร่อยมากๆ ส่วนผักย่างก็หวานกรอบ อร่อย ทานไปแป๊บเดียวก็เรียบ ไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว อร่อยสุดๆ ขอแนะนำให้ลองแวะมาทานสักครั้ง
Robata ろばた ร้านอาหารเจงกิสข่าน
ที่อยู่ | 42-5, Kawahara, Zao onsen, Yamagata 990-2301 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากโตเกียว นั่งรถไฟ Yamagata Shinkansen (2 ชั่วโมง 30 นาที) มาลงที่ สถานี JR Yamagata แล้วนั่งรถต่อไปที่ Zao จากเซนได นั่งรถไฟสาย Senzan (1 ชั่วโมง)ไปลงสถานี JR Yamagata แล้วนั่งรถต่อไปยัง Zao นั่งรถบัส ประมาณ 45 นาทีโดยรถ Yamagata Kotsu จากสถานี JR Yamagata ประมาณ 30 นาที หรือ โดยรถแท็กซี่ (ประมาณ 5,500 เยน) |
เวลาทำการ | กลางวัน) 11.00 – 15.00 น. (กลางคืน) 17.00 – 22.00 น. *สั่งอาหารก่อนเวลา 30 นาที โดยปกติปิดทุกวันพฤหัส |
ราคา | เจงกิสข่านชิ้นเดียว 1,430 เยนต่อคน ชุดเจงกีสข่าน 1,870 เยน ชุดอาหารเจงกิสข่าน 2,200 เยน |
Website | Robata ろばた ร้านอาหารเจงกิสข่าน |
Zao Snow Resort ดู Snow Monsters
เราไปต่อกันที่ Zao Snow Resort เพื่อดู Snow Monsters กันต่อ เรามาลงที่สถานี Zao Sanroku Station เพื่อขึ้นไปชม จุเฮียว หรือ ปีศาจหิมะกัน ที่ความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 1600 เมตร
เราเดินทางขึ้นไปด้วย โรปเวย์ ชมบรรยากาศมุมสูง
ภาพจุเฮียวตอนท้องฟ้าสดใส
และในช่วงกลางคืนก็จะมีการจัดแสดง Light up ทำให้เห็น Snow Monster ชัด และ สวย ยิ่งขึ้น
น่าเสียดายมาก เพราะตอนที่เราขึ้นไปถึงจุดสูงสุด ปรากฏว่า พายุลมโหมกระหน่ำ แต่เราก็ตัดสินใจเดินฝ่าออกไปหาจุเฮียวกันต่อ ยังโชคดีที่มีโอกาสได้เห็นจุเฮียวอยู่บ้าง
เรียกได้ว่ามาที่นี่ต้องพกดวงมาด้วย เพราะมีโอกาสถึง 80% ที่จะเจอสภาพอากาศไม่ดี
Zao Sanroku Ropeway Station
ที่อยู่ | 229-3 Zao onsen, Yamagata, 990-2301 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Zao นั่งรถบัส Z90・C2 ใช้เวลาประมาณ 28 นาที |
เวลาทำการ | 8:30–17:00 |
ราคา | 3,500 เยน ค่า Ropeway |
Website | Zao Sanroku Ropeway Station |
Cherry Land Sagae
หลังจากเหน็บหนาวจากหิมะบนยอด Zao กันมาแล้ว เรามาเติมเต็มความชุ่มฉ่ำกันต่อที่ Cherry Land Sagae ที่นี่มีสตรอเบอร์รี่หลากหลายสายพันธุ์ให้เลือกชิม ขอบอกหวานลูกใหญ่หอมหวานชื่นใจ
ค่าเข้า 2000 เย็น เก็บทานได้ไม่อั้น 30 นาที เอาล่ะ เรามาใช้เวลานี้ให้คุ้มกันเถอะ
ลูกใหญ่มากๆ
แต่ที่สวนนี้ก็ไม่ได้แค่สตรอเบอร์รี่นะ ขึ้นอยู่กับฤดูกาลที่เรามาก็จะมีผลไม้ให้เลือกตามฤดูกาล รวมไปถึงเชอรี่ด้วย
Cherry Land Sagae
ที่อยู่ | 919-6 Kawahara, Yakuwa, Sagae City, Yamagata |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Minami Sagae นั่งรถแท๊กซี่ประมาณ 5 นาที |
เวลาทำการ | 9:00 น. – 17:00 น. |
ราคา | ผู้ใหญ่ 2000 เยน เด็ก 1500 เยน |
Website | Cherry Land Sagae |
Ginzan Onsen
เราเดินทางต่อมาที่ Ginzan Onsen ในช่วงเย็นเกือบค่ำ เพื่อชมความสวยงามยามค่ำคืนของที่นี่ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่วิวสวยที่สุดเลยก็ว่าได้
เดินเท้าจากจุดจอดรถเข้าไปนิดเดียวก็เริ่มเห็นบรรยากาศโรแมนติก พร้อมกับหิมะที่ยังคงตกโปรยปรายไม่ขาดสาย
เราเดินเข้ามายังจุด Highlight ถ่ายรูป เพื่อบันทึกความทรงจำของ Ginzan Onsen ไว้ ก่อนเดินต่อเข้าไปชมด้านในเมืองออนเซ็น
ที่นี่มีเสน่ห์น่าหลงใหลให้เคลิบเคลิ้ม กับโรงแรมเรียวกังออนเซ็นหลากหลายที่ต้องใช้ระยะเวลาจองล่วงหน้ากว่าครึ่งปี
แต่สำหรับใครที่จองที่พักไม่ได้แต่อยากมาแช่ออนเซ็นที่ Ginzan Onsen สักครั้ง ที่นี่ก็มีให้บริการออนเซ็นสาธารณะอยู่ 2 แห่งด้วยกัน ให้คนที่มาเที่ยวได้ใช้บริการ
Ginzan Onsen
ที่อยู่ | 429 Ginzanshinhata, Obanazawa, Yamagata 999-4333 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟจากสถานี Yamagata Station สาย Yamagata Shinkansen Tsubasa (121 Tsubasa Shinjo) ไปลงที่ Ōishida Station แล้วนั่งรถบัส 銀山温泉 (Ginzan Onsen)ไปอีก 36 นาที ไปลงที่ Ginzan Hot Spring |
Website | Ginzan Onsen |
Hotel Osho
หลังจากผ่านวันที่เหน็บหนาวตะลุยแดนหิมะกันมาอย่างหนักหน่วง เราเดินทางมายัง Hotel Osho เพื่อพักผ่อนในวันนี้ ตัวห้องพักยังคงเป็นสไตล์เรียวกัง
เราเก็บของเสร็จก็เดินลงมายังชั้น 3 ซึ่งเป็นจุดให้บริการอาหารเย็น ในห้องอาหารจะแบ่งเป็นห้องส่วนตัวของแขกแต่ละท่านที่มาพัก และมีเซ็ตอาหารเป็นชุดจัดไว้รอเราแล้ว
อาหารเย็นวันนี้ เรายังคงทานชาบูชาบู แต่เป็นหม้อส่วนตัว อาหารในเซ็ตยังมีหอยเป๋าฮื้อย่าง สตูว์ปลา และซาชิมิ ที่โรงแรมมีความใส่ใจแขกเป็นอย่างมาก หากเราแพ้อาหารอะไรล่ะก็ ทางโรงแรมจะจัดอาหารโดยเฉพาะที่เราสามารถทานได้ไว้ให้โดยเฉพาะเลย
ทานอาหารคาวจนอิ่มก็ปิดท้ายด้วยของหวาน พุดดิ้งสตรอเบอร์รี่ มื้อเช้ายังเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ถึงแม้อาหารเช้าจะไม่มากนัก แต่เมนูน่ารัก อิ่มท้อง!
Hotel Ohsho
ที่อยู่ | 1-1-14 Kamatahoncho, Tendō, Yamagata 994-0025 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Tendo นั่งรถบัสสาย N50・C2, D55・C4,N51・C2 ใช้เวลา 4 นาที รถบัสจะมาทุกๆ 12 นาที |
Website | Hotel Ohsho |
Yamagata-Miyagi(Sendai) Day4
Yamadera (Risshakuji Temple)
ยามาเดระ เป็นวัดของนิกายเทนได ก่อตั้งขึ้นในปี 860 มีอายุมากกว่า 1,000 ปี มีอีกชื่อเรียกทางการว่า Risshakuji ตัววัดตั้งอยู่บนเนินเขาและบริเวณภูเขา จึงทำให้เห็นวิวธรรมชาติด้านล่างอย่างชัดเจน ตัววัดตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Yamadera Station โดยการเดินเท้าเพียง 5 นาที
ห้องโถงหลัก Konponchudo Hall มีคบไฟที่อันเชิญมาจากเกียวโตมาประดิษฐานไว้ภายใน เป็นคบไฟที่ไม่เคยดับ เป็นคำสอนและการให้กำลังใจอีกอย่างว่าอย่าย่อท้อแม้จะเจอปัญหา
เราเดินเที่ยวชมวัดก็ได้เจอกับศาลเจ้าที่อยู่ภายในวัด เลยลองเซียมซีที่นี่กัน ซึ่งเซียมซีที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นจะอ่านได้ต้องให้เปียกน้ำเท่านั้น
เราก็หยอดเหรียญแล้วสุ่มเซียมซีขึ้นมาหนึ่งอัน ก่อนจะเอาไปลอยในน้ำ ก็จะปรากฏคำทำนายออกมา
และเนื่องจากหิมะค่อนข้างหนาในวันนี้เราจึงไม่ได้ไปต่อยังด้านบนภูเขาเพื่อพิชิตบันได้ 1015 ขั้น แต่ครั้งหน้าต้องพิชิตให้ได้แน่นอน ฤดูที่สวยที่สุดของ Yamadera คือช่วง ใบไม้ร่วง หรือก็คือ ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
เดินเที่ยวชมวัดกันเสร็จแล้วก็มาแวะนั่งรับความอบอุ่นกันที่โต๊ะโคทัตสึ และชิมเมนูเด็ดของที่นี่ “Sakuranbo Softcream” เพราะที่ยามากาตะมีชื่อเสียงเรื่องผลไม้มากๆ โดยเฉพาะเชอรี่ เลยมีซอฟท์ครีมรสผลไม้ให้ทานกัน อร่อยชื่นใจมาก
Yamadera Temple
ที่อยู่ | 4456-1 Yamadera, Yamagata, 999-3301 |
---|---|
วิธีเดินทาง | สถานียามากาตะ 30 นาทีโดยรถยนต์ 20 นาทีโดยสาย JR Senzan |
เวลาทำการ | 08.00-16.00 |
Website | Yamadera Temple |
Basho Cruise ที่ Marine Gate Shiogama
เราเดินทางมาที่ Marine Gate Shiogama เพื่อขึ้นเรือข้ามฟากไปยังเกาะ Matsushima ระหว่างนั่งเรือ เราสามารถชมวิว 2 ข้างทางไปพร้อมกับเสียงบรรยายภาษาไทยได้ โดยแต่ละเกาะของที่นี่มีความเป็นมาที่น่าทึ่ง
ชมวิวสองข้างทางเพลิดเพลินกับบรรยากาศเกาะ
โดยทุกพื้นที่ต่างมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง
เราเดินทางไปที่เกาะ Matsushima เพื่อซึมซับบรรยากาศทะเลญี่ปุ่น
Marine Gate Shiogama
ที่อยู่ | 1-4-1 Minatomachi, Shiogama, Miyagi 985-0016 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินจากสถานี Hon-Shiogama Station ใช้เวลา 8 นาที เพื่อมายัง Marine Gate Shiogama สำหรับขึ้นเรือข้ามฝาก |
เวลาทำการ | 9:00–22:00 |
Website | Marine Gate Shiogama |
Datena BBQ Matsu
มาถึงเกาะ Matsushima ก็หิวแล้ว ไปกินหอยนางรมย่างกัน เราตรงไปที่ร้าน Datena BBQ Matsu ร้านดังแห่งเกาะ Matsushima ที่ร้านนี้มีหอยนางรมสดๆ รอเราอยู่
เซ็ตหอยนางรมย่างที่เรากินวันนี้ ราคาอยู่ที่ 2500 เยน มี หอยนางรม ผัก ปลาหมึก หมู และไส้กรอก Homemade ย่างไปกินไป ขอบอกว่าน้ำจิ้มบาร์บีคิวของที่รสเด็ด
เผลอแปปเดียวกินหมดแล้ว ยังอร่อยอยู่เลย ปลาหมึกก็สด ฟีลย่างเอง เวลาย่างหอยนางรม ให้ย่างด้านละ 2 นาที แล้วกลับด้านทีนึง ย่างทั้งหมด 6 นาที ก็ทานได้เลย
Datena BBQ Matsu
ที่อยู่ | 13-13 Fugendo, Matsushima, Matsushima-cho, Miyagi-gun, Miyagi 981-0213 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินจากศูนย์ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวประมาณ 4 นาที |
เวลาทำการ | 10:00–15:00 |
ราคา | 2500 เยน |
Website | Datena BBQ Matsu |
Entsuin
Entsuin เป็นวัดตระกูล Zuiganji Sannai ของ Mitsumune Ko หลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของ Date Masamune และยังเป็นสุสานของ Mitsumune Ko หลานชายของ Date Masamune
ภายในจะมีสวนญี่ปุ่นที่ตกแต่งให้เหมือนกับหมู่เกาะที่อยู่บริเวณ เกาะ Matsushima
และบริเวณนี้ยังเป็นจุดนึงที่วิวสวยที่สุดของที่นี่
เดินเข้ามาด้านในจะพบกับสุสานของหลายชายท่าน Date Masamune ลวดลายการตกแต่งภายในสุสานจะเป็นลวดลายดอกกุหลาบ ซึ่งเล่ากันว่าเป็นดอกไม้ที่หลานชายของท่าน Date ชอบ และยังมีการนำพันธุ์กุหลาบเข้ามาหลากหลายสายพันธุ์อีกด้วย
บริเวณรอบๆ จะเป็นสุสานที่เกิดจากเจาะภูเขาให้เกิดเป็นถ้ำ
เดินวนกลับมาเล็กน้อยก็จะเจอกันบ้านมุงหลังคา ซึ่งเป็นอาคารที่หลายท่านดาเตะ พำนักอยู่จริง เราสามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ แต่ต้องเบามือมากๆ เพราะไม้ยังเป็นไม้ของจริงมาตั้งแต่ยุคสมัยที่ Mitsumune ยังมีชีวิตอยู่
ภายในยังคงสภาพเดิมไว้ได้อย่างดี
Entsuin
ที่อยู่ | 67 Matsushima, Miyagi, 981-0213 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Matsushima Kaigan Station เดิน 5 นาที |
เวลาทำการ | 9:00–15:30 |
ราคา | ผู้ใหญ่ 300 เยน มัธยมปลาย 150 เยน เด็ก 300 เยน |
Website | Entsuin |
Zuiganji Temple
วัดที่ซึ่งเป็นสุสานของท่าน Date Masamune โดยด้านในจะเป็นบ้าน เชื่อว่าเป็นอาคารที่ท่านดาเตะเคยมาพำนักอยู่ โดยทุกอย่างยังคงจัดไว้แบบคงเดิมทุกอย่าง
เราสามารถเดินชมโดยรอบเพื่อสัมผัสถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่ยังคงเหลืออยู่
สำหรับคนที่สนใจด้านประวัติศาสตร์ขอแนะนำให้มาตามรอยเก็บพิกัดที่นี่ จัดเต็มแน่นอน
Zuiganji Temple
ที่อยู่ | Aza-chonai 91 Matsushima, Miyagi District, Miyagi 981-0213 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Matsushima Kaigan Station เดิน 10 นาที |
เวลาทำการ | 8:30 – เวลาเปิดปิดแล้วแต่ฤดูกาล |
ราคา | ผู้ใหญ่ 700 เยน เด็ก 400 เยน |
Website | Zuiganji Temple |
Godaido of Zuiganji Temple
วัดริมทะเล ที่ถูกสร้างขึ้นโดยดาเตะ มาซามุเนะ
ตัววัดตั้งโดนเด่นริมทะเลรับกับสะพานสีแดงสดงดงาม
Godaido of Zuiganji Temple
ที่อยู่ | 189 Ubayanagicho Nakagyo-ku Kyoto Kyoto |
---|---|
วิธีเดินทาง | Chonai-111 Matsushima, Miyagi District, Miyagi 981-0213 |
เวลาทำการ | 8:30–17:00 |
ราคา | ฟรี |
Tanabata Museum
หลังจากเดินเที่ยวชมวิวทะเล ที่เกาะ Matsushima เสร็จแล้ว เราก็ตรงมาที่ Tanabata Museum
ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์มี่บอกเล่าความเป็นของเทศกาลทานาบาตะในเซนได โดยที่เมืองเซนได งานทานาบาตะจะจัดขึ้นในเดือน 8 จะแตกต่างจากเมืองอื่นที่ขึ้นเดือน 7 โดยตัวทานาบาตะที่เราเห็นในพิพิธภัณฑ์ก็จะถูกนำไปจัดแสดงที่ถนนในเมืองด้วยเช่นกัน
โดยทานาบาตะที่เราเห็นอยู่นี้เกิดจากงานฝีมือของเหล่าผู้หญิงชนชั้นสูงที่มารวมตัวกันทำออกมา ถ่ายรูปสวยมาก
ที่นี่มีโรงงานคามาโบโกะด้วย แต่เราไม่ได้เดินไปชมในส่วนของโรงงาน เลยทดลองย่างคามาโบโกะกันดู
อร่อย หนึบมาก ต้องลอง
Tanabata Museum
ที่อยู่ | 6-65 Tsurushiro-cho, Wakabayashi-ku, Sendai 984-0001 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Sendai ขึ้นรถไฟสาย Todai Line ไปลงที่ Arai Station แล้วขึ้นรถบัสต่อ อีก 9 นาที มาลงที่ Kitsunedzuka เดินต่ออีก 2 นาที |
เวลาทำการ |
วันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์: 9:30-15:00 น วันอังคาร วันพฤหัสบดี วันเสาร์ วันอาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์: 9:30 น. – 18:00 น |
Website | Tanabata Museum |
Hotel Monterey Sendai
คืนนี้เรามาแวะพักกันที่ Hotel Monterey Sendai โรงแรมวันนี้ไม่มีมื้อเย็นและออนเซ็น แต่สถาปัตยกรรมของโรงแรมมีเสน่ห์มาก มาถึงเราก็ตรงดิ่งไปที่ห้องพักเพื่อเก็บของก่อนจะออกไปเดินเที่ยวเมือง Sendai
ภายในห้องพักมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อม แม้กระทั่งชุดนอน นอกจากนี้เรื่องความปลอดภัยยังไม่เป็นรองอีกด้วย ก่อนจะเข้าสู่โซนห้องพักได้ต้องสแกนบัตรห้องพักของเราถึงจะเข้าสู่โซนห้องพักได้
มื้อเช้าเป็นแบบบุฟเฟ่ต์อร่อยถูกใจ มีเมนูอาหารให้เลือกมากมาย ที่สำคัญอร่อยมาก
ของหวานก็จัดเต็ม จนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว
Hotel Monterey Sendai
ที่อยู่ | 4-1-8 Central, Aoba Ward, Sendai, Miyagi 980-0021 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Sendai เดิน 1 นาที |
Website | Hotel Monterey Sendai |
Rikyu and shopping
หลังจากเก็บของแล้วเราก็เดินออกมาสักหน่อยเราก็จะพบกับแหล่งช้อปปิ้งให้เราได้แวะช้อปปิ้งกันสักนิดก่อนเดินต่อ
แวะทานข้าวที่ Rikyu วันนี้เรามาทานเมนูขึ้นชื่อ ลิ้นวัวย่าง ของเด็ดประจำเมืองเซนได
เราสั่งเซ็ตเนื้อย่าง แสนอร่อยมา รสชาติ ถือได้ว่าถูกปากคนไทยแน่นอน เครื่องเคียงมีรสเผ็ดเล็กน้อย ทำให้รสชาติออกมาดียิ่งขึ้น
หลังจากทานข้าวเสร็จเราก็เดินไปช้อปปิ้งพร้อมหาของหวานทานกันต่อ
Rikyu
ที่อยู่ | 1−6−1 Herb Sendai Building 5F, Central, Aoba Ward, Sendai, Miyagi 980-0021 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Sendai เดิน 2 นาที |
เวลาทำการ | 11:30 – 15:00 และ 17:00 – 22:30 (วันธรรรมดา) 11:00 – 15:00 และ 15:00 – 23:00 (วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์) |
Website | Rikyu |
Zunda Shake Express
มาถึงเซนไดทั้งทีจะไม่ชิมเมนูดังได้ไง กับเมนู Sunda Shake ที่ร้าน Zunda Shake Express ซึ่งเมนูนี้ก็คือถั่วแระเชคนั่นเอง รสชาติกล่อมกล่อม เค็มมันหวาน อร่อย!!
ราคาเพียง 330 เยน ไซส์ Regular เรียกได้เติมพลังความหวาน เพิ่มแรงเดินกลับโรงแรมแล้วก็ไปเดินช้อปปิ้งกันต่อ
นอกจากเมนูเชคก็ยังมีเมนูขนมหวานจากถั่วแระอื่นๆ อีกนะ
Zunda Shake Express
ที่อยู่ | 1−1−1 Sendai Statiom2F Central, Aoba Ward, Sendai, Miyagi, 980-0021 |
---|---|
วิธีเดินทาง | อยู่ชั้น 2 อาคารสถานี Sendai |
เวลาทำการ | 9:00-19:30 |
Website | Zunda Shake Express |
MIYAGI-TOKYO Day5
Zao Fox Village
วันนี้เราจะไปเยี่ยมน้องจิ้งจอกแดงกัน เราเดินทางไปยัง Zao Fox Village โดยที่นี่จะมีนองจิ้งจอกหลากหลายสี ทั้ง ขาว แดง ดำ แต่นอกจากจิ้งจอกก็จะมีน้องกระต่ายและสัตว์อื่นๆ ด้วย
มีข้อควรระวังคืออย่าถ่ายรูปแบบไม่ระวังตัวเพราะน้องจะเข้ามากัดเอาได้นะ และอย่าเข้าใกล้น้องมากเกินไป ห้ามเปิดแฟลชและห้ามใช้ไม้เซลฟี่ จะทำให้น้องตกใจได้
เตรียมตัวพร้อมเราก็เดินเข้าไปน้องๆ กัน พอเข้ามาก็พบกับน้องจิ้งจอกวิ่งไปมา เล่นกันบ้าง สู้กันบ้าง น่ารักไปตามธรรมชาติ
บางตัวก็นอนขดสู้ความหนาวท่ามกลางหิมะ
มาที่นี่เราสามารถให้อาหารน้องสุนัขจิ้งจอกได้ในราคา 200 เยน พอเราเข้าไปในห้องอาหารน้องๆ จะวิ่งมารอกันเต็มไปหมด บางตัวก็ส่งเสียงเรียกร้องขออาหาร ใจละลายเลย
น้องสุนัขจิ้งจอกที่นี่เราสามารถเข้าชมแบบใกล้ชิดได้ แต่ไม่ควรไปจับน้องเพราะจะโดนน้องกัดเอาได้นะ เวลาถ่ายรูปอย่าเผลอนั่งถ่ายล่ะ เดี๋ยวโดนน้องงับ
Zao Fox Village
ที่อยู่ | 11-3 Kawarago, Fukuoka Yatsumiya, Shiroishi City, Miyagi Prefecture 989-0733 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR จากสถานี Sendai มาลงที่สถานี Shiroishi-Zao ระยะเวลาเดินทางประมาณ 20 นาที จากนั้นก็นั่งรถแท็กซี่ต่อไปที่ Zao Fox Village |
เวลาทำการ | 9:00–16:00 หยุดทุกวันพุธ (ถ้าตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์เช่นเดือนกุมภาพันธ์ พฤษภาคม และสิงหาคม จะเปิดทำการ) |
ราคา | ผู้ใหญ่ (นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป): 1,000 เยน นักเรียนประถมและต่ำกว่า: ฟรี |
Website | Zao Fox Village |
Shiroishizao Station
หลังจากนั้นเราก็เดินทางตรงมาที่ Shiroishizao Station เพื่อขึ้นชินคันเซ็นกลับโตเกียว เป็นอันจบทริป โทชิงิ มินามิโทโฮคุ 4 จังหวัดสุดฟิน ตะลุยแดนหิมะ สัมผัสประสบการณ์เที่ยวฤดูหนาว ใน Tohoku แบบ 5 วัน 4 คืน เต็มอิ่มทั้ง กินเที่ยว เพิ่มเติมคือช้อปปิ้งก่อนกลับที่เซนได เป็นรูทเที่ยวที่ไม่ควรพลาด
ข้าวกล่องรถไฟ น่ากินมาก
ระหว่างทางกลับบนชินคันเซน อย่าลืมสั่งข้าวกล่อง Nori ekibento ข้าวกล่องหน้าสาหร่อย อร่อยขึ้นชื่อ เป็นมื้อเที่ยง ก่อนเดินทางกลับไทย
สรุป
โทชิงิ มินามิโทโฮคุ เที่ยวยาว 5 วัน 4 คืน จัดเต็ม ทุกสถานที่ท่องเที่ยว ถูกใจสายเที่ยวแน่นอน ไม่ว่าจะพิกัดเที่ยว หรือพิกัดถ่ายรูปสวย ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมสักครั้ง สำหรับใครที่มองแพลนเที่ยวโซนโทโฮคุอยู่ล่ะก็ อย่าลืมมอง 4 จังหวัด Tochigi Fukushima Yamagata Miyagi รับรองว่าถูกใจแน่นอน สำหรับใครที่อยากเที่ยวตามอย่าลืมมาร์คพิกัดไว้ แล้วตามได้เลย ขอบอกว่าดีต่อใจ ฮีลกายฮีลใจ เพิ่มพลังสุดๆอ่านบทความพาร์ท 1
รีวิวเที่ยว 5 วัน 4 คืน โทชิงิ มินามิโทโฮคุ ทริปสัมผัสหิมะสุดฟิน Tochigi – Fukushima Part 1
ไปอ่านต่อเลย