Kamado Shrine ศาลเจ้าเก่าแก่แห่งเมืองดาไซฟุ ที่มีอายุกว่า 1,350 ปี
ศาลเจ้าคามาโดะตั้งอยู่ในพื้นที่เงียบสงบทางตะวันออกเฉียงเหนือของเชิงเขาโฮมัน ภูเขาแห่งนี้มีความสูงอยู่ที่ 829 เมตร สำหรับภูเขาโฮมันนั้น ตั้งอยู่ทางทิศคิมง (ตรงกับทิศตะวันออกเฉัยงเหนือ) ของรัฐบาลดาไซฟุในอดีต ซึ่งเชื่อว่าเป็นทิศอัปมงคล เพื่อเป็นการป้องกันสิ่งชั่วร้าย จึงได้มีพิธีกรรมปัดเป่าวิญญาณร้าย และมีการสร้างศาลเจ้าคามาโดะขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งชั่วร้ายเข้ามายังในเมือง
Kamado Shrine
ที่นี่จึงเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ด้วยกัน 2 จุด นั่นคือบริเวณเชิงเขาและบริเวณยอดเขา โดยได้รับการบูชามาตั้งแต่สมัยโบราณในฐานะที่เป็นที่พำนักของคามิ (เทพแห่งความเชื่อชินโต) เป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงความเคารพต่อเทพีทามาโยริ ฮิเมะในศาสนาชินโต ซึ่งเป็นพระมารดาของจิมมุ จักรพรรดิองค์แรกของญี่ปุ่น และจักรพรรดินีจินกุและโอจินพระราชโอรส ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 15 ของญี่ปุ่น
ว่ากันว่าการสักการะที่นี่เริ่มต้นขึ้นในศตวรรษที่ 7 เมื่อดาไซฟุกลายเป็นเมืองหลวงทางตะวันตกของญี่ปุ่น ตำนานเล่าว่าทามาโยริ ฮิเมะเป็น “เทพแห่งการจับคู่” มาตั้งแต่สมัยโบราณ และเป็นเทพเจ้าที่นำความสัมพันธ์อันดีระหว่างชายและหญิง ครอบครัว เพื่อน การงาน ธรรมชาติ ฯลฯ และในเวลาต่อมาศาลเจ้าคามาโดะได้กลายเป็นสถานที่รวมตัวสำหรับคู่รัก และคนโสดที่กำลังมองหาความรักด้วยนั่นเอง
เส้นทางเดินบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเมืองดาไซฟุ
จากเชิงเขาไปยังยอดเขาโฮมัน มีระยะทางไปกลับประมาณ 6 กิโลเมตรและใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงจึงจะพิชิตยอดเขาสำเร็จ ว่ากันว่าวิวบนยอดเขาแห่งนี้นั้นยอดเยี่ยมมาก และสภาพทั่วไปของป่าระหว่างทางก็มีความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และถูกดูแลเป็นอย่างดี
แผ่นจารึกคำอธิษฐานมากมาย เขียนคำอธิษฐานลงบนแผ่นเดียวแล้วแขวนไว้ในบริเวณศาลเจ้า จากศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของการขอพรด้าน “ความรัก” หากไปที่ศาลเจ้าแล้ว จะพบเห็นแผ่นป้ายขอพร (เอมะ) ที่ทางผู้มาสักการะเขียนไว้ มีทั้งที่วาดเป็นลวดลายตัวละครของเรื่องอยู่เป็นจำนวนมากค่ะ
การออกแบบอาคารที่สวยงามและมีความร่วมสมัยแสนลงตัว
อาคารที่จำหน่ายเครื่องราง รวมทั้งแผ่นจารึกคำอธิษฐานมากมายนั้น ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปีค.ศ. 2012 ด้วยการออกแบบที่ทันสมัย ผลงานของคุณมาซามิจิ คาตายามะ (Masamichi Katayama) นักออกแบบภายในชื่อดังระดับโลก ที่มีความตั้งใจจะให้อาคารนี้มีอายุไปกว่า 100 ปี และจะเป็นสถานที่ที่มีผู้คนหลากหลายมารวมตัว อาคารในศาลเจ้าสุดชิคแห่งนี้จึงมักพบในหนังสือเกี่ยวกับการออกแบบร่วมสมัย ที่นำเสนอเครื่องรางหลากสีสันที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม และแต่ละชิ้นก็มีพลัง มีจุดประสงค์เฉพาะตัว ราคาย่อมเยา ทำให้เป็นของขวัญที่วิเศษมากสำหรับผู้มาเยือนที่นี่
และในส่วนของด้านหลังอาคารเป็นจุดชมวิวพร้อมม้านั่งมีสไตล์โดดเด่น ซึ่งออกแบบโดยคุณแจสเปอร์ มอร์ริสัน (Jasper Morrison) นักออกแบบอุตสาหกรรมชาวอังกฤษ เป็นจุดที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนช่วงสั้นๆ และมองเห็นวิวบริเวณโดยรอบรวมถึงทิวทัศน์ของพื้นที่ดาไซฟุอีกด้วย
ฤดูกาลไหนๆ ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ก็มีความงดงาม
ศาลเจ้าคามาโดะนั้นมีชื่อเสียงมายาวนานในฐานะจุดชมดอกซากุระ และเป็นหัวข้อของบทกวีญี่ปุ่นโบราณหลายบท ส่งผลให้ในทุกฤดูใบไม้ผลิบริเวณศาลเจ้าจะเต็มไปด้วยดอกซากุระบานสะพรั่ง มีต้นซากุระที่อุทิศให้กับศาลเจ้าเพื่อรำลึกถึงการแต่งงาน เหตุการณ์สำคัญในชีวิต และเพื่อขอพรให้มีความสุขชั่วนิรันดร์
ส่วนช่วงฤดูใบไม้ร่วง จะพบภาพใบไม้เปลี่ยนสีแสนงดงามที่ศาลเจ้าคามาโดะ ทุกปีตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน ต้นไม้ผลัดใบประมาณ 300 ต้น เช่น ต้นแปะก๊วยและต้นเมเปิลจะค่อยๆ เปลี่ยนสีเนื่องจากอุณหภูมิที่แตกต่างกัน และบริเวณศาลเจ้าจะถูกย้อมด้วยผ้าสีแดงและสีส้มของใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง ในช่วงกลางคืนจะมีการประดับไฟส่องสว่างทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับโลกลึกลับที่แตกต่างจากกลางวัน โดยจะเปิดไฟตั้งแต่ตอนพระอาทิตย์ตกไปจนถึงเวลา 21.00 น.
เป็นสถานที่ที่นิยมมาจัดพิธีแต่งงานแบบชินโต
อย่างที่รู้กันว่าศาลเจ้าคามาโดะนั้นเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าแห่งการจับคู่ และยังเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ที่มีชื่อเสียงสำหรับการชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงในฤดูใบไม้ร่วง ทำให้รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของภูเขาโฮมัน จึงเป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยมในการเฉลิมฉลองการเริ่มต้นชีวิตคู่และการขอพรให้มีความสุขไปชั่วนิรันดร์ ทำให้ที่นี่จึงกลายเป็นสถานที่ที่คนญี่ปุ่นนิยมมาจัดพิธีแต่งงานแบบชินโตอันศักดิ์สิทธิ์โดยสามารถมีผู้เข้าร่วมงานราวๆ 40 คนด้วยกัน
ศาลเจ้าที่พาไปตามรอยการ์ตูนยอดนิยมเรื่อง “ดาบพิฆาตอสูร” (Kimetsu no Yaiba)
เนื่องจากศาลเจ้าแห่งนี้มีความเชื่อมโยงกับการ์ตูนเรื่องดังเรื่องนี้อยู่หลายจุด ไล่ตั้งแต่ชื่อของตัวละครหลักอย่าง “คามาโดะ ทันจิโร่” ที่มีความคล้ายคลึงกับชื่อของศาลเจ้าแห่งนี้ และความเชื่อมโยงในลำดับต่อไปคือ ตัวละครในเรื่องจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับ “การปราบปรามยักษ์ชั่วร้าย” ซึ่งก็มีความสอดคล้องในบางมุมนั่นก็คือ ศาลเจ้านี้ในสมัยโบราณยังถูกใช้เป็นสถานที่ปราบวิญญาณชั่วร้ายของรัฐบาลดาไซฟุ โดยผู้คนมักจะเดินทางไปที่นี่เพื่อสวดภาวนาขอให้ปลอดภัยจากการเดินทางและมีความสำเร็จในการทำธุรกิจ
จึงส่งผลให้ศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของการป้องกันและปัดเป่าวิญญาณ รวมทั้งสิ่งชั่วร้ายต่างๆ และอีกเรื่องที่มีความเกี่ยวโยงกันคือ ผู้ที่ขึ้นมาฝึกตนบนภูเขาลูกนี้ จะต้องสวมใส่ชุด “ลวดลายอิจิมัทสึ” ซึ่งเป็นลายเดียวกันกับเสื้อคลุมของคามาโดะ ทันจิโร่อีกด้วย โดยความเชื่อมโยงต่างๆ ดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ล้วนส่งผลให้แฟนๆ ของมังงะเรื่องนี้ต่างเดินทางมาสักการะเทพศักดิ์สิทธิ์ที่นี่กันไม่ขาดสาย และพร้อมใจกันออกแบบลวดลายตัวละครของมังงะเรื่องนี้ บนแผ่นป้ายขอพร หรือที่เรียกกันว่าเอมะอยู่เป็นจำนวนมากด้วย
พิกัด ศาลเจ้าคามาโดะ (Kamado Shrine)
ที่อยู่ | 883 Uchiyama, Dazaifu, Fukuoka 818-0115 |
วิธีเดินทาง | จากสถานีรถไฟฮากาตะ ขึ้นรถไฟ Nishitetsu สาย Tenjin-Omuta Line มาลง ที่ Nishitetsu-Futsukaichi Station ต่อรถไฟ สาย Dazaifu Line ลงที่สถานีNishitetsu Gojō Station แล้วต่อรถบัส MahorobaGo มาลงป้าย Uchiyama(Kamado Jinja-Mae) |
เวลาทำการ | 8.30 – 18.00 น. |
ราคา | ฟรี |
Website | Kamado Shrine |
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
ไม่ไกลจากศาลเจ้าคามาโดะแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงหลายจุดที่น่าสนใจ และน่าไปเยือนไม่แพ้กัน โดยจะมีที่ไหนบ้างตามมาเลยค่ะ
Dazaifu Tenmangu
ไปถึงเมืองดาไซฟุทั้งที ไม่แวะที่นี่ไม่ได้นะ เพราะศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุแห่งนี้เป็นศาลเจ้าคู่บ้านคู่เมืองของจ.ฟุกุโอกะเลยก็ว่าได้ ว่ากันว่าศาลเจ้าที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องให้โชคด้านการเรียนการศึกษา ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจหากไปแล้วจะเจอเด็กนักเรียนมากมาย เพราะในทุกปีจะมีนักเรียนนักศึกษาที่ต้องเตรียมสอบมาเยือนศาลเจ้าแห่งนี้มากถึง 7 ล้านคนด้วยกัน นอกจากนั้นยังมีนักท่องเที่ยวที่ต่างแวะเวียนมาที่นี่ไม่ขาดสาย ตัวศาลหลักสร้างขึ้นอยู่เหนือหลุมฝังศพของซุกาวาระ มิจิซาเนะ (Sugawara Michizane) นักวิชาการและนักการเมืองชาวญี่ปุ่นผู้มีบทบาทสำคัญในอดีตเมื่อราว 1,000 ปีก่อน ซึ่งหลังจากเสียชีวิตลงเขาได้กลายเป็นที่สักการะบูชาของชาวญี่ปุ่นในฐานะเทพเจ้าแห่งการศึกษานั่นเอง
พิกัด ศาลเจ้าดาไซฟุเทนมังกุ (Dazaifu Tenmangu)
ที่อยู่ | 4-7-1 Saifu, Dazaifu, Fukuoka 818-0117 |
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย Nishitetsu Dazaifu Line ไปลงที่สถานี Nishitetsu Dazaifu ใช้เวลา 8 นาทีแล้วเดินต่ออีก 5 นาที |
เวลาทำการ | 6.00 – 19.30 น. |
ราคา | ฟรี |
Website | Dazaifu Tenmangu |
Kyushu National Museum
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติคิวชูแห่งนี้เปิดทำการในปี ค.ศ. 2005 เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งที่ 4 ของประเทศญี่ปุ่น อีก 3 แห่งนั้นตั้งอยู่ในโตเกียว เกียวโต นารา ถือเป็น 1 ใน 4 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ที่ทำการจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของการแลกเปลื่ยนกันทางวัฒนธรรมระหว่างภูมิภาคเอเชียและญี่ปุ่นผ่านทางสมบัติประจำชาติต่างๆ ภายในทำการจัดแสดงนิทรรศการศิลปะและประวัติศาสตร์แบบหมุนเวียนมีความล้ำสมัย โดดเด่นที่ตัวอาคารทำจากกระจกทำให้สะท้อนเงาของท้องฟ้าและภูเขาที่รายล้อม เป็นทัศนียภาพที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง
พิกัด พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติคิวชู (Kyushu National Museum)
ที่อยู่ | 4-7-2 Ishizaka, Dazaifu, Fukuoka 818-0118 |
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย Nishitetsu Dazaifu Line ไปลงที่สถานี Nishitetsu Dazaifu ใช้เวลา 8 นาทีแล้วเดินต่ออีก 5 นาที |
เวลาทำการ | 9.30 – 17.00 น. (ปิดวันจันทร์) |
ราคา | ฟรี |
Website | Kyushu National Museum |
Iwaya Castle Ruins
ปราสาทอิวายะเป็นปราสาทบนภูเขาที่สร้างขึ้นบนภูเขาชิโอจิ ในช่วงยุคเซ็นโกกุ ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นฐานสำคัญในการปกครองเมืองดาไซฟุ และข้าราชบริพารของตระกูลโออุจิในซูโอะ นางาโตะ และตระกูลโอโตโมะในบุงโกะก็กลายเป็นขุนนางของปราสาทแห่งนี้ โดยซากปรักหักพังของปราสาทนั้นเป็นจุดชมวิวที่ดีเยี่ยมสำหรับการชมทิวทัศน์เมืองดาไซฟุทั้งหมด นอกจากนั้นช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนของทุกปี ที่นี่ยังเป็นจุดชมซากุระยอดนิยมอีกแห่งในจ.ฟุกุโอกะอีกด้วย
พิกัด ซากปราสาทอิวายะ (Iwaya Castle Ruins)
ที่อยู่ | 704 Kanzeonji, Dazaifu, Fukuoka 818-0101 |
วิธีเดินทาง | เดินจากสถานีรถไฟนิชิเทตสึ ดาไซฟุ ไปประมาณ 40 นาที |
เวลาทำการ | เปิด 24 ชั่วโมง |
ราคา | ฟรี |
Website | Iwaya Castle Ruins |
สรุป
ทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากต่างแวะเวียนมาเยี่ยมชมศาลเจ้าคามาโดะในฐานะศาลเจ้าที่เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าแห่งการจับคู่ ช่วยในเรื่องนำโชคลาภ และขับไล่วิญญาณชั่วร้าย นอกจากนั้นยังเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิและชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วย สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในเมืองดาไซฟุ เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม จึงได้รับการอนุรักษ์และส่งต่ออย่างระมัดระวังในฐานะที่ตั้งของ “ภูเขาศักดิ์สิทธิ์” ภูเขาที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเพราะมีการทำพิธีกรรมระดับชาติ และมีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น