บุกเมืองนินจา Iga Ueno พร้อมขึ้นกระเช้าเล่นหิมะ จบด้วยช้อปฯ กระจายที่เอาท์เล็ต

Ninja Museum (伊賀流 忍者博物館) : ต้นกำเนิดศาสตร์แห่งอิกะนินจา

ด้วยความที่เมือง Iga Ueno นั้นถูกขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งนินจา สิ่งที่เราพลาดไม่ได้คือ Ninja Museum (伊賀流 忍者博物館) พิพิธภัณฑ์นินจาเมืองอิกะแห่งนี้

ที่นี่เราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของนินจาอิกะในอดีต โดยเริ่มต้นจากบ้านของนินจาซึ่งเป็นบ้านที่เหล่านินจาอาศัยอยู่จริงอดีตถูกยกมาไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดเพื่อให้เราได้ชื่นชม

หากมองจากลักษณะภายนอกของบ้าน เราจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าที่นี่คือบ้านของนินจา เพราะหน้าตาของบ้านก็จะเหมือนกับบ้านของชาวบ้านทั่วไปในเมือง แต่ความจริงภายในบ้านนั้นมีการซ่อนทริคและกลเม็ดต่าง ๆ อยู่มากมายโดยที่เราไม่สามารถรู้ได้เลย

เมื่อเข้าไปภายในตัวบ้านจะได้พบกับโชว์จากนินจาหนุ่มที่จะโชว์ให้เราดูถึงการใช้ประตูกลที่ซ่อนอยู่ในบ้านมีไว้เพื่อหลบซ่อนศัตรู และยังมีบันไดกลที่ดูยังไงก็ไม่รู้แน่ ๆ ว่าเป็นบันได ชมแล้วก็รู้สึกว่ามหัศจรรย์มาก ๆ

ภายในบ้านหลังไม่ใหญ่นั้นมีกลไกอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ห้องลับใต้ดินเพื่อใช้ในการหนีออกจากตัวบ้านในกรณีที่ถูกศัตรูบุกเข้ามา ห้องมืดขนาดเล็กเพื่อลอบมองศัตรูจากในตัวบ้าน โดยที่ศัตรูจะไม่มีทางมองเห็นตัวนินจา และที่ซ่อนลับใต้พื้นไม้ที่มีไว้ซ่อนของสำคัญอย่างอาวุธหรือคัมภีร์นินจา ซึ่งจะไม่ค่อยมีการบันทึกไว้เท่าไร เนื่องจากป้องกันความลับของนินจารั่วไหล

นินจาในอดีตนั้นจะไม่เปิดเผยตัวว่าตนเองเป็นนินจา พวกเขาจะแฝงตัวอยู่ในเมืองเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป โดยหน้าที่หลักของพวกเขาคือการปกป้องตัวเองและครอบครัวจากภัยอันตราย ส่วนหน้าที่รองที่จะได้รับจากเจ้าเมืองนั้นคือการสืบความลับจากศัตรู ซึ่งพวกเขาจะใช้วิชาที่ฝึกฝนมาในการสืบหาความลับต่าง ๆ โดยจะหลีกเลี่ยงการปะทะ แต่จะเน้นการหลบหนีมากกว่า จะต่อสู้ก็ต่อเมื่อไม่มีหนทางหนีแล้วเท่านั้น

หลังจากนั้นก็ไปชมโชว์สนุก ๆ จากนินจาอิกะกันต่อ ซึ่งเป็นโชว์ที่ห้ามพลาดเลยล่ะ เพราะเค้าแสดงกันด้วยอาวุธของนินจาจริง ๆ ไม่ใช่อาวุธจำลอง ทำให้ผู้ชมอย่างเราตื่นเต้น ลุ้นไปกับโชว์จนตัวเกร็งแน่นอน แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยเพราะนินจาที่แสดงนั้นได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี

เมื่อจบโชว์ก็มูฟไปต่อกันที่ห้องจัดแสดงอาวุธ ข้าวของเครื่องใช้ที่แสดงถึงเรื่องราวของนินจาอิกะว่ามีต้นกำเนิดอย่างไร และมีวิธีการดำเนินชีวิตอย่างไร มีทริคในการสืบค้นข้อมูลอย่างไรบ้าง ซึ่งดูแล้วต้องยอมรับในความสามารถของนินจาในอดีตจริง ๆ ค่ะ

Ninja Museum (伊賀流 忍者博物館)

Gozaisho Ropeway (御在所岳) : ขึ้นกระเช้าเล่นหิมะ

ภูเขา Gozaisho นับว่าเป็นภูเขาหิมะที่อยู่ใกล้เมืองนาโกย่ามากที่สุด ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่เล่นหิมะยอดฮิตประจำเมือง ผู้คนจากนาโกย่าและเมืองใกล้เคียงต่างพากันมาท่องเที่ยวชื่นชมหิมะที่นี่กัน

สำหรับใครที่อยากมาเล่นหิมะบนภูเขาแห่งนี้ขอแนะนำให้มาในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนธันวาคมไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งช่วงที่ Chill Chill Japan ได้ไปเยือนนี้เป็นช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ อากาศหนาวเย็นแต่ไม่หนาวสะท้านเพราะมีแสงอาทิตย์สาดส่องจนแอบร้อนอยู่เหมือนกัน ส่วนฤดูกาลอื่นที่ไม่ใช่ฤดูหนาว วิวของภูเขาแห่งนี้ก็สวยงามมากเหมือนกัน สามารถมาเที่ยวได้ทุกฤดูกาลเลยล่ะ

วิธีการที่เราจะได้ชื่นชมความงามของภูเขาหิมะแห่งนี้ได้ดีที่สุดคือการขึ้นกระเช้าหรือเรียกกันแบบอินเตอร์ว่า “Gozaisho Ropeway” กระเช้าที่จะพาเราขึ้นสู่ยอดเขาเป็นระยะทางกว่า 1,212 เมตร ในเวลาเพียง 12 นาที

ตลอดเส้นทางที่กระเช้าพาเราขึ้นไปนั้นให้สังเกตโดยรอบให้ดีเพราะเราจะได้พบกับเหล่าต้นไม้ที่ถูกหิมะปกคลุมจนดูเหมือนกับปีศาจหิมะนั่นเอง แต่โชคร้ายที่เรามาช้าไปนิด เพราะช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์หิมะเริ่มละลายแล้ว ฉะนั้นถ้าใครอยากเห็นภาพอันงดงามที่ว่าก็มาตอนฤดูหนาวนะจ้ะ

เมื่อขึ้นมาถึงด้านบนแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นรองเท้าบู้ทกันเลยเพื่อให้เหมาะกับการเดินเล่นไปบนหิมะแบบไม่ต้องกลัวลื่นและกลัวเปียก เราเดินย่ำไปอย่างสนุกสนานบนพื้นที่หิมะเริ่มละลายแล้ว อากาศหนาวที่แพ้ภัยต่อแสงแดดทำให้เราไม่หนาวจนเท้าชา ทำให้เราสนุกยิ่งขึ้นไปอีกที่สามารถเล่นหิมะได้โดยไม่ทรมานจนแอบคิดในใจว่ามาช่วงเดือนนี้ก็ดีเหมือนกันนะ คนน้อย มีหิมะและแสงแดด สนุกแบบไม่ต้องแย่งกัน

ด้านบนนี้มีกิจกรรมให้เราเล่นสนุกสำหรับทุกวัย เช่น คนที่รักในกีฬาเอ็กซ์ตรีมก็เล่นสกีได้ หรือถ้าเล่นสกีไม่เป็นเหมือนเราก็สนุกกับสโนว์บอร์ดได้ด้วยการนั่งในบอร์ดแล้วสไลด์ตัวลงมาจากเนินหิมะ จะบอกว่าสนุกกว่าที่คิด !

และความพิเศษของฤดูหนาวบนภูเขา Gozaisho ก็คือ “น้ำตกหิมะ” ที่จะสร้างขึ้นทุกปีเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของฤดูหนาว มีความสูงกว่า 10 เมตรเลยทีเดียว ยืนโพสต์ท่าถ่ายรูปกันสวย ๆ ดูอลังการงานสร้างสุด ๆ

Gozaisho Ropeway (御在所岳)

Mitsui Outlet Park Jazz Dream Nagashima (三井アウトレットパーク ジャズドリーム長島) : ช้อปปิ้งเพลินไม่ง้อซัมเมอร์เซลล์

Cr: mitsuioutletpark

ถ้าใครได้มีโอกาสมาชมงานประดับไฟที่สวนสนุกชื่อดังอย่าง Nabana no Sato แล้วก็ต้องไม่พลาดที่จะมาจับจ่ายเสียเงินให้กับการช้อปปิิ้งที่เอาท์เล็ตสักหน่อย เพราะขนาดเราเองที่ไม่ได้แวะชมงานประดับไฟยังอดใจไม่ได้ที่จะแวะมาช้อปฯ

จะมีใครอดใจไหวเมื่อเห็นแต่ละแบรนด์ที่ตั้งอยู่ที่เอาท์เล็ตแห่งนี้ เพราะเค้าได้รวบรวมเอาแบรนด์เนมชั้นดังระดับโลกมาไว้ที่นี่แล้ว เอาท์เล็ตมีทั้งหมด 2 ชั้นด้วยกัน และตลอดสองข้างทางบน 2 ชั้นของเอาท์เล็ตนั้นรายล้อมไปด้วยแบรนด์ดังมากมายที่รอดูดเงินเรา

ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์จากฝั่งตะวันตกหรือแบรนด์ญี่ปุ่นก็มีให้เลือก เดินเข้าร้านนี้ ทะลุออกร้านนั้น แล้วไปต่อร้านนู้น เรียกได้ว่าช้อปฯ กันเพลินจนลืมเวลาไปเลยล่ะค่ะ

แต่ถ้าเดินช้อปฯ จนเหนื่อยก็แวะพักผ่อนที่ร้านอาหารและจุดบริการต่าง ๆ ที่ทางเอาท์เล็ตเค้าจัดไว้รองรับนักช้อปฯ โดยเฉพาะ และนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ยิ่งไม่ต้องกังวลเพราะแทบทุกแบรนด์เค้ารับชำระด้วยบัตรเครดิตจ้า ช้อปฯ ไป สะสมแต้มไป สนุกสนานแน่นอน

นอกจากได้ของตามที่ต้องการแล้ว ยังได้เพลิดเพลินกับบรรยยากาศที่สวยงามของเอาท์เล็ตอีกด้วย จึงเปรียบเหมือนกับการมาเที่ยวที่สถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ สักแห่งมากกว่าแค่การช้อปปิ้ง รู้แบบนี้แล้วถ้าไม่มาก็คงไม่ได้แล้วล่ะค่ะ

หลังจากที่ทุกคนได้แยกย้ายกันไปช้อปปิ้งกันจนเต็มอิ่มแล้วก็เดินกลับมาพบกัน ต่างคนต่างก็เอาของที่ซื้อมาได้ราคาถูกมาโชว์กัน เพราะทุกแบรนด์เค้าเซลล์กระหน่ำกันแบบไม่ต้องรอซัมเมอร์ แถมบางครั้งยังมีแจกคูปองลดราคาเพิ่มหรือ on top ให้เราอีกแน่ะ ที่สำคัญคือเราได้ซื้อในราคาปลอดภาษีด้วยจ้า

นอกจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย กระเป๋า รองเท้าแล้ว เครื่องสำอางก็มีนะเออ คือมาในราคาเอาท์เล็ตที่ราคาถูกจนคนญี่ปุ่นเองยังตะลึง ! มีอยู่หลายยี่ห้อจำหน่าย แต่ถ้าเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นนี่จะยิ่งถูกไปอีกนะ เอ้า…เหมาด่วน !!

แบรนด์ที่น่าสนใจที่เอาท์เล็ตแห่งนี้

• DIESEL
• COACH
• FURLA
• MOSCHINO
• NIKE
• LEE
• PUMA
• QUICKSILVER
• CITIZEN
• G-SHOCK
• LEGO
• UNDER ARMOUR
• TUMI
• GUCCI
• LACOSTE
• Onitsuka Tiger
• BILLABONG
• THE NORTH FACE

Mitsui Outlet Park Jazz Dream Nagashima (三井アウトレットパーク ジャズドリーム長島)

ข้อสรุป

นอนค้างคือนาโกย่าแล้วออกเดินทางท่องเที่ยวไปยังเมืองต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ เพื่อสัมผัสกับเสน่ห์และความสนุกสนานที่หาไม่ได้จากเมืองใหญ่ เที่ยวแบบนี้สิถึงจะเรียกว่าท่องเที่ยวญี่ปุ่นอย่างแท้จริง เรียนรู้กันตั้งแต่ประวัติศาสตร์แล้วกลับมาสู่ปัจจุบัน สนุกแบบอินเนอร์มาเต็มจริง ๆ