พาชมใบไม้เปลี่ยนสีแห่งเมือง โทโยตะ จ.ไอจิ ใกล้นาโกย่า ประทับใจจนต้องไปซ้ำ

หุบเขาโอทากิ

หุบเขาโอทากิ มีธารน้ำตกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ นับเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่ชอบชมวิวทิวทัศน์ เดินสำรวจป่า และนักถ่ายภาพ ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องจดลงในแพลนเที่ยวเลยนะคะ

ระหว่างสองข้างทางเดินที่เราผ่านไปนั้น คงเป็นเรื่องยากมากที่เราจะไม่หยุดเดินพร้อมกับกดชัตเตอร์รัวๆ อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ จงอย่ารู้สึกผิดที่พบว่าภาพมุมเดียวกดไปหลายร้อยรูปเลย เพราะสวยสะกดใจจริงๆ

ทางเดินเล็กๆ ที่ทอดยาวไปมีธรรมชาติที่สมบูรณ์โอบล้อมตลอดระยะทาง มีเสียงธารน้ำไหลในลำธารดังเป็นระยะ ๆ

ที่หุบเขาโอทากิ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่เราจะได้ชมความงามที่เงียบสงบ และเป็นสถานที่ ที่เราจะได้ชาร์จแบตให้ร่างกายและสมองได้อย่างเต็มที่

ความชื้นในอากาศทำให้เกิดบรรยากาศที่น่ามหัศจรรย์ ต้นมอสส์เกาะตามรากของต้นไม้ ตัดกับสีของใบไม้สีสดที่ร่วงลงที่พื้น ทำให้อยากลงไปนอนกลางพื้นและเซลฟี่ตัวเองกับมอสส์และใบไม้ที่ร่วงลงพื้นนั้นเสียจริง ๆ

เราเดินมาถึงสะพานที่ข้ามลำธาร แต่ด้วยเตรียมตัวมาไม่พร้อม เพราะเส้นทางต่อจากนี้เป็นรูทเดินป่า เราเลยต้องเดินย้อนกลับทางเดิมเพื่อเตรียมเดินทางต่อไปยังศาลเจ้ามัตสึไดระ โทโชกู

Otaki Gorge หุบเขาโอทากิ

Matsudaira Toshogu Shrine

ศาลเจ้ามัตสึไดระโทโชกูเป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงมัตสึไดระ จิกาอุจิ บรรพบุรุษของตระกูลมัตสึไดระซึ่งเป็นต้นตระกูลของโทคุงาวะ อิเอยาสึ ที่เป็นนักรบชื่อดังของญี่ปุ่นและจากไปราว 400 ปีผ่านมาแล้ว สถานที่นี้ยังถือเป็นจุดรับพลังงานบวกที่มีชื่อเสียงมาก

พื้นที่ศาลเจ้าในอดีตเคยเป็นที่ตั้งคฤหาสน์ของตระกูลมัตสึไดระ ติดกับวิหารเก่าแก่เป็นที่ตั้งของมัตสึไดระโกคัง ที่เอาไว้จัดแสดงสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับตระกูลมัตสึไดระและโทคุงาวะ

นอกจากนี้ยังมี อุบุยุโนะอิโดะ บ่อน้ำที่ตระกูลมัตสึไดระเคยใช้เป็นบ่อน้ำสำหรับอาบให้ทารกแรกเกิด รวมถึงโทคุงาวะ อิเอยาสึ ซึ่งเชื่อกันว่าช่วยให้อายุยืนยาวและคลอดบุตรได้อย่างปลอดภัย

คูน้ำใกล้ศาลเจ้า เป็นจุดยอดนิยมที่มีช่างภาพมารวมตัวกันเพื่อถ่ายภาพ เงาสะท้อนในน้ำทำให้เราได้เห็นมุมมองภาพใหม่ ๆ

ที่ศาลเจ้ามัตสึไดระโทโชกู มีกิจกรรมที่จัดขึ้นตามฤดูกาลหลายอย่าง เช่น เทศกาลฤดูใบไม้ผลิมัตสึไดระ เทศกาลเท็นกะ หรือพิธีโอมิซึโทริ (พิธีตักน้ำ) ซึ่งมีผู้คนมากมายหลั่งไหลมาร่วมงานกันทุกปี

ศาลเจ้ามัตสึไดระโทโชกูเป็นศาลเจ้าที่สักการะดวงวิญญาณของมัตสึไดระ จิกาอุจิ ซึ่งที่นี่ได้อัญเชิญวากามิยะฮาจิมัง มาเป็นเทพอารักษ์ประจำท้องถิ่นช่วยปกป้องคุ้มครองพื้นที่แห่งนี้

ผู้ที่มาสักการะก็จะได้รับน้ำที่ใช้เป็นเครื่องถวายให้แก่เทพนี้ด้วย โดยผู้คนเชื่อว่าน้ำในบ่อนี้เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ หากได้รับไปแล้วก็จะทำให้อายุยืนยาวและคลอดบุตรง่ายด้วยนะ รูปปั้นมนุษย์หินด้านล่างนี้ แต่ละตัวมีอิริยาบทที่แตกต่างกันออกไป

ภายในเขตวัดมีหลุมฝังศพของตระกูลมัตสึไดระ เราจะเห็นป้ายหลุมศพของจิกาอุจิ ยาสึจิกะ และจิกาทะดะ ตั้งอยู่เรียงกันเป็นแถว พอมีใบไม้เปลี่ยนสีมาเป็นส่วนประกอบแบบนี้ ความน่ากลัวลดลงเหลือเป็นความศักดิ์สิทธิ์น่าเคารพเข้ามาแทนที่เลยเนอะ

ใบฟูตาบะ อาโออิ ที่ขึ้นอยู่ในบริเวณศาลเจ้า ถูกล้อมรั้วปกป้องดูแลรักษาอย่างดี ด้วยเชื่อว่านี่คือใบที่เป็นต้นกำเนิดแห่งตราประจำตระกูลมัตสึไดระ

ภาพเขียนบนฝ้าเพดานที่ตกแต่งโถงบูชามีทั้งหมด 108 ภาพ เป็นการวาบนกระดานไม้สนเป็นภาพ ดอกบ๊วยขาว ดอกบ๊วยแดง ดอกเบญจมาศดอกเล็ก ใบไผ่ และดอกไม้อื่นๆอีกหลายชนิดตามฤดูกาลรวมแล้ว 105 ชนิด ใช้เวลาในการทำประมาณ 1 ปีครึ่งด้วยเทคนิคการใช้แลคเกอร์

รูปปั้นสัมฤทธิ์ของ Chikauji Matsudaira ผู้ก่อตั้งตระกูลโทคุงาวะ ด้านหน้าทางเข้าเป็นเสาหินเรียงราย 7 คู่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรุ่นตระกูล

หากเราใช้เวลาที่นี่สักหน่อยเพื่อเดินสำรวจให้ทั่ว เชื่อว่าจะได้เห็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่หลงเหลือและถูกดูแลอย่างดีให้คงสภาพสมบูรณ์ที่สุดอยู่อีกมากมายเลยทีเดียว

Matsudaira Toshogu Shrine

โครังเค

ภายในเมืองเดียวกันนี้ ยังมีหุบเขาโครังเค Korankei โดยมีจุดที่สวยที่สุดคือเส้นทางริมแม่น้ำโทโมเอะ(Tomoe River) ซึ่งมีสะพานไม้ไทเกะสึเคียว(Taigetsukyo Bridge) เป็นฉากเด่น และเป็นสะพานสัญลักษณ์ประจำโครังเค

ริมถนน จะมีร้านขายสินค้าน่ารักมากมาย เดินไปชมไปเพลิดเพลินกันเลย

ช่วงพีคของใบไม้เปลี่ยนสีอยู่ที่ช่วงกลางถึงปลายสัปดาห์ของเดือนพฤศจิกายน ระหว่างทางริมแม่น้ำที่เดินไป จะเห็นวิวแบบนี้ไปตลอดทาง สามารถลงไปเดินที่ริมแม่น้ำด้านล่างได้

Momi-ageman เป็นขนมใบเมเปิ้ลทอดชื่อดัง ด้านในเป็นไส้ถั่วแดง นำไปชุบแป้งแล้วลงทอดในน้ำมันร้อนๆ เป็นขนมที่หาทานได้แค่ช่วงเทศกาลชมใบไม้แดงเท่านั้น โรยด้วยเกลือหรือผงปาปริก้า และควรทานขณะที่ยังอุ่นๆอยู่ก็จะยิ่งอร่อยเลยนะ ราคา 250 เยน

เมนูน้ำซุปทนจิรุที่ใส่เนื้อหมูป่าลงไปด้วย หมูป่าคือเมนูอาหารท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้ แต่ร้านค้าปรุงได้อย่างดี จนเนื้อไม่มีกลิ่นสาบและยังมีความนุ่ม

บริเวณทางเข้าKojakuji Temple ถือเป็นอีกหนึ่งมุมโปรดของช่างภาพทั้งมืออาชีพและสมัครเล่น ใครที่มาถูกช่วงเวลาก็จะได้ภาพใบไม้เปลี่ยนสีทั้งสามสี แดง เหลือง เขียว สวยงามมากมาย

บรรยากาศสบายๆ เอาเบนโตะหรือเครื่องดื่มมานั่งทานด้วยกัน พร้อมพูดคุยกันอย่างออกรสชาติไปกับการชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสีที่จะมีมาให้ชมแค่ปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น

วิหารเก่าแก่ จุดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของโครังเคที่คนนิยมมาถ่ายภาพมากที่สุด

ฝาท่อของเมือง ออกแบบให้รวมจุดเด่นของเมืองมาไว้ในนี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสะพานไม้ไทเกะสึเคียว ใบเมเปิ้ล หรือ อาหารพื้นเมืองที่เรียกว่า โกเฮโมจิ เป็นข้าวสวยบดพร้อมทามิโสะเข้มข้นของเมืองนี้ รสชาติออกหวานนิดหน่อยแต่อร่อยดีนะ

Korankei

Sanshu Asuke Yashiki Village

เดินเล่นมาสักพักจนถึงด้านบน จะเจอทางเข้า พิพิธภัณฑ์ประเพณีพื้นบ้านที่ยังคงมีชีวิต ซึ่งเป็นที่รวบรวมและเก็บรักษาบ้านเก่าไว้มากมายในบรรยากาศเหมือนหมู่บ้าน ผู้เข้าชมสามารถเข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์กิจกรรมต่างๆที่จัดขึ้นในบ้านหลายหลังและลองทำหัตถกรรมเช่น งานไม้ ตะกร้าไม้ไผ่รองเท้าฟาง ผ้าเช็ดหน้าย้อมครามย้อมสี และโปสการ์ดกระดาษสา

ค่าเข้า ผู้ใหญ่คนละ 300 เยน เด็ก 100 เยน เปิดบริการ 9.00 -17.00 น. หยุดวันพฤหัสบดีและเทศกาลปีใหม่

หนุ่มน้อยหน้ามน กำลังนั่งลับคมมีด เป็นมีดที่ตีขึ้นรูปเองและยังทำจำหน่ายด้วย ราคาตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหมื่นเยนขึ้นไป

งานฝีมือภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ที่คิดค้นประดิษฐ์การทำเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายจากฟางข้าว มีทั้งเสื่อ รองเท้า เสื้อคลุม

Sanshu Asuke Yashiki Village

Old Streets of Asuke

ด้านฝั่งตรงข้ามถนนของจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีโครังเค ยังมีหมู่บ้านเก่าแก่ที่มีบรรยากาศแบบย้อนยุคไปสู่ยุคเอโดะ ถนนสายโบราณที่เคยเป็นเมืองแวะพักบนเส้นทางการค้าอิดะไคโด สองฝั่งถนนมีร้านค้าเรียงรายเป็นระยะ ทั้งร้านขนมหวาน ร้านอาหารพื้นเมือง(เมนูเนื้อหมูป่า) ร้านหนังสือเก่า เรียวกังเก่าแก่ และคาเฟ่ รวมระยะทางยาว 2 กิโลเมตร

นี่เป็นตรอกชื่อดังแห่งหมู่บ้าน ฝาผนังของร้านค้าที่เป็นสีดำ ทำให้สถานที่แห่งนี้มีเอกลักษณ์พิเศษ นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และสามารถเข้าไปนั่งต่อในคาเฟ่เพื่อพักผ่อนอิริยาบท เมื่อปี 2011 ย่านเมืองนี้ได้รับเลือกให้เป็นย่านอนุรักษ์กลุ่มอาคารโบราณที่สำคัญแห่งชาติแห่งแรกในไอจิ

หลังจากการเดินเที่ยวมาทั้งวัน การได้นั่งพักและจิบกาแฟเย็นๆ ทานขนมหวาน พร้อมฟังเพลงเบาๆ ช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที ที่ร้านแกลเลอรี่คุระโนะนากะ

ริมถนนทางเดินจะมีศาลเจ้าเล็กๆอยู่ คนที่นี่มีความเชื่อว่า หากใครเจ็บป่วยตรงไหนก็ให้ใช้ไม้ที่วางไว้ใกล้ๆกัน ลูบเบาๆที่บริเวณส่วนนั้นของรูปปั้นเทพเจ้าก็จะเสมือนว่าได้ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยของตัวเองให้ดีขึ้นเช่นกัน

แสงทไวไลท์ในยามค่ำคืนตกกระทบกับบ้านทรงเก่ายุคสมัยเอโดะ งดงามจนอยากจะใส่ชุดกิโมโนไปยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศแบบนี้จริงๆ

เราสามารถลงมาเดินเล่นที่ทางเดินริมฝั่งแม่น้ำได้ มองเห็นภูเขาไกลลิบๆ แสงไฟสีเหลืองส้มที่ลอดออกมาจากหน้าต่างในช่วงค่ำ ทำให้ดูโรแมนติกไปอีกแบบ

มาดูร้านขนมที่น่าลองชิมกันบ้าง ร้าน นิจิเก็ตสึโมนากะ คาวามูรายะ เป็นร้านค้าเก่าแก่เปิดมาตั้งแต่ปี 1916 ขายขนมชื่อดัง ด้านในขนมเป็นถั่วรสชาติหวานฉ่ำ ด้านนอกคือแป้งบางกรอบ ซื้อเป็นของฝากกลับบ้านได้

ร้านเปิดบริการ 8.30-19.30 หยุดวันอังคาร คุณลุงคุณป้าเจ้าของร้านใจดีมาก ที่ร้านทำขนมสดใหม่ทุกวันเลย รอต้อนรับลูกค้าเสมอโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มักแวะเวียนมาบ่อยๆ

Asuke street (Kawamuraya)

ช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี จะมีงานเทศกาลต้นเมเปิ้ลแห่ง Korankei ในตอนค่ำ ราว17.00-21.00 น.จะเปิด light up ให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่แตกต่างจากตอนกลางวัน ช่วงระหว่างงานเทศกาลทั้งในตอนกลางวันและกลางคืนจะมีร้านอาหารมากมายเปิดให้บริการ นักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศทั้งคนญี่ปุ่นเองจะมาชื่นชมและเข้าร่วมงานเทศกาลนี้

แสงไฟที่ส่องประดับตามต้นไม้ มองด้วยตาเปล่าจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก มีจุดให้ยืนถ่ายภาพตลอดแนว ใครที่เดินทางมาด้วยรถยนต์ แนะนำว่าให้มาเร็วหน่อยเพราะบริเวณใกล้งานรถติดมาก

คืนนี้เรามาพักผ่อนที่ Sanage Onsen Hotel Kinsenkaku ที่ขึ้นชื่อว่า มีบ่อออนเซ็น น้ำแร่กัมมันตรังสีเป็นบ่อน้ำพุร้อนหายากที่ทั่วประเทศมีเพียงแค่จำนวนไม่มาก แถมน้ำแร่ที่ดื่มได้แบบนี้ก็ยิ่งมีจำนวนน้อยขึ้นไปอีก นี่จึงเป็นน้ำแร่ที่ล้ำค่า รวมถึงยังเป็นน้ำด่างซึ่งถือเป็น น้ำแร่แห่งสาวงาม ที่ช่วยชำระล้างร่างกายได้อีกด้วย

ห้องนอนตกแต่งแบบผสมผสานระหว่างตะวันตกและแดนอาทิตย์อุทัย มีห้องนั่งเล่นและสามารถนั่งทำงานก็ได้แบบสไตล์เสื่อทาทามิ ฟรีไวไฟ และกาน้ำพร้อมผงชาให้ได้ชงดื่มชาอุ่นๆก่อนนอน

อาหารเช้าค่ำของที่นี่ จัดเสิร์ฟที่ชั้น 2 ในห้องอาหาร เมื่อเราเปิดประตูเดินเข้าใน พนักงานที่ยืนรอรับอยู่จะมาเชิญให้เรานั่งประจำที่ และทยอยนำอาหารและขนมหวานมาตามลำดับ เมนูคืออาหารญี่ปุ่น ที่ปรุงรสชาติมาอย่างถูกปาก ทานจนอิ่มเลย

Sanage Onsen Hotel Kinsenkaku

ข้อสรุป

เมืองโทโยตะ จ.ไอจิในยามที่ใบไม้เปลี่ยนสีทั้งเมืองนั้น สวยราวกับถูกเนรมิตขึ้นมา อากาศที่กำลังเย็นสบาย บรรยากาศเมืองที่ไม่วุ่นวายและเรายังได้ย้อนรอยเส้นทางประวัติศาสตร์มากมาย ล้วนทำให้เกิดความทรงจำในการเดินทางที่ประทับใจมากขึ้นเรื่อยๆจนอดใจไม่ไหวที่จะไปสำรวจเที่ยวเมืองนี้กันต่อ

อ่านตอนที่ 2 ซากุระและใบไม้เปลี่ยนสี ได้ที่นี่

เที่ยว โอบาระ ใกล้นาโกย่า ชมซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีพร้อมกันในฤดูกาลเดียว

ชิคิซากุระ ในเขตโอบาระ จ.ไอจิ จะบานช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่มีชิกิซากุระ ถึงกว่า 10,000 ต้น และยังมีกิจกรรมท้องถิ่น อาหาร และสิ่งน่าสนใจมากมาย