จังหวัดซากะตั้งอยู่ทางทิศเหนือของภูมิภาคคิวชูติดกับจังหวัดฟุกุโอกะ เป็นสถานที่ซึ่งเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์มากมาย ที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทางฝั่งเหนือของจังหวัดมีวิวชายฝั่งที่สวยงามจนได้เป็น Genkai Quasi-National Park วิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่นเรียบง่าย และยังมีอาหารกับสาเกเลิศรส หากใครอยากมาสัมผัสวิถีชีวิตพื้นบ้านของญี่ปุ่น ขอแนะนำให้มาที่จังหวัดซากะนี้
นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถใช้พาส Northern Kyushu Area Pass ที่ครอบคลุมการเดินทางหลายจังหวัดในคิวชูตอนเหนือได้เลย สะดวกสบายมากๆ
รายละเอียดพาส
จ.ซากะ เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ ขณะที่เราเดินทางไม่ว่าจะด้วยรถไฟหรือรถยนต์นั้น เราจะเห็นวิวสองข้างทาง
เต็มไปด้วยทุ่งอันกว้างใหญ่ สวยงาม ที่ปลูกผักตามฤดูกาล เช่น ถั่ว รากบัว ข้าว ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุดิบชั้นดี มีความสดอร่อยและร้านค้าต่างๆก็นำมาปรุงและเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารให้เราทาน
พื้นที่ราบซากะ
ที่นี่มีพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติและสภาพแวดล้อมที่สวยงาม พื้นที่ราบกว้างขวางสุดลูกหูลูกตานี้ทอดตัวจนติดทะเลอาริอะเกะ ความสมบูรณ์ของผืนดินสามารถทำการเกษตรที่ให้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพเยี่ยม
แนะนำเนื้อซากะ หรือ Saga Beef
เนื้อวากิวและสาเกญี่ปุ่นถือเป็นเมนูยอดนิยมในร้านอาหารไทย แต่คุณรู้จักที่มาของวากิวและสาเกญี่ปุ่นหรือไม่
เนื้อซากะนี้เคยเสิร์ฟให้แขกที่มาเยือนประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว ครั้งนี้เราจะขอแนะนำจังหวัดซากะที่เป็นแหล่งกำเนิดของวากิวขนดำที่ถือเป็นวากิวชั้นสูงอย่าง “เนื้อซากะ” ให้รู้จักกัน
หากพูดถึงเนื้อวัวคุณภาพดีระดับแนวหน้า ต้องมีชื่อเนื้อซากะติดหนึ่งในนั้นแน่นอน เนื้อซากะเป็นผลิตภัณฑ์จากวัวขนสีดำที่ซื้อมาจากที่อื่นตั้งแต่ยังเป็นลูกวัวและเลี้ยงโดยกลุ่มเกษตรกรของ JA Group Saga
“เนื้อซากะ” เป็นเนื้อวัวที่มีการรับประกันคุณภาพของเนื้อด้วยตัวเลขอย่างชัดเจน มีมาตรฐานคุณภาพเนื้อสูง โดยมีลายไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อผ่านตามมาตรฐาน BMS หรือ Beef Marbling Standard ในระดับตั้งแต่ 7 หรือมากกว่าจนถึง 12 ที่ถือว่าสูงสุด ซึ่งก็หมายความว่า เนื้อวัวที่มีเกรดที่สูงจะมีปริมาณไขมันแทรกอยู่จำนวนมาก ความนุ่ม รสสัมผัส ก็จะอร่อยมากกว่าเนื้อวัวทั่วไป
แนะนำโลโก้ของเนื้อซากะ
แนะนำพื้นที่ผลิตฟาร์มวัวซากะ YAMASHITA GYUSHA
ที่นี่เป็นฟาร์มเลี้ยงวัวที่มีวัวราว 300 ตัว ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีโดยเกษตรกรเพื่อให้สามารถผลิตเนื้อซากะ
คุณภาพดี
เนื่องด้วยจังหวัดซากะมีภูมิประเทศที่ดี อากาศดี มีน้ำสะอาดคุณภาพดีที่มาจากภูเขาทาราดาเกะ และเกษตรกรก็ผลิตอาหารให้วัวเองด้วย เนื้อซากะจึงเป็นเนื้อวัวเกรดสูง ลักษณะเนื้อสีแดง ฉ่ำนุ่ม เมื่อนำไปปรุงอาหารก็ให้ความหอมมาก รสชาติอร่อย
ร้าน “YAMASHITA GYUSHA”
เป็นร้านอาหารและช็อปขายเนื้อซากะ เปิดมาแล้วเกือบ 2 ปี มีเนื้อซากะคุณภาพดีในระดับ 12 ซึ่งถือเป็นคุณภาพดีที่สุดของเนื้อวัว ภายในร้านอาหารที่อยู่โซนด้านหลัง มีห้องทานอาหารหลายแบบ ที่ตกแต่งแบบญี่ปุ่นและแบบ
ทันสมัย สามารถรองรับลูกค้าได้ราว 16 ท่าน
ร้านเปิดเฉพาะมื้อดินเนอร์ และสำหรับเซ็ทนี้ เป็นหนึ่งในเซ็ทยอดนิยม รวมเนื้อ 6 ส่วน/เซ็ท ในกรุงเทพฯคอร์สเนื้อซากะราคาประมาณ 3,000 บาทและ 4,000 บาท แต่สำหรับที่นี่ราคา ประมาณ 1,100 บาท (ราคา ณ ธันวาคม 2020) เป็นเนื้อวัวเกรดระดับ 12 ให้ความอร่อยที่นุ่มลิ้น มีไขมันแทรกในกล้ามเนื้อเป็นลายหินอ่อนสวยงาม ให้รสชาติที่เข้มข้น เนื้อฉ่ำและนุ่มนวล เรียกได้ว่าติดใจตั้งแต่คำแรกที่ได้ลิ้มลอง
เซ็ทนิกิริหน้าเนื้อ 3 ชิ้น/จาน ราคาประมาณ 1,080 เยน เป็นเนื้อ Roast Beef ที่มีความนุ่ม หวานฉ่ำ ราดซอสผสมขิงโรยด้วยต้นหอม ความนุ่มของข้าวบวกกับความละมุนจากเนื้อคุณภาพดี การันตีความอร่อยเลย
ก่อนจบความอร่อยมื้อนี้ ปิดท้ายด้วยเมนูที่ชื่อว่า Saga Gyu Ocha Tsuke ราคา 756 เยน ได้ทานทั้งข้าว เนื้อนุ่มๆและผัก ในน้ำซุปหอมๆ รสชาติกลมกล่อมเข้ากันมากๆ หากใครที่ยังติดใจในความอร่อยของเนื้อ ด้านหน้าของร้านมีจำหน่ายเนื้อสดแบบแพ็คใส่ถุงสำหรับซื้อกลับบ้านด้วยนะ
YAMASHITA GYUSHA
ที่อยู่ | 2099-1, Oaza Sarushi, Kohoku-cho, Kishima-gun, Saga 849-0502 |
---|---|
การเดินทาง | จากสถานี JR Hizen Yamaguchi เดินประมาณ 8 นาที |
เวลาทำการ | 17.30 น. – 22.30 น. หยุดวันอาทิตย์ |
TEL | 0952-20-1230 |
เว็บไซต์ฟาร์ม | yamashita-gyusha |
เว็บไซต์ร้าน | yamashita-gyusha/yakiniku |
ร้าน Tommy Beef
เป็นร้านอาหารและช็อปขายเนื้อวัวที่มีบรรยากาศสบายๆ ด้านนอกเป็นสนามหญ้า และลานโล่ง สามารถจัดกิจกรรมกลางแจ้งได้ และเพื่อให้เราได้กินเนื้อสัตว์ที่อร่อยและมีคุณภาพสูง นอกจากที่ร้านจึงคัดสรรและขายส่งเนื้อเองด้วยนั้น เนื้อของ “TOMMY BEEF” ยังมาจากในฟาร์มของตัวเอง มีความปลอดภัย ตั้งอยู่ที่ฟาร์มปศุสัตว์ในเมืองชิราอิชิ มีวัวประมาณ 300 ตัวได้รับการเลี้ยงดูอย่างระมัดระวังโดยร้านมีการปรับปรุงพันธุ์เอง
เนื้อวัวของเมืองชิราอิชิเป็นเนื้อที่มาจากฟาร์มวัวที่ดูแลเองภายในจ.ซากะที่มีคุณภาพเยี่ยม เมนูแฮมเบอร์เกอร์จานนี้ เสิร์ฟพร้อมรากบัวทอด ที่ไม่เคยทานคู่กับแฮมเบอร์เกอร์มาก่อนเลย (แถบนี้นิยมการเกษตรปลูกรากบัว) และสิ่งที่ทำให้เมนูนี้อร่อยมากขึ้น คือ เมล็ดมัสตาร์ด ที่มีความกรุบกรอบเวลาที่เคี้ยว พร้อมกับบรรยากาศในร้านสบายๆ และยังมีเครื่องดื่มให้เลือกอีกมากมาย เช่น กาแฟ น้ำผลไม้
เจ้าของร้านที่ทุ่มเทและดูแลทุกอย่างมาจนปีนี้ ร้านจะครบ 3 ปีแล้ว บอกเราว่า สมนาคุณลูกค้าด้วยการลดราคาเนื้อวัว 20 % ทุกวันที่ 29 ของเดือน (เลข 2 อ่านว่า ni ส่วน 9 อ่านว่า ku ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า niku ที่แปลว่าเนื้อพอดี ร้านเนื้อส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นจึงมักถือวันที่ 29 นี้เป็นวันแห่งเนื้อวัว) หากชอบบรรยากาศสบายๆ และเยื้องๆใกล้กันมีร้านค้าของสดให้เดินช้อปด้วย ก็ต้องลองแวะมา
ร้าน Tommy Beef
ที่อยู่ | 3806 Fukudomi, Shiroishi-cho, Kishima-gun, Saga 849-0401 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี JR Hizen-Shiroishi โดยรถยนต์ 9 นาที (ระยะทางราว 6 กม.) |
เวลาทำการ | 10.00-18.00 หยุดวันพฤหัสบดี |
Website | tommybeef |
ร้าน Kira Saga Beef Restaurant
ร้านเนื้อซากะสไตล์ย่างและชาบู สามารถเดินจากสถานีซากะมาที่นี่ได้ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที เป็นร้านที่ตกแต่งด้วยบรรยากาศญี่ปุ่นสบายๆ ด้านในกว้างขวาง สามารถรองรับได้ตั้งแต่ท่านที่มาแบบครอบครัวไปจนถึงกรุ๊ปทัวร์ เนื่องจากมีห้องใหญ่ที่นั่งได้ถึง 30 ท่าน ร้านมีเมนูภาษาอังกฤษรองรับชาวต่างชาติด้วยและที่พิเศษคือ ปกติที่นี่เป็นร้านที่นิยมมากจึงมีการโทรจองโต๊ะล่วงหน้าเสมอ แต่สำหรับชาวต่างชาติที่ไม่สะดวกในขั้นตอนโทรจองสามารถเดินเข้ามาที่ร้านได้เลย พนักงานจะช่วยดูแลให้
นอกจากจะใช้เนื้อวัวซากะคุณภาพดีแล้ว (เนื้อระดับ 10) ผักต่างๆและข้าวสวยก็เป็นผลิตภัณฑ์ของ จ.ซากะด้วย
เซ็ทนี้ประกอบด้วยเนื้อซากะ ซุป ข้าวสวย(พันธุ์ Saga Biyori) สลัด เซ็ทผัก ผักดอง กาแฟร้อนและขนมหวานได้แก่ โรลเค้กชา และวาราบิชาเขียว ท่านที่ไม่สามารถทานเนื้อวัวได้ที่นี่ยังมีเมนูอื่นๆเช่น ปลาดิบ และเมนูเนื้อหมู
ความอร่อยของเนื้อซากะ เมื่อนำมาย่างแบบชิ้นแท่งๆแบบนี้บนเตาคาร์บอนแบบพิเศษของร้าน คือ ความกรอบนอกนุ่มใน เนื้อมีความหวานและฉ่ำด้วยน้ำมันหอมๆตามแบบฉบับเนื้อซากะ โรยด้วยพริกไทยหรือจิ้มด้วยน้ำซอสแล้วทานก็อร่อยมากๆ
ด้วยความคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภค ภายในร้านจึงเปิดเป็นห้องต่างๆมากมาย ได้แก่ ห้องรวม ห้องสำหรับกรุ๊ปใหญ่ ห้องส่วนตัว(จ่ายค่าห้องเพิ่ม 2,000 เยนและไม่จำกัดเวลา) และห้องสไตล์เทปปันยากิที่เราสามารถชมทักษะการปรุงอาหารของเชฟอย่างใกล้ชิด (ต้องจองล่วงหน้า) โดยห้องนี้รองรับลูกค้าได้ 12 ท่าน
ร้าน Kira Saga Beef Restaurant
ที่อยู่ | 3-9-16 Otakara, Saga-shi, Saga 840-0811 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานีซากะ ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที |
เวลาทำการ | มื้อกลางวัน 11:00 – 15:00 น. (สั่งออร์เดอร์สุดท้ายก่อน 14:00 น.) / มื้อค่ำ 17:00 – 22:00 (สั่งออร์เดอร์สุดท้ายก่อน 21:00 น.) |
Website | kira.saga-ja |
ย่าน Hizen Hamashuku
Hizen Hamashuku เป็นอาคารประวัติศาสตร์ที่สร้างขึ้นที่ปากแม่น้ำ Hamagawa และเชื่อกันว่าได้รับการจัดตั้งให้เป็นชุมชนเมืองในยุคมูโรมาจิ (ค.ศ. 1336 – ค.ศ. 1573)
ในสมัยเอโดะ Hizen Hamashuku เคยเป็นสถานีขนส่งและจุดพักสำหรับนักเดินทางที่อยู่ตามเส้นทาง Tara Kaido ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Nagasaki Kaido ( ถนนที่เชื่อมระหว่างจ.ซากะและจ.นางาซากิ) แถมยังเจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองท่าที่อยู่ติดกับทะเลอาริอาเกะ
เดินเล่นไปตามบ้านเรือนสัมผัสบรรยากาศราวกับได้ย้อนกลับไปยุคเอโดะ นอกจากนี้ย่าน Hizen Hamashuku แห่งนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องแหล่งผลิตสาเกญี่ปุ่นอีกด้วย
ย่าน Hizen Hamashuku
วิธีเดินทาง | จากสถานี Hizenhama เดินประมาณ 7 นาที |
---|---|
เวลาทำการ | 10.00 น. – 17.00 น. |
Website | Kashima City Official Travel Guide |
แนะนำสาเก จุดเด่นของสาเกซากะ( Saga Sake )
จริงๆสาเกของญี่ปุ่นเป็นที่นิยมในจ.ซากะตั้งแต่สมัยเอโดะ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ Naomasa Nabeshima เจ้าแห่งศักดินา Saga สนับสนุนการต้มเหล้าสาเกโดยใช้ข้าวส่วนเกินจากที่ราบซากะ
ตั้งแต่สมัยโบราณผู้ผลิตของที่นี่ตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างมากโดยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการทำสาเกที่อร่อย แม้ว่าจังหวัดซากะมีโรงกลั่นสาเกที่เป็นคู่แข่งกันมากมาย แต่กลับมีความสามัคคีกันอย่างเหนียวแน่น รสชาติของสาเกมีความเข้มแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่คล้ายกันคือ ความหอมและละมุนลิ้นทันทีที่ได้ดื่มลงไป นอกจากรสชาติที่เยี่ยมยอดแล้ว สิ่งที่สำคัญคือ ซากะมีวัตถุดิบที่ดี นั่นคือ ข้าว เอกลักษณ์ของสาเกซากะคือ รสชาติเข้มข้นถึงใจ เมื่ออมไว้ในปากคุณจะรู้สึกถึงรสชาติและเมื่อคุณกลืนลงไปความเข้มข้นจะยังคงอยู่และ
คุณสามารถเพลิดเพลินได้อย่างผ่อนคลายกับปริมาณแอลกอฮอล์ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ คุณสามารถดื่มด่ำกับความอร่อยของสาเกญี่ปุ่นได้อย่างเต็มที่เมื่อมาถึง จ.ซากะ
แนะนำโรงงานผลิตสาเก
โรงกลั่นสาเก Sachihime Shuzo
ที่นี่ถือเป็นโรงงานผลิตสาเกที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเยี่ยมชมขั้นตอนการผลิตได้ถึงด้านใน พร้อมมีคำบรรยายแปะไว้เป็นภาษาอังกฤษ เนื่องด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติก็สนใจการผลิตสาเกของญี่ปุ่นมากขึ้น ท่านที่หลงใหลในเสน่ห์ของเหล้าญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างเช่นสาเกซากะที่มีความหอมพิเศษ ควรลองมาชมสักครั้ง
เมื่อได้เดินชมขั้นตอนการผลิตสาเกไปบ้างแล้ว ก็คงมาถึงการลองชิมดูว่า สาเกของที่นี่นั้นจะมีรสชาติถูกใจกันแค่ไหน ด้วยการลองชิมสาเกที่ทางร้านจะวางเรียงขวดหลากหลายรสชาติให้เราได้เลือกชิมเกือบ 10 ชนิดเลย โดยอธิบายรสชาติและที่มาอย่างละเอียด ถือว่าได้ความรู้เต็มๆอีกด้วย
จากนั้นมาลองทานซอฟท์ครีมกันเป็นของหวานตบท้าย แม้ว่าจะถือว่าเป็นซอฟท์ครีมที่ทำมาจากสาเก แต่ก็ไม่ได้มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เลยแถมยังมีความหวานละมุนลิ้น แปลกใหม่และยังอร่อยด้วย
แนะนำโรงงานผลิตสาเก
ที่อยู่ | 599 Kou Furueda, Kashima-shi, Saga, 849-1321 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี JR Hizenhama เดินต่อประมาณ 15 นาที (1.1 กม.) |
เวลาทำการ | ทัวร์ AM 9:00 น. – PM 3:30 น. (ร้าน AM 9:00 น. – PM 4:00 น.) หยุดช่วงเทศกาลปีใหม่ |
Website | sachihime |
โรงกลั่นสาเก Yano Shuzo
โรงกลั่นสาเกเก่าแก่อีกแห่งของจ.ซากะ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีค.ศ.1796 ผลิตสาเกมากว่า 200 ปีแล้ว แม้จะเป็นโรงงานที่ไม่ใหญ่มากแต่ในเรื่องความมุ่งมั่นที่เน้นคุณภาพและรสชาติเพื่อผู้บริโภคนั้นทำให้ที่นี่ได้รับการการันตีคุณภาพด้วยรางวัลมากมายจากการประเมินและการแข่งขันจากทั่วประเทศ อาคารด้านหลังที่เป็นโรงกลั่นเป็นอาคารไม้
ร่วมร้อยปี ยิ่งทำให้บรรยากาศการเยี่ยมชมนั้นสามารถสัมผัสได้ถึงทักษะและความชำนาญของผู้ผลิตได้อย่างดี
ร้านเปิดให้เข้าชมเฉพาะในส่วนของตัวอย่างวัตถุดิบที่ถูกนำมาใช้ในการกลั่นสาเก ขวดสาเกโบราณในรูปแบบต่างๆ และมีโต๊ะ เก้าอี้ให้ได้นั่งพักผ่อนสนทนาระหว่างเลือกซื้อผลิตภัณฑ์
อาคารไม้โครงสร้างเก่าแก่ส่วนนี้ คือสถานที่ให้ลูกค้านั่งพักผ่อนพร้อมให้ค่อยๆเลือกชิมสาเกในขวดต่างๆได้ เพื่อจะได้เลือกผลิตภัณฑ์ที่ถูกใจที่สุดกลับไปด้วยบรรยากาศการสนทนาเป็นไปอย่างสนุกสนาน
โรงกลั่นสาเก Yano Shuzo
ที่อยู่ | 3903-1 Takatsuhara, Kashima-shi, Saga 849-1311 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี JR Hizen Kashima ใช้เวลาเดินประมาณ 6 นาที |
เวลาทำการ | 9.00 น.- 17.00 น. วันหยุด วันเสาร์ วันอาทิตย์, วันสิ้นปีและปีใหม่ (31 ธันวาคม – 3 มกราคม), โอบ้ง (13- 16 สิงหาคม) |
Website | yanoshuzou |
โรงกลั่นสาเก Mitsutake Shuzo
ร้านตั้งอยู่ที่เมือง Kashima บริเวณ Hizen Hamashuku หรือ Sakagura-dori ย่านเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงและเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยม ที่นี่คือโรงกลั่นและผลิตเหล้าสาเกมาเป็นเวลานานตั้งแต่ยุคเอโดะ ราวปีค.ศ. 1688 หรือ 333 ปีมาแล้ว นอกจากสาเกที่ทำมาจากข้าวแล้ว ผลิตภัณฑ์หลักของที่นี่กลับเป็น โชจู (โชจูคือเลือกใช้วัตถุดิบที่ไม่ใช่ข้าวในการผลิต สำหรับที่นี่ใช้ มันเทศหวาน) ซึ่งทำมากว่า 25 ปีแล้ว ด้วยสโลแกนที่ว่า “นวัตกรรมจากประเพณี”
สำหรับโรงงานที่นี่ เลือกวัตถุดิบที่นำมาใช้ทำผลิตภัณฑ์จากจ.ซากะทั้งหมด โดยล่าสุดกันยายนปี 2020 ได้ทำ Japanese Gin (จิน หรือ ยิน) เป็นสุราสีขาวใสบริสุทธิ์ มีกลิ่นหอมจากรากไม้และสมุนไพรต่างๆราว 10 ชนิดและให้แอลกอฮอล์สูงถึง 45% มีการส่งออกขายต่างประเทศด้วยไม่ว่าจะเป็นทวีปเอเชีย ยุโรป(นิยมนิฮงชู-สาเกที่หมักโดยวิธีพิเศษของญี่ปุ่น) ออสเตรเลีย เป็นต้น สำหรับประเทศไทยนั้นก็ส่งขายด้วย
สำหรับร้านนี้น่าจะคุ้นเคยสำหรับคนไทยบ้าง เมื่อทีมซีรีส์เรื่อง Stay ซากะ ฉันจะคิดถึงเธอ ได้ใช้โลเคชั่นของจ.ซากะถ่ายทำ และทีมงานเคยแวะมาที่ร้านนี้ด้วย และแน่นอนว่าเมื่อเรามาถึงโรงงานผลิต ก็จะได้ชิมสาเกรสต่างๆของร้าน ความหอมของสาเกซากะนั้นมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ
ภายในร้านยังจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้จากยุคโชวะ (ค.ศ. 1926 – 1989 ) เราจะได้เห็นทั้งทีวี หนังสือ เบนโตะ กระเป๋านักเรียนญี่ปุ่น ของเล่นและอื่นๆมากมายจากยุคเก่าจริงๆ ที่บางชิ้นก็อาจจะคุ้นตาและเคยเห็นกันมาบ้างในสมัยเด็ก
จ.ซากะ ยังเป็นพื้นที่ผลิตสาหร่ายที่มีชื่อเสียงเรื่องความอร่อย เนื่องจากที่นี่เป็นทะเลโคลน แหล่งแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์ แนะนำลองซื้อกลับไปทานดู
โรงกลั่นสาเก Mitsutake Shuzo
ที่อยู่ | 1220-2,Otsu Hamamachi, Kashima-shi, Saga 849-1322 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี JR Hizenhama เดินประมาณ 5 นาที |
เวลาทำการ | 8:00 น.-17:00 น.วันหยุด เสาร์ อาทิตย์และวันหยุดเทศกาลปีใหม่และโอบ้ง(ในเดือนสิงหาคม) |
Website | hizennya |
ขอออกจากย่าน Hizen Hamashuku สักพัก แล้วไปต่อกันที่บาร์แบบยืนดื่มในสถานี Saga ที่คอสาเกญี่ปุ่นต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน
ร้าน SAGA BAR
“SAGA BAR” แหล่งรวมสาเกแบรนด์ต่างๆของซากะซึ่งเป็นหนึ่งในสาเกที่ดีที่สุดในคิวชูมาไว้ในร้านเดียว แล้วยังมีของทานเล่นของจังหวัดซากะด้วย เช่น สาหร่าย ที่ขึ้นชื่อเรื่องความกรอบ อร่อย และเข้ากันได้ดีกับสาเก แม้จะเปิดบริการเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น แต่บรรยากาศชิลๆและการเดินทางมาง่ายมากๆ ทำให้ที่นี่เป็นจุดพักผ่อนและเติมความอร่อยของวันที่ดีเยี่ยมเลย
ร้านจะมีแก้วสาเกหลากหลายแบบไว้คอยให้บริการ รวมถึง ”สาหร่ายซากะ” เครื่องเคียงที่เป็นสาหร่ายที่ใส่ในถ้วยเล็กๆ เราสามารถเลือกคอร์สดื่มได้ตามเมนูในช่วงฤดูกาลนั้นๆ ซึ่งจะมีสาเกรสชาติใหม่ออกมาเรื่อยๆ ความอร่อยกลมกล่อมของสาเกซากะ และวิถีที่เรียบง่ายของสไตล์ร้านดื่มของญี่ปุ่นจะช่วยให้นักชิมสาเกนั้นพึงพอใจแน่นอน
ร้าน SAGA BAR
ที่อยู่ | ภายในสถานี Saga |
---|---|
วิธีเดินทาง | ลงรถไฟที่สถานี Saga แล้วเดินในสถานี ร้านอยู่ใกล้กับ Tourist Information Center |
เวลาทำการ | 16.00 น. -20.00 น. |
Website | saga-bar |
ต่อไปจะขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณรอบ Hizen Hamashuku กันบ้าง
Michishirube
จุดชมวิวนี้ต้องขึ้นไปบนเนินเขาสูงนิดหน่อย แต่วิวด้านล่างนั้นสวยงามสุดลูกหูลูกตา มองเห็นโซนเขตอุตสาหกรรมที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและอีกหลายเมืองเลย ส่วนด้านล่างเป็นทะเลอาริอาเกะ (有明海, Ariake-kai) ถือเป็นอ่าวที่ใหญ่ที่สุดในคิวชู
ด้านล่างทะเลนี้เองเราจะเห็นอาชีพประมงเพาะเลี้ยงสาหร่าย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของจ.ซากะ เนื่องด้วยทะเลอาริอาเกะมีความแตกต่างของระดับน้ำขึ้นน้ำลงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเป็นพื้นที่ตกปลาที่มีสารอาหารที่อุดมด้วยแร่ธาตุจากแม่น้ำหลายสายไหลเข้ามาและรสชาติสาหร่ายจะเข้มข้นเพราะระดับน้ำทะเลลดลงวันละสองครั้ง ทำให้ได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
ลักษณะสาหร่ายซากะคือมีสีม่วงดำมันวาวและเปลี่ยนเป็นสีเขียวอย่างรวดเร็วเมื่อย่างด้วยไฟ มีรสสัมผัสที่ดี มีกลิ่นหอมและความหวานที่ทำให้คุณรู้สึกถึงความอร่อยจนประทับใจ
Michishirube
ที่อยู่ | 1896-1, Kou, Otonari , Kashima-shi, Saga |
---|---|
วิธีเดินทาง | ด้วยรถยนต์ (Taradake Orange Road) |
เวลาทำการ | จุดชมวิวเปิดบริการตลอดเวลา /ด้านในเปิดบริการ 9.00น.-17.00น. หยุดวันจันทร์ |
Website | Kashima City Official Travel Guide |
Michi no Eki Kashima
Michi no Eki หรือ Roadside rest and shopping area หรือ สถานีริมทาง เสมือนจุดพักรถให้พักผ่อน
ซื้อของ ชมวิว ซึ่งที่นี่ถือเป็นจุดยอดนิยม เนื่องจากมีการจัดกิจกรรมเรื่อยๆตลอดปีด้วย ด้านล่างคือจุดชมปลา Mutsugoro ซึ่งเป็นปลาตระกูลเดียวกับปลาบู่ เป็นจุดชมปลาขึ้นชื่อของเมืองนี้เลยนะ ถึงขนาดมีทัวร์จับปลา Mutsugoro กันเลยMichi no Eki หรือ Roadside rest and shopping area หรือ สถานีริมทาง เสมือนจุดพักรถให้พักผ่อน ซื้อของ ชมวิว ซึ่งที่นี่ถือเป็นจุดยอดนิยม เนื่องจากมีการจัดกิจกรรมเรื่อยๆตลอดปีด้วย
ด้านล่างคือจุดชมปลา Mutsugoro ซึ่งเป็นปลาตระกูลเดียวกับปลาบู่ เป็นจุดชมปลาขึ้นชื่อของเมืองนี้เลยนะ ถึงขนาดมีทัวร์จับปลา Mutsugoro กันเลย
ยามที่น้ำทะเลลดลง สังเกตกันดีๆนะ จะมีตัวอะไรดุ๊กดิ๊กๆ อยู่บนผิวเลน นั่นแหละ เจ้า Mutsugoro มีลักษณะหัวโต มีตาหนึ่งคู่ตั้งอยู่ส่วนบนสุดของหัวโปนออกมาเห็นได้ชัดเจน ชอบวิ่งเล่นบนผิวเลนมากกว่าอยู่ใต้น้ำ
ด้านในอาคารด้านบน เป็นร้านค้าที่รวบรวมสินค้าท้องถิ่นเอาไว้มากมาย เป็นสินค้าจากเกษตรกรในพื้นที่ ดังนั้น อาหารทะเล ผักและผลไม้ตามฤดูกาลจะมีความสดมากและจำหน่ายในราคาย่อมเยา
หากใครมีโอกาสได้ปรุงอาหารเอง ก็จะขอแนะนำปูม้าของที่นี่ ชื่อญี่ปุ่นว่า ปูทาเคะซากิ (Takezaki Kani) ซึ่งมีขายตลอดทั้งปี แนะนำกันมาว่าตั้งแต่ฤดูร้อนจนถึงฤดูใบไม้ร่วงปูตัวผู้จะมีรสชาติอร่อย ส่วนปูตัวเมียและปูไข่นั้นจะอร่อยที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ราคาตามไซส์ ตั้งแต่ตัวละ 1,000 เยนไปจนถึงตัวละประมาณ 3,000 เยน
Michi no Eki Kashima
ที่อยู่ | 4427-6, Kou, Otonari, Kashima-shi, Saga 849-1323 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Hizen-Nanaura เดินประมาณ 8 นาที ( 600 เมตร ) |
เวลาทำการ | 9.00 น. – 18.00 น. |
Website | michinoekikashima |
ศาลเจ้ายูโทกุ อินาริ (Yutoku Inari)
ศาลเจ้ายูโทกุ อินาริ (Yutoku Inari) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากของจ.ซากะ สร้างขึ้นในค.ศ. 1687 เป็นศาลเจ้าประจำตระกูล Nabeshima ผู้ปกครองเมืองซากะในยุคสมัยเอโดะ ศาลเจ้านี้เป็นศาลเจ้าอันดับต้นๆ ที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น
ผู้คนมีความเชื่อว่าที่นี่มีเทพผู้พิทักษ์ผู้ประทานผลเก็บเกี่ยวอันอุดมสมบูรณ์ จึงเป็นที่เคารพนับถือในเรื่องการขอพรเพื่อให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรืองและนำโชคลาภมาสู่ครอบครัว โดยแต่ละปีมีผู้คนมาไหว้และเยี่ยมชมถึงราว 3 ล้านคน
ประตูทางเข้าศาลเจ้า ด้านล่างสะพานเป็นบ่อปลาและมีต้นเมเปิ้ล เมื่อถึงช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะมีความงดงามมาก
ห่วงเชือกฟางวงกลมนี้ มีคู่มือให้เราเดินตามโค้งไปมาเป็นเหมือนเลข 8 ให้มีความหมายราวกับว่า อมตะ
ไม่มีวันสิ้นสุด หรือเสมือนมีสิ่งดีๆเข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งห่วงเชือกฟางนี้จะไม่ได้อยู่ตรงนี้ตลอดนะ บังเอิญช่วงที่ไป
เขาเอามาแขวนไว้พอดี
บันไดนี้จะนำเราขึ้นไปสู่ฮนเด็น(อาคารหลักของศาลเจ้า) แต่มีกฎอยู่ว่าให้ขึ้นบันไดทางซ้ายและลงบันไดทางขวา ซึ่งจริงๆเมื่อขึ้นไปถึงแล้วจะเจอทางลงเอง
เอกลักษณ์โดดเด่นของอาคารหลัก คือยกสูงจากพื้นด้านหน้าประมาณ 18 เมตรโดยใช้วิธีการก่อสร้างที่เรียกว่า
คาเคะสึคุริ (เรือนทรงยกพื้นพิงหน้าผา ) นอกจากวิวด้านบนที่มองลงมาจากอาคารหลักจะสวยงามแล้ว แนะนำให้เดินขึ้นไปต่อตามเส้นทางที่เรียงรายไปด้วยประตูโทริอิที่เริ่มจากข้างอาคารหลักไปจนถึงยอดเขาคุณจะไปถึงโอคุโนะอินซึ่งอยู่ด้านบนสุด
นี่คือเสาโทริอิสีแดงที่เรียงรายขึ้นไปตามเนินเขาเป็นเส้นทางขึ้นไปยังโอคุโนะอิน ลักษณะเป็นพื้นหินและมีทางลาดชันมากมาย แต่เราจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่น่าอัศจรรย์และทิวทัศน์อันงดงามที่ครอบคลุมทุกสิ่งตั้งแต่เมืองคาชิมะไปจนถึงทะเลอาริอาเกะ แนะนำว่า หากมีเวลาควรเดินขึ้นไปถึงยอดเขาเลย โดยปกติแล้ว ใช้เวลาเดินเที่ยวที่นี่ราว 1 ชั่วโมงครึ่ง
ด้วยความที่มีคนไทยนิยมมาที่นี่มากๆ แม้แต่ใบเซียมซีก็ยังมีภาษาไทยไว้รองรับด้วย ความสวยงามของที่นี่เป็นที่เลื่องลือมาก ถึงขนาดถูกใช้เป็นโลเคชั่นของซีรีส์ไทยเรื่อง Stay ซากะ..ฉันจะคิดถึงเธอ รวมถึงละครอย่างเรื่อง
กลกิโมโน ซึ่งเป็นนวนิยายแนวแฟนตาซีนำแสดงโดย เบิร์ด ธงไชย และ ชมพู่ อารยา และภาพยนตร์เรื่อง Timeline ในฉากที่นางเอกไปนมัสการขอพร
สวนฮิกาชิยามะ
อยู่ฝั่งตรงข้ามของศาลเจ้า เป็นสวนขนาดใหญ่ที่สามารถเดินเล่นและไปถ่ายภาพได้เช่นกัน ช่วงกลางเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคม ที่นี่จะเปลี่ยนภูมิทัศน์เป็นภูเขาดอกอาซาเลียหรือกุหลาบพันปี ที่มีจำนวนมากถึง 50,000 ต้นจาก 40 สายพันธุ์ เป็นความสวยงามที่น่าทึ่งมาก นอกจากนี้ยังมีดอกวิสทีเรีย ดอกไอริสและดอกโบตั๋น ถือเป็นสวนสวรรค์ของดอกไม้จริงๆ เมื่อเดินสูงขึ้นไปจะ สามารถมองเห็นวิวด้านหน้าของศาลเจ้ายูโทกุ อินาริได้อย่างชัดเจน
สวนฮิกาชิยามะ
ที่อยู่ | 1855, Otsu, Furueda, Kashima-shi, Saga 849-1321 |
---|---|
วิธีเดินทาง | การเดินทางโดยรถไฟ : จากสถานี JR Hizenhama เดินราว 35 นาที / แท็กซี่ 7 นาที การเดินทางโดยรถบัส : – จากศูนย์รถบัสสาธารณะ Kashima Bus Center (อยู่หน้าสถานีรถไฟสาย JR Hizenkashima ) ขึ้นรถบัสสาย Yutoku ลงที่ป้าย Yutokujinjamae เดินต่ออีกประมาณ 7 นาที – หรือจากสถานี JR Saga นั่งรถบัส Yutoku มายังศาลเจ้ายูโทกุอินาริ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ลงที่ป้าย Yutokujinjamae เดินต่ออีกประมาณ 7 นาที |
เวลาทำการ | 9:00 น. – 17:00 น. |
Website | yutokusan |
ตารางบัสจากสถานีคาชิมะ (Kashima Bus Center) คลิกที่นี่ yutoku
ตารางบัสจากสถานีซากะ (Saga Bus Center)
รถออกตามเวลาดังนี้ 6.50/7.50/8.55/9.45/10.45/12.15/14.15/15.45/16.35/17.15/19.10
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
แนะนำคาเฟ่
Hamashuku Kitchen
นอกจากจะเดินเล่นด้วยบรรยากาศย้อนยุคและชมทิวทัศน์ของเมืองทางประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่าแล้ว รอบๆบริเวณนี้ยังมีทั้งโรงกลั่นสาเก และร้านอาหาร เช่น ร้าน Hamashuku Kitchen ที่เป็นร้านแนะนำสำหรับมื้อเที่ยง โดยเปิดบริการมื้อเที่ยงเวลา 11.00 น. – 15.00 น.
ส่วนใหญ่เมนูอาหารจะเป็นเซ็ทกลางวันที่น่าทานมากๆ เช่น เซ็ทไก่ทอด (Tori no karaage lunch) ราคา 1,100 เยน เลือกเครื่องดื่มได้อีก 1 ชนิดด้วยนะ คุ้มค่าราคาและอร่อยมากๆ
Hamashuku Kitchen
ที่อยู่ | 2751, Otsu, Hama-machi, Kashima-shi, Saga 849‐1322 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี JR Hizenhama เดินต่อประมาณ 5 นาที |
เวลาทำการ | 11.00น.- 21.00น. (มื้อเที่ยง 11:00-15:00) |
Website ร้าน | Hamasyuku Kitchen |
แนะนำที่พัก
Guesthouse Maru ที่พักสไตล์บ้านไม้เก่าแก่ ที่ให้เราลองใช้ชีวิตที่เรียบง่ายเหมาะแก่คำว่าพักผ่อนอย่างแท้จริง พร้อมกิจกรรมท่องเที่ยวในท้องถิ่นที่จะทำให้คุณไม่เบื่อเลยตลอดระยะเวลาที่พักที่นี่ ทันทีที่มาถึงด้านหน้า ก็อบอุ่นใจด้วยต้นมะละกอที่ปลูกเอาไว้ ราวกับว่ารอต้อนรับคนไทยอยู่
เจ้าของคือคุณ Yusuke Shimasaki เล่าให้เราฟังอย่างเป็นกันเองว่า ชอบไปเมืองไทยมากๆ โดยเฉพาะเชียงใหม่ เพราะชื่นชอบในวัฒนธรรมและข้าวของเครื่องใช้แบบล้านนา และบอกว่ามีนักท่องเที่ยวคนไทยมาพักที่นี่บ่อย สำหรับเคาน์เตอร์เครื่องดื่มนี้ เป็นมุมโปรดของหลายๆคน นอกจากจะมีกาแฟหอมกรุ่นแล้วยังมีเมนูขนมหวานด้วยนะ
ด้านในตกแต่งอย่างเรียบง่ายและมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง เฟอร์นิเจอร์ไม้เหล่านี้ทำให้บรรยากาศด้านในรู้สึกอบอุ่น พร้อมมีเพลงบรรเลงเบาๆ คลายความวุ่นวายและเข้าสู่โหมดพักผ่อนได้อย่างดีเลย ช่วงกลางวันหากอยากออกไปเดินเที่ยวเมือง ก็สามารถขอคำแนะนำจากคุณ Yusuke ได้ เพราะเค้าทำรูทเดินป่า เดินเล่น ลองประสบการณ์ทำผักดอง เช่าจักรยานปั่นเที่ยว และอีกมากมายไว้ให้พวกเราแล้ว
ที่พักนี้ยังอยู่ในส่วนของ Airbnb ดังนั้นราคาจึงมีความหลากหลาย แต่ที่สำคัญคือ ยินดีต้อนรับลูกค้าทุกวัย ครอบครัวที่เดินทางกับเด็กเล็กก็สามารถพักได้ ห้องน้ำและห้องอาบน้ำจัดสรรไว้อย่างพอดี สะอาดและทันสมัยพร้อมห้องทำครัวที่มีอุปกรณ์เพียบ
นอกจากจะมีแบบห้องครอบครัว ห้องแบบกรุ๊ป แล้วยังมีที่นอนสำหรับท่านที่เดินทางคนเดียวและอยากประหยัดค่าใช้จ่าย ก็สามารถจองนอนพักแบบห้องรวมก็ได้(นอนรวมชายหญิง) การจองก็ง่ายมาก ทำได้ทั้งทางอีเมล โทรศัพท์หรือเว็บไซต์สำหรับจองที่พักทั่วไป
* * เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีไม่เสียค่าใช้จ่าย สำหรับเด็กอายุมากกว่า
4 ปีราคาเท่ากับราคาผู้ใหญ่
Guesthouse Maru
ที่อยู่ | 1204-4, Otsu, Hamamachi, Kashima shi, Saga 849-1322 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี JR Hizenhama เดินต่อประมาณ 2 นาที |
อีเมล | maru.guesthouse.saga@gmail.com |
โทรศัพท์ | 0954-68-0902 / 090-9793-1448 |
Website | facebook : guesthousemaru |
Airbnb | Airbnb |
สถานการณ์โควิด 19 คลี่คลายเมื่อไหร่ มาเที่ยวซากะกันให้ได้นะคะ!
สำหรับท่านที่อยากลองชิมเนื้อซากะหรือสาเกของเมืองซากะนั้น สามารถไปลิ้มลองความอร่อยได้ตามรายชื่อร้านจากข้างล่างนี้เลยค่ะ
1.Izaki
ร้านนี้โด่งดังเรื่องเมนูอาหารโอซาก้า แต่นอกจากนี้ยังสามารถมาลิ้มลองเนื้อซากะได้ด้วย เมนูหลักคือคอร์สโอมากาเสะราคา 3,000 บาทและ 4,000 บาท และไม่ว่าจะมาเมื่อไหร่ก็มีเมนูเนื้อซากะจานเดี่ยวให้มาลิ้มลองกันด้วย
[เมนู]
Izaki
ที่อยู่ | ชั้น 3 เลขที่ 28 Soi Sukhumvit 22, คลองเตย Khlong Toei, Bangkok 10110 |
---|---|
เวลาทำการ | 17.00 น. |
โทรศัพท์ | 02 042 3086 |
2.Nagomi
ร้านอาหารญี่ปุ่นโดยเจ้าของคนไทย ปรุงโดยเชฟชาวญี่ปุ่น (คุณคาราซากิ) ผู้เคยทำงานที่ญี่ปุ่น มาเลเซีย แคนาดา และประเทศอื่นๆ มาแล้วมากมาย
[เมนู]
Nagomi
ที่อยู่ | 88/9 Srinagarindra Rd, Bang Muang, Mueang Samut Prakan District, Samut Prakan 10270 |
---|---|
เวลาทำการ | วันจันทร์ และ วันอังคาร : 11.00-21.00 / วันพุธ ถึง วัน อาทิตย์ : 11.00-22.00 |
โทรศัพท์ | 098 268 2327 |
ข้อสรุป
จังหวัดซากะ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของคิวชูและอยู่ติดกับจังหวัดฟุกุโอกะ เสมือนดินแดนอันมีเสน่ห์บนเกาะคิวชูที่มีทั้งทรัพยากรและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ด้านทิศเหนือหันไปสู่ทะเลเก็นไคซึ่งมีทัศนียภาพริมชายฝั่งที่งดงามจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานทางธรรมชาติเก็นไค (Genkai Quasi-National Park) ผู้คนมีวีถีชีวิตที่เรียบง่ายและอัธยาศัยดี อาหารอร่อย สาเกรสเยี่ยม บรรยากาศผ่อนคลายเหมาะแก่การพักผ่อนและเราสามารถสัมผัสความเป็นท้องถิ่นญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด