วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple)
เปิดมาที่แรก ทุกคนก็ต้องร้อง อ๋อ แน่นอน เพราะวัดเซนโซจิแห่งนี้ดังมากๆ ในญี่ปุ่นเลยแหละ แต่หลายคนก็อาจจะรู้จักในชื่อ วัดอาซากุสะ มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีชื่อเสียงในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกพูดถึงกันมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันเลยนะ นักท่องเที่ยวนิยมมาไหว้สักการะ และขอพรเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก หน้าที่การงาน การเงิน หรือการเรียน ใครที่มาที่นี่ก็อย่าลืมซื้อเครื่องรางกลับไปพกไว้ให้อุ่นใจกันด้วยนะ ราคาไม่แพง แถมยังสวยงามสุดๆ อีกด้วย
ถ้าเข้ามาในวัดนี้ล่ะก็ จะได้เห็น ยักษ์ 2 ตนยืนเฝ้าประตูทั้ง 2 ฝั่ง เเละโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ที่แขวนไว้อย่างโดดเด่น เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลย
วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple)
ที่อยู่ | 2-3-1 Asakusa, Taito, Tokyo 111-0032 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินทางด้วยรถยนต์ จากสถานี Tobu-Asakusa ไปลงที่ วัดเซนโซจิ ใช้เวลาประมาณ 1 นาที |
เวลาทำการ | 06.00 – 17.00 น. (เดือนตุลาคม – มีนาคม เปิด 06.30 น.) |
Website | senso-ji (ภาษาญี่ปุ่น) |
สวนฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park)
แวะมาชมความสวยงามของดอกไม้กันที่ สวนฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค สวนดอกไม้ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ใครชื่นชอบดอกไม้ล่ะก็บอกเลยว่าไม่ควรพลาด เพราะที่นี่จะมีดอกไม้แต่ละฤดูกาลให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชม ไม่ว่าจะเป็นทุ่งดอกนาร์ซิสซัส ทุ่งดอกทิวลิป ทุ่งดอกโคเชีย เป็นต้น ใครที่ได้ไปก็ต้องหลงรักแน่นอน
นอกจากทุ่งดอกไม้แสนสวยแล้ว ที่นี่ยังมีเส้นทางจักรยานระยะทางกว่า 10 กม. ที่สามารถชมวิวฝั่งทะเลและวิวสวยๆ ของสวนดอกไม้ไปพร้อมๆ กันได้อีกด้วยนะ
สวนฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi Seaside Park)
ที่อยู่ | 605-4 Mawatari Onuma, Hitachinaka, Ibaraki, 312-0012 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินทางด้วยรถบัสจากสถานี Katsuta มาลงที่ Seaside Park West Exit และเดินต่อไปยัง สวนฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 27 นาที |
เวลาทำการ | 1 มีนาคม – 20 กรกฎาคม 09.30 – 17.00 น. 21 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 09.30 – 18.00 น. 1 กันยายน – 31 ตุลาคม 09.30 – 17.00 น. 1 พฤศจิกายน – สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 09.30 – 16.30 น. |
วันหยุด | ทุกวันอังคาร (ยกเว้นวันอังคารที่ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ สวนสาธารณะจะปิดในวันธรรมดาถัดไป) / 31 ธันวาคม และ 1 มกราคม / วันจันทร์ถึงวันศุกร์ในสัปดาห์เเรกของเดือนกุมภาพันธ์ |
ราคา | ผู้ใหญ่ (15 ปีขึ้นไป) 450 เยน *ช่วงที่มีการจัดเทศกาลชมดอก Nemophila ในฤดูใบไม้ผลิ เเละดอก Kokia ในฤดูใบไม้ร่วง จะมีค่าเข้าชมเพิ่มเติม 250 บาท / นักเรียนมัธยมต้นหรือต่ำกว่า ฟรี |
Website | hitachikaihin (ภาษาอังกฤษ) |
วัดคิโยะมิซุ หรือวัดน้ำใส (Kiyomizu-dera)
วัดคิโยะมิซุ หรือที่คนไทยนิยมเรียกกันว่า “วัดน้ำใส” เป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเเละมี
นักท่องเที่ยวนิยมมามากสุดๆ อีกทั้งยังมีสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงามชวนตะลึงจนยูเนสโกได้บันทึกวัดแห่งนี้ขึ้นเป็นมรดกโลก (UNESCO world heritage sites) ในปี ค.ศ. 1994 ตัวอาคารไม้ที่เราเห็นมีความสูงถึง 13 เมตรจากพื้นดิน แถมยังใช้เทคนิคการสร้างโดยไม่มีการใช้ตะปูเลย ถือว่าเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณที่สุดยอดมากๆ
ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมากๆ เพราะถ้าเราขึ้นไปอยู่บนตัวอาคารไม้แล้ว มองจากมุมสูงมา จะมองเห็นเมืองเกียวโตในฤดูต่างๆ ขอบอกว่าสวยจนตกตะลึงเลยแหละ แถมยังเป็นจุดชมซากุระและชมใบไม้แดงที่ขึ้นชื่อของ
เกียวโตอีกด้วย
วัดคิโยะมิซุ หรือวัดน้ำใส (Kiyomizu-dera)
ที่อยู่ | 1-294 Kiyomizu, Higashiyama, Kyoto, 605-0862 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Tofukuji นั่งรถบัสสาย 207 มาลงที่ป้าย Kiyomizumichi และเดินต่อไปยัง วัดคิโยะมิซุ ประมาณ 15 นาที |
เวลาทำการ | 06.00 – 18.00 น. (เวลาจะเเตกต่างกันไปตามฤดูกาล) |
ราคา | ผู้ใหญ่ 400 เยน / เด็ก 200 เยน |
Website | kiyomizudera (ภาษาญี่ปุ่น) |
ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
ปราสาทโอซาก้า หรือ สวนปราสาทโอซาก้า เป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นอีกที่หนึ่งเลยก็ว่าได้ ตัวปราสาท มีถึง 8 ชั้น ห้อมล้อมด้วยกำแพงหิน คูน้ำ ไปจนถึงสวนนิชิโนมารุ สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่จะยิ่งได้รับความนิยมเป็น 2 เท่าตัวเลย เพราะภายในสวนแห่งนี้มีต้นซากุระมากกว่า 600 ต้น บานสะพรั่ง ตัดกับตัวปราสาท 8 ชั้น ที่เด่นสง่า นับเป็นภาพที่สวยงามมากๆ น่าจดจำสุดๆ และถ้ามาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่ใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีแดง สีมส้ม ก็จะสวยไปอีกแบบ ใครชอบถ่ายรูปล่ะก็ห้ามพลาด
ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
ที่อยู่ | 1-1 Osaka, Chuo, Osaka 540-0002 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินจากสถานี Morinomiya ไปยัง ปราสาทโอซาก้า ใช้เวลาประมาณ 14 นาที |
เวลาทำการ | 09.00 – 17.00 น. เปิดให้เข้าได้จนถึง 16.30 น. (ขยายเวลาเปิดทำการในบางช่วงในฤดูร้อนเเละฤดูใบไม้ผลิ) |
ราคา | ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็กอายุต่ำว่า 15 ปี เข้าฟรี |
Website | osakacastle (ภาษาอังกฤษ) |
หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawago)
หมู่บ้านชิราคาวาโกะ ชื่อเรียกเต็มๆ ของหมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อว่า กัสโชซึคุริโอกิมาฉิ ชิราคาวาโกะ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม (UNESCO) ในปี 1995 มีอายุเก่าแก่กว่า 250 ปี หมู่บ้านนี้มีลักษณะเป็นบ้านไม้ญี่ปุ่นแบบโบราณสร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปู สร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า กัชโชสึคุริ หรือสไตล์ กัสโซ่ โดยคำว่า กัชโช แปลว่า พนมมือ บ้านจึงมีรูปทรงเหมือนมือที่พนมเข้าหากันนั่นเอง
ในช่วงฤดูหนาวจะมีการจัดแสดงไฟในช่วงกลางคืนที่เรียกว่า “Shirakawago Light Up” ทั้งหมู่บ้านยังกลายเป็นสีขาวไปหมด เพราะถูกหิมะปกคลุม จุดที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาชิราคาวาโกะ คือ บ้านเก่าแก่ประจำหมู่บ้านอย่าง Wada House หรือ Kanda House ที่ถือว่าเป็นบ้านทรงกัสโซ่แบบโบราณที่อนุรักษ์เอาไว้จวบจนปัจจุบันอันเป็นสมบัติของชาติ รวมไปถึงร้านขายของที่ระลึก และถ้าใครวางแผนจะมานอนข้างในหมูบ้านแห่งนี้ เขาก็มีเกสต์เฮ้าส์เปิดให้เช่าด้วยเช่นกัน
หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawago)
ที่อยู่ | 2499 Ogi, Shirakawa, Ono, Gifu 501-5627 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Hida-Ichinomiya นั่งรถ JR TrainTakayama Line (สายสีส้ม) มาลงที่สถานี Takayama จากนั้นต่อรถไปยัง Shirakawago Bus Terminal และเดินต่อไปอีก 17 นาที |
เวลาทำการ | มีนาคม-พฤศจิกายน 8.40 น. – 17.00 น. / ธันวาคม-กุมภาพันธ์ 9.00 น. – 16.00 น. / เมษายน – พฤศจิกายน (เปิดทุกวัน) / ธันวาคม – มีนาคม (ปิดทุกวันพฤหัสบดี) |
ราคา | ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 600 เยน / เด็ก 400 เยน |
Website | shirakawa-go (ภาษาอังกฤษ) |
สะพานแขวนแห่งความฝัน (Yume no Tsuribashi)
สะพานแห่งความฝัน มีชื่อว่า สะพานแขวนยูเมะ โนะ สึริบาชิ (Yume no Tsuribashi) เป็นสะพานแขวนความยาว 90 เมตรพาดผ่านทะเลสาบของเขื่อนโอมะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแหล่งออนเซ็นชื่อ ซูมาตะเคียวออนเซ็น เดินอยู่บนสะพานท่ามกลางธรรมชาติ มองเห็นน้ำสีเขียวมรกต ถ้ามาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก็จะเห็นต้นไม้หลากหลายสีสัน ถ้ายิ่งไปยืนอยู่กลางสะพานล่ะก็ จะได้ภาพถ่ายออกมาสวยสุดๆ ไปเลย
สะพานแขวนแห่งนี้ว่ากันว่า ผู้หญิงที่มีความรักหรือปรารถนาให้ความรักเป็นจริง ให้มาอธิษฐานที่กลางสะพาน และขอเรื่องความรักอย่างมุ่งมั่น ความรักที่เราขอไว้ก็จะกลายเป็นจริง ซึ่งคนที่มาขอส่วนมากก็ได้รับพรนั้นด้วย ใครเชื่อเรื่องนี้ก็ต้องมาเที่ยวที่นี่และลองขอพรดูนะ
สะพานแขวนแห่งความฝัน (Yume no Tsuribashi)
ที่อยู่ | Kawanehon, Haibara, Shizuoka 428-0402 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Sawama เดินมาขึ้นรถบัสที่ป้าย Kuwanoyama มาลงที่ป้าย Sumatakyo Onsen และเดินต่อไปยัง สะพานแขวนแห่งความฝัน |
เวลาทำการ | เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 8:00 – 18:00 น. **เพื่อความปลอดภัยควรกลับก่อนพระอาทิตย์ตกดิน |
Website | yumeno-tsuribashi (ภาษาญี่ปุ่น) |
ป้อมปราการโกเรียวคาคุ (Fort Goryokaku)
เป็นป้อมขนาดใหญ่มีลักษณะเป็นรูปดาวแบบตะวันตกซึ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อก่อนหมดสมัยเอโดะ ป้อมปราการนี้มีลักษณะเด่นๆ เลยคือ เป็นรูปดาว 5 แฉก และที่ต้องทำเป็น 5 แฉก ก็เพราะว่าต้องสร้างเป็นพื้นที่รูปดาว เพื่อที่จะทำให้บริเวณนี้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ไว้สำหรับวางปืนใหญ่นั่นเอง และที่นี่ยังถูกล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ทั่วทุกพื้นที่มีต้นซากุระจำนวนหลายต้น ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดชมดอกซากุระที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ถ้าอยากเห็นเป็นรูปดาว 5 แฉกชัดๆ ก็ต้องไปดูที่ หอคอยโงเรียวกาคุ (Goryokaku Tower) เป็นหอคอยสำหรับชมนกบนป้อมปราการขนาดใหญ่อยู่บนดาดฟ้าของหอคอยที่สูงถึง 60 เมตร สร้างเมื่อปี 2006 เป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศา มองมุมไหนก็เห็นวิวด้านล่างหมดเลย น่าไปสุดๆ
ป้อมปราการโกเรียวคาคุ (Fort Goryokaku)
ที่อยู่ | 44-2 Goryokaku, Hakodate, Hokkaido 040-0001 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินทางด้วยรถยนต์ จากสถานี Goryokaku ไปยัง ป้อมปราการโกเรียวคาคุ ใช้เวลาประมาณ 7 นาที |
เวลาทำการ | เมษายน – ตุลาคม 05.00 – 19.00 น. / พฤศจิกายน – มีนาคม 05.00 – 18.00 น. |
Website | hakodate-jts-kosya (ภาษาญี่ปุ่น) |
หุบเขาทาคาชิโฮ (Takachiho Gorge)
ใครสายธรรมชาติอยากให้ลองมาที่นี่ เพราะที่ หุบเขาทาคาชิโฮ มีแม่น้ำสีฟ้าอมเขียวอยู่ท่ามกลางหุบเขา ซึ่งเราสามารถพายเรือชมบรรยากาศที่สวยงามของธรรมชาติได้ หรือใครไม่อยากพายเรือก็สามารถเดินชมได้เหมือนกัน ด้านในหุบเขายังมีน้ำตกอีกด้วยนะ มองจากหน้าผามาก็จะเห็นน้ำตกไหลลงมาสู่ลำธารอย่างสวยงามเลย
ถ้ามาช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็จะเห็นใบไม้เปลี่ยนสี ภายเรือท่ามกลางใบไม้หลากสีกับน้ำสีฟ้าคราม จะเป็นช่วงที่น่าจดจำและต้องประทับใจสุดๆ สามารถไปถ่ายรูปเก็บความสวยงามได้เต็มที่เลยนะ
หุบเขาทาคาชิโฮ (Takachiho Gorge)
ที่อยู่ | 809-1 Mitai, Takachiho, Nishiusuki, Miyazaki 882-1101 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินทางด้วยรถบัสหมายเลข 71 ที่สถานี Nobeoka มายัง Miyakoh Bus Center และเดินต่อไปยัง หุบเขาทาคาชิโฮ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที |
เวลาทำการ | 8.30-17.00 น. (ปิดรับ 16.30 น.) |
ราคา | เรือ 3000 เยน / ลำ (รวมภาษี) นั่งได้ 3 คน |
Website | takachiho-kanko (ภาษาอังกฤษ) |
สวนฮานามิยาม่า (Hanamiyama)
สวนฮานามิยาม่า เป็นสวนบนเนินเขาที่มีเสน่ห์ล้อมรอบด้วยพื้นที่ทางการเกษตรในชนบท ในจังหวัดฟุกุชิมะ สวนเเห่งนี้เกิดขึ้นจากเกษตรกรในท้องถิ่นเป็นผู้เริ่มปลูกไม้ดอกและไม้ประดับบนเนินเขารอบที่ดินของตนเอง แล้วขยายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1959 ก็ได้เปิดเป็นพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนได้เข้าชมดอกซากุระในฤดู
ใบไม้ผลิของทุกๆ ปี นับได้ว่าเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการชมดอกซากุระในเเถบภูมิภาคโทโฮคุเลยก็ว่าได้
นอกจากซากุระแล้ว ที่นี่ก็ยังมีดอกไม้อีกนานาชนิดให้เราได้ชื่นชมความงามอีกมากมมายเลย เเละฤดูชมดอกไม้ของที่นี่ยังมีระยะเวลายาวนานอีกด้วย โดยจะเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนไปจนถึงปลายเดือนเมษายน เมื่อย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้กว่า 70 ชนิดในสวนเเห่งนี้ รวมถึงดอกบ๊วย ซากุระ ฟอร์ซีเธีย และแมกโนเลีย ก็จะพร้อมใจกันออกดอกบานสะพรั่งไปทั่วอีกด้วย
สวนฮานามิยาม่า (Hanamiyama)
ที่อยู่ | Watari, Fukushima 960-8141 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินจากสถานี Fukushima ไปขึ้นรถบัสที่ Fukushima Station East Exit ไปลงที่ Hanamiyamairiguchi และเดินต่อไปยัง สวนฮานามิยาม่า ใช้เวลาประมาณ 27 นาที |
เวลาทำการ | เวลาทำการจะเเตกกันไปตามฤดูกาล Reception 9.00 – 18.00 น. |
Website | hanamiyama (ภาษาอังกฤษ) |
ปราสาทฮิโรชิม่า (Hiroshima Castle)
ปราสาทฮิโรชิม่าหรือปราสาทปลาคาร์ฟ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1589 แต่ได้รับความเสียหายจากระเบิด และที่เห็นในปัจจุบันเป็นสถาปัตยกรรมที่บูรณะสร้างขึ้นใหม่ให้เหมือนสภาพเดิม ตั้งอยู่ในพื้นที่กลางน้ำ ตัวปราสาทได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงประวัติของปราสาท เมืองฮิโรชิม่า และประวัติของปราสาทแห่งอื่นๆ ในประเทศญี่ปุ่นด้วย
ตัวปราสาทมีทั้งหมด 5 ชั้น ชั้นบนสุดจะมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองฮิโรชิมะได้ทั่วเลย ถ้ามาในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะเจอกับความสวยงามของดอกซากุระ และถ้าฤดูใบไม้ร่วงจะเห็นสีแดง สีส้ม จากการเปลี่ยนสีของต้นไม้ เหมาะกับการถ่ายรูปสุดๆ
ปราสาทฮิโรชิม่า (Hiroshima Castle)
ที่อยู่ | 21-1, Motomachi, Naka, Hiroshima 730-0011 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินจากสถานี Hiroshima ไปขึ้นรถบัสที่ป้าย Hiroshima ที่อยู่ห่างออกมาประมาณ 130 เมตร และมาลงที่ป้าย Godo Chosha และเดินต่อไปยัง ปราสาทฮิโรชิม่า ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 10 นาที |
เวลาทำการ | เดือนมีนาคม – เดือนพฤศจิกายน : 09.00 – 18.00 น. (เข้าชมได้ถึง 17.30 น.) / เดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์ : 09.00 – 17.00 น. (เข้าชมได้ถึง 16.30 น.) |
ราคา | ผู้ใหญ่ 370 เยน / ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) และนักเรียนมัธยม 180 เยน / นักเรียนมัธยมต้น และเด็กเล็ก ฟรี |
Website | rijo-castle (ภาษาญี่ปุ่น) |
ข้อสรุป
ใครที่อ่านมาจนถึงตอนนี้คงอยากจะไปญี่ปุ่นกันสุดๆ แน่นอน ไม่ว่าจะไปภูมิภาคไหนก็ไม่ผิดหวัง เพราะเพราะแต่ละสถานที่นั้นช่างสวยงาม และมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจมาก ใครได้ไปก็ต้องหลงรักประเทศนี้ ทั้งจุดชมวิวธรรมชาติ ปราสาทโบราณชื่อดังของญี่ปุ่น เรารวบรวมมาให้หมด ถูกใจที่ไหนก็จดชื่อและวิธีการเดินทาง แล้วก็หาเรฟเฟอเร้นท์ไว้เป็นแบบในการถ่ายรูปด้วยนะ เดี๋ยวจะพลาดช็อตเด็ด
พิกัดสถานที่น่าประทับใจในญี่ปุ่นที่คุ้มค่าต่อการเดินทางที่รอนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยือน จะมีที่ไหนบ้างลองอ่านต่อกันอ่านบทความที่น่าสนใจ
พิกัดสถานที่ท่องเที่ยวทิวทัศน์เกินราคา จะมีที่ไหนบ้างไปดูกัน
50 วิวญี่ปุ่น สวยตะลึง ที่ต้องไปเยือนสักครั้ง
คลิกที่นี่เพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติม