Golden route พิกัดเด็ดเที่ยวญี่ปุ่น สนุกกับกิจกรรมหิมะในเส้นทางใหม่ สายโทชิงิ-มินามิโทโฮคุ (ภาค1โทชิงิ-ฟุกุชิมะ-มิยางิ)

โทชิงิ มินามิโทโฮคุเป็นพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ โทชิงิ ในภูมิภาคคันโต(เช่นเดียวกับโตเกียว) จังหวัดฟุกุชิมะ มิยางิ และยามากาตะ ซึ่งอยู่ตอนใต้ของภูมิภาคโทโฮคุ จึงเรียก 3 จังหวัดนี้ว่าบริเวณมินามิโทโฮคุ ซึ่งแปลว่าโทโฮคุตอนใต้แถบนี้มีหิมะตกหนักในฤดูหนาว นอกจากกินซังออนเซ็นในยามากาตะแล้ว แต่ละจังหวัดก็ยังมีแหล่งออนเซ็นมากมาย เมื่อเข้าฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระก็จะผลิบานอย่างสวยงาม แต่เนื่องจากหลายพื้นที่อุณหภูมิต่ำกว่าโตเกียว จึงมีโอกาสจะได้ชมซากุระช้ากว่าโตเกียว ซึ่งตรงกับช่วงสงกรานต์พอดี บางช่วงเวลายังสามารถชมหิมะพร้อมซากุระได้ในบางพื้นที่ อีกทั้งฤดูใบไม้ร่วงในภูมิภาคนี้ยังมีใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามอีกด้วย ที่สำคัญยังเดินทางสะดวกจากโตเกียวสู่ใจกลางของแต่ละจังหวัดด้วยชินคันเซ็นและรถไฟด่วนพิเศษ

สำหรับใครที่ยังเที่ยวโทโฮคุไม่ทั่ว Model course นี้เหมาะกับคุณ เพราะได้รวบรวมที่เที่ยวยอดฮิตในจังหวัดโทชิงิ และ ฟุกุชิมะ อย่างนิกโก้ คินุกาวะออนเซ็น โออุจิจูกุ ปราสาทสึรุกะ สถานที่เด็ดในจังหวัดมิยางิ อย่างซาโอ พร้อมพิกัดท่องเที่ยวที่น่าประทับใจอีกมากมาย ให้คุณสนุกกับหิมะและกิจกรรมต่างๆ พร้อมสัมผัสเสน่ห์แห่งพื้นที่อันมีเสน่ห์น่าค้นหากัน ไปเที่ยวตาม Golden route ตะลุยที่เที่ยวชื่อดังแห่งโทชิงิ ฟุกุชิมะและมิยางิกันเลย

วิธีเดินทางจากโตเกียวไปนิกโก้ และพาสแนะนำ

การเดินทางจากโตเกียวไปนิกโก้เลือกได้หลายแบบ ที่สำคัญมีมีพาสเหมาจ่ายที่เหมาะกับการเดินทางและเส้นทางที่หลากหลาย คุ้มค่า ช่วยประหยัดค่าเดินทางได้เป็นอย่างดี

จากสถานีโตเกียวไปนิกโก้

เส้นทาง：Tokyo Station（ชินคันเซ็น Yamabiko / Nasuno）→ Utsunomiya Station（JR Nikko Line）→ Nikko Station
เวลาที่ใช้：ประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาทีขึ้นไป（1 ชั่วโมง 37 นาทีบนรถไฟ）
ราคา：5,680 เยน（Yamabiko แบบจองที่นั่ง / ช่วงเวลาปกติ）
เปลี่ยนรถ：1 ครั้ง

จากสถานีชินจูกุไปนิกโก้

เส้นทาง：Shinjuku Station หรือ Ikebukuro Station（Limited Express Nikko）→ Nikko Station
เวลาที่ใช้：ประมาณ 2 ชั่วโมง
ราคา：4,080 เยน
เปลี่ยนรถ：ไม่ต้อง

จากสถานีอาซากุสะไปนิกโก้

เส้นทาง：Asakusa Station（Limited Express Spacia Kegon）→Nikko Station
เวลาที่ใช้：ประมาณ 2 ชั่วโมง
ราคา：2,433 เยนเป็นต้นไป
เปลี่ยนรถ：ไม่ต้อง

จากสถานีโตเกียวไปนิกโก้ด้วยรถบัสด่วน

เส้นทาง：Tokyo Station → Tobu Nikko Station
เวลาที่ใช้：ประมาณ 2 ชั่วโมง 55 นาที
ราคา：2,500 เยน
เปลี่ยนรถ：ไม่ต้อง

พาสที่แนะนำ

พาสขึ้น Tobu Bus แบบไม่จำกัดเที่ยว กรณีไปถึงน้ำตกเคงอน แนะนำให้ซื้อ Chuzenji Onsen Free Pass ใช้ขึ้นลงบัสในบริเวณที่กำหนดแบบไม่จำกัดเที่ยวตลอด 2 วัน ซื้อได้ที่ Tourist Center ของ Tobu Nikko Station
ราคา ผู้ใหญ่ 2,200 เยน เด็ก 1,100 เยน

DAY1 วัดและศาลเจ้ามรดกโลกในนิกโก้ และน้ำตกน้ำแข็งแห่งเคงอน

วัดและศาลเจ้ามรดกโลกในนิกโก้ : นิกโก้โทโชกุ วัดรินโนจิ ศาลเจ้าฟูทาระซัง

นิกโก้แห่งจังหวัดโทชิงิ เป็นเมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองมรดกโลก เพราะมีสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและสมบัติประจำชาติที่ดึงดูดให้มีผู้มาเยือนมากมายจากทั้งในและต่างประเทศ

การเดินทาง：จาก Tobu Nikko Station ถึงสะพานชินเคียว นั่งรถ World Heritage Sightseeing Bus ประมาณ 5 นาที

สถานที่ที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1999 ประกอบด้วยนิกโก้โทโชกุ วัดรินโนจิ และศาลเจ้าฟูทาระซัง ล้อมรอบด้วยซากโบราณสถาน

นิกโก้โทโชกุคือศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสุสานและอุทิศให้กับโทกุงาวะ อิเอยาสึ โชกุนคนแรกแห่งเอโดะสร้างโดยศิลปินชั้นนำของญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 17 อาคารต่างๆ จึงงดงามอย่างยิ่ง มีประตูโยเมมง ลิง 3 ตัว และจุดน่าสนใจอยู่มากมาย ให้คุณได้ดื่มด่ำกับสถาปัตยกรรมที่งดงาม

Nikko Toshogu

ชิมเมนูขึ้นชื่อ เมนูฟองเต้าหู้ยูบะ และ ของหวานแสนอร่อย

เดินชมศาลเจ้ามาแล้วก็น่าจะเริ่มหิว จึงขอแนะนำอาหารขึ้นชื่อของนิกโก้อย่าง ฟองเต้าหู้ยูบะ ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่แพ้ที่เกียวโตที่มีชื่อเสียง โดยยูบะของที่นี่มีความหนากว่าเกียวโตถึง 2 เท่า ซึ่งมีร้านอาหารอยู่บริเวณนิกโก้โทโชกุให้เลือกมากมาย

ร้าน Aburagen และ Asaya Rest House อยู่ใกล้นิกโก้โทโชกุ ไปลิ้มลองเมนูยูบะกันได้อย่างสบายๆ รสชาติดี จัดเซ็ตน่ารับประทาน แถมดีต่อสุขภาพมากๆ ด้วย

Aburagen

Asaya Rest House

SOPPO Yaki / Nikko pudding มาถึงที่ต้องลอง

อร่อยกับยูบะแล้ว นิกโก้ยังมีของหวานอีกมากมาย ที่ตอนนี้กำลังดังได้แก่ SOPPO Yaki ที่มีความกรอบนอกนุ่มใน ไส้รสละมุน ชิ้นขนมมีรูปร่างเป็นเจ้าลิงในศาลเจ้านับเป็นซิกเนเจอร์ได้เป็นอย่างดี

หรือจะชิม Nikko Pudding เนื้อนุ่มเนียน ที่มีเอกลักษณ์เป็นครีมตั้งสูงที่กลมกล่อมละมุนละไมเข้ากัน กินคาวแล้วต้องไม่พลาดเมนูของหวานกันเลยเชียว

น้ำตกเคงอนและทะเลสาบชูเซนจิ

อิ่มอร่อยกับอาหารและของหวานแล้วก็ไปน้ำตกเคงอนกันต่อ น้ำตกแห่งนี้คืออีกหนึ่งที่ที่มานิกโก้แล้วไม่แวะไม่ได้
การเดินทาง：จากสะพานชินเคียวถึงชูเซ็นจิออนเซ็น นั่งรถ Tobu Bus ประมาณ 45 นาที

เคงอนเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ สูง 97 เมตร ติด 1 ใน 3 น้ำตกที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น น้ำตกขนาดมหึมาถาโถมลงสู่เบื้องล่าง ชื่นชมความอลังการได้พร้อมกับธรรมชาติสวยงามรอบข้าง ขึ้นลิฟต์ไปชมความยิ่งใหญ่ของน้ำตกได้เต็มตาจากจุดชมวิว เห็นสายน้ำตกกระทบเบื้องล่างเป็นละออง พร้อมเสียงดังกึกก้อง

ในฤดูหนาว สายน้ำจะถูกแช่แข็งกลางอากาศ มีภูผาเป็นฉากหลัง เกิดเป็นภาพเหนือจินตนาการ ควรมาช่วงมกราคมถึงกุมภาพันธ์ เพื่อสัมผัสความงามสุดอันซีนประทับใจ สามารถเดินจากน้ำตกเคงอนถึงทะเลสาบชูเซ็นจิใช้เวลาประมาณ 10 นาที

Kegon Falls & Lake Chuzenji

ช้อปปิ้งบริเวณสถานีนิกโก้

กลับมาที่สถานีนิกโก้ จะพบกับร้านรวงเรียงรายไปตามถนนที่อยู่ระหว่างสถานีรถไฟและโซนวัดและศาลเจ้า ทั้งร้านอาหารและร้านของฝาก ร้านยูบะของขึ้นชื่อและร้านขนมมากมาย หลังเที่ยวชมธรรมชาติแล้วแนะนำให้มาซื้อของกันที่บริเวณสถานีกันต่อ

การเดินทาง：จากชูเซ็นจิออนเซ็นถึงโทบุนิกโก้ นั่งรถ Tobu Bus ประมาณ 40 นาที

ที่ห้ามพลาดเลยคืออาเกะยูบะมันจู ซึ่งเป็นขนมที่ทำจากฟองเต้าหู้ยูบะของดีแห่งนิกโก้ เปลือกนอกทอดจนกรอบ ผสานกับไส้ถั่วแดงด้านใน มีเนื้อสัมผัสดีเคี้ยวเพลินอร่อยมาก

คินุกาวะออนเซ็น

ถ้าพูดถึงบ่อน้ำพุร้อนของนิกโก้ แล้วไม่พูดถึงคินุกาวะออนเซ็นคงไม่ได้ ออนเซ็นเก่าแก่แห่งนี้ถูกค้นพบตั้งแต่สมัยเอโดะ ซึ่งในสมัยนั้นอนุญาตให้แช่เฉพาะพระหรือไดเมียวที่มานิกโก้เท่านั้น ปัจจุบันกลายมาเป็นเมืองพักตากอากาศยอดนิยมแห่งหนึ่ง

การเดินทาง：จากนิกโก้ถึงคินุกาวะออนเซ็น นั่งรถไฟ Tobu Railway ประมาณ 50 นาที

ที่นี่เปิดให้บริการตังแต่สมัยเมจิ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว จึงมีเรียวกังและโรงแรมมากมายเลียบไปตามแม่น้ำคินุกาวะ จนกลายมาเป็นแหล่งออนเซ็นขนาดใหญ่ระดับต้นๆ ในคันโต น้ำจากบ่อน้ำพุร้อยที่นี่มีฤทธิ์เป็นด่าง ช่วยบรรเทาอาการปวดเส้นประสาท ภาวะข้อไหล่ติด ฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้า และช่วยเสริมสุขภาพ อ่อนโยนต่อผิว จึงแช่ได้ทุกเพศทุกวัย

นอกจากการแช่ออนเซ็นในเรียวกัง และบ่อต่างๆ การเดินเล่นในเมืองออนเซ็นแห่งนี้คือกิจจกรรมสุดชิลล์ที่แนะนำ ที่นี่มีบ่อแช่เท้าอยู่หลายแห่ง หรือใครอยากได้วิวดีๆ ให้เดินจากสถานีไปราว 10 นาทีก็จึงถึงสะพาน Kinu Tateiwa Otsuribashi เหมาะสำหรับคนอยากถ่ายภาพวิวสวยๆ เป็นสะพานแขวนที่สวยติดอันดับแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น

หากมีเวลา แนะนำให้เดินไปจนถึงกระเช้าโรปเวย์ ชมวิวธรรมชาติระหว่างทางขึ้นสู่ยอดเขาที่สูง 700 เมตรเหนือน้ำทะเลได้ใน 4 นาที บนยอดเขามีจุดชมวิว มองลงมาเห็นคินุกาวะออนเซ็นได้ทั้งเมือง

มีที่พักมากมายในคินุกาวะ ออนเซ็น ใครยังไม่รู้จะพักที่ไหน ลองดูในลิ้งก์ด้านล่างได้

คินุกาวะออนเซ็น

DAY2 โออุจิ จูกุและฮิกาชิยามะออนเซ็น

6BENTO CAFÉ KODAMA

สำหรับวันที่ 2 เราจะไปเที่ยวต่อกันที่หมู่บ้านโบราณโออุจิจูกุกัน ก่อนออกเดินทาง เราจะหาซื้อข้าวกล่องแสนอร่อยสำหรับมื้อเช้า ซึ่งสถานีคินุกาวะออนเซ็น มีร้านข้าวกล่องที่มีความอร่อยขึ้นชื่อมีเมนูให้เลือกเพียบ กล่องดูพรีเมี่ยม นอกจากนี้ยังมีเมนูพวกแซนวิซไส้แน่น ซื้อแล้วเอาขึ้นไปกินบนรถไฟระหว่างเดินทางได้ด้วย เป็นมื้อเช้าแบบอร่อย และใช้เวลาอย่างคุ้มค่าก่อนจะไปถึงจุดหมายต่อไปคือ สถานี Yunokami Onsen แห่งจังหวัดฟุกุชิมา

BENTO CAFÉ KODAMA

Yunokami Onsen Station สถานีแสนสวยก่อนถึงจุดหมายต่อไป

การเดินทางต่อไปเราจะมุ่งสู่ฟุคุชิมะ โดยการเดินทางจากคินุกาวะออนเซ็นถึงยูโนคามิออนเซ็น นั่งรถไฟ Tobu Railway　ประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที สำหรับการเดินทางต่อไป เราอยากแนะนำตั๋วสุดคุ้ม Ouchijuku Discount Ticket ตั๋วนี้ใช้ขึ้นได้ทั้งรถไฟ Aizu Railway และรถบัส Saruyu-go ซื้อได้ที่ Aizu Tajima Station ราคา 2,200 เยน （ไปได้ถึง Aizu-Wakamatsu Station）

Aizu Railway

รายละเอียดเพิ่มเติม

Yunokami Onsen Station คือสถานีที่มุงหลังคาด้วยฟาง ถือว่าหายากแม้ในญี่ปุ่นก็ตาม อีกทั้งยังมีบ่อแช่เท้าให้แช่เพลินๆ ระหว่างรอรถไฟหรือรถบัส เป็นสถานีรถไฟที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ให้ความรู้สึกได้ย้อนยุคแต่ก็มีทัศนียภาพที่สวยงาม จากสถานีนี้สามารถเดินทางไปจุดมุ่งหมายต่อไปของเราได้เลย

หมู่บ้านโบราณโออุจิจูกุ (Ouchi-juku)

สถานที่นี้คือที่เที่ยวยอดนิยมแห่งจังหวัดฟุกุชิมะ สัมผัสประสบการณ์เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสมัยเอโดะเมื่อ 400 ปีที่แล้ว

การเดินทาง：จากคินุกาวะออนเซ็นถึงยูโนคามิออนเซ็น นั่งรถไฟ Tobu Railway　ประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที
จาก Yunokami Onsen Station ถึงโออุจิจูกุ นั่งรถ Saruyu-go bus ประมาณ 20 นาที

ในสมัยเอโดะ หมู่บ้านนี้เคยรุ่งเรืองในฐานะแหล่งที่พักสำคัญที่เชื่อมระหว่างเมืองไอสึวากามัตสึและเมืองอิมาอิจิในนิกโก้ หลังคายังคงมุงด้วยฟางให้มาชมความสวยงามที่ไม่ต่างไปจากสมัยก่อน ในฤดูหนาวจะมีงาน Ouchijuku Snow Festival จัดในวันเสาร์อาทิตย์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ ในตอนกลางคืนจะมีการจุดพลุ แต่งแต้มสีสันให้เมือง พร้อมกับแสงไฟจากโคมไฟหิมะสร้างบรรยากาศเหนือจินตนาการ

มาถึงแล้วต้องลองเนกิโซบะ ซึ่งจะใช้ต้นหอมคีบเส้นโซบะแทนตะเกียบ มาจากการอวยพรให้ “อายุยืนยาวเหมือนต้นหอมที่ลำต้นตรงยาว และอยู่จนผมหงอกเป็นสีขาว” เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่เลย เรียกว่าเปิดประกบการณ์การรับประทานโซบะสุดๆ

Ouchi-juku

กลับมาอาหารบริเวณรอบสถานีไอสึวากามัตสึ

การเดินทาง：จากโออุจิจูกุถึง Yunokami Onsen Station นั่งบัส Saruyu-go ประมาณ 20 นาที
จาก Yunokami Onsen Station ถึง Aizu-Wakamatsu Station ใช้เวลาประมาณ 45 นาที

ก่อนมุ่งหน้าไปยังฮิกาชิยามะออนเซ็น เราขอแนะนำอาหารของไอสึวากามัตสึให้รู้จักกัน ซอสคัตสึด้ง คือเมนูในดวงใจของชาวไอสึวากามัตสึมาช้านาน หมูทอดทงคัตสึชิ้นใหญ่ราดซอสชุ่มๆ วางบนกะหล่ำปลีฝอยและข้าวสวย เข้ากันดี๊ดี ที่สำคัญหอมยั่วน้ำลาย กัดเต็มคำ อร่อยชุ่มฉ่ำดีนักแล

หรือถ้าใครไม่อยากกินข้าวแต่อยากจัดราเมงต้องจัดคิตะคาตะราเมง คือราเมงซุปโชยุน้ำใส เส้นหนาและแบน เนื้อเหนียวนุ่ม เส้นหนาน้ำซุปจึงเกาะเส้นและได้รสน้ำซุปมากกว่าราเมงปกติ อร่อยมาก สมกับที่เป็น 1 ใน 3 ราเมงชื่อดังของญี่ปุ่น

ฮิกาชิยามะออนเซ็น

อิ่มกันแล้วเราขอพาเพื่อนๆ มาที่ฮิกาชิยามะออนเซ็น เมืองออนเซ็นในเมืองไอสึวากามัตสึ จังหวัดฟุกุชิมะ ที่มีบรรยากาศคลาสสิกอบอวลไปทั่ว เต็มไปด้วยเรียวกังโบราณบรรยากาศสุดคลาสสิค

การเดินทาง：จาก Aizu-Wakamatsu Station ถึง Higashiyama Onsen Station ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

สามารถมาแช่น้ำชมวิวหิมะได้ในฤดูหนาว รวมถึงยังมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ให้ชมทั้ง 4 ฤดู แต่อยู่ใจกลางเมืองไอสึวากามัตสึ เดินทางสะดวกสบาย น้ำของฮิกาชิยามะออนเซ็นมีส่วนผสมของซัลเฟต ไม่ระคายเคืองผิว อุ่นสบายทั้งกายและใจ

Higashiyama Onsen

ขอแนะนำ Mukaitaki Ryokan ที่พักที่ได้จดทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรม ช่วงปลายธันวาคมถึงสิ้นกุมภาพันธ์จะมีการจัดอีเว้นต์ Yukimi Candles ซึ่งจะประดับสวนด้วยเทียน ส่องหิมะให้สวยงาม

Mukaitaki Ryokan

DAY 3 ปราสาทสึรุกะและ Grandeco Snow Resort

ปราสาทสึรุกะ

พูดถึงที่เที่ยวเด่นในฟุกุชิมะก็ต้องมีปราสาทสึรุกะอยู่ในลิสต์ อันเป็นสถานที่สำคะญของไอสึวากามัตสึ มีอีกชื่อว่าปราสาทไอสึวากามัตสึ สร้างโดยนักรบอะชินะในปี 1384 ปราสาทแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของไอสึเลยก็ว่าได้ กระเบื้องหลังคาสีแดงนับว่าหาได้ยากและถือเป็นแห่งเดียวในญี่ปุ่น ถ่ายรูปสวยมากในทุกฤดูกาล

การเดินทาง：จาก Higashiyama Onsen Station ถึงป้ายรถบัส Tsurugajo Iriguchi ใช้เวลา 20 นาที

หอปราสาทด้านในมีหอเก็บเอกสาร จากชั้นบนสุดมองลงมาเห็นเมืองรอบปราสาทและวิวของไอสึวากามัตสึ สามารถดื่มชาแกล้มขนมญี่ปุ่นในสวนญี่ปุ่นกันได้ด้วย ใครมาหน้าหนาวต้องมาชมวิวหิมะนะ! หิมะสีขาวโดดเด่นบนหลังคาสีแดง อีกทั้งยังมี Aizu Painted Candle Festival ที่แสงเทียนจะส่องหิมะให้สว่างไสวสวยงาม เรียกให้นักท่องเที่ยวมาชมกันมากมาย

Tsurugajo Castle

Grandeco Snow Resort

มาเที่ยวญี่ปุ่นทั้งทีก็อยากลองเล่นสกีดู รีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่สูงและมีหิมะเนื้อละเอียด มีเนินสกีสำหรับทั้งมือใหม่และระดับกลาง เพิ่งเคยเล่นก็ไม่ต้องกังวล

การเดินทาง：จาก Tsurugajo Iriguchi ถึง Aizu-Wakamatsu Station ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
จาก Aizu-Wakamatsu Station ถึง Inawashiro Station ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีนั่ง Shuttle bus ประมาณ 45 นาที

รีสอร์ทแห่งนี้มีพื้นที่ให้เล่นสกีเป็นระยะทางถึง 4,500 เมตร พร้อมทิวทัศน์กว้างใหญ่อลังการของภูเขาบันได ซึ่งอุระบันไดแห่งนี้คือพื้นที่ที่แทบจะเรียกได้ว่าหิมะตกหนักที่สุดและคุณภาพของหิมะดีที่สุดในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ Grandeco Snow Resort มีคอร์สสกีให้เลือกถึง 13 คอร์ส เล่นได้ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงระดับสูง รวมถึงมีพื้นที่สำหรับเด็กให้มาฝึกเล่นสกีและเล่นหิมะไปพร้อมกันอีกด้วย สนุกกับกิจกรรมฤดูหนาวแบบเต็มสตรีม พร้อมเล่นหิมะนุ่มฟู

Grandeco Snow Resort

เข้าพักโรงแรมในเมืองโคริยามะ

หากอยากพักใกล้ Koriyama Station ขอแนะนำโรงแรม Daiwa Roynet Hotel Koriyama บริเวณสถานียังมีร้านอาหารและร้านขายยามากมายให้เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งอีกด้วย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน เหมาะกับสายพักสะดวก

การเดินทาง：Ski Center ถึง Koriyama Station ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที โรงแรมนี้อยู่ห่างจากสถานีนิดเดียว เดินได้ใน 1 นาที สะดวกต่อการไปเที่ยวที่ต่างๆ อย่างยิ่ง

Daiwa Roynet Hotel Koriyama

DAY4 Zao Fox Village และ โทกัตตะออนเซ็น

มาถึงโปรแกรมเที่ยววันสุดท้าย ไปหาจิ้งจอกที่จังหวัดมิยางิกันดีกว่า จังหวัดนี้เต็มไปด้วยสถานที่น่าสนใจแต่ที่ยืนหนึ่งที่สุดคือสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ

การเดินทาง：จาก Koriyama Station ถึง Shiroishi Zao Station นั่งรถไฟ Tohoku Shinkansen ประมาณ 45 นาที แท็กซี่ประมาณ 20 นาที

(c)Miyagi Prefectural Government Tourism Division

ขอแนะนำ ชิโรอิชิอุเมง อุเมงคือโซเมงประเภทหนึ่ง เป็นอาหารขึ้นชื่อของชิโรอิชิแห่งนี้ ซึ่งเส้นชิโรอิชิอุเมงนี้ไม่มีน้ำมันผสมอยู่เลย ซดอร่อยสบายท้อง ใครไม่ชอบมัน นี่แหละเมนูที่ใช่ หารับประทานได้แถวๆ สถานีรถไฟเลย

เส้นทำมาจากแป้งสาลีและน้ำเกลือ จึงดีต่อสุขภาพและย่อยง่าย เด็กกินได้ผู้สูงอายุกินดี ในสถานี Shiroishi Zao ที่ชินคันเซ็นจอดมีร้านอุเมงให้ลองชิมกันด้วย

หมู่บ้านจิ้งจอก (Zao Fox Village)

พิกัดยอดฮิตที่ไปแล้วก็อยากไปอีก มาใกล้ชิดกับจิ้งจอกตัวเป็นๆ ได้ที่นี่ เป็นสวนสัตว์แห่งเดียวในญี่ปุ่นที่รวมจิ้งจอกหลากสายพันธุ์เอาไว้มากมาย

จิ้งจอกมากกว่า 100 ชีวิตรออยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ มาพบกับจิ้งจอกสายพันธุ์หายากกันได้ อีกทั้งยังมีกิจกรรมให้คุณได้ใกล้ชิดกับจิ้องจอก สัมผัสความน่ารักเกินห้ามใจ ถือเป็นที่เที่ยวที่โด่งดังในหมู่คนไทยที่ชอบเที่ยวญี่ปุ่นเลยทีเดียว

Zao Fox Village

โทกัตตะออนเซ็น (Togatta Onsen)

ไปหาจิ้งจอกกันแล้ว ไปเดินเล่นผ่อนคลายความเหนื่อยล้าที่โทกัตตะออนเซ็นกันดีกว่า โทกัตตะออนเซ็นตั้งอยู่บนที่ราบสูงที่สูงราว 330 ม. มาสัมผัสธรรมชาติยิ่งใหญ่พร้อมบรรยากาศญี่ปุ่นแท้กันได้ นอกจากการแช่ออนเซ็นที่นี่ยังมีบ่อแช่เท้าฟรี ตัวเมืองน่ารักน่าเดินเล่นชิลล์

การเดินทาง：นั่งแท็กซี่ ประมาณ 25 นาที จากหมู่บ้านจิ้งจอก
หรือ นั่งบัสด่วนประมาณ 1 ชั่วโมงจาก JR Sendai Station กรณีมาด้วยชินคันเซ็นให้ขึ้นบัสจาก JR Shiroishi Zao Station ใช้เวลาประมาณ 50 นาที

Zao Town Tourist Information Center

ข้อสรุป

เรียกได้ว่ารวบที่เที่ยวจาก คันโต โทโฮคุไว้ครบครัน จัดเส้นทางให้ได้ดังใจสุดๆ แลนด์มาร์คเด็ด วิวดีเรารวบรวมไว้พร้อมอาหารแสนอร่อย ใครเล็กทริปแถบนี้ไว้บอกเลยว่าไม่ควรพลาด อย่าลืมติดตามภาคสองกันต่อไปด้วยนะ รับรองว่าที่เด็ดไม่แพ้ภาคแรกเลยทีเดียว

Golden route เที่ยวญี่ปุ่นเส้นทางใหม่ สนุกกับกิจกรรมหิมะ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ (ภาค2มิยางิ-ยามากาตะ)

โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ โซนท่องเที่ยวใหม่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่นับว่ามีพิกัดเด็ดๆ เพียบ วันนี้เรานำตัวอย่างเส้นทางเที่ยวเมืองแห่งหิมะ หรือ Model route โดนใจที่รวมเอาพิกัดเด็ดๆ ที่มาทั้งทีต้องมาเยือนเอาไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นมัตสึชิมะ ซาโอ และอื่นๆ ที่จะได้ชื่นชมธรรมชาติอันสวยงามของเซนได มิยางิ และยามากาตะ รวมถึงสนุกกับไปกิจกรรมหิมะ ยิ่งหากนำไปรวมแพลนกับ Golden route อีกเส้นทางก็จะได้ตะลุยครบทั้งโทชิงิ ฟุกุชิมะ มิยางิ และยามากาตะ เป็นเส้นทางทองคำแห่งภูมิภาคโทชิงิ-มินามิโทโฮคุฉบับสมบูรณ์! พร้อมข้อมูลพิกัดและแผนที่ครบถ้วน แชร์เอาไว้เพื่อจัดทริป รับรองว่าเด็ด

หรือหากสนใจเส้นทางท่องเที่ยวอื่นๆ ของ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ อ่านได้ที่บทความเหล่านี้

สัมผัสฤดูหนาว เส้นทางใหม่ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ เที่ยวสุดพรีเมียม ครบรส(ภาค 1 โทชิงิ-ฟุกุชิมะ)

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวโซนใหม่น่าสนใจ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ ผ่านการนำเสนอตัวอย่างเส้นทางเที่ยวเมืองแห่งหิมะ Model route ที่เหมาะสำหรับสายเที่ยว Unseen Japan ที่ต้องการความสะดวก แบบพรีเมี่ยม ที่จะพาคุณไปสัมผัสฤดูหนาว หิมะ ภูเขา และวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะเป็นวัดและศาลเจ้าแห่งนิกโก้ เทศกาลหิมะในหุบเขา แถบโทชิงิ-ฟุกุชิมะ พร้อมข้อมูลพิกัดและแผนที่ครบถ้วน พร้อมแนะนำบริการเช่ารถพร้อมคนขับอีกหนึ่งตัวเลือกสุดสะดวก ใครอยากกลับมาอ่านประกอบการจัดทริปครั้งหน้า แชร์ไว้ก่อนได้นะ

ทริปสัมผัสฤดูหนาวโทชิงิ-มินามิโทโฮคุ เส้นทางใหม่ เที่ยวสะดวก ครบรส (ภาค 2 มิยางิ-ยามากาตะ)

ขอแนะนำโทชิงิ-มินามิโทโฮคุ ที่เที่ยวโซนใหม่น่าสนใจ พร้อมเส้นทางท่อง Model route ที่เหมาะสำหรับสายเที่ยว Unseen Japan พาคุณไปสัมผัสฤดูหนาว หิมะ ภูเขา และวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะเป็น ปีศาจหิมะแห่งซาโอ กินซังออนเซ็น และสถานที่วิวสวยมากมาย และยังแนะนำกิจกรรมที่หาได้ที่นี่เท่านั้นอย่างพบปะกับเกอิชาตัวเป็นๆ และอื่นๆ พร้อมข้อมูล การเดินทาง แนะนำบริการอำนวยความสะดวกสำหรับใครที่อยากเที่ยวแบบสะดวกพรีเมี่ยม พิกัดและแผนที่ครบถ้วน ใครอยากกลับมาอ่านประกอบการจัดทริปครั้งหน้า แชร์ไว้ก่อนได้นะ

ตะลุยแดนหิมะ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ พาเที่ยวโทชิงิ-ฟุกุชิมะ-มิยางิ พิกัดถ่ายรูปจัดเต็ม!

โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ ที่เที่ยวโซนใหม่น่าสนใจ มาเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว ไม่เล่นหิมะคงไม่ได้ ขอแนะนำตัวอย่างเส้นทางเที่ยวเมืองแห่งหิมะ สำหรับบทความนี้จะแนะนำ Model route รวมที่เที่ยวและพิกัดน่ารักๆ พร้อมของหวาน ถูกใจสาวๆ และสายคาเฟ่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นนิกโก้ ไอสึวากามัตสึ อุระบันได ซาโอ เซนได และอื่นๆ ที่จะได้ชื่นชมธรรมชาติอันสวยงามของโทชิงิ ฟุกุชิมะและมิยางิ รวมถึงสนุกกับไปหลากกิจกรรมหิมะ พร้อมข้อมูลพิกัดและแผนที่ครบถ้วน ใครอยากกลับมาอ่านประกอบการจัดทริปครั้งหน้า แชร์ไว้ก่อนได้นะ

ทริปครอบครัวฤดูหนาว เปิดเส้นทางใหม่ สายโทชิงิ-มินามิโทโฮคุ ตระเวนเที่ยวยามากาตะ-มิยางิ

เที่ยวโซนใหม่ โทชิงิ-มินามิโทโฮคุ เปิดทริปครอบครัวฤดูหนาว เที่ยวเมืองหิมะ ตั้งแต่เซนได มิยางิ ไปจนถึงยามากาตะ ไปเที่ยวสัมผัสสัตว์อย่างใกล้ชิด เก็บผลไม้ที่สวน พร้อมสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น เก็บความทรงจำดีๆ ไปเป็นที่ระลึก ให้เที่ยวตามได้อย่างง่าย พร้อมบอกข้อมูลพิกัดและแผนที่ สำหรับใครที่มีแผนจะเที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาวรอบหน้า เก็บไว้อ่านเป็นแนวทางทำทริปได้เลย