วัดฮาเซเดระ (Hasedera Temple) วัดแห่งเจ้าแม่กวนอิม 11 พักตร์ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

มารู้จัก “วัดฮาเซเดระ (Hasedera Temple)” กันสักนิด

วัดฮาเซเดระเป็นวัดพุทธที่มีชื่อเสียงในเมืองคามาคุระ จังหวัดคานางาวะ ประเทศญี่ปุ่น สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 8 โดยเชื่อกันว่าวัดนี้ถูกก่อตั้งเพื่อประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิม (Kannon) ที่มี 11 เศียร วัดนี้จึงได้รับความเคารพนับถือจากผู้คนจำนวนมากที่มากราบไหว้เพื่อขอพรในด้านสุขภาพ ความรัก และความสงบสุขในชีวิต

วัดฮาเซเดระยังเป็นที่รู้จักในฐานะ “วัดดอกไม้” เนื่องจากที่นี่มีการปลูกดอกไม้ที่สวยงามตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระและดอกอะจิไซ (ดอกไฮเดรนเยีย) บานสะพรั่ง ทำให้วัดนี้มีความงดงามเป็นพิเศษและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว

ทำไมวัดฮาเซเดระ (Hasedera Temple) ถึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมนะ ?

วัดฮาเซเดระตั้งอยู่บนภูเขาเล็กๆ ที่สามารถมองเห็นวิวทะเลและเมืองคามาคุระได้ ตัววัดประกอบด้วยอาคารหลายหลัง รวมถึง “Hondo” (Main Hall) ที่ประดิษฐานพระกวนอิม และ “Amida-do” (Amida Hall) ที่ประดิษฐานพระอมิตาภะพุทธเจ้า

เรื่องราวตำนานของวัดแห่งนี้ มีอยู่ว่าในปีค.ศ. 721 พระโทคุโดะโชนินได้รับมอบหน้าที่ให้สร้างเทวรูป 2 องค์ เป็นรูปพระโพธิสัตว์คันนง หรือที่เรารู้จักในชื่อ “เจ้าแม่กวนอิม” ผู้มี 11 หน้า โดยแกะสลักจากต้นการบูรที่สูงใหญ่ ซึ่งในขณะนั้นถือว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์

เทวรูปหนึ่งองค์ถูกประดิษฐานเพื่อบูชาในเมืองนารา (จะเป็นชื่อวัดเดียวกันกับที่นี่เลย) ส่วนอีกองค์ถูกโยนลงทะเลเพื่อถวายแก่เทพเจ้า ทีนี้ รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่ลอยน้ำทะเล ก็ได้ได้ลอยมาถึงเมืองคามาคุระ (Kamakura) จึงได้มีการสร้างวัดฮาเซเดระ (Hasedera Temple) แห่งนี้ขึ้นตรงจุดที่รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมลอยมาถึง นั่นเอง และใช้เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมรูปนี้

ในปัจจุบันรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม 11 พักตร์ เป็น พระพุทธรูปไม้แกะสลักที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สูงกว่า 9.18 เมตร

วัดฮาเซเดระก็ยังเป็นที่ตั้งของถ้ำที่เรียกว่า เบ็นเท็นคุตสึ ซึ่งสักการะบูชาเบ็นไซเท็น (Benzaiten) หรือเทพีแห่งสตรีนั่นเอง โดยมีการแกะสลักบริวารทั้ง 16 ของเบ็นไซเท็นเอาไว้ภายในถ้ำ อีกด้วย

ชมดอกไฮเดรนเยียหลากสี

ที่วัดแห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในจุดชมดอกไฮเดรนเยียที่บานสะพรั่งอย่างงดงามในช่วงต้นฤดูร้อน โดยทั่วไปดอกไฮเดรนเยียจะเริ่มบานในช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่วัดฮาเซเดระถูกปกคลุมด้วยสีสันของดอกไม้หลากสี เช่น สีฟ้า สีม่วง สีชมพู และสีขาว ทำให้วัดดูมีชีวิตชีวาและเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงเวลานี้

วิวทะเลที่สวยงามที่จุดชมวิวมิฮาระชิได

จุดชมวิวมิฮาระชิได (Miharashidai) ตั้งอยู่บนเนินเขาภายในบริเวณวัดฮาเซเดระ เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่งดงามที่สุดในคามาคุระ และเป็นสถานที่ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของทะเลและเมืองคามาคุระและหาดยูอิกาฮามะได้อย่างชัดเจน

ภายในตัววัดยังมีสถาปัตยกรรมของวัดญี่ปุ่นที่ยิ่งใหญ่พอตัวเลย

หน้าทางเข้าเราก็จะเจอกับโคมไฟสีแดง ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำวัดนี้พร้อมต้นสน (Matsu) รูปร่างสวยงาม (เหมือนต้นบอนไซขนาดใหญ่มหึมาเลย)

ภายในตัววัดเองยังมีสวนให้เราได้เปลี่ยนบรรยากาศรับชมอีกด้วยนะ นี่ละความสงบที่แท้จริง

หากเพื่อน ๆ มาชมทันเขาเปิดไฟก็อาจจะได้เห็นภาพที่สวยงามยามค่ำคืนประมาณนี้

มาแอบตามหาเทพจิโซ (Jizo Bosatsu) กันสักหน่อย 

เทพจิโซ หรือที่เรียกว่า “จิโซโบซัตสึ” (Jizo Bosatsu) เป็นเทพผู้พิทักษ์เด็กและวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วตามความเชื่อในพุทธศาสนามหายาน โดยเฉพาะในญี่ปุ่น เทพจิโซถือว่าเป็นผู้คุ้มครองวิญญาณของเด็กที่เสียชีวิตก่อนอายุขัยและผู้เดินทาง โดยมีภาพลักษณ์เป็นพระที่ดูอ่อนโยน มักถือไม้เท้าและลูกแก้ว ในญี่ปุ่นสามารถพบเห็นรูปปั้นจิโซได้ทั่วไปตามวัด ศาลเจ้า หรือริมทาง

ที่วัดฮาเซเดระในคามาคุระ มีรูปปั้นจิโซที่โดดเด่นอยู่หลายตัว หนึ่งในนั้นคือ “นาโกมิจิโซ” (Nagomi Jizo) ซึ่งเป็นรูปปั้นเทพจิโซขนาดเล็ก 3 องค์ที่ตั้งเรียงกันอยู่ในสวนวัดฮาเซเดระ รูปปั้นเหล่านี้มีใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม นำความรู้สึกสงบสุขและความเป็นมิตรมาให้แก่ผู้พบเห็น

วัดฮาเซเดระ (Hasedera Temple)

ดูแผนที่ วัดฮาเซเดระ (Hasedera Temple)

วิธีการเดินทาง

วิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดสำหรับเพื่อน ๆ ที่มาจากโตเกียว เราขอแนะนำให้ใช้รถไฟเจอาร์สายโยโกซูกะ โดยสามารถเดินทางมาได้จากสถานี Shinagawa Station ของกรุงโตเกียว โดยใช้เวลาประมาณ 50 นาที ไปยังเมืองคามาคุระที่สถานี Kamakura Station และให้เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟเส้นเอโนะเด็น ไปที่สถานีฮะเซะ (Hase Kannon) และเดินต่อเพียง 5 นาที

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง

1. วัดโคโตคุอิน (Kotoku-in Temple)

1 ในพระใหญ่ที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นนั้นก็คงจะขาดพระใหญ่แห่ง Kamakura จังหวัด Kanagawa ไปไม่ได้ พระใหญ่ไดบุตสึ (Kamakura Daibutsu) ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “Great Buddha of Kamakura” ที่ถูกสร้างจากโลหะสำริดและทองแดง เป็นรูปปั้นพระที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่น มีความสูง 11.3 เมตร และมีน้ำหนักประมาณ 121 ตันเลยทีเดียว

วัดโคโตคุอิน (Kotoku-in Temple)

ดูแผนที่ วัดโคโตคุอิน (Kotoku-in Temple)

2. ศาลเจ้าทสึรุเกะโอกะฮาจิมังกุ (Tsurugaoka Hachimangu Shrine)

หนึ่งในศาลเจ้าที่สำคัญและโดดเด่นที่สุดในเมืองคามาคุระ จังหวัดคานากาวะ ประเทศญี่ปุ่น ศาลเจ้าแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1063 โดย Minamoto no Yoriyoshi และต่อมาได้กลายเป็นศาลเจ้าหลักของตระกูลมินาโมโตะที่มีอิทธิพลในยุคนั้น ศาลเจ้าแห่งนี้ยังเป็นศูนย์กลางทางศาสนาและการปกครองในช่วงยุคคามาคุระ (ค.ศ. 1185–1333) ซึ่งเป็นยุคที่ซามูไรมีอำนาจมากที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ที่นี่เป็นศาลเจ้าที่อุทิศให้กับเทพเจ้าฮาจิมัง (Hachiman) ซึ่งเป็นเทพเจ้าผู้ปกป้องนักรบและเป็นผู้คุ้มครองตระกูลมินาโมโตะ

ศาลเจ้าทสึรุเกะโอกะฮาจิมังกุ (Tsurugaoka Hachimangu Shrine)

ดูแผนที่ ศาลเจ้าทสึรุเกะโอกะฮาจิมังกุ (Tsurugaoka Hachimangu Shrine)

3. ถนน Komachi Street

ถนนที่รวมร้านอาหารและร้านค้าไลฟสไตล์จำนวนมาก ใจกลางเมืองคามาคุระ โดยไฮไลท์ร้านอาหารที่น่าสนใจ อาทิเช่น โคร็อกเกะไส้เห็ดชุบแป้งทอดจากร้าน Purinsesukinoko (プリンセスきのこ), ทามาโกะยากิจากร้าน Kamakurajeizu แลพขนมเซมเบ้จากร้าน  Kamakuraichibanya

ถนน Komachi Street

ดูแผนที่ ถนน Komachi Street

สรุป

วัดฮาเซเดระ (Hasedera Temple) แห่งนี้ เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมที่สะท้อนความเป็นวัดญี่ปุ่นออกมาได้ดีมากที่สุดวันหนึ่ง และยังมีประวัติศาสตร์ที่มาของวัดอย่างเจ้าแม่กวนอิม 11 เศียร ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในขณะที่ภายในตัววัดก็ยังเต็มไปด้วยสวนสาธารณะขนาดเล็ก จุดชมดอกไฮเดรนเยีย จุดชมวิวทั้งเมืองคามาคุระ บอกเลยว่าเที่ยววัดเดียว เก็บครบทุกรสเลยละ !