ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์น่าสนใจ และ แพร่หลายไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือ ช่วงยุคซามูไร รวมถึง ยุคปฏิวัติเมจิ (Meiji Revolution) ซึ่งวันนี้ผมก็จะมาแนะนำเมืองที่เหมาะกับสายเที่ยวแนวประวัติศาสตร์มาให้เพื่อนได้รู้จักกัน นั่นคือเมือง
ซึ่ง 5 เมืองที่กล่าวมานั้นล้วนแต่มีสถานที่ท่องเที่ยวแนวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจทั้งสิ้น
Hiroshima
เมืองแรกที่ผมจะนำให้เพื่อนๆรู้จักคือ Hiroshima
เมือง Hiroshima นั้นเป็นเมืองหลักของจังหวัด Hiroshima ภูมิภาค Chugoku เมืองนี้หลายคนต้องเคยได้ยินเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของเมืองนี้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นคือ เป็น 1 ใน 2 เมือง (อีกเมืองคือ Nagasaki) ที่ถูกระเบิดปรมานูทิ้งลงใส่เมือง ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมายนับแสนคน และบาดเจ็บอีกนับไม่ถ้วน
ทำให้จุดท่องเที่ยวในเมือง Hiroshima นั้น จึงเน้นไปที่เหตุการณ์ระเบิดปรมานูเป็นหลัก โดยจุดท่องเที่ยวส่วนใหญ่นั้นจะอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า Hiroshima peace memorial park โดยมีไฮไลท์สำคัญคือซากตึกซึ่งเรียกกันว่า Genbaku Dome ซึ่งเป็นอาคารที่อยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางการระเบิด แต่ว่ากลับเหลือโครงสร้างมาถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นแล้วบริเวณ Hiroshima peace memorial park นั้นยังมีอนุสรณ์สถานอื่นๆอีกที่สะท้อนถึงความโหดร้ายของสงคราม อย่างเช่น อนุเสาวรีเด็กหญิงซาดาโกะ, Memorial Tower to the Mobilized Students อนุสรณ์สถานเกี่ยวกับการใช้แรงงานเด็ก, Memorial Cenotaph ซึ่งเป็นอนุเสาวรีที่สลักลายชื่อของผู้เสียชีวิตจากระเบิดปรมานู, พิพิธภัณฑ์ Hiroshima Peace Memorial ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดปรมานูในปี ค.ศ. 1945 เป็นต้น
Genbaku Dome ซากอาคารที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบัน และเป็นเครื่องเตือนจิตใจเกี่ยวกับความโหดร้ายของสงคราม
พิพิธภัณฑ์ Hiroshima Peace Memorial ซึ่งด้านในก็จัดแสดงเกี่ยวเหตุการณ์ระเบิดปรมานู รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ที่หลงเหลือจากเหตุระเบิดปรมานู และ บาดแผลของผู้รอดชีวิต
ถ้านักท่องเที่ยวต้องการศึกษาประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสงครามโลกเพิ่มเติม ก็ยังสามารถไปศึกษาเพิ่มเติมอีกได้ที่ เมือง Kure ซึ่งอยู่ห่างจาก Hiroshima ไปประมาณ 30 นาที สำหรับการเดินทางโดยรถไฟ ซึ่งที่นี่ก็มีพิพิธภัณฑ์เรือรบ Yamato ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอีกด้วย
- สำหรับการเดินทางมายัง Hiroshima นั้น นักท่องเที่ยวสามารถโดยสารรถไฟ Shinkansen มาลงที่สถานี Hiroshima ได้เลย
- ส่วนการเดินทางมายัง Hiroshima peace memorial park นั้นนักท่องเที่ยวสามารถโดยสารรถราง มาลงป้าย Genbaku Dome-Mae Station ได้เลย
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
ถ้าพูดถึงฮิโรชิม่า ที่นี่ยังมีเรื่องเล่าและพิกัดที่เที่ยวที่เกี่ยวข้องกับสงครามโลกอีกมากมาย ใครที่ชอบเที่ยวพร้อมได้ความรู้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ไปด้วย แนะนำบทความเที่ยวฮิโรชิม่าด้านล่างนี้เลย
เที่ยว ฮิโรชิม่า (Hiroshima) 4 พิกัด สัมผัสประวัติศาสตร์สงครามโลก พร้อมข้อมูลที่ต้องรู้สักครั้ง
จังหวัดฮิโรชิม่า ถ้าพูดถึงชื่อนี้เชื่อได้ว่าหลายๆ คนจะต้องนึกถึงเมืองที่ถูกโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ และทำให้เกิดอนุสรณ์สถานไว้ แต่จริงๆ แล้วที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย และยังมีอาหารอร่อยที่ต้องมาทานที่นี่เท่านั้นอีกด้วย
เมือง Kagoshima
เมือง Kagoshima นับว่าเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับเที่ยวแนวประวัติศาสตร์มากเมืองหนึ่ง เพราะเมืองนี้มีประวัติศาสตร์มาช้านาน โดยเฉพาะยุคฟื้นฟูเมจิ ( Meiji Restoration ) ในอดีตนั้น Kagoshima มีชื่อเดิมคือแคว้น Satsuma ซึ่งว่าเป็นแกนนำสำคัญในยุคฟื้นฟูเมจิ ( Meiji Restoration ) โดยมีท่าน Saigo Takamori เป็นแกนนำสำคัญ ซึ่ง Saigo Takamori นั้น ท่านได้รับขนานนามว่าเป็น ซามูไรคนสุดท้าย ( The Last Samurai ) และท่านก็เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของเมือง Kagoshima ก็ว่าได้
- การเดินทางมายังเมือง Kagoshima นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟ Shinkansen มาลงสถานี Kagoshima – Chuo ได้เลย
- รูปปั้นของ Saigo Takamori
รูปปั้น Saigo Takamori นั้นนับว่าเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของเมือง Kagoshima โดยรูปปั้นจะอยู่ใกล้ๆกับสวนสาธารณะ Central Park
โดยรูปปั้นถูกหล่อขึ้นโดย Teru Ando ศิลปินชาว Kagoshima คนเดียวกับผู้หล่อรูปปั้นหมา Hachiko ที่ Shibuya โดยรูปปั้นของท่าน Saigo Takamori มีความสูง 8 เมตร
- วิธีการเดินทาง : นั่งรถเมล์ Loopbus มาลงป้าย Statue of Saigo Takamori
อีก 1 กิจกรรมที่ผมแนะนำให้เพื่อนๆ ลองทำดูเวลามาเที่ยวเมือง Kagoshima คือ นเดินเล่นตามล่ารูปปั้นตอนเช้าๆ เนื่องจากเมือง Kagoshima นั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทำให้ในเมืองมีรูปปั้นของบุคคลสำคัญมากมายเกือบทั่วทั้งเมือง นอกจากรูปปั้นบุคคลสำคัญแล้ว รูปปั้นแนวศิลปะก็มีให้ดูมากมายเช่นกัน
รูปปั้นด้านบนเป็นรูปปั้นของ Shizuko Nogi
โดยเส้นทางที่จะแนะนำให้เพื่อนเดินเที่ยวคือทางเดินเรียบแม่น้ำ Koutsuki
- พิพิธภัณฑ์การปฏิรูปเมจิ (Museum of The Meiji Restoration)
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Kotsuki ซึ่งด้านในจัดแสดงเกี่ยวกับการปฏิรูปเมจิ, ประวัติศาสตร์ของเมือง Kagoshima โดยไฮไลท์สำคัญของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อยู่ที่การโชว์ที่เรียกว่า Road to the Restoration ซึ่งเป็นการแสดงของหุ่นจำลองบุคคลสำคัญของการปฏิรูปเมจิ
ถ้ามาด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ช่วงเช้าสามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟ Sakurajima สะท้อนกับน้ำในแม่น้ำได้อีกด้วย
- วิธีการเดินทาง : นั่งรถเมล์ Loop Bus มาลงป้าย Museum of the Meiji Restoration (Tourism Exchange Center)
- วันเวลาทำการ : เปิดทุกวันตั้งแต่ 9.00 น. – 17.00 น.
- ราคา : ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 150 เยน
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
เปิดพิกัดเที่ยวคาโกชิม่า ซึมซับเสน่ห์ของคิวชูใต้
ตะลุยคิวชูใต้ กับ 11 ที่เที่ยว คาโกชิม่า (Kagoshima) กับวิวสุด Unseen!
คาโกชิมะ (Kagoshima) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในคิวชูตอนใต้ จังหวัดนี้โดดเด่นเรื่องธรรมชาติที่สวยงาม อย่างภูเขาไฟ Sakurashima (ซากุระชิมะ) เกาะเล็ก ๆ ในคาโกชิม่ายังเชื่อมต่อกันไปจนถึงโอกินาว่าเลยทีเดียว
เมือง Hiraizumi
เมือง Hiraizumi เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัด Iwate ภูมิภาค Tohoku โดยเมืองแห่งนี้ก็นับว่าเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มากมายโดยเฉพาะเรื่องวัด ซึ่งมีเมืองแห่งนี้มีวัดโบราณสำคัญๆคือ วัด Motsuji, วัด Chusonji, วัด Takkoku Saikoji โดยวัดที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น มีอายุมากกว่า 1000 ปี เลยทีเดียว
การเที่ยวชมวัดต่างๆของเมือง Hiraizumi นั้น นักท่องเที่ยวสามารถโดยสารรถ Loop bus ซึ่งมีชื่อว่า Run Run Bus ลงหน้าวัดได้เลย ซึ่งเรียกว่า สะดวกมากๆ ยกเว้นวัด Takkoku Saikoji ที่จะอยู่นอกเมืองออกไป ซึ่งจะต้องโดยสารรถ Taxi ไป ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
- การเดินทางมายัง Hiraizumi นั้น นักท่องเที่ยวสามารถนั่งชินคันเซนมาลงที่สถานี Ichinoseki แล้วเปลี่ยนไปนั่งรถไฟธรรมดามาลงสถานี Hiraizumi
วัด Motsuji นับว่าเป็นวัดที่มีอายุมากกว่า 1000 ปี
นอกจากวัดแล้ว เมือง Hiraizumi แห่งนี้ยังมีประวัติศาสตร์เกี่ยว Minamoto Yoshitsune โดยเมือง Hiraizumi นั้นถือว่าเป็นที่สถานที่สุดท้ายของ Minamoto Yoshitsune ก่อนที่เขาจะทำการ ปลิดชีพตนเองด้วยการ Seppuku สถานที่ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของ Minamoto Yoshitsune นั้นมีชื่อว่า Takadachi Gikeido ซึ่งที่นั่นจะมีรูปปั้นไม้ของท่าน Minamoto Yoshitsune อยู่ด้วย
รูปปั้นของ Minamoto Yoshitsune ที่ Takadachi Gikeido
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
เพื่อนๆสามารถอ่านข้อมูลเมือง Hiraizumi เพิ่มเติมได้ที่
Hiraizumi เที่ยวย้อนอดีตสัมผัสเมืองมรดกโลก ที่ Iwate
เมือง Aomori
จังหวัด Aomori เมืองที่ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของเกาะฮอนชู มีเมืองหลวงของจังหวัดชื่อว่า Aomori ถือว่าเป็นเมืองที่คุ้นหูชาวไทยอย่างแน่นอน เพราะถือว่าเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และ ต่างชาติ โดยเฉพาะการชมธรรมชาติ ช่วงซากุระ หรือ ใบไม้เปลี่ยนสี แต่ทางด้านการเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์แล้ว เมือง Aomori ก็ถือว่าเป็นแหล่งเที่ยวประวัติศาสตร์ชั้นดีอีกเมืองหนึ่ง โดยเฉพาะประวัติศาสตร์สมัยยุคโจมงซึ่งเป็นยุคสมัย 3900 ปีก่อน คริสตกาล
- การเดินทางมายังเมือง Aomori นั้น นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟ Shinkansen มาลงสถานี Shin Aomori แล้วเปลี่ยนรถไฟเพื่อมาลงสถานี Aomori
- Sannai – Maruyama
ที่ Aomori มีพิพิภัณฑ์เกี่ยวกับโจมงให้เข้าชมอยู่หลายแห่ง โดยเฉพาะซากโบราณสถาน Sannai – maruyama ซึ่งตั้งอยู่นอกเมือง Aomori โดยนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถเมล์จากสถานี Aomori มายัง Sannai – Maruyama ได้ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งที่ Sannai – maruyama นั้นได้จัดแสดงวิถีชีวิตของสมัยจูมง รวมถึงบ้านที่อยู่อาศัย และ ข้าวของเครื่องใช้ที่ขุดได้บริเวณนั้นด้วย
- วิธีการเดินทาง : นั่งรถบัสจากสถานี Aomori มาลงป้าย Sannai – Maruyama site
- วันเวลาทำการ : เปิดทุกวันตั้งแต่ 9.00 น. – 17.00 น. ปิดวันที่ 31 ธันวาคม – 1 มกราคม
- ราคา : ผู้ใหญ่ 410 เยน เด็ก 200 เยน
นอกจาก Sannai maruyama แล้ว ที่เมือง Aomori ยังมีพิพิธภัณฑ์แนวประวัติศาสตร์อีกมากมายเช่น Aomori Museum of History, Aomori Prefecture Museum เป็นต้น
ที่ Aomori ไม่เพียงแต่จะมีพิพิธภัณฑ์ยุค โจมง เท่านั้น เมือง Aomori ยังมี พิพิธภัณฑ์ Hakkodamaru ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เรือตั้งอยู่ใกล้ๆกับอาคาร A-FACTORY หรือพิพิธภัณฑ์ Nebuta ที่จัดแสดงเกี่ยวกับเทศกาล Nebuta อันขึ้นชื่อของจังหวัด Aomori อีกด้วย ซึ่งเรียกว่าเมือง Aomori เหมาะสำหรับสายท่องเที่ยวแนวประวัติศาสตร์มากๆ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลที่ต้องรู้ก่อนไปอาโอโมริ และพิกัดที่เที่ยวทุกจุดที่น่าสนใจ
อาโอโมริ (Aomori) ที่เที่ยว 10 พิกัดต้องโดน บอกครบทุกข้อมูลที่ต้องรู้ก่อนไป
อาโอโมริ จุดเหนือสุดของโทโฮคุ ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติงดงาม และเสน่ห์อันแสนตราตรึงใจ มีวัฒนธรรมที่งดงามเป็นเอกลักษณ์ ผ่าน 10 ที่เที่ยวสุดน่าสนใจ ข้อมูลการเข้าชม การท่องเที่ยว รวมไปถึงพิกัดและวิธีการเดินทาง พร้อมแนะนำเทศกาล และของดีที่ไม่ควรพลาด
เมือง Aizu Wakamatsu
เมืองสุดท้ายที่ผมจะแนะนำในวันนี้ คือ Aizu Wakamatsu แห่งจังหวัด Fukushima ภูมิภาค Tohoku
โดยการเดินทางมายังเมืองนี้นั้น นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟ Shinkansen มาลงสถานี Koriyama แล้วเปลี่ยนขบวนเป็นรถไฟธรรมดามาลงสถานี Aizu Wakamatsu
เมือง Aizu Wakamatsu เป็นเมืองที่ถูกขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งซามูไร ซึ่งแน่นอนว่าเมืองนี้สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงเป็นแนวประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นปราสาท Tsuruga, บ้านซามูไร Aizu Bukeyashiki, เนินเขา Iimoriyama (อ่านว่า อีโมริยะมะ)
โดยเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่โด่งดังที่สุดของเมือง Aizu wakamatsu ก็คือ เรื่องราวของซามูไรกลุ่มพยัคฆ์ขาว หรือ Byakkotai ซึ่งเป็นกลุ่มซามูไรวัยรุ่น อายุประมาณ 14 – 16 ปีเท่านั้น ในสมัย Boshin War กลุ่ม Byakkotai จำนวน 20 นาย ได้ตั้งมั่นอยู่ที่เนินเขา Iimoriyama ก่อนที่จะมองเห็นเปลวเพลิงที่บริเวณปราสาท Tsuruga ทำให้เข้าใจผิดว่าปราสาท Tsuruga กำลังจะถูกตีแตกพ่าย แต่ในความเป็นจริง ไฟไหม้บ้านเรือนรอบๆปราสาทเท่านั้น ทำให้กลุ่ม Byakkotai ทั้ง 20 นาย ได้ทำการคว้านท้องตัวเอง เพื่อรักษาเกียรติแห่งซามูไร ทำให้นักรบเสียชีวิตไป 19 นาย รอดชีวิต 1 คน โดยเรื่องราวนี้ได้ยินไปถึงหูของ Benito mussolini ผู้นำ Fascism ของ Italy แล้วเกิดประทับใจขึ้นมา ถึงมอบเสาทรงโรมันให้กับเมือง Aizu Wakamatsu
ปราสาท Tsuruga
บ้านซามูไร Aizu Bukeyashiki
หลุมศพของกลุ่ม Byakkotai ที่เนินเขา Iimoriyama
เสาทรงโรมันที่ Mussolini มอบให้เมือง Aizu Wakamatsu
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
เพื่อนๆสามารถดูข้อมูลเมือง Aizu Wakamatsu เพิ่มเติมได้ที่นี่
1 Day Trip เที่ยว Aizu Wakamatsu เมืองแห่งซามูไร ด้วยรถบัสรอบเมือง
สรุป
แล้วก็จบลงไปแล้วครับ สำหรับ 5 เมืองเก่า ญี่ปุ่น ที่เหมาะสำหรับเที่ยวแนวประวัติศาสตร์ โดย 5 เมืองที่ผมแนะนำมาก็จะมีประวัติศาสตร์แตกต่างกันไปคือ
- Hiroshima – สงครามโลกครั้งที่ 2
- Kagoshima – ยุคปฏิรูปเมจิ
- Hiraizumi – ทางด้านศาสนา
- Aomori – ยุคโจมง
- Aizu Wakamatsu – ความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยวของกลุ่ม Byakkotai
ซึ่งการเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์นั้นก็จะทำให้เพื่อนๆ ได้เข้าใจเหตุการณ์ครั้งสำคัญในอดีต ที่สามารถเปลี่ยนโฉมญี่ปุ่นมาถึงปัจจุบัน รวมถึงความเป็นอยู่ของคนในยุคเก่าๆ อีกด้วย