คูปองส่วนลดที่น่าสนใจ
5%
10%
17%
คุซัทสึออนเซ็น (Kusatsu Onsen) ตั้งอยู่บนภูเขาสูงประมาณ 1,200 เมตรในจังหวัดกุนมะ ห่างจากโตเกียวประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ เป็นเมืองน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงมากว่า 400 ปี จนได้ฉายาว่า “ออนเซ็นอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น” (Nihon San-Meisen) ควบคู่กับเกโระออนเซ็นและอาริมะออนเซ็น ซึ่งสิ่งที่ทำให้ คุซัทสึ โดดเด่นจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกคือ ปริมาณน้ำพุร้อนที่ไหลออกมาถึงวันละ 32,000 ตันต่อวัน นับเป็นปริมาณสูงสุดในญี่ปุ่น ทำให้น้ำออนเซ็นที่นี่เป็น 100% น้ำธรรมชาติ ไม่ต้องต่อน้ำหรือต้มซ้ำแต่อย่างใด กลิ่นกำมะถันจะติดจมูกตั้งแต่เดินเข้าเมือง บอกเลยว่านี่คือสัญญาณของออนเซ็นแท้ ๆ และบรรยากาศในเมือง ที่ยังคงความเป็นเมืองเก่าสมัยเอโดะ มีเรียวกังดั้งเดิม ร้านค้าย้อนยุค และย่านเดินเล่นที่น่ารัก เหมาะมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นแท้ ๆ พร้อมแช่น้ำร้อนรักษาร่างกายและจิตใจ
ข้อแรกที่ทำให้คุซัทสึแตกต่างคือ คุณภาพของน้ำออนเซ็นที่เป็นกรดสูง (pH ประมาณ 2.1) จัดว่าเป็นน้ำออนเซ็นที่เป็นกรดที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากออนเซ็นยอดนิยมอื่น ๆ เช่น ฮาโกเน่ หรือเกโระ ที่มีน้ำเป็นด่าง (Alkaline) ซึ่งมีผลต่อผิวพรรณแตกต่างกัน โดยชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า น้ำกรดของคุซัทสึช่วยฆ่าเชื้อโรค บำรุงผิวพรรณ บรรเทาอาการปวดเมื่อย และรักษาโรคผิวหนังได้หลายชนิด แต่ด้วยความเป็นกรดสูง จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือมีแผลอักเสบ
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ชาวญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวต่างชาติชอบคือ “พิธียูโมมิ” (Yumomi) ซึ่งเป็นประสบการณ์เดียวในญี่ปุ่นที่ห้ามพลาด เป็นการคนน้ำออนเซ็นที่มีอุณหภูมิสูงมาก ด้วยไม้พายขนาดใหญ่เพื่อลดอุณหภูมิให้พอแช่ได้ โดยไม่ต้องเติมน้ำเย็นที่จะทำให้คุณภาพน้ำลดลง พิธีนี้มีมานานหลายร้อยปี และปัจจุบันกลายเป็นการแสดงที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมหรือร่วมกิจกรรมได้ ถือเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และสนุกมาก นอกจากนี้ ยังมี “ยูบาทาเกะ” (Yubatake) ซึ่งแปลว่า “ทุ่งน้ำร้อน” เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง เป็นแหล่งกักเก็บน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นไอน้ำพวยพุ่งและได้ยินเสียงน้ำไหลไปตลอด ตอนกลางคืนจะมีไฟส่องสว่างสวยงาม กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของเมืองเลยทีเดียว
วิธีที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไทยมากที่สุดคือการเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen) แล้วต่อด้วยรถบัส เส้นทางหลักมีดังนี้
เส้นทาง 1: ผ่านคารุอิซาวะ (Karuizawa) – แนะนำเป็นอันดับ 1 เส้นทางนี้เป็นเส้นทางหลักที่ง่ายและเร็วที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยว
รวมเวลาเดินทางประมาณ 3-3.5 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายรวม ๆ อยู่ที่ประมาณ 6,000-7,000 เยน ต่อคน (หากใช้ JR Pass จะคุ้มค่ามาก)
เส้นทาง 2: ผ่านนากาโนะฮาระ-คุซัทสึกุจิ (Naganohara-Kusatsu-guchi) – แนะนำสำหรับผู้ใช้ JR Pass เส้นทางนี้รวดเร็วและสะดวกสบาย เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบต่อรถหลายครั้ง
รวมเวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายประมาณ 6,500-7,500 เยน (หากใช้ JR Pass ครอบคลุมรถไฟได้ทั้งหมด)
เส้นทาง 3: ผ่านนากาโนะ (Nagano)
เส้นทางนี้ใช้เวลาใกล้เคียงกับเส้นทางแรก แต่หากต้องการแวะเที่ยวนากาโนะด้วยก็น่าสนใจ
ข้อควรรู้:
สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางสะดวกและประหยัดเวลา รถบัสด่วนจากโตเกียวเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
รถบัส JR / บัสด่วนจากชินจูกุ
การจองรถบัสด่วนสามารถทำได้ผ่านเว็บไซต์ เช่น Willer Express หรือ Japan Bus Online ซึ่งมีภาษาอังกฤษและการชำระเงินสะดวก ควรจองล่วงหน้าโดยเฉพาะช่วงวันหยุดหรือฤดูหนาว เพราะที่นั่งจะเต็มเร็วมาก
ทัวร์วันเดียว (Day Tour) หากต้องการเดินทางแบบไม่ยุ่งยากและมีเวลาจำกัด มีบริษัททัวร์หลายแห่งที่เปิดโปรแกรมเที่ยวคุซัทสึออนเซ็นแบบไปเช้าเย็นกลับ โดยรวมค่ารถทัวร์ มัคคุเทศก์ และบางแพ็กเกจรวมตั๋วเข้าชมพิธียูโมมิด้วย ราคาอยู่ที่ประมาณ 8,000-12,000 เยน ต่อคน แต่เวลาในการเที่ยวจะจำกัดมาก เหมาะกับคนที่ไม่สามารถพักค้างคืนได้
การนอนพักในเรียวกังแบบดั้งเดิมถือเป็นหัวใจสำคัญของการมาคุซัทสึ โดยเฉพาะเรียวกังที่มีบ่อออนเซ็นส่วนตัว (Private Onsen) ซึ่งเหมาะสำหรับคู่รักหรือครอบครัวที่ต้องการความเป็นส่วนตัว นี่คือรายชื่อเรียวกังยอดนิยมที่น่าสนใจ:
ข้อควรทราบ:
เรียวกังดั้งเดิม (Traditional Ryokan) เป็นที่พักแบบญี่ปุ่นโบราณ ห้องพักปูที่นอนฟูก (Futon) บนพื้นทาทามิ มักมีบริการอาหารเย็นและเช้าแบบไคเซกิ (อาหารหลายจานตามแบบญี่ปุ่น) ราคามักอยู่ที่ 15,000-40,000 เยน/คน เหมาะกับผู้ที่ต้องการสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นแท้ ๆ
โรงแรมโมเดิร์น (Modern Hotel) มีห้องพักแบบตะวันตกพร้อมเตียงนอน สะดวกสบายกว่าและราคาอาจถูกกว่า อยู่ที่ประมาณ 10,000-20,000 เยน/คน เหมาะกับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการนอนพื้น
ที่พักราคาประหยัด (Budget Accommodation) มีทั้งโฮสเทลและเกสต์เฮ้าส์ ราคาเริ่มต้น 5,000-8,000 เยน/คน ห้องมักเล็กและไม่รวมอาหาร แต่เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่มีงบจำกัด
เคล็ดลับการจองที่พัก:
ยูบาทาเกะ (Yubatake) – สัญลักษณ์เมือง
ยูบาทาเกะคือสถานที่ที่ห้ามพลาดเป็นอันขาด หากมาถึงคุซัทสึออนเซ็น เป็นแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติขนาดยักษ์ที่อยู่ใจกลางเมือง น้ำร้อนไหลผ่านท่อไม้และบ่อหินจำนวนมาก ทำให้เห็นภาพไอน้ำพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกลิ่นกำมะถันโชยมาตลอดเวลา
ตัวยูบาทาเกะมีพื้นที่กว้างประมาณ 3,000 ตารางเมตร น้ำพุร้อนที่ไหลออกมามีอุณหภูมิสูงถึง 50-90 องศาเซลเซียส และปริมาณน้ำมากถึงนาทีละ 4,000 ลิตร น้ำที่ไหลออกมาจะถูกนำไปใช้ในออนเซ็นต่าง ๆ ทั่วเมือง รวมถึงใช้ทำอาหารและผลิตสินค้าท้องถิ่น
ช่วงเวลาที่แนะนำ:
บริเวณโดยรอบยูบาทาเกะมีร้านค้า คาเฟ่ และร้านอาหารมากมาย สามารถเดินชมและซื้อของฝากได้สบาย ๆ นอกจากนี้ยังมีน้ำพุเท้าฟรีให้แช่รอบ ๆ บริเวณ เหมาะสำหรับผู้ที่เหนื่อยจากการเดิน
พิธียูโมมิเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของคุซัทสึที่สืบทอดมากว่า 400 ปี และเป็นประสบการณ์เฉพาะที่มีเพียงที่นี่ที่เดียวในญี่ปุ่น เป็นการคนน้ำออนเซ็นที่มีอุณหภูมิสูงเกินไปด้วยไม้พายยาว 180 เซนติเมตร ในจังหวะเพลงพื้นบ้านญี่ปุ่น เพื่อลดอุณหภูมิให้พอดีสำหรับการแช่ โดยไม่ต้องเติมน้ำเย็นที่อาจลดคุณภาพของแร่ธาตุในน้ำออนเซ็น
สถานที่แสดงหลัก:
ในระหว่างการแสดง นักท่องเที่ยวสามารถร่วมลงมือคนน้ำด้วยตนเองได้ (โดยอาสาสมัคร) ซึ่งถือเป็นประสบการณ์สนุกและน่าจดจำมาก การคนน้ำแบบนี้ต้องใช้แรงและมีเทคนิค เพราะน้ำมีอุณหภูมิสูงมาก หากคนไม่เป็นจังหวะอาจโดนน้ำร้อนกระเด็นใส่ได้ และนอกจากชมพิธีแล้ว ยังมีของที่ระลึกและสินค้าท้องถิ่นจำหน่ายในบริเวณด้วย รวมถึงมีบ่อแช่เท้าให้ลองก่อนกลับ
คุซัทสึมีบ่อออนเซ็นสาธารณะ (Sotoyu) ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวใช้บริการฟรีหรือเสียค่าเข้าเพียงเล็กน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสออนเซ็นแบบง่าย ๆ แต่ได้บรรยากาศท้องถิ่นแท้ ๆ
บ่อแช่ฟรียอดนิยม:
บ่อแช่สาธารณะที่เสียค่าเข้า:
Otaki no Yu (大滝の湯) – ออนเซ็นสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพิเศษด้วยระบบ “Awase Yu (合わせ湯)” หรือการแช่ออนเซ็นแบบวนบ่อที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันตั้งแต่ 38°C ถึง 46°C ทำให้ร่างกายปรับตัวได้ค่อย ๆ และช่วยผ่อนคลายได้ดีกว่าการแช่บ่อเดียว มีทั้งบ่อในร่มและกลางแจ้ง ค่าเข้าประมาณ 900 เยน
บ่อสาธารณะเหล่านี้เป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่นท้องถิ่น ดังนั้นการเคารพมารยาทและวัฒนธรรมของพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญมาก
การแช่ออนเซ็นเป็นวัฒนธรรมที่มีมาอย่างยาวนานในญี่ปุ่น มีกฎมารยาทที่ควรเคารพดังนี้:
ก่อนลงบ่อ:
ขณะแช่ออนเซ็น:
หลังแช่ออนเซ็น:
ข้อห้ามสำคัญ:
เรื่องรอยสัก: เรียวกังและบ่อออนเซ็นหลายแห่งในญี่ปุ่นยังคงห้ามผู้ที่มีรอยสักเข้าใช้บริการ เนื่องจากวัฒนธรรมญี่ปุ่นเชื่อมโยงรอยสักกับแก๊งยากูซ่า อย่างไรก็ตาม ที่คุซัทสึมีบางแห่งเริ่มยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะในห้องพักที่มีบ่อส่วนตัว
คำแนะนำสำหรับผู้มีรอยสัก:
ข้อควรระวังด้านสุขภาพ:
หากรู้สึกเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หรือไม่สบายระหว่างแช่ ควรออกจากบ่อทันทีและพักผ่อน

แผนเที่ยว 1 วัน (จุดหลักในตัวเมือง)
สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาจำกัดและไม่ได้พักค้างคืน นี่คือแผนเที่ยวที่เหมาะสม:
09:00 – เดินทางถึงคุซัทสึออนเซ็น เดินทางจากโตเกียวด้วยรถไฟหรือรถบัสตั้งแต่เช้า หากออกจากโตเกียวตอนประมาณ 06:00 น. จะถึงคุซัทสึประมาณ 09:00-09:30 น.
09:30-10:30 – ชมยูบาทาเกะ (Yubatake) เริ่มต้นวันด้วยการเดินชมสัญลักษณ์เมือง ถ่ายรูปสวย ๆ และแช่น้ำพุเท้าฟรี บรรยากาศตอนเช้ายังไม่แออัด เหมาะกับการเดินเล่นและสัมผัสบรรยากาศเมือง
10:30-11:00 – ชมพิธียูโมมิ (Yumomi) ที่ Netsunoyu เข้าชมการแสดงพิธียูโมมิรอบ 10:30 น. (ควรซื้อตั๋วล่วงหน้าประมาณ 15 นาที) ชมวัฒนธรรมการคนน้ำแบบดั้งเดิมและลองร่วมกิจกรรมหากมีโอกาส
11:30-13:00 – อาหารกลางวัน ลองโซบะร้อน (Kama-age Soba) หรือขนมไข่ออนเซ็นที่ร้านอาหารรอบยูบาทาเกะ แนะนำร้าน Yubatake Gyoza หรือ Soba Dokoro Tsumugi
13:00-14:30 – แช่ออนเซ็นสาธารณะ ลองแช่บ่อสาธารณะฟรี เช่น Shirahata no Yu หรือจ่ายค่าเข้าที่ Senzogawara Open-Air Bath เพื่อแช่กลางธรรมชาติ อย่าลืมนำผ้าขนหนูไปด้วย
14:30-16:00 – เดินชมเมืองเก่าและซื้อของฝาก เดินเล่นในย่านเมืองเก่า ชมร้านค้าท้องถิ่น ซื้อของฝากอย่างสบู่ออนเซ็น ขนมมันจู หรือผลิตภัณฑ์จากน้ำพุร้อน แวะคาเฟ่ดื่มกาแฟหรือชาเขียว
16:00-17:00 – กลับชมยูบาทาเกะช่วงเย็น กลับมาชมยูบาทาเกะอีกครั้งในบรรยากาศเย็น ๆ ตอนใกล้อาทิตย์ตก แสงสีทองสวยมาก เหมาะถ่ายรูปก่อนเดินทางกลับ
17:30 – เดินทางกลับโตเกียว หากใช้รถบัสควรจองตั๋วกลับล่วงหน้า รถมักจะเต็มในช่วงเย็น
แผนเที่ยว 2 วัน (พักค้าง + เที่ยวรอบเมือง)
สำหรับผู้ที่มีเวลา 2 วันและต้องการสัมผัสคุซัทสึอย่างเต็มที่:
วันที่ 1: 12:00 – เดินทางถึงคุซัทสึ เช็คอินที่เรียวกัง (Check-in มักเริ่มตั้งแต่ 15:00 น. แต่สามารถฝากกระเป๋าได้ตั้งแต่เที่ยง)
13:00-14:00 – อาหารกลางวัน ทานอาหารท้องถิ่นในเมือง
14:00-15:30 – ชมยูบาทาเกะและ Netsunoyu เดินชมยูบาทาเกะและชมพิธียูโมมิ
15:30-17:00 – เดินชมเมืองและซื้อของ เดินเล่นในย่านเมืองเก่า เข้าร้านของฝากและคาเฟ่ต่าง ๆ
17:00-19:00 – พักผ่อนในเรียวกัง เช็คอินเข้าห้อง พักผ่อนและลองแช่ออนเซ็นส่วนตัวในห้อง (หากมี) หรือบ่อออนเซ็นของเรียวกัง
19:00-21:00 – อาหารเย็นไคเซกิ เพลิดเพลินกับอาหารเย็นแบบญี่ปุ่นหลายคอร์สที่เรียวกัง (มักรวมอยู่ในค่าห้อง)
21:00-22:30 – แช่ออนเซ็นกลางคืน กลับมาแช่ออนเซ็นอีกครั้งในบรรยากาศกลางคืน ชมดาวบนท้องฟ้าขณะแช่น้ำร้อน ช่วงเวลานี้บ่อมักจะโล่งกว่าเพราะคนน้อย
วันที่ 2: 07:00-08:00 – แช่ออนเซ็นตอนเช้า ตื่นเช้าแช่ออนเซ็นในบรรยากาศยามเช้า สดชื่นและผ่อนคลายสุด ๆ
08:00-09:00 – อาหารเช้าญี่ปุ่น อาหารเช้าแบบญี่ปุ่นที่เรียวกัง (ข้าวสวย น้ำซุป ปลาย่าง ผักดอง และเต้าหู้)
09:30-12:00 – เที่ยวรอบนอก เช็คเอาท์และเดินทางไป น้ำตกชิราเนะ (Shirane-no-taki) หรือ ภูเขา Kusatsu-Shirane ชมวิวธรรมชาติสวยงามและทะเลสาบกรดสีเขียวมรกต
⚠️ คำเตือนสำคัญ: ภูเขา Kusatsu-Shirane เป็นภูเขาไฟที่ยังมีพลังงาน บริเวณนี้เคยมีการปะทุในอดีต ดังนั้นเส้นทางขึ้นภูเขาและทะเลสาบอาจปิดเป็นบางช่วงเวลา โปรดตรวจสอบสถานะการเปิดของเส้นทางและภูเขาไฟก่อนเดินทางทุกครั้ง ผ่านเว็บไซต์ท่องเที่ยวคุซัทสึหรือสอบถามที่เรียวกัง
ทางเลือกอื่น (หากภูเขาปิด):
12:00-13:00 – อาหารกลางวัน ทานอาหารกลางวันก่อนเดินทางกลับ
13:30 – เดินทางกลับโตเกียว
แผนนี้จะทำให้ได้สัมผัสคุซัทสึอย่างเต็มที่ทั้งวัฒนธรรม ธรรมชาติ และการพักผ่อน

อาหารท้องถิ่นที่ห้ามพลาด
1. โซบะร้อน (Kama-age Soba) โซบะเส้นสดที่ต้มในหม้อและเสิร์ฟร้อน ๆ พร้อมน้ำจิ้มรสเข้มข้น เส้นหนึบ อร่อย กินคู่กับน้ำซุปร้อน ๆ เหมาะกับอากาศหนาว
2. ซอฟต์ครีมยูบาทาเกะ ขายรอบ ๆ บริเวณยูบาทาเกะ มีหลายรสชาติ แต่รสยอดนิยมคือรสชาเขียวและรสนมวานิลลา เนื้อครีมเนียนละมุนลิ้น กินแล้วรู้สึกสดชื่น
3. ขนมไข่ออนเซ็น (Onsen Tamago) ไข่ที่ต้มในน้ำพุร้อนธรรมชาติ ทำให้ได้เนื้อสัมผัสพิเศษ ไข่ขาวนิ่มลื่น ๆ ไข่แดงข้น ๆ มักกินกับซอสโชยุหรือเกลือเล็กน้อย อร่อยและมีประโยชน์
4. มันจู (Manju) ขนมญี่ปุ่นหุ้มไอศกรีมหรือไส้ถั่วแดง นิยมซื้อเป็นของฝาก ที่คุซัทสึมีหลายร้านขายมันจูรสชาติพิเศษ เช่น รสชาเขียว รสออนเซ็น ฯลฯ
5. โมจิของคุซัทสึ โมจิเหนียวนุ่ม มีไส้หวานหลากหลาย บางร้านทำสดใหม่ทุกวัน เหมาะซื้อกินระหว่างเดินชมเมือง
ร้านอาหารแนะนำ:
Cafe Freaks – คาเฟ่สบาย ๆ มีขนมและเครื่องดื่มหลากหลาย

1. สบู่ออนเซ็น (Onsen Soap) สบู่ที่ทำจากน้ำออนเซ็นของคุซัทสึ เชื่อกันว่าช่วยบำรุงผิว ลดสิว และทำความสะอาดผิวได้ดี ราคาประมาณ 500-800 เยน ต่อก้อน
2. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากออนเซ็น โลชั่น ครีม และมาส์กหน้าจากน้ำพุร้อน เหมาะซื้อฝากเพื่อน หรือใช้เอง
3. ผ้าขนหนูยูบาทาเกะ ผ้าขนหนูลายพิเศษของคุซัทสึ มีหลายแบบหลายสี นิยมซื้อเป็นของฝาก
4. มันจูกล่องใหญ่ ซื้อกลับไปแจกเพื่อน ๆ อร่อยและเก็บได้นาน
5. เกลือออนเซ็น (Onsen Bath Salt) เกลืออาบน้ำที่ทำจากแร่ธาตุในน้ำออนเซ็น นำกลับไปใส่อ่างอาบน้ำที่บ้าน จะได้บรรยากาศเหมือนแช่ออนเซ็น
6. ชาเขียวกุนมะ ชาเขียวคุณภาพดีจากจังหวัดกุนมะ บรรจุในถุงหรือกล่องสวยงาม
7. ของเล่นและพวงกุญแจยูบาทาเกะ ของที่ระลึกเล็ก ๆ น่ารัก เหมาะเป็นของฝากราคาประหยัด
8. โปสการ์ดและแสตมป์ที่ระลึก โปสการ์ดภาพคุซัทสึออนเซ็นสวย ๆ สามารถส่งถึงเพื่อนได้จากที่ทำการไปรษณีย์ในเมือง
9. ขนมญี่ปุ่นท้องถิ่น (Senbei, Okaki) ขนมข้าวญี่ปุ่นกรอบอร่อย เก็บได้นาน
10. น้ำพุร้อนขวด (Yumomi Bottle) ขวดน้ำพุร้อนจากคุซัทสึจริง ๆ บรรจุในขวดเล็กให้นำกลับบ้าน (ห้ามดื่ม ใช้ประโยชน์ทางผิวหนังเท่านั้น)
ร้านที่แนะนำ:

ฤดูหนาว – แช่ออนเซ็นกลางหิมะ
ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมไปคุซัทสึมากที่สุด เพราะได้สัมผัสประสบการณ์การแช่น้ำร้อนกลางหิมะที่หาได้ยาก อากาศหนาวเย็นประมาณ -5 ถึง 5 องศาเซลเซียส หิมะตกหนักในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์
ข้อดีของการมาช่วงฤดูหนาว:
ข้อควรระวัง:
ฤดูใบไม้ผลิ / ใบไม้เปลี่ยนสี – ธรรมชาติสวยที่สุด
ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน-พฤษภาคม) อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น ดอกซากุระบานช่วงปลายเมษายน-ต้นพฤษภาคม (ช้ากว่าโตเกียวเพราะอยู่บนภูเขา) ธรรมชาติเขียวชอุ่ม บรรยากาศสดชื่น นักท่องเที่ยวน้อยกว่าฤดูหนาว ราคาที่พักถูกกว่า
ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี (ตุลาคม-พฤศจิกายน) ใบไม้เปลี่ยนสีเหลืองและแดงสวยงามมาก โดยเฉพาะช่วงกลาง-ปลายตุลาคม ทัศนียภาพของภูเขาและป่าไม้รอบ ๆ เมืองงดงามสุด ๆ เหมาะกับการถ่ายภาพและเดินชมธรรมชาติ
กิจกรรมที่แนะนำช่วงฤดูกาลนี้:
ข้อดี:

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณสำหรับ 1–2 วัน
แผนเที่ยว 1 วัน (ไม่พักค้าง)
รวมประมาณ: 11,500-18,000 เยน/คน
แผนเที่ยว 2 วัน 1 คืน (พักเรียวกัง)
รวมประมาณ: 27,500-47,900 เยน/คน
หากเลือกที่พักระดับกลาง (ประมาณ 15,000-20,000 เยน) งบรวมจะอยู่ที่ประมาณ 30,000-35,000 เยน/คน ซึ่งถือว่าสมเหตุสมผลสำหรับการพักผ่อนและแช่ออนเซ็นคุณภาพดี

1. ใช้ JR Pass หากมีแผนเที่ยวหลายที่ในญี่ปุ่น ควรซื้อ JR Pass ที่ครอบคลุมรถไฟชินคันเซ็นและรถไฟท้องถิ่น จะคุ้มค่ามาก (JR Pass 7 วันราคาประมาณ 29,000 เยน)
2. จองในช่วง Weekday ค่าที่พักในวันธรรมดา (จันทร์-พฤหัสบดี) มักถูกกว่าวันหยุดสุดสัปดาห์ 20-30%
3. จองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ญี่ปุ่น เว็บไซต์ เช่น Rakuten Travel, Jalan, หรือ Booking.com มักมีโปรโมชั่นพิเศษ โดยเฉพาะช่วงโลว์ซีซั่น
4. เลือกที่พักแบบไม่รวมอาหาร หากต้องการประหยัด สามารถเลือกแพ็กเกจที่ไม่รวมอาหารเย็น แล้วไปทานอาหารในร้านท้องถิ่นซึ่งอาจถูกกว่า
5. ซื้อตั๋วรถบัสแพ็กเกจ รถบัสบางสายมีตั๋วไป-กลับราคาพิเศษ หรือแพ็กเกจที่รวมตั๋วเข้าชมกิจกรรมบางอย่างด้วย
6. แช่ออนเซ็นสาธารณะฟรี แทนที่จะจ่ายค่าเข้าบ่อออนเซ็นราคาแพง สามารถลองบ่อสาธารณะฟรีหรือเสียค่าเข้าเพียง 600 เยน
7. หลีกเลี่ยงช่วงไฮซีซั่น ช่วงธันวาคม-กุมภาพันธ์ ปีใหม่ และวันหยุดยาวของญี่ปุ่น ราคาจะสูงมาก หากสามารถเลื่อนไปช่วงอื่นได้จะประหยัดมาก
8. ซื้อของฝากจากซูเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่น สินค้าเดียวกันในซูเปอร์มาร์เก็ตมักถูกกว่าร้านของฝากท่องเที่ยว

คำถามยอดนิยมจากนักท่องเที่ยวไทย
1. มีบ่อออนเซ็นแยกชายหญิงไหม? ใช่ ออนเซ็นสาธารณะและออนเซ็นในเรียวกังส่วนใหญ่จะแยกบ่อชายและหญิงอย่างชัดเจน บางแห่งมีบ่อแช่ครอบครัว (Kazoku Buro) สำหรับครอบครัวหรือคู่รักที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ซึ่งต้องจองเป็นเวลาและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
2. ควรพกอะไรไปแช่น้ำ?
3. แช่ออนเซ็นนานเท่าไหร่ถึงเหมาะสม? ไม่ควรแช่เกิน 15 นาทีต่อครั้ง เพราะน้ำร้อนมากและเป็นกรดสูง อาจทำให้เวียนศีรษะได้ ควรออกจากบ่อพักผ่อนและดื่มน้ำ จากนั้นค่อยกลับมาแช่อีกครั้งได้
4. มีรอยสักไปได้ไหม? บ่อสาธารณะหลายแห่งยังห้ามผู้มีรอยสัก แต่หากจองเรียวกังที่มีบ่อส่วนตัวในห้องจะสามารถแช่ได้อย่างสบายใจ ควรสอบถามนโยบายก่อนจองทุกครั้ง
5. ไปช่วงไหนดีที่สุด? ขึ้นอยู่กับความชอบ หากชอบหิมะและบรรยากาศโรแมนติก ควรไปช่วงธันวาคม-กุมภาพันธ์ หากชอบธรรมชาติและอากาศเย็นสบาย ควรไปช่วงเมษายน-พฤษภาคม หรือตุลาคม-พฤศจิกายน
6. ต้องจองที่พักล่วงหน้ากี่เดือน? ช่วงไฮซีซั่น (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) ควรจองล่วงหน้า 2-3 เดือน ช่วงอื่น ๆ จองล่วงหน้า 1 เดือนก็เพียงพอ
7. มีตู้ล็อกเกอร์เก็บของไหม? สถานีรถไฟและบริเวณยูบาทาเกะมีตู้ล็อกเกอร์ให้บริการ ส่วนในเรียวกังจะมีตู้นิรภัยในห้องพัก
8. ภาษาอังกฤษใช้ได้ไหม? เรียวกังและร้านอาหารยอดนิยมส่วนใหญ่มีเมนูภาษาอังกฤษและพนักงานพูดภาษาอังกฤษพอสื่อสารได้ แต่ชาวบ้านท้องถิ่นอาจไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ การมีแอปแปลภาษาในมือถือจะช่วยได้มาก
9. เด็กเล็กไปได้ไหม? ได้ แต่ควรระมัดระวังเรื่องอุณหภูมิน้ำที่ร้อนมาก เด็กควรแช่ไม่เกิน 5-10 นาที และควรมีผู้ใหญ่ดูแลอย่างใกล้ชิด
10. มีร้านสะดวกซื้อหรือซูเปอร์มาร์เก็ตไหม? มีร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven และร้านค้าท้องถิ่นในเมือง สามารถซื้อของจำเป็นได้ แต่ไม่มีซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่
คุซัทสึออนเซ็นเป็นสถานที่ที่ควรไปสัมผัสสักครั้งในชีวิตสำหรับผู้ที่รักการพักผ่อนและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ไม่ว่าจะไปช่วงฤดูไหน ความสวยงามของธรรมชาติและคุณภาพของน้ำออนเซ็นจะทำให้ทริปนี้น่าจดจำอย่างแน่นอน

Blogger : Mmtb
หนุ่มใต้ เคราดก หลงรักตัวอักษรไทย กับจักรยาน เมาท์เท่น ไบค์ วินเทจ
77 Posts

ไป โตเกียวพักย่านไหนดี แนะนำ 15 ย่าน เลือกพักตามสไตล์ที่ใช่
ตอบคำถามให้หายสงสัย ไปโตเกียว พักย่านไหนดี ! แนะนำ 15 ย่านในโตเกียวที่คู่ควรแก...

เที่ยวญี่ปุ่น 2022 เปิดเงื่อนไข วิธีการขอวีซ่า ไกด์ไลน์เที่ยวจัดเต็ม
เปิดข้อมูลการ เที่ยวญี่ปุ่น 2022 / 2565 เปิดทุกเกณฑ์การท่องเที่ยวแบบจัดเต็ม กา...

เที่ยวญี่ปุ่น เมืองไหนดี แนะนำ 10 เมืองเด็ด ความน่าสนใจ ที่ต้องไปเยือน
เที่ยวญี่ปุ่น เมืองไหนดี แนะนำ 10 เมืองเด็ดน่าเที่ยว ที่มีความโดดเด่นน่าสนใจ ท...

พยากรณ์ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสี ประจำปี 2025
อัพเดทพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่น มาให้ดูกันล่วงนี้ เอาไว้จองตั๋วมาเที่ยวญ...

รีวิว “Eslead Hotel Osaka Shinsaibashi” ที่พักสไตล์เหมือนพักที่บ้านใกล้แหล่งท่องเที่ยวใจกลางโอซาก้า
สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างสำหรับคนที่วางแผนจะมาเที่ยวญี่ปุ่นก็คือที่พัก ครั้งนี้เร...
Police
110
Ambulance
119
AMDA International Medical Information Center
03-6233-9266
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว
090-4435-7812
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า
090-1895-0987
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ
090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515