คุซัทสึออนเซ็น : คู่มือเที่ยวเมืองน้ำพุร้อนอันดับ 1 ของญี่ปุ่น พร้อมวิธีไป ที่พัก และกิจกรรมห้ามพลาด

07/10/2021 (อัพเดทเมื่อ 27/10/2025)
หากพูดถึงออนเซ็นระดับตำนาน คุซัทสึออนเซ็น (Kusatsu Onsen) คงหนีไม่พ้นที่จะติดอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น ด้วยปริมาณน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มากที่สุดในประเทศ บรรยากาศย้อนยุคที่ยังคงเสน่ห์ของเมืองเก่า และน้ำออนเซ็นคุณภาพสูงที่ญี่ปุ่นยกย่องว่าช่วยรักษาโรคได้หลายชนิด ไม่ว่าจะมาเที่ยวฤดูไหน คุซัทสึก็พร้อมมอบประสบการณ์การแช่น้ำร้อนที่น่าประทับใจและผ่อนคลายสุด ๆ
Contents Index
  1. 1 คุซัทสึออนเซ็น คืออะไร? ภาพรวมของเมืองออนเซ็นชื่อดัง ในจังหวัดกุนมะ
  2. 2 จุดเด่นของคุซัทสึ ที่แตกต่างจากออนเซ็นอื่น
  3. 3 การเดินทางสู่คุซัทสึออนเซ็น
    1. 3.1 รถบัสด่วนและทัวร์วันเดียว
  4. 4 ที่พักและเรียวกังในคุซัทสึ เรียวกังพร้อมออนเซ็นส่วนตัว (แนะนำ 10 แห่ง)
    1. 4.1 ประเภทของที่พักและวิธีเลือกให้เหมาะกับงบ
  5. 5 แหล่งออนเซ็นและสถานที่สำคัญ
    1. 5.1 พิธียูโมมิ (Yumomi) – ประสบการณ์เดียวในญี่ปุ่นที่ห้ามพลาด
    2. 5.2 เขตอาบน้ำสาธารณะและบ่อแช่ฟรี
  6. 6 มารยาทสำคัญสำหรับบ่อสาธารณะ
    1. 6.1 สิ่งที่ควรรู้ก่อนแช่ออนเซ็น, กฎมารยาทพื้นฐาน
    2. 6.2 ข้อควรระวังสำหรับผู้มีรอยสักและสุขภาพ
  7. 7 กิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวรอบเมือง
  8. 8 อาหารและของฝากขึ้นชื่อ
    1. 8.1 ของฝากแนะนำ
  9. 9 ฤดูกาลและช่วงเวลาที่เหมาะสม
  10. 10 งบประมาณและการวางแผนเที่ยว
    1. 10.1 เคล็ดลับประหยัดงบ และการจองล่วงหน้า
  11. 11 คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
  12. 12 สรุป

คุซัทสึออนเซ็น คืออะไร? ภาพรวมของเมืองออนเซ็นชื่อดัง ในจังหวัดกุนมะ

คุซัทสึออนเซ็น (Kusatsu Onsen) ตั้งอยู่บนภูเขาสูงประมาณ 1,200 เมตรในจังหวัดกุนมะ ห่างจากโตเกียวประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ เป็นเมืองน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงมากว่า 400 ปี จนได้ฉายาว่า “ออนเซ็นอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น” (Nihon San-Meisen) ควบคู่กับเกโระออนเซ็นและอาริมะออนเซ็น ซึ่งสิ่งที่ทำให้ คุซัทสึ โดดเด่นจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกคือ ปริมาณน้ำพุร้อนที่ไหลออกมาถึงวันละ 32,000 ตันต่อวัน นับเป็นปริมาณสูงสุดในญี่ปุ่น ทำให้น้ำออนเซ็นที่นี่เป็น 100% น้ำธรรมชาติ ไม่ต้องต่อน้ำหรือต้มซ้ำแต่อย่างใด กลิ่นกำมะถันจะติดจมูกตั้งแต่เดินเข้าเมือง บอกเลยว่านี่คือสัญญาณของออนเซ็นแท้ ๆ และบรรยากาศในเมือง ที่ยังคงความเป็นเมืองเก่าสมัยเอโดะ มีเรียวกังดั้งเดิม ร้านค้าย้อนยุค และย่านเดินเล่นที่น่ารัก เหมาะมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นแท้ ๆ พร้อมแช่น้ำร้อนรักษาร่างกายและจิตใจ

จุดเด่นของคุซัทสึ ที่แตกต่างจากออนเซ็นอื่น

ข้อแรกที่ทำให้คุซัทสึแตกต่างคือ คุณภาพของน้ำออนเซ็นที่เป็นกรดสูง (pH ประมาณ 2.1) จัดว่าเป็นน้ำออนเซ็นที่เป็นกรดที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากออนเซ็นยอดนิยมอื่น ๆ เช่น ฮาโกเน่ หรือเกโระ ที่มีน้ำเป็นด่าง (Alkaline) ซึ่งมีผลต่อผิวพรรณแตกต่างกัน โดยชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า น้ำกรดของคุซัทสึช่วยฆ่าเชื้อโรค บำรุงผิวพรรณ บรรเทาอาการปวดเมื่อย และรักษาโรคผิวหนังได้หลายชนิด แต่ด้วยความเป็นกรดสูง จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือมีแผลอักเสบ

อีกหนึ่งจุดเด่นที่ชาวญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวต่างชาติชอบคือ “พิธียูโมมิ” (Yumomi) ซึ่งเป็นประสบการณ์เดียวในญี่ปุ่นที่ห้ามพลาด เป็นการคนน้ำออนเซ็นที่มีอุณหภูมิสูงมาก ด้วยไม้พายขนาดใหญ่เพื่อลดอุณหภูมิให้พอแช่ได้ โดยไม่ต้องเติมน้ำเย็นที่จะทำให้คุณภาพน้ำลดลง พิธีนี้มีมานานหลายร้อยปี และปัจจุบันกลายเป็นการแสดงที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมหรือร่วมกิจกรรมได้ ถือเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และสนุกมาก นอกจากนี้ ยังมี “ยูบาทาเกะ” (Yubatake) ซึ่งแปลว่า “ทุ่งน้ำร้อน” เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง เป็นแหล่งกักเก็บน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นไอน้ำพวยพุ่งและได้ยินเสียงน้ำไหลไปตลอด ตอนกลางคืนจะมีไฟส่องสว่างสวยงาม กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของเมืองเลยทีเดียว

การเดินทางสู่คุซัทสึออนเซ็น

วิธีที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไทยมากที่สุดคือการเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen) แล้วต่อด้วยรถบัส เส้นทางหลักมีดังนี้

เส้นทาง 1: ผ่านคารุอิซาวะ (Karuizawa) – แนะนำเป็นอันดับ 1 เส้นทางนี้เป็นเส้นทางหลักที่ง่ายและเร็วที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยว

  1. จากสถานีโตเกียว หรือ อุเอโนะ (Ueno) ขึ้นรถไฟชินคันเซ็นสาย Hokuriku ลงที่สถานีคารุอิซาวะ (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที)
  2. จากสถานีคารุอิซาวะ ต่อรถบัส JR ไปยังคุซัทสึออนเซ็น (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20-45 นาที ขึ้นอยู่กับการจราจรและสภาพอากาศ)

รวมเวลาเดินทางประมาณ 3-3.5 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายรวม ๆ อยู่ที่ประมาณ 6,000-7,000 เยน ต่อคน (หากใช้ JR Pass จะคุ้มค่ามาก)

เส้นทาง 2: ผ่านนากาโนะฮาระ-คุซัทสึกุจิ (Naganohara-Kusatsu-guchi) – แนะนำสำหรับผู้ใช้ JR Pass เส้นทางนี้รวดเร็วและสะดวกสบาย เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบต่อรถหลายครั้ง

  1. จากสถานีอุเอโนะ (Ueno) หรือชินจูกุ (Shinjuku) ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษ Limited Express “Kusatsu” หรือ “Akagi” ลงที่สถานี Naganohara-Kusatsu-guchi (ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที)
  2. ต่อรถบัส JR ไปยังคุซัทสึออนเซ็น (ใช้เวลาประมาณ 25-30 นาที)

รวมเวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายประมาณ 6,500-7,500 เยน (หากใช้ JR Pass ครอบคลุมรถไฟได้ทั้งหมด)

เส้นทาง 3: ผ่านนากาโนะ (Nagano)

  1. จากสถานีโตเกียวขึ้นชินคันเซ็นสาย Hokuriku ลงที่สถานีนากาโนะ (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที)
  2. ต่อรถบัสท้องถิ่นไปคุซัทสึ (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที)

เส้นทางนี้ใช้เวลาใกล้เคียงกับเส้นทางแรก แต่หากต้องการแวะเที่ยวนากาโนะด้วยก็น่าสนใจ

ข้อควรรู้:

  • หากซื้อ JR Pass จะครอบคลุมรถไฟชินคันเซ็นและรถไฟด่วนพิเศษได้ แต่ค่ารถบัสต้องจ่ายแยก
  • ตารางรถบัสจากคารุอิซาวะและนากาโนะไม่บ่อยมาก ควรเช็คเวลาก่อนไปเพื่อวางแผนการเดินทาง
  • ฤดูหนาวอาจมีหิมะตก ควรเตรียมเวลาสำรองกรณีรถล่าช้า

รถบัสด่วนและทัวร์วันเดียว

สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางสะดวกและประหยัดเวลา รถบัสด่วนจากโตเกียวเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

รถบัส JR / บัสด่วนจากชินจูกุ

  • ออกจากสถานีบัสชินจูกุ (Shinjuku) ไปตรงถึงคุซัทสึออนเซ็น
  • ใช้เวลาประมาณ 4-4.5 ชั่วโมง
  • ค่าโดยสารอยู่ที่ประมาณ 3,500-4,500 เยน ต่อคนต่อทาง (ราคาจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล)
  • ข้อดีคือไม่ต้องต่อรถ นั่งสบาย มีที่เก็บกระเป๋า และถูกกว่ารถไฟ

การจองรถบัสด่วนสามารถทำได้ผ่านเว็บไซต์ เช่น Willer Express หรือ Japan Bus Online ซึ่งมีภาษาอังกฤษและการชำระเงินสะดวก ควรจองล่วงหน้าโดยเฉพาะช่วงวันหยุดหรือฤดูหนาว เพราะที่นั่งจะเต็มเร็วมาก

ทัวร์วันเดียว (Day Tour) หากต้องการเดินทางแบบไม่ยุ่งยากและมีเวลาจำกัด มีบริษัททัวร์หลายแห่งที่เปิดโปรแกรมเที่ยวคุซัทสึออนเซ็นแบบไปเช้าเย็นกลับ โดยรวมค่ารถทัวร์ มัคคุเทศก์ และบางแพ็กเกจรวมตั๋วเข้าชมพิธียูโมมิด้วย ราคาอยู่ที่ประมาณ 8,000-12,000 เยน ต่อคน แต่เวลาในการเที่ยวจะจำกัดมาก เหมาะกับคนที่ไม่สามารถพักค้างคืนได้

ที่พักและเรียวกังในคุซัทสึ เรียวกังพร้อมออนเซ็นส่วนตัว (แนะนำ 10 แห่ง)

การนอนพักในเรียวกังแบบดั้งเดิมถือเป็นหัวใจสำคัญของการมาคุซัทสึ โดยเฉพาะเรียวกังที่มีบ่อออนเซ็นส่วนตัว (Private Onsen) ซึ่งเหมาะสำหรับคู่รักหรือครอบครัวที่ต้องการความเป็นส่วนตัว นี่คือรายชื่อเรียวกังยอดนิยมที่น่าสนใจ:

  1. Kusatsu Onsen Hotel Resort – เรียวกังโมเดิร์นพร้อมห้องออนเซ็นส่วนตัววิวภูเขา จุดเด่นคือทำเลใกล้ยูบาทาเกะและห้องพักสไตล์ทันสมัย ราคาเริ่มต้นประมาณ 20,000 เยน/คน
  2. Boun – เรียวกังบูทีคขนาดเล็กสไตล์ญี่ปุ่นผสมผสานความทันสมัย จุดเด่นคืออาหารเย็นแบบไคเซกิที่เลิศรสและบริการเป็นกันเองแบบครอบครัว ราคาประมาณ 25,000 เยน/คน
  3. Kusatsu Onsen Daikokuya – เรียวกังดั้งเดิมที่ได้รับความนิยมจากชาวญี่ปุ่น จุดเด่นคือบรรยากาศแบบดั้งเดิมและออนเซ็นคุณภาพสูง มีบ่อออนเซ็นในห้องพักบางห้อง ราคาประมาณ 18,000-22,000 เยน/คน
  4. Hotel Ichii – โรงแรมขนาดใหญ่ที่มีห้องพักแบบญี่ปุ่นและแบบตะวันตก จุดเด่นคือความหลากหลายของห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมบ่อออนเซ็นส่วนตัวในห้องพักระดับพรีเมียม ราคาประมาณ 15,000-30,000 เยน/คน
  5. Naraya – เรียวกังหรูระดับ 5 ดาวที่มีประวัติยาวนานกว่า 130 ปี จุดเด่นคือบริการระดับพรีเมียมและความหรูหรา เหมาะสำหรับโอกาสพิเศษ ราคาเริ่มต้น 35,000 เยน/คน
  6. Kusatsu Onsen Hotel Kojokan – เรียวกังที่มีวิวยูบาทาเกะสวยมากจากห้องพัก จุดเด่นคือทำเลที่ตั้งยอดเยี่ยมและวิวสวยงาม เหมาะกับการถ่ายรูป ราคาประมาณ 18,000-24,000 เยน/คน
  7. Yubatake Sou – เรียวกังใจกลางเมือง เดินไปยูบาทาเกะได้ใน 1 นาที จุดเด่นคือทำเลสะดวกที่สุดและบรรยากาศญี่ปุ่นแท้ ราคาประมาณ 16,000-20,000 เยน/คน
  8. Hotel Sakurai – โรงแรมขนาดกลางบรรยากาศอบอุ่น จุดเด่นคือบ่อออนเซ็นกลางแจ้งที่สวยงามและบริการเป็นกันเอง ราคาประมาณ 14,000-18,000 เยน/คน
  9. Kusatsu Now Resort Hotel – เหมาะกับครอบครัว จุดเด่นคือมีห้องพักขนาดใหญ่และกิจกรรมสำหรับเด็ก ราคาประมาณ 12,000-16,000 เยน/คน
  10. Tsuriya Ryokan – เรียวกังขนาดเล็กแบบครอบครัว จุดเด่นคือบริการอบอุ่นและเป็นกันเอง ราคาประหยัด ราคาประมาณ 10,000-14,000 เยน/คน

ข้อควรทราบ:

  • ราคาที่แสดงเป็นราคาต่อคนโดยประมาณ ณ เดือนตุลาคม 2025 มักรวมอาหารเย็นและอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นแล้ว ราคาอาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลและวันในสัปดาห์
  • ควรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 เดือน โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวและวันหยุดยาวของญี่ปุ่น
  • บางเรียวกังอาจไม่รับแขกที่มีรอยสักขนาดใหญ่ ควรสอบถามก่อนจอง

ประเภทของที่พักและวิธีเลือกให้เหมาะกับงบ

เรียวกังดั้งเดิม (Traditional Ryokan) เป็นที่พักแบบญี่ปุ่นโบราณ ห้องพักปูที่นอนฟูก (Futon) บนพื้นทาทามิ มักมีบริการอาหารเย็นและเช้าแบบไคเซกิ (อาหารหลายจานตามแบบญี่ปุ่น) ราคามักอยู่ที่ 15,000-40,000 เยน/คน เหมาะกับผู้ที่ต้องการสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นแท้ ๆ

โรงแรมโมเดิร์น (Modern Hotel) มีห้องพักแบบตะวันตกพร้อมเตียงนอน สะดวกสบายกว่าและราคาอาจถูกกว่า อยู่ที่ประมาณ 10,000-20,000 เยน/คน เหมาะกับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการนอนพื้น

ที่พักราคาประหยัด (Budget Accommodation) มีทั้งโฮสเทลและเกสต์เฮ้าส์ ราคาเริ่มต้น 5,000-8,000 เยน/คน ห้องมักเล็กและไม่รวมอาหาร แต่เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่มีงบจำกัด

เคล็ดลับการจองที่พัก:

  • จองในช่วงโลว์ซีซั่น (เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน และกันยายน-ตุลาคม) จะได้ราคาถูกกว่า
  • จองผ่านเว็บไซต์ญี่ปุ่น เช่น Rakuten Travel หรือ Jalan มักมีโปรโมชั่นดีกว่าเว็บต่างประเทศ
  • หากเดินทางเป็นกลุ่ม การเลือกห้องใหญ่ที่พักได้หลายคนจะคุ้มค่ากว่า

แหล่งออนเซ็นและสถานที่สำคัญ

ยูบาทาเกะ (Yubatake) – สัญลักษณ์เมือง

ยูบาทาเกะคือสถานที่ที่ห้ามพลาดเป็นอันขาด หากมาถึงคุซัทสึออนเซ็น เป็นแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติขนาดยักษ์ที่อยู่ใจกลางเมือง น้ำร้อนไหลผ่านท่อไม้และบ่อหินจำนวนมาก ทำให้เห็นภาพไอน้ำพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกลิ่นกำมะถันโชยมาตลอดเวลา

ตัวยูบาทาเกะมีพื้นที่กว้างประมาณ 3,000 ตารางเมตร น้ำพุร้อนที่ไหลออกมามีอุณหภูมิสูงถึง 50-90 องศาเซลเซียส และปริมาณน้ำมากถึงนาทีละ 4,000 ลิตร น้ำที่ไหลออกมาจะถูกนำไปใช้ในออนเซ็นต่าง ๆ ทั่วเมือง รวมถึงใช้ทำอาหารและผลิตสินค้าท้องถิ่น

ช่วงเวลาที่แนะนำ:

  • กลางวันสามารถเห็นความงดงามของธรรมชาติและไอน้ำที่พวยพุ่งชัดเจน
  • กลางคืนจะมีไฟประดับส่องสว่าง บรรยากาศโรแมนติกมาก เหมาะกับการถ่ายรูปสวย ๆ
  • หากมาช่วงฤดูหนาว จะได้เห็นภาพไอน้ำร้อนกับหิมะขาวโพลนตัดกันสวยงามมาก

บริเวณโดยรอบยูบาทาเกะมีร้านค้า คาเฟ่ และร้านอาหารมากมาย สามารถเดินชมและซื้อของฝากได้สบาย ๆ นอกจากนี้ยังมีน้ำพุเท้าฟรีให้แช่รอบ ๆ บริเวณ เหมาะสำหรับผู้ที่เหนื่อยจากการเดิน

พิธียูโมมิ (Yumomi) – ประสบการณ์เดียวในญี่ปุ่นที่ห้ามพลาด

พิธียูโมมิเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของคุซัทสึที่สืบทอดมากว่า 400 ปี และเป็นประสบการณ์เฉพาะที่มีเพียงที่นี่ที่เดียวในญี่ปุ่น เป็นการคนน้ำออนเซ็นที่มีอุณหภูมิสูงเกินไปด้วยไม้พายยาว 180 เซนติเมตร ในจังหวะเพลงพื้นบ้านญี่ปุ่น เพื่อลดอุณหภูมิให้พอดีสำหรับการแช่ โดยไม่ต้องเติมน้ำเย็นที่อาจลดคุณภาพของแร่ธาตุในน้ำออนเซ็น

สถานที่แสดงหลัก:

  • Netsunoyu (熱の湯) – เป็นสถานที่แสดงหลักที่ได้รับความนิยม มีการแสดงพิธียูโมมิทุกวัน
  • เวลาแสดง: 09:30, 10:00, 10:30, 15:30, 16:00, 16:30 (อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล)
  • ค่าเข้าชม: ประมาณ 700-1,000 เยน/คน (ราคาอาจเปลี่ยนแปลง ควรเช็คราคาหน้างานหรือเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ)
  • การแสดงใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที

ในระหว่างการแสดง นักท่องเที่ยวสามารถร่วมลงมือคนน้ำด้วยตนเองได้ (โดยอาสาสมัคร) ซึ่งถือเป็นประสบการณ์สนุกและน่าจดจำมาก การคนน้ำแบบนี้ต้องใช้แรงและมีเทคนิค เพราะน้ำมีอุณหภูมิสูงมาก หากคนไม่เป็นจังหวะอาจโดนน้ำร้อนกระเด็นใส่ได้ และนอกจากชมพิธีแล้ว ยังมีของที่ระลึกและสินค้าท้องถิ่นจำหน่ายในบริเวณด้วย รวมถึงมีบ่อแช่เท้าให้ลองก่อนกลับ

เขตอาบน้ำสาธารณะและบ่อแช่ฟรี

คุซัทสึมีบ่อออนเซ็นสาธารณะ (Sotoyu) ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวใช้บริการฟรีหรือเสียค่าเข้าเพียงเล็กน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสออนเซ็นแบบง่าย ๆ แต่ได้บรรยากาศท้องถิ่นแท้ ๆ

บ่อแช่ฟรียอดนิยม:

  1. Shirahata no Yu (白旗の湯) – บ่อออนเซ็นสาธารณะที่มีชื่อเสียงที่สุด ตั้งอยู่ใกล้ยูบาทาเกะ น้ำมีอุณหภูมิค่อนข้างร้อน (45-50 องศา) มีทั้งบ่อชายและหญิงแยกกัน เปิดให้บริการฟรีตั้งแต่ 05:00-23:00 น.
  2. Chinoyu (地の湯) – บ่อแช่เล็ก ๆ บรรยากาศท้องถิ่น น้ำมีอุณหภูมิพอดี เปิดให้บริการตั้งแต่ 09:00-21:00 น. (ปิดวันพฤหัสบดี)

บ่อแช่สาธารณะที่เสียค่าเข้า:

  1. Sainokawara Rotenburo (西の河原露天風呂) – บ่อออนเซ็นกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่สุดในคุซัทสึ ตั้งอยู่ใน Sainokawara Park ท่ามกลางธรรมชาติและธารน้ำพุร้อนที่ไหลผ่าน วิวภูเขาสวยงามมาก ขนาดบ่อกว้างใหญ่ จุคนได้มาก บรรยากาศโล่งโปร่งและผ่อนคลาย ค่าเข้า 600 เยน แม้ไม่แช่น้ำ แค่เดินเล่นในสวนก็มีทัศนียภาพสวยงามแล้ว

Otaki no Yu (大滝の湯) – ออนเซ็นสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพิเศษด้วยระบบ “Awase Yu (合わせ湯)” หรือการแช่ออนเซ็นแบบวนบ่อที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันตั้งแต่ 38°C ถึง 46°C ทำให้ร่างกายปรับตัวได้ค่อย ๆ และช่วยผ่อนคลายได้ดีกว่าการแช่บ่อเดียว มีทั้งบ่อในร่มและกลางแจ้ง ค่าเข้าประมาณ 900 เยน

มารยาทสำคัญสำหรับบ่อสาธารณะ

  • ต้องล้างตัวให้สะอาดก่อนลงบ่อเสมอ
  • ห้ามนำผ้าขนหนูลงในน้ำ (วางไว้ข้าง ๆ หรือพับวางบนศีรษะ)
  • ห้ามถ่ายรูปภายในบริเวณอาบน้ำโดยเด็ดขาด
  • อย่าแช่นานเกิน 10-15 นาทีต่อครั้ง เพราะน้ำร้อนมากและเป็นกรดสูง
  • พยายามพูดคุยเบา ๆ เพื่อรักษาบรรยากาศสงบ

บ่อสาธารณะเหล่านี้เป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่นท้องถิ่น ดังนั้นการเคารพมารยาทและวัฒนธรรมของพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญมาก

สิ่งที่ควรรู้ก่อนแช่ออนเซ็น, กฎมารยาทพื้นฐาน

การแช่ออนเซ็นเป็นวัฒนธรรมที่มีมาอย่างยาวนานในญี่ปุ่น มีกฎมารยาทที่ควรเคารพดังนี้:

ก่อนลงบ่อ:

  • ต้องอาบน้ำและขัดตัวให้สะอาดก่อนทุกครั้ง มีสบู่และแชมพูให้บริการในห้องอาบน้ำ
  • ถอดเสื้อผ้าทั้งหมด ห้ามใส่ชุดว่ายน้ำหรือผ้าเช็ดตัวลงในบ่อ
  • ชำระร่างกายให้เรียบร้อยก่อนจะก้าวเท้าลงน้ำ

ขณะแช่ออนเซ็น:

  • เข้าบ่อด้วยความระมัดระวัง อย่าสาดน้ำหรือกระโดดลงไปในบ่อ
  • ไม่ควรว่ายน้ำหรือเล่นน้ำในบ่อออนเซ็น เพราะเป็นสถานที่พักผ่อน
  • ห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด แม้จะเป็นมือถือหรือกล้องกันน้ำ
  • หากต้องการเช็ดเหงื่อหรือน้ำ สามารถวางผ้าขนหนูเล็กบนศีรษะได้ แต่ห้ามแช่ลงในน้ำ
  • พูดคุยเสียงเบา ๆ เพื่อไม่รบกวนผู้อื่น

หลังแช่ออนเซ็น:

  • เช็ดตัวให้แห้งคร่าว ๆ ก่อนออกจากห้องอาบน้ำเพื่อไม่ให้น้ำหยดลงพื้นบริเวณแต่งตัว
  • ดื่มน้ำหรือนมเย็นเพื่อเติมน้ำในร่างกาย เพราะการแช่น้ำร้อนทำให้เหงื่อออกมาก

ข้อห้ามสำคัญ:

  • ห้ามแช่ออนเซ็นหากมีบาดแผลเปิดหรือแผลผ่าตัด
  • ห้ามนำอาหารหรือเครื่องดื่มลงในบ่อ
  • ห้ามซักผ้าหรือล้างของในบ่อออนเซ็น

ข้อควรระวังสำหรับผู้มีรอยสักและสุขภาพ

เรื่องรอยสัก: เรียวกังและบ่อออนเซ็นหลายแห่งในญี่ปุ่นยังคงห้ามผู้ที่มีรอยสักเข้าใช้บริการ เนื่องจากวัฒนธรรมญี่ปุ่นเชื่อมโยงรอยสักกับแก๊งยากูซ่า อย่างไรก็ตาม ที่คุซัทสึมีบางแห่งเริ่มยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเฉพาะในห้องพักที่มีบ่อส่วนตัว

คำแนะนำสำหรับผู้มีรอยสัก:

  • จองที่พักที่มีบ่อออนเซ็นส่วนตัวในห้อง (Private Onsen) จะสามารถแช่ได้อย่างสบายใจ
  • สอบถามนโยบายเรื่องรอยสักก่อนจองที่พักทุกครั้ง
  • หากรอยสักมีขนาดเล็ก อาจปิดด้วยแผ่นกันน้ำได้ในบางสถานที่
  • บ่อสาธารณะบางแห่งเริ่มยอมรับรอยสักมากขึ้น ควรสอบถามเจ้าหน้าที่ก่อน

ข้อควรระวังด้านสุขภาพ:

  • น้ำออนเซ็นที่คุซัทสึเป็นกรดสูง (pH ประมาณ 2.1) ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือผิวบอบบาง
  • หากมีแผลเปิดหรือผิวหนังอักเสบ ไม่ควรแช่ออนเซ็น
  • สตรีมีครรภ์หรือมีประจำเดือนควรหลีกเลี่ยงการแช่ออนเซ็นสาธารณะ
  • ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือเป็นเบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนแช่
  • ไม่ควรแช่นานเกิน 15 นาทีต่อครั้ง และควรพักให้ร่างกายเย็นลงระหว่างรอบ
  • หลังแช่ออนเซ็น ควรดื่มน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มเกลือแร่เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำ

หากรู้สึกเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หรือไม่สบายระหว่างแช่ ควรออกจากบ่อทันทีและพักผ่อน

กิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวรอบเมือง

แผนเที่ยว 1 วัน (จุดหลักในตัวเมือง)

สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาจำกัดและไม่ได้พักค้างคืน นี่คือแผนเที่ยวที่เหมาะสม:

09:00 – เดินทางถึงคุซัทสึออนเซ็น เดินทางจากโตเกียวด้วยรถไฟหรือรถบัสตั้งแต่เช้า หากออกจากโตเกียวตอนประมาณ 06:00 น. จะถึงคุซัทสึประมาณ 09:00-09:30 น.

09:30-10:30 – ชมยูบาทาเกะ (Yubatake) เริ่มต้นวันด้วยการเดินชมสัญลักษณ์เมือง ถ่ายรูปสวย ๆ และแช่น้ำพุเท้าฟรี บรรยากาศตอนเช้ายังไม่แออัด เหมาะกับการเดินเล่นและสัมผัสบรรยากาศเมือง

10:30-11:00 – ชมพิธียูโมมิ (Yumomi) ที่ Netsunoyu เข้าชมการแสดงพิธียูโมมิรอบ 10:30 น. (ควรซื้อตั๋วล่วงหน้าประมาณ 15 นาที) ชมวัฒนธรรมการคนน้ำแบบดั้งเดิมและลองร่วมกิจกรรมหากมีโอกาส

11:30-13:00 – อาหารกลางวัน ลองโซบะร้อน (Kama-age Soba) หรือขนมไข่ออนเซ็นที่ร้านอาหารรอบยูบาทาเกะ แนะนำร้าน Yubatake Gyoza หรือ Soba Dokoro Tsumugi

13:00-14:30 – แช่ออนเซ็นสาธารณะ ลองแช่บ่อสาธารณะฟรี เช่น Shirahata no Yu หรือจ่ายค่าเข้าที่ Senzogawara Open-Air Bath เพื่อแช่กลางธรรมชาติ อย่าลืมนำผ้าขนหนูไปด้วย

14:30-16:00 – เดินชมเมืองเก่าและซื้อของฝาก เดินเล่นในย่านเมืองเก่า ชมร้านค้าท้องถิ่น ซื้อของฝากอย่างสบู่ออนเซ็น ขนมมันจู หรือผลิตภัณฑ์จากน้ำพุร้อน แวะคาเฟ่ดื่มกาแฟหรือชาเขียว

16:00-17:00 – กลับชมยูบาทาเกะช่วงเย็น กลับมาชมยูบาทาเกะอีกครั้งในบรรยากาศเย็น ๆ ตอนใกล้อาทิตย์ตก แสงสีทองสวยมาก เหมาะถ่ายรูปก่อนเดินทางกลับ

17:30 – เดินทางกลับโตเกียว หากใช้รถบัสควรจองตั๋วกลับล่วงหน้า รถมักจะเต็มในช่วงเย็น

แผนเที่ยว 2 วัน (พักค้าง + เที่ยวรอบเมือง)

สำหรับผู้ที่มีเวลา 2 วันและต้องการสัมผัสคุซัทสึอย่างเต็มที่:

วันที่ 1: 12:00 – เดินทางถึงคุซัทสึ เช็คอินที่เรียวกัง (Check-in มักเริ่มตั้งแต่ 15:00 น. แต่สามารถฝากกระเป๋าได้ตั้งแต่เที่ยง)

13:00-14:00 – อาหารกลางวัน ทานอาหารท้องถิ่นในเมือง

14:00-15:30 – ชมยูบาทาเกะและ Netsunoyu เดินชมยูบาทาเกะและชมพิธียูโมมิ

15:30-17:00 – เดินชมเมืองและซื้อของ เดินเล่นในย่านเมืองเก่า เข้าร้านของฝากและคาเฟ่ต่าง ๆ

17:00-19:00 – พักผ่อนในเรียวกัง เช็คอินเข้าห้อง พักผ่อนและลองแช่ออนเซ็นส่วนตัวในห้อง (หากมี) หรือบ่อออนเซ็นของเรียวกัง

19:00-21:00 – อาหารเย็นไคเซกิ เพลิดเพลินกับอาหารเย็นแบบญี่ปุ่นหลายคอร์สที่เรียวกัง (มักรวมอยู่ในค่าห้อง)

21:00-22:30 – แช่ออนเซ็นกลางคืน กลับมาแช่ออนเซ็นอีกครั้งในบรรยากาศกลางคืน ชมดาวบนท้องฟ้าขณะแช่น้ำร้อน ช่วงเวลานี้บ่อมักจะโล่งกว่าเพราะคนน้อย

วันที่ 2: 07:00-08:00 – แช่ออนเซ็นตอนเช้า ตื่นเช้าแช่ออนเซ็นในบรรยากาศยามเช้า สดชื่นและผ่อนคลายสุด ๆ

08:00-09:00 – อาหารเช้าญี่ปุ่น อาหารเช้าแบบญี่ปุ่นที่เรียวกัง (ข้าวสวย น้ำซุป ปลาย่าง ผักดอง และเต้าหู้)

09:30-12:00 – เที่ยวรอบนอก เช็คเอาท์และเดินทางไป น้ำตกชิราเนะ (Shirane-no-taki) หรือ ภูเขา Kusatsu-Shirane ชมวิวธรรมชาติสวยงามและทะเลสาบกรดสีเขียวมรกต

⚠️ คำเตือนสำคัญ: ภูเขา Kusatsu-Shirane เป็นภูเขาไฟที่ยังมีพลังงาน บริเวณนี้เคยมีการปะทุในอดีต ดังนั้นเส้นทางขึ้นภูเขาและทะเลสาบอาจปิดเป็นบางช่วงเวลา โปรดตรวจสอบสถานะการเปิดของเส้นทางและภูเขาไฟก่อนเดินทางทุกครั้ง ผ่านเว็บไซต์ท่องเที่ยวคุซัทสึหรือสอบถามที่เรียวกัง

ทางเลือกอื่น (หากภูเขาปิด):

  • เดินเล่นใน Sainokawara Park (西の河原公園) – สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีธารน้ำพุร้อนธรรมชาติไหลผ่าน บรรยากาศสงบและสวยงาม เหมาะเดินเล่นถ่ายรูป
  • Kusatsu Tropical Wonderland – สวนสัตว์เล็ก ๆ ในอาคาร เหมาะกับครอบครัวที่มาเที่ยวในวันที่อากาศไม่ดี มีสัตว์หลากหลายชนิดในโซนอากาศเขตร้อน

12:00-13:00 – อาหารกลางวัน ทานอาหารกลางวันก่อนเดินทางกลับ

13:30 – เดินทางกลับโตเกียว

แผนนี้จะทำให้ได้สัมผัสคุซัทสึอย่างเต็มที่ทั้งวัฒนธรรม ธรรมชาติ และการพักผ่อน

อาหารและของฝากขึ้นชื่อ

อาหารท้องถิ่นที่ห้ามพลาด

1. โซบะร้อน (Kama-age Soba) โซบะเส้นสดที่ต้มในหม้อและเสิร์ฟร้อน ๆ พร้อมน้ำจิ้มรสเข้มข้น เส้นหนึบ อร่อย กินคู่กับน้ำซุปร้อน ๆ เหมาะกับอากาศหนาว

2. ซอฟต์ครีมยูบาทาเกะ ขายรอบ ๆ บริเวณยูบาทาเกะ มีหลายรสชาติ แต่รสยอดนิยมคือรสชาเขียวและรสนมวานิลลา เนื้อครีมเนียนละมุนลิ้น กินแล้วรู้สึกสดชื่น

3. ขนมไข่ออนเซ็น (Onsen Tamago) ไข่ที่ต้มในน้ำพุร้อนธรรมชาติ ทำให้ได้เนื้อสัมผัสพิเศษ ไข่ขาวนิ่มลื่น ๆ ไข่แดงข้น ๆ มักกินกับซอสโชยุหรือเกลือเล็กน้อย อร่อยและมีประโยชน์

4. มันจู (Manju) ขนมญี่ปุ่นหุ้มไอศกรีมหรือไส้ถั่วแดง นิยมซื้อเป็นของฝาก ที่คุซัทสึมีหลายร้านขายมันจูรสชาติพิเศษ เช่น รสชาเขียว รสออนเซ็น ฯลฯ

5. โมจิของคุซัทสึ โมจิเหนียวนุ่ม มีไส้หวานหลากหลาย บางร้านทำสดใหม่ทุกวัน เหมาะซื้อกินระหว่างเดินชมเมือง

ร้านอาหารแนะนำ:

  • Honke Chichiya – ร้านโซบะชื่อดัง
  • Yubatake Gyoza – เกี๊ยวซ่าอร่อยมาก
  • Soba Dokoro Tsumugi – โซบะทำมือสไตล์ดั้งเดิม

Cafe Freaks – คาเฟ่สบาย ๆ มีขนมและเครื่องดื่มหลากหลาย

ของฝากแนะนำ

1. สบู่ออนเซ็น (Onsen Soap) สบู่ที่ทำจากน้ำออนเซ็นของคุซัทสึ เชื่อกันว่าช่วยบำรุงผิว ลดสิว และทำความสะอาดผิวได้ดี ราคาประมาณ 500-800 เยน ต่อก้อน

2. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากออนเซ็น โลชั่น ครีม และมาส์กหน้าจากน้ำพุร้อน เหมาะซื้อฝากเพื่อน หรือใช้เอง

3. ผ้าขนหนูยูบาทาเกะ ผ้าขนหนูลายพิเศษของคุซัทสึ มีหลายแบบหลายสี นิยมซื้อเป็นของฝาก

4. มันจูกล่องใหญ่ ซื้อกลับไปแจกเพื่อน ๆ อร่อยและเก็บได้นาน

5. เกลือออนเซ็น (Onsen Bath Salt) เกลืออาบน้ำที่ทำจากแร่ธาตุในน้ำออนเซ็น นำกลับไปใส่อ่างอาบน้ำที่บ้าน จะได้บรรยากาศเหมือนแช่ออนเซ็น

6. ชาเขียวกุนมะ ชาเขียวคุณภาพดีจากจังหวัดกุนมะ บรรจุในถุงหรือกล่องสวยงาม

7. ของเล่นและพวงกุญแจยูบาทาเกะ ของที่ระลึกเล็ก ๆ น่ารัก เหมาะเป็นของฝากราคาประหยัด

8. โปสการ์ดและแสตมป์ที่ระลึก โปสการ์ดภาพคุซัทสึออนเซ็นสวย ๆ สามารถส่งถึงเพื่อนได้จากที่ทำการไปรษณีย์ในเมือง

9. ขนมญี่ปุ่นท้องถิ่น (Senbei, Okaki) ขนมข้าวญี่ปุ่นกรอบอร่อย เก็บได้นาน

10. น้ำพุร้อนขวด (Yumomi Bottle) ขวดน้ำพุร้อนจากคุซัทสึจริง ๆ บรรจุในขวดเล็กให้นำกลับบ้าน (ห้ามดื่ม ใช้ประโยชน์ทางผิวหนังเท่านั้น)

ร้านที่แนะนำ:

  • บริเวณยูบาทาเกะมีร้านขายของฝากมากมาย
  • Kusatsu Oishii Ichi – ร้านขายของฝากครบวงจร
  • ร้านค้าในเรียวกังมักมีสินค้าพิเศษจำหน่ายด้วย

ฤดูกาลและช่วงเวลาที่เหมาะสม

ฤดูหนาว – แช่ออนเซ็นกลางหิมะ

ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมไปคุซัทสึมากที่สุด เพราะได้สัมผัสประสบการณ์การแช่น้ำร้อนกลางหิมะที่หาได้ยาก อากาศหนาวเย็นประมาณ -5 ถึง 5 องศาเซลเซียส หิมะตกหนักในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์

ข้อดีของการมาช่วงฤดูหนาว:

  • ได้แช่น้ำร้อนท่ามกลางหิมะขาวโพลน บรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ
  • ยูบาทาเกะตอนกลางคืนมีไฟประดับและหิมะ สวยงามมาก
  • มี “Light Up Events” ช่วงเทศกาลปีใหม่และวาเลนไทน์
  • สามารถเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ดในบริเวณภูเขาใกล้เคียงได้

ข้อควรระวัง:

  • ที่พักจะเต็มเร็ว ควรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 เดือน
  • ราคาที่พักและรถบัสจะสูงกว่าช่วงอื่น
  • ถนนอาจลื่นจากหิมะ ควรสวมรองเท้าที่กันลื่น
  • อุณหภูมิต่ำมาก ต้องเตรียมเสื้อกันหนาวและของกันหนาวให้พร้อม

ฤดูใบไม้ผลิ / ใบไม้เปลี่ยนสี – ธรรมชาติสวยที่สุด

ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน-พฤษภาคม) อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น ดอกซากุระบานช่วงปลายเมษายน-ต้นพฤษภาคม (ช้ากว่าโตเกียวเพราะอยู่บนภูเขา) ธรรมชาติเขียวชอุ่ม บรรยากาศสดชื่น นักท่องเที่ยวน้อยกว่าฤดูหนาว ราคาที่พักถูกกว่า

ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี (ตุลาคม-พฤศจิกายน) ใบไม้เปลี่ยนสีเหลืองและแดงสวยงามมาก โดยเฉพาะช่วงกลาง-ปลายตุลาคม ทัศนียภาพของภูเขาและป่าไม้รอบ ๆ เมืองงดงามสุด ๆ เหมาะกับการถ่ายภาพและเดินชมธรรมชาติ

กิจกรรมที่แนะนำช่วงฤดูกาลนี้:

  • เดินชมใบไม้เปลี่ยนสีบริเวณ Senzogawara
  • ขึ้นภูเขา Kusatsu-Shirane ชมทะเลสาบสีเขียวมรกต (เปิดเฉพาะช่วงที่ไม่มีภูเขาไฟระเบิด)
  • ถ่ายรูปยูบาทาเกะท่ามกลางธรรมชาติสีสันสดใส

ข้อดี:

  • อากาศไม่ร้อนและไม่หนาวจัด เดินเที่ยวสบาย
  • นักท่องเที่ยวน้อยกว่าฤดูหนาว จองที่พักง่ายขึ้น
  • ราคาที่พักและรถบัสถูกกว่า
  • ธรรมชาติสวยงามมาก

งบประมาณและการวางแผนเที่ยว

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณสำหรับ 1–2 วัน

แผนเที่ยว 1 วัน (ไม่พักค้าง)

  • ค่าเดินทางไป-กลับจากโตเกียว: 6,000-8,000 เยน (รถไฟ) หรือ 7,000-9,000 เยน (รถบัสเที่ยวไป-กลับ)
  • อาหาร 2 มื้อ + ขนม: 2,000-3,000 เยน
  • ค่าเข้าชมพิธียูโมมิ: 700-1,000 เยน
  • ค่าแช่ออนเซ็นสาธารณะ (ถ้ามี): 600-900 เยน
  • ของฝาก: 2,000-5,000 เยน

รวมประมาณ: 11,500-18,000 เยน/คน

แผนเที่ยว 2 วัน 1 คืน (พักเรียวกัง)

  • ค่าเดินทางไป-กลับจากโตเกียว: 6,000-8,000 เยน (รถไฟ) หรือ 7,000-9,000 เยน (รถบัส)
  • ที่พักเรียวกัง (รวมอาหารเย็นและเช้า): 15,000-30,000 เยน/คน
  • อาหารกลางวันวันที่ 1 และ 2: 2,000-3,000 เยน
  • ค่าเข้าชมพิธียูโมมิ: 700-1,000 เยน
  • ค่าแช่ออนเซ็นสาธารณะ (ถ้าไป): 600-900 เยน
  • ของฝากและอื่น ๆ: 3,000-5,000 เยน

รวมประมาณ: 27,500-47,900 เยน/คน

หากเลือกที่พักระดับกลาง (ประมาณ 15,000-20,000 เยน) งบรวมจะอยู่ที่ประมาณ 30,000-35,000 เยน/คน ซึ่งถือว่าสมเหตุสมผลสำหรับการพักผ่อนและแช่ออนเซ็นคุณภาพดี

เคล็ดลับประหยัดงบ และการจองล่วงหน้า

1. ใช้ JR Pass หากมีแผนเที่ยวหลายที่ในญี่ปุ่น ควรซื้อ JR Pass ที่ครอบคลุมรถไฟชินคันเซ็นและรถไฟท้องถิ่น จะคุ้มค่ามาก (JR Pass 7 วันราคาประมาณ 29,000 เยน)

2. จองในช่วง Weekday ค่าที่พักในวันธรรมดา (จันทร์-พฤหัสบดี) มักถูกกว่าวันหยุดสุดสัปดาห์ 20-30%

3. จองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ญี่ปุ่น เว็บไซต์ เช่น Rakuten Travel, Jalan, หรือ Booking.com มักมีโปรโมชั่นพิเศษ โดยเฉพาะช่วงโลว์ซีซั่น

4. เลือกที่พักแบบไม่รวมอาหาร หากต้องการประหยัด สามารถเลือกแพ็กเกจที่ไม่รวมอาหารเย็น แล้วไปทานอาหารในร้านท้องถิ่นซึ่งอาจถูกกว่า

5. ซื้อตั๋วรถบัสแพ็กเกจ รถบัสบางสายมีตั๋วไป-กลับราคาพิเศษ หรือแพ็กเกจที่รวมตั๋วเข้าชมกิจกรรมบางอย่างด้วย

6. แช่ออนเซ็นสาธารณะฟรี แทนที่จะจ่ายค่าเข้าบ่อออนเซ็นราคาแพง สามารถลองบ่อสาธารณะฟรีหรือเสียค่าเข้าเพียง 600 เยน

7. หลีกเลี่ยงช่วงไฮซีซั่น ช่วงธันวาคม-กุมภาพันธ์ ปีใหม่ และวันหยุดยาวของญี่ปุ่น ราคาจะสูงมาก หากสามารถเลื่อนไปช่วงอื่นได้จะประหยัดมาก

8. ซื้อของฝากจากซูเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่น สินค้าเดียวกันในซูเปอร์มาร์เก็ตมักถูกกว่าร้านของฝากท่องเที่ยว

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

คำถามยอดนิยมจากนักท่องเที่ยวไทย

1. มีบ่อออนเซ็นแยกชายหญิงไหม? ใช่ ออนเซ็นสาธารณะและออนเซ็นในเรียวกังส่วนใหญ่จะแยกบ่อชายและหญิงอย่างชัดเจน บางแห่งมีบ่อแช่ครอบครัว (Kazoku Buro) สำหรับครอบครัวหรือคู่รักที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ซึ่งต้องจองเป็นเวลาและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

2. ควรพกอะไรไปแช่น้ำ?

  • ผ้าขนหนูขนาดเล็ก 1 ผืน (สำหรับเช็ดตัวก่อนเข้าห้องแต่งตัว)
  • ของใช้ส่วนตัว เช่น สบู่ แชมพู ครีมนวดผม (แต่ส่วนใหญ่เรียวกังจะมีให้)
  • ขวดน้ำดื่ม (สำหรับดื่มหลังแช่)
  • ถุงพลาสติกใส่เสื้อผ้าเปียก (กรณีแช่บ่อสาธารณะ)

3. แช่ออนเซ็นนานเท่าไหร่ถึงเหมาะสม? ไม่ควรแช่เกิน 15 นาทีต่อครั้ง เพราะน้ำร้อนมากและเป็นกรดสูง อาจทำให้เวียนศีรษะได้ ควรออกจากบ่อพักผ่อนและดื่มน้ำ จากนั้นค่อยกลับมาแช่อีกครั้งได้

4. มีรอยสักไปได้ไหม? บ่อสาธารณะหลายแห่งยังห้ามผู้มีรอยสัก แต่หากจองเรียวกังที่มีบ่อส่วนตัวในห้องจะสามารถแช่ได้อย่างสบายใจ ควรสอบถามนโยบายก่อนจองทุกครั้ง

5. ไปช่วงไหนดีที่สุด? ขึ้นอยู่กับความชอบ หากชอบหิมะและบรรยากาศโรแมนติก ควรไปช่วงธันวาคม-กุมภาพันธ์ หากชอบธรรมชาติและอากาศเย็นสบาย ควรไปช่วงเมษายน-พฤษภาคม หรือตุลาคม-พฤศจิกายน

6. ต้องจองที่พักล่วงหน้ากี่เดือน? ช่วงไฮซีซั่น (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) ควรจองล่วงหน้า 2-3 เดือน ช่วงอื่น ๆ จองล่วงหน้า 1 เดือนก็เพียงพอ

7. มีตู้ล็อกเกอร์เก็บของไหม? สถานีรถไฟและบริเวณยูบาทาเกะมีตู้ล็อกเกอร์ให้บริการ ส่วนในเรียวกังจะมีตู้นิรภัยในห้องพัก

8. ภาษาอังกฤษใช้ได้ไหม? เรียวกังและร้านอาหารยอดนิยมส่วนใหญ่มีเมนูภาษาอังกฤษและพนักงานพูดภาษาอังกฤษพอสื่อสารได้ แต่ชาวบ้านท้องถิ่นอาจไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ การมีแอปแปลภาษาในมือถือจะช่วยได้มาก

9. เด็กเล็กไปได้ไหม? ได้ แต่ควรระมัดระวังเรื่องอุณหภูมิน้ำที่ร้อนมาก เด็กควรแช่ไม่เกิน 5-10 นาที และควรมีผู้ใหญ่ดูแลอย่างใกล้ชิด

10. มีร้านสะดวกซื้อหรือซูเปอร์มาร์เก็ตไหม? มีร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven และร้านค้าท้องถิ่นในเมือง สามารถซื้อของจำเป็นได้ แต่ไม่มีซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่

สรุป

คุซัทสึออนเซ็นเป็นสถานที่ที่ควรไปสัมผัสสักครั้งในชีวิตสำหรับผู้ที่รักการพักผ่อนและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ไม่ว่าจะไปช่วงฤดูไหน ความสวยงามของธรรมชาติและคุณภาพของน้ำออนเซ็นจะทำให้ทริปนี้น่าจดจำอย่างแน่นอน

Contents Index
  1. 1 คุซัทสึออนเซ็น คืออะไร? ภาพรวมของเมืองออนเซ็นชื่อดัง ในจังหวัดกุนมะ
  2. 2 จุดเด่นของคุซัทสึ ที่แตกต่างจากออนเซ็นอื่น
  3. 3 การเดินทางสู่คุซัทสึออนเซ็น
    1. 3.1 รถบัสด่วนและทัวร์วันเดียว
  4. 4 ที่พักและเรียวกังในคุซัทสึ เรียวกังพร้อมออนเซ็นส่วนตัว (แนะนำ 10 แห่ง)
    1. 4.1 ประเภทของที่พักและวิธีเลือกให้เหมาะกับงบ
  5. 5 แหล่งออนเซ็นและสถานที่สำคัญ
    1. 5.1 พิธียูโมมิ (Yumomi) – ประสบการณ์เดียวในญี่ปุ่นที่ห้ามพลาด
    2. 5.2 เขตอาบน้ำสาธารณะและบ่อแช่ฟรี
  6. 6 มารยาทสำคัญสำหรับบ่อสาธารณะ
    1. 6.1 สิ่งที่ควรรู้ก่อนแช่ออนเซ็น, กฎมารยาทพื้นฐาน
    2. 6.2 ข้อควรระวังสำหรับผู้มีรอยสักและสุขภาพ
  7. 7 กิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวรอบเมือง
  8. 8 อาหารและของฝากขึ้นชื่อ
    1. 8.1 ของฝากแนะนำ
  9. 9 ฤดูกาลและช่วงเวลาที่เหมาะสม
  10. 10 งบประมาณและการวางแผนเที่ยว
    1. 10.1 เคล็ดลับประหยัดงบ และการจองล่วงหน้า
  11. 11 คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
  12. 12 สรุป
Mmtb

Blogger : Mmtb

หนุ่มใต้ เคราดก หลงรักตัวอักษรไทย กับจักรยาน เมาท์เท่น ไบค์ วินเทจ

77 Posts

โหวต

| Polls
โหวต | Polls
  • เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่น คุณมี “เมนูในดวงใจ” ที่ตั้งใจจะไปกินให้ได้ไหม?

    View Results

    Loading ... Loading ...

สถานที่เที่ยว

| Feature

กรณีฉุกเฉิน

| Emergency
  • Police

    110

  • Ambulance

    119

  • AMDA International Medical Information Center

    03-6233-9266

  • สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว

    090-4435-7812

  • สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า

    090-1895-0987

  • สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ

    090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515