จังหวัดไซตามะ (Saitama)
ไซตามะห่างจากโตเกียวเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้นเอง ด้วยการเดินทางโดยรถไฟสาธารณะจากสถานีหลักของโตเกียว (เวลาอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละจุดหมายปลายทาง) สเน่ห์ของไซตามะคือมีเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ต่างๆ ที่สนุกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หรือสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันงดงาม แถมเดินทางง่าย สะดวกกับนักท่องเที่ยวสุดๆ
โดยเฉพาะการเดินทางด้วยรถไฟสายเซบุ (SEIBU Railway) เพราะทางเซบุมีตั๋วโดยสารหรือพาสเดินทางหลายประเภทตอบโจทย์นักท่องเที่ยวในราคาสุดคุ้ม ซึ่งบทความนี้จะมาพูดถึง MOOMINVALLEY PARK Ticket & Travel Pass เป็นพาสสุดคุ้มที่สามารถซื้อได้เฉพาะคนต่างชาติเท่านั้น!
พาสสุดคุ้ม MOOMINVALLEY PARK Ticket & Travel Pass นั่งรถไฟสาย SEIBU ได้แบบไม่อั้น!
MOOMINVALLEY PARK Ticket & Travel Pass เป็นบัตรโดยสารสำหรับชาวต่างชาติโดยเฉพาะ ในราคาสุดคุ้ม ผู้ใหญ่ 4,100 เยน และเด็ก 2,400 เยน ในราคานี้จะได้รับ 1 Day pass ของ Moominvalley Park (รวมสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่ง) จากสถานี Hanno ถึง ป้ายรถเมล์ที่ใกล้ Moominvalley Park ที่สุด “Metsa” และตั๋ว SEIBU 1-Day Pass ซึ่งนั่งรถไฟสาย SEIBU ได้ทุกสายแบบไม่อั้น (ยกเว้นสาย Tamagawa)
สถานที่ที่วางจำหน่ายพาสในญี่ปุ่น มีดังต่อไปนี้
- SEIBU Tourist Information Center Ikebukuro
- สถานี Ikebukuro เคาน์เตอร์ จำหน่ายตั๋ว limited-express ชั้น 1
- สถานี Ikebukuro เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว ชั้น B1
- สถานี Seibu-Shinjuku เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว limited-express
- สถานี Takadanobaba เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว limited-express
ครั้งนี้เราก็จะพาไปที่ SEIBU Tourist Information Center Ikebukuro ค่ะ หาไม่ยากเลย เพียงแค่เดินตามป้ายทางออกทิศตะวันออก(East Exit)ของสถานี Ikebukuro มาเรื่อยๆก็จะเจอเอง ที่นี่มีสต๊าฟที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ติดต่อสื่อสารได้แบบไม่ติดขัดเลย หรือใครพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ทาง SEIBU Railway ก็มีแผ่นพับแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นเวอร์ชั่นภาษาไทยให้ด้วยนะ
ใครที่ซื้อพาสล่วงหน้าผ่าน klook สามารถนำ QR Code มายื่นให้พนักงานได้เลย แล้วพนักงานก็จะเปลี่ยนพาสให้เรามา หน้าตาพาสก็น่ารักมากๆ ส่วนวิธีใช้งานก็เพียงแค่ยื่นพาสให้นายสถานีดู เค้าจะปั๊มตราประทับให้ เราก็เดินเข้าไปด้านในได้เลย ไม่จำเป็นต้องต้องผ่านเครื่องตรวจตั๋ว สะดวกสุดๆ ไปค่ะ อย่ารอช้า ตามเราไปเลย!
※ จอง
Moominvalley Park Ticket & Travel Pass in Hanno
จองง่ายๆ ผ่าน KLOOK คลิกเดียว เที่ยวสนุก
Laview รถไฟ Limited Express สุดน่ารัก
Laview (ลาวิว) เป็นรถไฟด่วนที่เราจะใช้กันในครั้งนี้ โดย Laview มาจากคำย่อภาษาอังกฤษคือ L : Luxurious Living หมายความว่าเป็นรถไฟให้ประสบการณ์พิเศษ แสนหรูหรา สะดวกสบายราวกับอยู่ในห้องนั่งเล่น a : arrow ที่แปลว่าลูกศร เปรียบเหมือนความรวดเร็วราวที่ลูกศรพุ่งออกไป และ view หมายถึงการเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ขณะเดินทางด้วยกระจกบานใหญ่ที่ออกแบบพิเศษ
Laview เริ่มเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ.2019 และวิ่งระหว่างสถานี Ikebukuro ซึ่งเป็นสถานีหลักกับสถานี Seibu Chichibu ในจังหวัดไซตามะ สำหรับรถไฟขบวนนี้เป็นแบบสำรองที่นั่ง ฉะนั้นต้องมีการจองที่นั่งล่วงหน้าก่อนใช้บริการนะคะ (สำหรับพาส MOOMINVALLEY PARK Ticket & Travel Pass ไม่รวมอยู่ในรถไฟขบวนนี้ แต่หากต้องการใช้บริการสามารถซื้อตั๋วเพิ่มได้ ซึ่งจุดหมายปลายทางของเราครั้งนี้คือสถานี Hanno จึงชำระเพิ่มคนละ 600 เยนค่ะ)
ตรวจสอบตารางค่าโดยสารได้จาก https://www.seiburailway.jp/en/railway/limitedexpress/
สามารถซื้อ express ticket ล่วงหน้าได้ทางออนไลน์: https://www.smooz.jp/Smooz/en/top.xhtml
จุดเด่นของ Laview คือดีไซน์ภายนอกที่ดูทันสมัยสุดๆ ด้วยการใช้อลูมิเนียมสีเงินที่สั่งทำพิเศษมาออกแบบตัดกับที่นั่งสีเหลืองที่เด่นสะดุดตามาก เก้าอี้ของ Laview ถูกออกแบบให้คล้ายกับโซฟา จึงมีที่นั่งกว้างขวาง ขนาดพอให้คนตัวสูงสามารถยืดขาได้อย่างสบาย นอกจากนี้ หน้าต่างที่กว้างมากยังช่วยให้บรรยากาศภายในรถดูโล่งโปร่ง คุณสามารถชมวิวทิวทัศน์และสัมผัสบรรยากาศรอบๆ ได้เต็มที่ แถมยังมีบริการ WiFi ให้ใช้ภายในรถไฟอีกด้วยนะคะ
ใช้เวลาเดินทางจากสถานี Ikebukuro ไปยังสถานี Hanno อย่างน้อย 38 นาที เมื่อถึงสถานี Hanno แล้ว ให้เดินออกทางออกทิศเหนือ (North Exit) จากนั้นเราจะต้องต่อรถบัสเพื่อไปยัง”Moominvalley Park” ป้ายรถบัสจะอยู่ที่หน้าสถานีเลยค่ะ และหาง่ายมาก เพราะมันตกแต่งด้วยลายมูมินสุดน่ารัก รับรองว่าพอเห็นแค่แวบเดียวก็รู้เลยว่าต้องไปที่ไหน ไม่มีหลงทางแน่นอนค่ะ
การเดินทางจากสถานี Hanno ไปยัง”Moominvalley Park”ใช้เวลาประมาณ 13 นาทีค่ะ ลงที่ป้ายชื่อว่า Metsä แล้วใช้พาสเหมือนตอนที่ขึ้นรถไฟเลย เพียงแค่โชว์พาสให้คนขับรถดูตอนลงจากรถเท่านั้นเอง สะดวกรวดเร็วมากๆ
สำรวจ MOOMINVALLEY PARK โลกสุดน่ารักของหมู่บ้านมูมินกัน
มาถึง “Metsä” แล้ว ที่นี่เป็นธีมพาร์คขนาดใหญ่ 45 ไร่ ที่ออกแบบให้เราสามารถผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติและบรรยากาศของยุโรปตอนเหนือได้ในญี่ปุ่น คำว่า Metsä มาจากภาษาฟินแลนด์ แปลว่า “ป่า” ที่พาร์คแบ่งเป็น 2 โซนหลักๆ คือ MOOMINVALLEY PARK และ Metsä Village ส่วน Metsä Village จะมีบรรยากาศแบบสไตล์พื้นบ้านของแถบสแกนดิเนเวีย (ยุโรปเหนือ) มีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และกิจกรรมเวิร์กชอปต่างๆ ให้เราได้สนุกกันค่ะ
เมื่อมาถึงที่นี่แล้วรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายมากๆ ค่ะ การได้เดินเล่นท่ามกลางป่าที่ล้อมรอบเป็นอะไรที่เยี่ยมเลย ระหว่างทางก็มีร้านค้าและจุดถ่ายรูปให้เราแวะเก็บภาพสวยๆ กันตลอด ยิ่งถ้าเป็นช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ขอบอกเลยว่าไม่ควรพลาด เพราะต้นไม้ที่เคยเป็นสีเขียวชอุ่มจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม สีเหลือง และสีแดง สวยงามอลังการอย่างแน่นอน
เราใช้เวลาเดินไม่ถึง 10 นาทีก็จะพบกับจุดถ่ายรูปบริเวณหน้าทางเข้าของ MOOMINVALLEY PARK
รู้ไหมคะว่าน้องมูมินไม่ได้เป็นคาแรคเตอร์ที่สร้างในญี่ปุ่นนะคะ? จริงๆ แล้ว ผู้สร้างเจ้ามูมินโทรลตัวกลมสีขาวนุ่มฟูนี้คือ ตูเว ยานซอน (Tove Jansson) จากฟินแลนด์ค่ะ แม้จะมาจากฟินแลนด์ แต่ความน่ารักและความแสนซนของมูมินและเพื่อนๆ ทำให้คาแรคเตอร์นี้ได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่นจนถึงทุกวันนี้เลย
ภายในโซนนี้มีอะไรให้ชมเพียบ เช่น บ้านมูมิน (Moominhouse) ที่เป็นแลนด์มาร์กหลัก โรงละคร ร้านค้า และเครื่องเล่นต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นจุดที่แฟนๆ มูมินไม่ควรพลาดเลยค่ะ หรือถ้าคุณเป็นคนที่ชอบถ่ายรูป ก็จะชอบที่นี่มากแน่ๆ เพราะมีมุมน่ารักๆ ให้เก็บภาพเพียบ!
และถ้าคุณมีพาสอยู่แล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเข้าชมเพิ่มเติมเลยค่ะ แค่เอาพาสไปโชว์ให้สต๊าฟดู ก็สามารถเดินเข้าไปในโซน MOOMINVALLEY PARK ได้เลย
มูมินและผองเพื่อนจะออกมาโชว์ตัวให้เจอกันเป็นระยะๆ ต้องลุ้นกันว่าเวลาที่เราไปเราจะได้เจอใครบ้าง แต่ไม่ว่าจะเป็นคาแรกเตอร์ไหน น่ารักสุดๆ
วันที่เราไปโชคดีมาก ได้เจอกับน้องมูมิพอดี น้องออกมาทักทายแฟนๆ เราก็เลยเอา MOOMINVALLEY PARK Ticket & Travel Pass ที่เรามีไปขอลายเซ็นน้องมาเป็นที่ระลึก ถือว่าเป็นของที่ระลึกที่พิเศษมากๆ แถมยังได้ถ่ายรูปคู่กับน้องอีกด้วย
ต่อไปเราจะพาเข้าไปดูในบ้านมูมินกัน ในบ้านแต่งได้น่ารักมาก ตัวบ้านสีฟ้าตัดกับหลังคาอิฐสีแดงได้น่ารัก ถอดแบบมาจากภาพวาดและเรื่องเล่าในหนังสือเลย
บ้านมูมินจะแบ่งเป็นทั้งหมด 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นใต้ดินเป็นห้องเก็บของ ชั้น 1 เป็นห้องครัวและห้องทานอาหาร ชั้น 2 เป็นห้องนั่งเล่น และห้อง Moominpappa กับ Moominmamma
ชั้น 3 เป็นห้องของมูมินและห้องลิตเติ้ลมาย (เด็กผู้หญิงผมแดงตัวเล็ก) และห้องรับรองแขก สำหรับรูปภาพด้านบนนี้ก็เป็นห้องของมูมินคาแรกเตอร์หลักของเรื่องนั่นเองค่ะ
เมื่อมาเยือน MOOMINVALLEY PARK แล้ว ไฮไลท์ที่คุณไม่ควรพลาดคือการชมการแสดงสดจากมูมินและผองเพื่อนที่ที่ The Ocean Orchestra ค่ะ เราได้ชมการแสดงเรื่อง “The Girl Who Learned To Be Brave” ซึ่งนักแสดงจะสร้างความสนุกสนานให้เราได้ตลอดเวลา ไม่มีเบื่อเลย ใครเป็นแฟนมูมินรับรองว่ากรี๊ดสลบแน่นอนค่ะ
*เข้าไปเช็คสถานที่และเวลาของการแสดงที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการกันก่อนนะคะ
ผจญภัยกันหลายจุดจนเหนื่อยแล้ว ก็มาถึงเวลาแวะพักหาอะไรทานกันค่ะ เมนูอาหารของที่นี่ได้รับแรงบันดาลใจจากนิทานมูมินน่ารักให้เลือก ถ้าใครเดินทางมากับเด็กๆ ก็สามารถสั่งชุดอาหารสำหรับเด็กได้ เช่น ข้าวฮายาชิ เนื้อย่าง และแกงผักโขมให้เลือกสั่งได้ด้วย
อิ่มกันแล้วก็ลุยกันต่อเลยที่ฝั่ง Indoor ที่โซน KOKEMUS ให้ทุกคนเข้ามาสัมผัสประสบการณ์เสมือนหลุดเข้ามาอยู่ในโลกนิทานของมูมินได้ด้วยตัวเอง ที่มีพื้นที่จัดนิทรรศการที่มีความยิ่งใหญ่ถึง 3 ชั้นเลยทีเดียว
ใครที่ไม่ได้เป็นแฟนคลับมูมินมาก่อนก็สามารถสนุกไปกับผลงานต่างๆ ได้เช่นกันนะ ที่นี่มีประวัติความเป็นมาของมูมินและนักเขียนจะแล้วก็มีจุดถ่ายรูปมากมายให้ถ่ายกันจุใจ
เราเดินกันไปต่อที่ชั้น 1 โซนจำหน่ายของที่ระลึก ที่มีทั้งสินค้าออริจินัลหรือของที่ระลึกเกี่ยวกับคาแรกเตอร์มูมินและผองเพื่อน ตุ๊กตาตัวใหญ่ นุ่มๆน่ากอด รับประกันว่าถ้าหลงเข้ามาแล้วจะต้องมีของติดไม้ติดมือกลับบ้านไปแน่นอน
Mitsui Outlet Park สาขา Iruma เอาท์เล็ตขนาดใหญ่ที่พร้อมให้คุณช็อปกระจาย!
ทริปเที่ยวไซตามะของเรายังไม่จบแค่นี้นะคะ เพราะเรามีที่เด็ดสำหรับขาช็อปมาฝาก! เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับ Mitsui Outlet Park Iruma ที่เมืองอิรุมะ (Iruma) ห้างเอาท์เล็ตขนาดใหญ่ที่รวมร้านค้าหลายแบรนด์มาให้คุณช็อปกันอย่างจุใจ
วิธีการเดินทางก็แสนง่าย จาก MOOMINVALLEY PARK นั่งรถบัสกลับไปยังสถานี Hanno ก่อน จากนั้นให้ขึ้นรถไฟสายท้องถิ่น Seibu ที่มุ่งหน้าย้อนกลับไปยังฝั่ง Ikebukuro เพื่อนั่งไปยังสถานี Irumashi ใช้เวลาเพียง 8 นาทีเท่านั้น (สามารถใช้พาสได้)
หลังจากที่ออกมาจากสถานีแล้วก็ข้ามถนนไปรอรถบัสที่ป้ายหมายเลข 2 แล้วก็ต่อรถบัสไปอีกประมาณ 15 นาที ให้ลงที่ป้าย Mitsui Outlet Park mae (เสียค่ารถบัสคนละ 200 เยนนะคะ เพราะในส่วนของเส้นทางรถบัสไปเอาท์เล็ตจะไม่รวมอยู่ในพาส)
จุดเด่นของ Mitsui Outlet Park คือการมีร้านค้ากว่า 200 ร้านที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแบรนด์เนม, แฟชั่นอย่างกระเป๋าและรองเท้า, สินค้าสปอร์ต, ไลฟ์สไตล์, หรือกิจกรรมเอาท์ดอร์ รวมไปถึงอุปกรณ์แต่งบ้าน และร้านอาหารกับคาเฟ่ที่หลากหลาย สามารถเดินช็อปกันได้ทั้งวันแน่นอนค่ะ แต่ก่อนที่เราจะไปแนะนำร้านค้าที่น่าสนใจ เรามาพูดถึงสิทธิพิเศษสำหรับคนต่างชาติที่มี MOOMINVALLEY PARK Ticket & Travel Pass กันก่อนดีกว่า
หากคุณมี Moominvalley Park Ticket & Travel Pass อย่าลืมแวะที่ General Information Desk ชั้น 1 แค่โชว์พาสให้สต๊าฟดู ก็จะได้รับคูปองส่วนลด 500 เยน (เมื่อซื้อสินค้าตั้งแต่ 5,000 เยนขึ้นไป) สิทธิพิเศษแบบนี้ไม่ควรพลาดเลย เมื่อพร้อมแล้ว มาเริ่มช็อปปิ้งกันเลยดีกว่า ไปดูกันว่ามีร้านไหนน่าสนใจบ้างค่ะ
DR.CI:LABO : แบรนด์เวชสำอางจากญี่ปุ่นที่คิดค้นและพัฒนาโดยแพทย์ผิวหนัง
ใครที่เป็นแฟนสกินแคร์แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นล่ะก็คาดว่าน่าจะเคยได้ยินชื่อ “DR.CI:LABO” กันมาบ้างนะคะ ซึ่ง DR.CI:LABO (อ่านว่า “ดร.ซี:ลาโบะ”) เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งโดยแพทย์ผิวหนังที่มีชื่อเสียงชาวญี่ปุ่นโดย Dr. Yoshinori Shirono
จุดเด่นคือผลิตภัณฑ์ของแบรนด์จะไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิวไม่ว่าจะเป็นน้ำหอม แอลกอฮอล์ สี Mineral oil ปิโตรเลียมเจล เป็นต้น ใครที่มีสภาพผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้งานได้ เพราะมีความอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว แบรนด์นี้ได้รับความนิยมมากๆ ในหมู่สาวๆ ญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงอายุ 20 ไปจนถึง 40 ปีเลยค่ะ
Francfranc Bazar : แหล่งรวมไอเดียของใช้ในบ้านและของใช้กระจุกกระจิก
Francfranc (อ่านว่า “เฟรนช์เฟรนช์”) แบรนด์ที่โดดเด่นในเรื่องของดีไซน์และราคาที่คุ้มค่ากับคุณภาพ แบรนด์นี้เปิดตัวเมื่อปี 1990 มีสาขามากมายกระจายอยู่หลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นและฮ่องกงสินค้าภายในร้านมีทั้งสินค้าไอเดีย ของแต่งบ้านเก๋ๆ ของใช้ในชีวิตประจำวันอีกมากมาย
พัดลมพกพา หนึ่งในไอเท็มยอดฮิตของคนญี่ปุ่น แล้วก็เหมาะที่จะซื้อกลับไทยอีกด้วย เพราะเค้ามีดีไซน์และสีที่น่ารัก คงความญี่ปุ่นไว้ได้เป็นอย่างดี แถมคุณภาพก็เริ่ด มีเยอะจนเลือกไม่ถูก ลองสอยกลับไปใช้ที่ไทยดูรับรองติดใจแน่ๆ
PLAZA OUTLET : ร้านสินค้าเบ็ดเตล็ด เครื่องสำอาง รวมทุกสรรพสิ่งตั้งแต่สากเบือยันเรือรบ
Plaza (อ่านว่า “พลาซ่า”) เป็นร้านที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟในจุดท่องเที่ยวต่างๆ หลายคนที่มาเที่ยวญี่ปุ่นน่าจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้าง ที่ Plaza เองก็มีลักษณะคล้ายร้านที่เราได้แนะนำไปก่อนหน้านั่นก็คือมีการจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นของแต่งบ้าน ของใช้ในบ้าน เสื้อผ้าหรือแม้แต่ขนมขบเคี้ยวที่เรียกได้ว่ามีทุกอย่างในราคาที่สามารถจับต้องได้
ที่นี่มีเครื่องสำอางที่น่าสนใจวางขายเหมือนกับร้านขายยาทั่วไปเลย ทำให้เราติดใจที่นี่มาก แถมยังมีสินค้าหรือของเล่นแปลกๆ ที่น่าสนใจเรียกเงินในกระเป๋าเราได้อย่างง่ายดาย ขอแนะนำให้แวะมาช็อปและเดินเล่นดูนะคะ ไม่ว่าจะซื้อใช้เองหรือซื้อเป็นของที่ระลึกก็เหมาะทั้งนั้นเลย
Zwilling Group : แบรนด์เครื่องครัวระดับพรีเมียมที่ไม่ควรพลาด
Zwilling (อ่านว่า “สวิลลิ่ง”) ใครที่ชอบทำอาหารไม่ควรพลาดเลย Zwilling เป็นแบรนด์เครื่องครัวเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงระดับโลกแบรนด์หนึ่ง ใช้วัสดุคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นมีด MIYABI Made in Japan ที่มาพร้อมกับดีไซน์อันโดดเด่นสื่อถึงเอกลักษณ์ของความเป็นญี่ปุ่น และเอาท์เล็ตแห่งนี้ได้วางจำหน่ายสินค้าในเครือ Zwilling ทั้งหมด เลือกกันได้จุใจ
Champion : เอาใจสายสตรีทด้วยแบรนด์ดังส่งตรงจากอเมริกา
Champion (อ่านว่า “แชมเปี้ยน”) แบรนด์เสื้อผ้าที่เราคุ้นกันดี ก่อตั้งมา 100 กว่าปีแล้ว เป็นที่รู้จักในด้านเสื้อผ้ากีฬาและแฟชั่นแนวสปอร์ต ด้วยคุณภาพที่ดี ชุดกีฬาและเครื่องแต่งกายของ Champion มีความโดดเด่นในการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และสะดวกสบาย จึงเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้นำสตรีทแฟชั่นยอดฮิตเลย
ที่เอาท์เล็ต Champion นี้มีความพิเศษตรงที่มีสินค้า Limited Edition ที่หาซื้อได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น! คอลเลกชั่นสำหรับสาวๆ มาพร้อมกับดีไซน์สีสันสดใสน่ารัก และยังมีคุณภาพของเนื้อผ้าและความทนทานที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันค่ะ แบรนด์ Champion ยังมีสินค้าในหลากหลายสไตล์ที่เหมาะกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ตอบโจทย์ทุกความต้องการเลยค่ะ
MACCHA HOUSE : คาเฟ่มัจฉะที่จะทำให้คนรักชาเขียวต้องใจละลาย
ปิดท้ายกันที่ร้านของหวานกันค่ะ กับ MACCHA HOUSE (อ่านว่า “มัจฉะเฮาส์”) คาเฟ่น่ารักที่มีอาหารเครื่องดื่มที่ทำจากชาเขียวโดยเฉพาะ
MACCHA HOUSE มีจุดเด่นตรงที่เค้าใช้มัทฉะจากเมืองอุจิ (Uji) ของเกียวโต (Kyoto) ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในมัทฉะที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นเป็นวัตถุดิบหลัก ทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนขยายสาขาไปทั่วประเทศญี่ปุ่น รวมไปถึงในต่างประเทศอย่างไต้หวันและสิงคโปร์
เราสั่งเซ็ต Maccha Tiramisu มาลองกันค่ะ เค้ามาด้วยการจัดแต่งจานในรูปแบบกล่องไม้สี่เหลี่ยมจัตุรัสแบบเรียบง่าย ด้านบนโรยผงมัทฉะแบบเข้มข้น ส่วนด้านล่างเป็นทิรามิสุที่รสชาติไม่หวานมาก พอเสิร์ฟคู่กับชาร้อนตัดเลี่ยนได้ เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ คนที่ไม่ชอบรับประทานของหวานที่หวานมากต้องถูกใจอย่างแน่นอน
อีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาดคือ Maccha Parfait ที่เสิร์ฟในปริมาณจุใจ มาเต็มด้วยไอศกรีมรสชาเขียวที่เข้ากันได้ดีเยี่ยมกับขนมโมจิ วาฟเฟิล และถั่วแดง พร้อมท็อปปิ้งอื่นๆ ที่ทำให้แฟนพันธุ์แท้มัจฉะต้องหลงรักแน่นอนค่ะ ยิ่งทานในร้านที่ตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่นก็จะยิ่งเพิ่มความฟินอีกหลายเท่าตัวเลยค่ะ
บทส่งท้าย
หวังว่าทุกคนจะชอบแพลนเที่ยว 1 วันในจังหวัดไซตามะกับ MOOMINVALLEY PARK Ticket & Travel Pass ที่เราแนะนำในวันนี้นะคะ จังหวัดไซตามะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกเพียบรอให้ทุกคนไปสำรวจ เราหวังว่าตัวอย่างแพลนนี้จะเป็นไอเดียดีๆ สำหรับการเที่ยวญี่ปุ่นครั้งถัดไป โดยเฉพาะสำหรับคนที่อยากสัมผัสญี่ปุ่นในมุมใหม่ๆ ไม่เหมือนใครค่ะ แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ