คูปองส่วนลดที่น่าสนใจ
17%
5%
10%
พอถึงช่วงปลายปีของทุกๆ ปี หลายคนก็เริ่มคิดถึงการวางแผนเที่ยวต่างประเทศ และถ้าเป็นสาย Winter Wonderland แล้ว ต้องยอมรับเลยว่า เทศกาลหิมะซัปโปโร คือหนึ่งในลิสต์ Must-Go ที่ขาดไม่ได้!
เทศกาลหิมะซัปโปโร 2026 (Sapporo Winter Festival) เป็นงานเทศกาลที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในเมืองซัปโปโร ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น งานมักจะจัดกันในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ เรียกได้ว่าเป็นงานเทศกาลหิมะและน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในงานที่คนไทยนิยมเดินทางไปมากที่สุดเป็นประจำทุกปี ภายในงานจะเต็มไปด้วยประติมากรรมหิมะและน้ำแข็งยิ่งใหญ่อลังการ พร้อมไฟประดับยามค่ำคืนที่โรแมนติก ท่ามกลางบรรยากาศหนาวเย็นที่แตกต่างจากเมืองไทยอย่างสิ้นเชิง ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่งที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ของฤดูหนาว และความสวยงามงานของศิลปะจากก้อนน้ำแข็งที่มนุษย์รังสรรค์ขึ้นมา

รู้ไหมว่าเทศกาลดังระดับโลกนี้ เริ่มต้นได้อย่างสนใจ โดยเทศกาลหิมะซัปโปโรเริ่มต้นขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1950 จากการที่นักเรียนมัธยมฯ ในเมืองซัปโปโรช่วยกันแกะสลักหิมะในสวนสาธารณะโอโดริ จนดึงดูดผู้คนจำนวนมากมาชมผลงาน ต่อมาเทศบาลเมืองซัปโปโรได้สนับสนุนให้จัดเป็นงานประจำปี และพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นเทศกาลระดับโลกที่มีชื่อเสียงในเวลาต่อมา
ปัจจุบันงานเทศกาลนี้ มีผู้เข้าชมกว่า 2 ล้านคนต่อปี และมีทีมจากนานาประเทศเข้าร่วมแข่งขันแกะสลักน้ำแข็ง ทำให้เมืองซัปโปโรกลายเป็นจุดหมายสำคัญของการท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว ไม่น่าเชื่อว่าจะเริ่มต้นจากกิจกรรมเล็กๆ ของเด็กนักเรียน จะกลายเป็นงานที่คนทั่วโลกรอคอยในทุกปี!
การได้ไปสัมผัสเทศกาลหิมะซัปโปโรสักครั้งในชีวิตถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด เพราะงานนี้ไม่ได้มีเพียงประติมากรรมหิมะขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นอย่างวิจิตร แต่ยังมีการประดับไฟที่สวยงามในตอนกลางคืน และบรรยากาศหิมะโปรยปรายที่หาไม่ได้ในเมืองไทย
ความยิ่งใหญ่ระดับโลกและบรรยากาศสุดโรแมนติกทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนยกให้เป็นหนึ่งในงานเทศกาลฤดูหนาวที่ต้องไปเห็นด้วยตาตนเองอย่างน้อยหนึ่งครั้ง คิดดูสิ เวลาเล่าให้คนอื่นฟัง จะได้ภูมิใจว่า “เราเคยไปงานนี้มาแล้วนะ!”
หลายคนอาจสงสัยว่าเทศกาลหิมะซัปโปโรต่างจากงานหิมะอื่นๆ ในฮอกไกโดอย่างไร คำตอบคือ งานนี้ใหญ่ที่สุด! มีทั้งประติมากรรมหิมะขนาดมหึมา และการประกวดแกะสลักระดับนานาชาติให้ชมในคราวเดียวกัน

ขณะที่ Asahikawa Winter Festival แม้จะมีงานแกะสลักขนาดใหญ่ แต่ก็ไม่ใหญ่เท่าซัปโปโร ส่วน Otaru Snow Light Path เน้นบรรยากาศโคมไฟหิมะโรแมนติกมากกว่า ดังนั้นซัปโปโรจึงถือว่าเป็นงานที่ครบและยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น อยากได้ครบรสชาติของเทศกาลหิมะ มาที่นี่ที่เดียวพอ!

เทศกาลหิมะซัปโปโร 2026 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 4–11 กุมภาพันธ์ 2026 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หิมะยังหนาแน่นและสวยงามที่สุดสำหรับช่วงฤดูหนาวในฮอกไกโด งานนี้จะจัดขึ้นทุกปี ในสัปดาห์แรกถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ และมีการประกวดแกะสลักหิมะนานาชาติ การแสดงไฟ และกิจกรรมพิเศษมากมาย
ข้อมูลสำคัญ! นักท่องเที่ยวที่วางแผนไปควรจองที่พักและตั๋วเดินทางล่วงหน้าอย่างน้อย 3–6 เดือน เพื่อหลีกเลี่ยงที่พักถูกจองเต็มและราคาแพง เพราะช่วงเวลาดังกล่าวที่พักในซัปโปโรจะขึ้นราคาเกือบเท่าตัว!

งานเทศกาลหิมะซัปโปโรจะถูกแบ่งออกเป็น 3 พื้นที่หลักดังต่อไปนี้

Odori Park – ใจกลางเมืองซัปโปโร ซึ่งมีประติมากรรมหิมะขนาดมหึมาและการแสดงไฟยามค่ำคืน โซนนี้ถือว่าเป็นไฮไลท์หลักที่ทุกคนต้องไป ประติมากรรมที่นี่ใหญ่ถึงขนาดที่ใช้หิมะหลายสิบตัน!

Susukino – ย่านบันเทิงยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยงานแกะสลักน้ำแข็งรูปทรงสวยงามและไฟประดับระยิบระยับ บรรยากาศที่นี่จะแตกต่างจาก Odori เพราะมีบาร์และร้านอาหารรอบๆ เหมาะกับคนที่ชอบความคึกคัก

Tsudome – โซนกิจกรรมสำหรับครอบครัว เช่น สไลเดอร์หิมะและลานเล่นหิมะ เหมาะมากถ้าไปกับเด็กๆ หรืออยากสัมผัสหิมะแบบใกล้ชิด
ทั้ง 3 พื้นที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อกันได้ง่ายด้วยรถไฟใต้ดินเมืองซัปโปโร แนะนำให้ซื้อ Day Pass จะประหยัดกว่าซื้อแบบรายทริป

กิจกรรมสำคัญของเทศกาลหิมะซัปโปโรที่ไม่ควรพลาด:
– การประกวดแกะสลักหิมะนานาชาติ มีทีมจากหลายประเทศเข้าร่วมแข่งขัน ดูแล้วจะทึ่งกับฝีมือระดับโลก
– การเปิดไฟประดับประติมากรรมหิมะ ในตอนกลางคืนที่สร้างบรรยากาศสุดอลังการ ช่วง 17.00-22.00 น. ถือว่าเป็นโกลเด้นอาวร์ที่สวยงาม
– การแสดงดนตรีและการแสดงพื้นเมือง มีเวทีกลางแจ้งให้ชมการแสดงต่างๆ
– วันประกาศผลการประกวด จัดขึ้นในช่วงท้ายของงาน บรรยากาศจะคึกคักมาก
ข้อมูลสำคัญ!: ควรตรวจสอบตารางกิจกรรมล่วงหน้าเพื่อไม่พลาดช่วงเวลาสำคัญ เพราะบางกิจกรรมจัดเพียงวันเดียว!
นี่คือจุดเด็ดที่ทุกคนต้องมา! ประติมากรรมหิมะที่ Odori Park ไม่ได้เป็นแค่ก้อนหิมะที่แกะสลักธรรมดาๆ นะ แต่เป็นผลงานศิลปะระดับโลกที่สร้างจากหิมะหลายสิบตันต่อชิ้น ทีมช่างฝีมือจะใช้เทคนิคพิเศษในการบีบอัดหิมะให้แข็งแกร่ง แล้วแกะสลักด้วยเครื่องมือแบบมืออาชีพ
ขนาดของประติมากรรมแต่ละชิ้นสูงได้ถึง 10-15 เมตร! จนต้องใช้รถบรรทุกขนหิมะมาสร้าง เรื่องราวที่นำมาแกะสลักจะเป็นตัวการ์ตูนญี่ปุ่น, สถานที่สำคัญทั่วโลก, หรือเทอมสำคัญในปีนั้นๆ การได้ยืนอยู่ข้างๆ ประติมากรรมเหล่านี้จะทำให้รู้สึกเล็กมาก!
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดแนะนำว่า เป็นช่วงตอนกลางวันจะเห็นรายละเอียดของงานแกะสลักชัดเจน แต่ตอนกลางคืนจะมีไฟประดับทำให้ได้บรรยากาศสุดโรแมนติก

พอดวงอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศงานก็จะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง! การเปิดไฟประดับประติมากรรมหิมะจะเริ่มประมาณ 17.00 น. และจะเปิดจนถึงเที่ยงคืน แสงไฟหลากสีจะส่องประติมากรรมขาวโพลน ทำให้ดูเหมือนอยู่ในโลกแฟนตาซีเลยทีเดียว
มุมที่แนะนำสำหรับถ่ายรูป:
– หน้าประติมากรรมใหญ่ ได้แบ็กกราวด์สวยๆ แต่คนจะเยอะหน่อย
– มุมข้าง คนไม่เยอะ แสงไฟยังสวยอยู่
– จากด้านบน ถ้าหาจุดสูงๆ ได้ จะเห็นทั้งงานในมุมกว้าง
ข้อมูลสำคัญ! ลองขึ้นไปชั้น 2-3 ของห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ จะมีจุดชมวิวให้ถ่ายรูปมุมสูงได้สวยๆ แถมอบอุ่นด้วย!
นี่คือหนึ่งในไฮไลท์ที่หลายคนไม่รู้! การประกวดแกะสลักน้ำแข็งนานาชาติจะมีทีมจากหลายประเทศ รวมถึงทีมไทยในบางปี เข้าร่วมแข่งขัน การแข่งขันจะใช้เวลา 3 วัน ตั้งแต่เริ่มแกะจนถึงผลงานสำเร็จ
นักท่องเที่ยวจะได้เห็นกระบวนการแกะสลักตั้งแต่ก้อนน้ำแข็งใสๆ จนกลายเป็งผลงานศิลปะ ช่างแกะสลักจะใช้เลื่อยไฟฟ้า เสียม และเครื่องมือปลิกย่อยต่างๆ ทำงานต่อหน้าต่อตา บรรยากาศการแข่งขันตื่นเต้นมาก!
พิกัดเด็ด: โซน Susukino จะมีผลงานแกะสลักน้ำแข็งมากที่สุด และเปิดให้ชมฟรี แถมยังมีร้านอาหารและบาร์รอบๆ ด้วย
ถ้าไปกับครอบครัวหรือเพื่อนที่อยากเล่นหิมะจริงๆ Tsudome คือสวรรค์เล็กๆ ที่ไม่ควรพลาด! ส่วนที่นี่จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง
– Giant Snow Slide สไลเดอร์หิมะยักษ์ที่ลื่นมากจนต้องใช้ยางรถยนต์รอง
– Snow Maze เขาวงกตหิมะที่สร้างใหม่ทุกปี
– Snow Sculptures Workshop สอนแกะสลักหิมะเบื้องต้น
– Mini Snow Festival ลานหิมะสำหรับเด็กๆ
ข้อดีของ Tsudome คือมีอาคารในร่ม ถ้าเล่นหิมะจนเหนื่อยหรือหนาวเกินไป ก็เข้าไปนั่งดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆ พักได้ แถมยังมี Food Court ขายข้าวกล่องและของว่างไว้บริการด้วย
เสื้อผ้าแนะนำ: ที่นี่เล่นได้เต็มที่ จะเปียกจะเลอะ หรือจะใส่เสื้อกันฝนทับเสื้อกันหนาวก็สามารถทำได้
ตลอดช่วงงานจะมีการแสดงดนตรีและคอนเสิร์ตเล็กๆ ให้ชมตลอดวัน เวทีหลักจะอยู่ที่ Odori Park โดยจะมีทั้ง:
– Traditional Japanese Performance การแสดงพื้นเมือง เช่น Taiko Drum
– Local Band Concert วงดนตรีท้องถิ่นฮอกไกโด
– Special Guest ศิลปินดังในบางปี (ต้องดูประกาศใหม่ทุกปี)
การแสดงจะเริ่มประมาณ 10:00 น. และมีทุกชั่วโมงจนถึงเย็น บรรยากาศดีมาก เพราะทุกคนจะนั่งฟังเพลงท่ามกลางหิมะโปรยปราย
Free Tip: ถ้าหนาวไปดื่ม Amazake (โจ๊กข้าวหวาน) ร้อนๆ ขายตามแผงลอยจะอุ่นท้องและอุ่นตัวได้ดี
ทุกปีจะมีกิจกรรมพิเศษที่ทำแค่ปีนั้นๆ เช่น การคอลแลบกับแอนิเมะดัง หรือแบรนด์ใหญ่ บางปีจะมีการแกะสลักตัวการ์ตูนที่กำลังฮิต หรือมี pop-up store ของแบรนด์ญี่ปุ่น
ปี 2025 เพิ่งมี Collaboration กับ Pokemon และมีประติมากรรม Pikachu ขนาดยักษ์! ส่วนปี 2026 ยังไม่ได้ประกาศ แต่มักจะประกาศประมาณเดือนธันวาคมFollow ข่าวสาร: เช็คเว็บไซต์ทางการก่อนไปเพื่อไม่พลาดกิจกรรมพิเศษ เพราะบางอันต้องจองล่วงหน้า
การเดินทางจากสนามบิน New Chitose ไปยังตัวเมืองซัปโปโรมีหลายวิธี:
JR Rapid Airport Express (แนะนำ!)
– ใช้เวลา: 37 นาที ถึงสถานี Sapporo
– ราคา: 1,150 เยน สำหรับ regular seat / 1,650 เยน สำหรับ reserved seat
– ข้อดี: รวดเร็ว ตรงเวลา ไม่กลัวติดรถ
– ข้อเสีย: ถ้าหิมะตกหนักอาจดีเลย์บ้าง
Airport Bus
– ใช้เวลา: 60-90 นาที (ขึ้นกับจราจร)
– ราคา: 1,100 เยน
– ข้อดี: ราคาถูกกว่าเล็กน้อย มีที่เก็บกระเป๋าใหญ่
– ข้อเสีย: ช้ากว่า อาจติดรถถ้าหิมะตก
Taxi
– ใช้เวลา: 60 นาที
– ราคา: 10,000-15,000 เยน
– ข้อดี: สะดวก ไม่ต้องลากกระเป๋า
– ข้อเสีย: แพงมาก!
รถเช่า
– ราคา: 5,000-8,000 เยน ต่อวัน + น้ำมัน + ที่จอดรถ
– ข้อควรระวัง: ต้องมีประสบการณ์ขับรถในหิมะ และต้องเช่ารถที่มียางสำหรับเล่นบนหิมะโดยเฉพาะ
ข้อสำคัญ: ช่วงเทศกาลหิมะ Airport Express จะมีคนเยอะมาก แนะนำให้ซื้อตั๋ว Reserved Seat ล่วงหน้า
การเดินทางระหว่าง 3 โซนหลักทำได้ง่ายมาก:
Odori ↔ Susukino
– เดินเท้า: 10 นาที (แต่ถนนลื่น ระวังล้ม!)
– Subway: 2 นาที ด้วย Namboku Line
– ค่าใช้จ่าย: 210 เยน
Odori/Susukino → Tsudome
– Shuttle Bus: ฟรี! เดินทางทุก 15-20 นาที
– ใช้เวลา: 20 นาที
– จุดขึ้น-ลง: หน้า Odori Park และ Susukino
Pro Tips:
– ซื้อ Sapporo 1-Day Pass (1,000 เยน) ถ้าจะเดินทางบ่อยๆ
– Shuttle bus ไป Tsudome จะแออัดมาก แนะนำให้ไปเช้าๆ หรือเย็นๆ
– แอพ Hyperdia ช่วยเช็ครถไฟและรถเมล์ได้
Google Maps ใช้ได้: ในซัปโปโรใช้ Google Maps ได้ดี รวมถึงข้อมูล Public Transport แต่อย่าลืมดาวน์โหลด Offline Map ไว้ป้องกันช่วงที่ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต

เอาจริงๆ นะ อย่าไปเล่นกับหิมะในฮอกไกโด! อุณหภูมิลบ 5-15 องศา ไม่ใช่เล่นๆ หนาวจนฟันกระดก ถ้าแต่งตัวผิด รับรองเที่ยวไม่เป็นแน่นอน นี่คือรายการที่ต้องมี:
เสื้อกันหนาวชั้นใน (Base Layer)
– เสื้อ Heat Tech ของ Uniqlo หรือ Mizuno: 490-890 บาท
– ซื้อที่ไหน: Uniqlo สยาม/เอ็มโพเรียม หรือออนไลน์
– เลือกแบบ Extra Warm สำหรับคนกลัวหนาว
– Tip: ซื้อ 2 ชุดไว้เผื่อเปลี่ยน
เสื้อกันหนาวชั้นนอก
– Down Jacket ยี่ห้อดัง: Uniqlo (2,990-4,990 บาท), Columbia (8,000-15,000 บาท)
– ต้องกันลมกันน้ำ มีฮู้ด
– เลือกสีสดใสเพื่อถ่ายรูปสวย
– อย่าเลือกขนาดฟิตเกินไป ต้องมีพื้นที่ใส่ชั้นใน
กางเกงกันหนาว
– กางเกงผ้าหนา + กางเกงรัดรูปข้างใน: 800-2,000 บาท
– หรือกางเกงสกี: 3,000-8,000 บาท (ถ้าไปเล่นหิมะ)
– ห้ามใส่ยีนส์ธรรมดา จะเยือกแข็ง!
รองเท้า
– รองเท้าบูทกันหิมะ: 3,000-8,000 บาท
– ต้องกันน้ำ กันลื่น มีขนด้านใน
– แบรนด์แนะนำ: Sorel, Columbia, Merrell
– ซื้อใหญ่กว่าปกติ ½ ไซส์ เพื่อใส่ถุงเท้าหนา
ถุงมือและหมวก
– ถุงมือกันหิมะกันน้ำ: 500-1,500 บาท
– หมวกไหมพรมที่ปิดหู: 300-800 บาท
– เลือกแบบที่ touch screen ได้จะสะดวกถ่ายรูป
Hot Pack (แพ็คร้อน)
– ซื้อที่ญี่ปุ่น: 100 เยน = 24 บาท (แพ็ค 10 ชิ้น)
– ซื้อที่ไทยล่วงหน้า: 150-300 บาท ต่อแพ็ค
– แนะนำซื้อที่ Daiso หรือ Don Quijote ในญี่ปุ่น
– ติดที่ท้อง หลัง และในรองเท้า จะอุ่นทั้งวัน
Secret Tips:
– ใส่ถุงเท้าสองชั้น ชั้นในแบบบาง ชั้นนอกแบบหนา
– เอาพลาสติกใสปิดโทรศัพท์ป้องกันหิมะเปียก
– ใส่ครีมกันแดดแม้อากาศหนาว หิมะจะสะท้อนแสงแรงมาก
จริงๆ นะ หิมะมันไม่ได้มีแต่เรื่องสนุกสนานอย่างที่คิด เพราะถ้าได้ไปเห็น หรือเดินย้ำบนพื้นหิมะนั้นมันลื่นสุดๆ ล้มกันแหลก! และโทรศัพท์ก็เจ๊ง/ดับกันเป็นแถว เตรียมตัวป้องกันดีๆ นะ
อุปกรณ์กันลื่น
– Ice Gripper/Crampons: ซื้อที่ญี่ปุ่น 1,000-2,000 เยน
– จุดซื้อ: Don Quijote, Daiso, ร้านกีฬา
– แบบที่แนะนำ: Yakutrax หรือ Kahtoola MICROspikes
– วิธีใส่: ห่วงยางรัดส้นเท้าและหัวแม่เท้า จะมีหนามเล็กๆ กัดพื้น
เคล็ดลับเดินบนหิมะ:
– เดินเท้าเปิดกว้างนิดหน่อย ห้ามเดินเท้าตรง
– ย่ำให้แน่น อย่าเดินเร็ว
– จับราวหรือผนังตลอดเวลา
– รองเท้าเปียกให้เช็ดทันที ป้องกันแช่แข็ง
มือถือและกล้องในหนาว
– แบตเตอรี่: หนาวแบตหมดเร็วกว่าปกติ 3-5 เท่า!
– Power Bank: เตรียม 2-3 ก้อน ความจุ 20,000 mAh ขึ้นไป
– เคสกันกระแทก: เลือกแบบหนา ป้องกันน้ำแข็ง
– เก็บในเสื้อ: อย่าใส่ในกระเป๋าเฉยๆ แนะนำให้เก็บในกระเป๋าเสื้อหลายๆ ชั้นจะอุ่นขึ้น
เทคนิคถ่ายรูปในหิมะ:
– ถ่าย 10 นาที พักในที่อุ่น 5 นาที
– ใช้ถุงมือบาง ข้างใน + ถุงมือหนาข้างนอก ถอดง่าย
– เช็ดเลนส์บ่อยๆ ไอน้ำจะเกาะ
– ไม่ควรใช้แฟลช ไฟแฟลชจะสะท้อนหิมะเป็นจุดขาว
อุณหภูมิจริงในซัปโปโรช่วงเทศกาล (กุมภาพันธ์):
– กลางวัน: -3 ถึง -8 องศา
– กลางคืน: -8 ถึง -15 องศา
– ความรู้สึกจริง: หนาวกว่านี้เพราะลม! Feel Like -20 องศา
สภาพอากาศประจำวัน:
– หิมะตก 60% ของวัน
– ลมแรง โดยเฉพาะบริเวณ Odori Park (พื้นที่เปิด)
– ชื่นปากชื่นใจมาก ใส่ลิปบาล์มบ่อยๆ
– แสงแดดออกช้า (07.00 น.) ตกเร็ว (17.00 น.)
การปรับตัว:
– วันแรก: ให้เวลาตัวเองปรับ อย่าเดินนานเกิน 2-3 ชั่วโมง
– อาการเป็นลม: หายใจลึกๆ เข้าร้านเล็กๆ พักบ่อย
– Jet Lag + หนาว: นอนเยอะขึ้น กิน วิตามินรวมเสริม
– ผิวแห้ง: ใส่ Moisturizer หนากว่าปกติ ริมฝีปากแตกง่าย
เสื้อผ้าตามอุณหภูมิ:
– ประมาณ -3 ถึง -5 องศา: 2 ชั้นพอ
– ประมาณ -5 ถึง -10 องศา: 3 ชั้น + หมวกและถุงมือ
– ประมาณ 10 องศาลงไป: ห่อแบบหมีขั้วโลกเลย!

ช่วงเช้า (09.00-11.00 น.):
– คนน้อยที่สุด! โดยเฉพาะวันธรรมดา
– แสงธรรมชาติสวยมาก ไม่ต้องใช้แฟลช
– ประติมากรรมมีความสดใส เห็นรายละเอียดชัดเจน
– อากาศยังไม่หนาวมาก สายถ่ายรูปอยู่ได้เป็นชั่วโมงๆ เลย
ช่วงบ่าย (12.00-15.00 น.):
– คนเยอะที่สุด! โซน Odori เป็นพิเศษ
– แสงแดดสว่าง แต่ไม่สวยเท่าแสงตอนเช้า
– เหมาะดูรายละเอียดประติมากรรม ไม่เหมาะถ่ายรูป
ช่วงเย็นถึงกลางคืน (17.00-22.00 น.):
– ไฮไลท์สำคัญ! ไฟประดับจะเปิดในช่วเวลานี้
– บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ
– คนเยอะ แต่บรรยากาศสุดคุ้ม
– ถ่ายรูปสวยมาก แต่ต้องใช้เทคนิคในการถ่ายเพิ่มเติมทั้งในจุดที่มีแสงน้อย และคนเยอะด้วย

Golden Hour คือ:
– ช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้น 06.30-07.30 น. (Sunrise)
– ช่วงเวลาพระอาทิตย์ตก 16.30-17.30 น. (Sunset)
– ช่วงนี้แสงส้มอ่อนๆ สวยที่สุด แต่หนาวสุดด้วย!
โปรแกรมแนะนำ:
– เช้า: ถ่ายรูปโซน Odori คนน้อย
– บ่าย: เที่ยว Tsudome เล่นหิมะ
– เย็น: กลับมา Odori + Susukino ดูไฟ

Odori Park – Hidden Spots:
1. ชั้น 2-3 ของ Sapporo TV Tower
– พิกัด: Odori Nishi 1-chome
– เวลาเปิด: 09.00-22.00 น.
– ค่าเข้าชม: 800 เยน
– มุมถ่ารูปแนะนำ: มุมใต้หอคอยมีมุมกว้างสวยไม่ติดคน
2. ด้านหลังร้าน Daimaru (เดิม Mitsukoshi)
– ห้าง Department ข้าง Odori Park
– ชั้น 8 มี Rooftop Garden (ฟรี!)
– เห็นทั้งงานมุมสูง สวยมากแต่ไม่ค่อยมีคนรู้

3. ข้าง Sapporo Clock Tower
– เดิน 5 นาทีจาก Odori
– มุมข้างๆ หอนาฬิกา ถ่ายได้ทั้งหอคอยและประติมากรรม
– เวลาดี: 07.00-08.00 น.
Susukino Secret Areas:
4. ซอยเล็กหลัง Susukino Crossing
– เดินฝั่งตรงข้าม Don Quijote
– ประติมากรรมน้ำแข็งเล็กๆ แต่สวย ไฟสีต่างๆ
– คนน้อย เพราะซ่อนอยู่
5. Nijo Market Area
– 10 นาทีจาก Susukino
– โซนตลาดเก่า มีประติมากรรมน้ำแข็งแปลกๆ
– บรรยากาศญี่ปุ่นแท้ๆ
Tsudome Area:
6. ด้านหลังอาคาร Tsudome
– พื้นที่เล่นหิมะส่วนตัว
– เด็กๆ น้อย ผู้ใหญ่เล่นได้สบาย
– ถ่ายแบบ Action ได้สบาย
7. ริมแม่น้ำ Toyohira
– 5 นาทีจาก Tsudome
– วิวแม่น้ำ + หิมะ สวยมาก
– เงียบสงบ เหมาะคู่รัก
Exclusive Tips:
– ดาวน์โหลดแอพ “Sapporo Snow Festival Map” จะมีจุดถ่ายรูปลับไว้ให้ตามรอย
– ถามจาก Information Center จะได้แผนที่พิเศษ
– เดินตรงข้าม Main Area มักจะมีมุมสวยๆ ซ่อนอยู่

เอาจริงๆ นะ ถ้าใครยังลังเลอยู่ว่าจะไปหรือไม่ไป เราขอบอกเลยว่าไม่อยากให้พลาด เพราะนี่ไม่ใช่แค่งานเทศกาลธรรมดาๆ แต่เป็นประสบการณ์ที่จะติดตาติดใจที่ควรลองไปสัมผัสประสบการ์ณท่องเที่ยวแบบนี้สักครั้งในชีวิต
ประติมากรรมหิมะในซัปโปโรไม่ได้เป็นแค่การนำหิมะมาแกะสลักเป็นรูปร่างต่างๆ นะ แต่ถือเป็นผลงานศิลปะระดับโลกที่สูงเท่าตึก 3-4 ชั้น! อีกทั้งยังมีเหล่าช่างแกะสลักจากทั่วโลกมารวมตัวกัน แล้วแสดงผลงานศิลปะในรูปแบบการแกะสลักน้ำแข็ง จนได้ผลงานที่ดูแล้วอึ้งว่า “เอ๊ะ! ทำจากหิมะได้ด้วยเหรอเนี่ย?” อีกทั้งในเวลากลางคืนก็มีการประดับประดาไฟสวยงามสะท้อนระยิบระยับท่ามกลางความขาวโพลนและเยือกเย็นของหิมะ บรรยากาศจะสวยจนคิดว่าคุณกำลังอยู่ในหนัง Disney! เลยก็ว่าได้ เผลอๆ รูปที่ถ่ายออกมาสวยจนเพื่อนๆ ต้องถามว่า “ไปไหนมา ทำไมสวยขนาดนี้” เลยทีเดียวนะ

Blogger : Pennapa Uttamang
อดีตบรรณาธิการผู้รับใช้ถ้อยคำมาตลอดหลายสิบปี ปัจจุบันก็ยังคงทำงานเขียน วาดภาพประกอบ เลี้ยงแมว และทำสตูดิโอออกแบบเล็กๆ เกี่ยวกับโบรชัวร์ญี่ปุ่น เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นจะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนผ่านเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่สร้างแรงบันดาลใจให้เรามากมายเช่นกัน
86 Posts

ไป โตเกียวพักย่านไหนดี แนะนำ 15 ย่าน เลือกพักตามสไตล์ที่ใช่
ตอบคำถามให้หายสงสัย ไปโตเกียว พักย่านไหนดี ! แนะนำ 15 ย่านในโตเกียวที่คู่ควรแก...

นั่งชินคันเซ็นคุ้มๆ จากโตเกียวไปโอซาก้า เดินทางง่ายแค่ใช้ JR PASS
เที่ยวให้ทั่วโตเกียวแล้วไปต่อโอซาก้า เพราะเรามีแผนการเดินทางสุดคุ้มจากโตเกียวไ...

พยากรณ์ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสี ประจำปี 2025
อัพเดทพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีของญี่ปุ่น มาให้ดูกันล่วงนี้ เอาไว้จองตั๋วมาเที่ยวญ...

เช็คก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น! “GO” แอปเรียกแท็กซี่อันดับ 1 ที่จะทำให้การเดินทางของคุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมวัฒนธรรมการใช้แท็กซี่อันมีเอกลักษณ์ เพราะวิธีใช้งานแบบง่าย ๆ ไม่ต้องกังวล!
เที่ยวญี่ปุ่น เดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย "GO App" แอปเรียกแท็กซี่อันดับหนึ่งข...

วิธีเดินทางสุดประหยัดจากโตเกียว เที่ยวฟูจิ ที่คาวากูจิโกะ
ทริป เที่ยวฟูจิ คราวนี้ไม่มีหลง เพราะเรารวบรวมวิธีการเดินทางจากกรุงโตเกียวไปยั...
Police
110
Ambulance
119
AMDA International Medical Information Center
03-6233-9266
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว
090-4435-7812
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า
090-1895-0987
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ
090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515