ชมดอกบ๊วยในมิเอะ
ฤดูกาลชมดอกบ๊วย
การชมดอกบ๊วยเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่คนญี่ปุ่นตั้งหน้าตั้งตารอคอยในทุก ๆ ปี เมื่ออากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นในช่วงปลายฤดูหนาวย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงปลายเดือนมีนาคม
ความพิเศษของดอกบ๊วยชิดาเระอูเมะ
กิ่งก้านของต้นบ๊วยชิดาเระอูเมะนั้นจะเต็มไปด้วยดอกบ๊วยหลากสีสันที่ย้อยลงด้านล่างดูพริ้วไหวเหมือนกับจะเคลื่อนไหวได้ ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของดอกบ๊วยชิดาเระอูเมะ ที่ความสวยงามแปลกตาไม่เหมือนดอกไม้ชนิดอื่น และจะบานให้ได้ชมกันแค่ปีละครั้งเท่านั้น
การเดินทางด้วยรถไฟจากโอซาก้าสู่มิเอะ
เดินทางจากโอซาก้าด้วยรถไฟ Kintetsu
การเดินทางจากโอซาก้าไปมิเอะในครั้งนี้เราจะใช้รถไฟ Kintetsu กันค่ะ เพราะเค้ามีตั๋วราคาสุดพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวที่สามารถใช้เดินทางด้วยรถสารธารณะของ Kintetsu ได้แบบไม่จำกัดเป็นเวลา 5 วัน ใช้ได้ทั้ง โอซาก้า เกียวโต นารา มิเอะ และ นาโกย่า
การใช้ตั๋ว Kintetsu Rail Pass
เราสามารถซื้อตั๋ว Kintetsu Rail Pass ได้จากทางเว็บไซต์ หลังจากเราชำระเงินแล้วก็จะได้รับลิงค์เพื่อเปิดใช้งานคิวอาร์โค้ดเพื่อให้ในการเดินทางแทนตั๋วรถไฟนั่นเอง ถือว่าสะดวกสบายและไม่ต้องกลัวทำตั๋วหาย แต่มีข้อควรระวังคือต้องเปิดใช้ตั๋วในวันที่เริ่มเดินทางเท่านั้นนะ
เวลาใช้เราก็แค่นำตั๋วไปสแกนตรงทางเข้ารถไฟที่มีช่องแสกนคิวอาร์โค้ด แค่นี้เราก็สามารถเดินผ่านเข้าไปขึ้นรถไฟได้เลย สำหรับรถไฟที่ต้องทำการจองที่นั่งอย่าง รถไฟ Hinotori หรือ รถไฟ Shimakaze เราก็แค่ไปซื้อตั๋วสำหรับที่นั่งเพิ่มที่จุดบริการ ณ สถานีนั้น ๆ
ราคา ตั๋ว Kintetsu Rail Pass 5 Days
ผู้ใหญ่ ราคา 4,900 เยน
เด็ก ราคา 2,450 เยน
เว็บไซต์ : https://www.kintetsu.co.jp/foreign/english/ticket/krp_5day.html
การซื้อตั๋ว
เนื่องจากครั้งนี้เราจะเดินทางไปจังหวัดมิเอะด้วยรถไฟ Hinotori กัน ก่อนอื่นเราต้องมาซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์สำหรับจองที่นั่งกันก่อน ให้มองหาป้าย Limited Express Ticket ที่จะอยู่บริเวณทางเข้าของสถานี Kintetsu Osaka Namba ค่ะ
หลังจากที่เราแจ้งเวลารถไฟที่เราต้องการจะขึ้นแล้ว ก็ชำระเงินค่าที่นั่งของรถด่วนพิเศษได้เลย แล้วทางเจ้าหน้าที่ก็จะออกตั๋วกระดาษที่ระบุเวลาเดินทางและที่นั่งของเรา ให้ค่ะ เราก็เก็บตั๋วนี้ไว้จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางเลยนะ
การเดินทาง
เราเดินทางออกจากสถานี Kintetsu Osaka Namba ด้วยรถไฟด่วนพิเศษ Hinotori รอบ 11:00 น. เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางคือสถานี Tsu จังหวัดมิเอะ ใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง 21 นาทีเท่านั้น
รถไฟด่วนพิเศษ Hinotori
รถไฟด่วนพิเศษ Hinotori เป็นรถไฟที่วิ่งจากสถานี Kintetsu Osaka Namba จังหวัดโอซาก้า ไปสุดสายที่สถานี Nagoya จังหวัดไอจิ ระหว่างทางเราก็สามารถแวะเที่ยวที่จังหวัดนารา และจังหวัดมิเอะได้ด้วยนะ
ห้องโดยสารค่อนข้างกว้างที่นั่งใหญ่นั่งสบาย สำหรับที่นั่งแบบธรรมดาจะเป็นแบบที่นั่งคู่รวมทั้งหมด 4 แถว โดยที่นั่งแต่ละแถวห่างกันพอสมควรทำให้ไม่อึดอัด และยังมีที่วางสัมภาระได้เยอะ กระจกหน้าต่างที่ใหญ่ก็ทำให้เราสามารถชมวิวระหว่างทางได้อย่างผ่อนคลาย
สำหรับที่นั่งที่อยู่บริเวณหัวขบวนและท้ายขบวนจะเป็นที่นั่งแบบพรีเมี่ยมมีขนาดใหญ่และดูหรูหรามาก เป็นแบบที่นั่งคู่ 2 แถวและที่นั่งเดี่ยว 1 แถว แต่ละที่นั่งที่สามารถชมวิวด้านหน้าขณะรถไฟกำลังวิ่งได้ด้วย และในรถไฟยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างห้องน้ำและเครื่องขายกาแฟให้บริการอีกด้วย
ร้านเบนโตะ Hakoyume
สิ่งที่คู่กับการนั่งรถไฟเดินทางไกลๆ นั่นก็คือ เอกิเบน (Ekiben) หรือเบ็นโตะในสถานีนั่นเอง ครั้งนี้เราก็มีร้านเอกิเบนมาแนะนำให้ทุก ๆ คนกัน นั่นก็คือร้าน Hakoyume ร้านขายเบ็นโตะและข้าวปั้น ท่ีตั้งก็อยู่ชั้นเดียวกับทางเข้าสถานีรถไฟหลังผ่านประตูเข้ามาแล้ว
นอกจากเบ็นโตะที่มีให้เลือกมากมายหลายแบบแล้ว ร้านนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องข้าวปั้นที่ปั้นกันสดๆ แบบตามสั่งให้เราได้ชมกันเลยทีเดียว โดยมีให้เลือกด้วยกันถึง 16 หน้า ไม่ต้องกลัวจะรอนานเพราะใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีต่อการปั้นข้าวปั้น 1 ชิ้นเท่านั้น
ข้าวปั้นที่เราสั่งมาทานกันในวันนี้เป็นเมนูแนะนำของทางร้านนั่นคือ หน้าเบนิชาเกะ หรือ Red Salmon ที่ทางร้านบอกว่าเป็นเมนูยอดขายอันดับ 1 ความอร่อยของข้าวญี่ปุ่นนุ่ม ๆ ใส่ไส้มาแบบเน้น ๆ คลุกเกลือออกเค็ม ๆ นิดหน่อยเข้ากับเนื้อปลาได้อย่างพอดิบพอดี
และอีกเมนูก็คือเบ็นโตะประจำฤดูกาล ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงใกล้เข้าฤดูใบไม้ผลิ ทางร้านก็เลยมีเบ็นโตะในธีมซากุระขายด้วย ด้านในก็จะประกอบไปด้วยของอร่อยที่จัดสีสันหน้าตาให้เข้ากับฤดูกาลมาครบทั้งของคาวของหวานเลยทีเดียว
เบ็นโตะอีกหนึ่งเมนูที่เราอยากแนะนำให้ลองคือ เบ็นโตะพิเศษที่ทำขึ้นมาให้กับรถไฟด่วนพิเศษ Hinotori ที่เรานั่งกันวันนี้ สำหรับใครที่กินจุและชอบของทอดรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะมีไก่ทอด ปีกไก่ทอดและทาโกยากิในปริมาณที่เยอะแบบจุใจ
สถานที่ท่องเที่ยวเพื่อชมดอกบ๊วย
ศาลเจ้ายูกิ ( Yuki Shrine )
ศาลเจ้ายูกิแห่งนี้เป็นศาลเจ้าเล็ก ๆ ในเมือง Tsu ที่เต็มแน่นไปด้วยต้นบ๊วยกว่า 300 ต้นกว่า 10 สายพันธุ์ หนึ่งในนั้นคือ บ๊วยชิดาเระอูเมะที่เข้ากับศาลเจ้าแบบญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี สีสันของดอกไม้ตัดกับท้องฟ้าในวันอากาศดียิ่งทำให้บรรยากาศสวยขึ้นไปอีก
และยังมีสวนภายในศาลเจ้าขนาดไม่ใหญ่หนัก ทำให้ใช้เวลาเดินชมดอกบ๊วยได้แบบสบาย ๆ ไม่เหนื่อย ซึ่งคนที่มาเที่ยวชมที่นี่ส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่นค่ะ
ศาลเจ้ายูกิเดินทางมาได้ไม่ยาก นอกจากการเดินทางด้วยรถสาธารณะที่สามารถนั่งมาลงที่หน้าศาลเจ้าได้เลยแล้ว สำหรับคนที่เช่ารถขับเที่ยวเองก็สามารถขับมาจอดที่ศาลเจ้าได้ เพราะมีที่จอดรถฟรีคอยให้บริการอีกด้วย
Yuki Shrine
ที่อยู่ | 2341 Fujikata, Tsu, Mie 514-0815 |
วิธีเดินทาง | จากสถานี Tsu ทางออก East exit ขึ้นบัสที่ป้ายหมายเลข 2 ( Bus bound for Yonezu via Yanagiya ) มาลงที่ป้าย Yuki Jinja-Mae |
เวลาทำการ | 11 กุมภาพันธ์ – ปลายเดือนมีนาคม 2025 9:00 ~ 17:00 น. |
ราคา | ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็ก 400 เยน |
สวนซูซุกะโนะโมริ ( Suzuka Forest Garden )
ที่นี่มีสวนต้นบ๊วยขนาดใหญ่ที่มีเทือกเขาซูซูกะเป็นพื้นหลัง ซึ่งเป็นจุดชมดอกบ๊วยที่สวยที่สุดในเมืองซูซูกะ และจะเปิดให้เข้าชมภายในสวนแค่ปีละครั้งในช่วงฤดูกาลของดอกบ๊วย ในเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมของทุกปีเท่านั้นนะ
ที่สวนนี้มีดอกบ๊วยนานาพันธุ์รวมถึงดอกบ๊วยชิดาเระอูเมะด้วย ภายในสวนใช้การตกแต่งสวนแบบญี่ปุ่นดั่งเดิมเพื่อเป็นการสืบทอดให้กับคนรุ่นหลัง ได้ชมถึงความสวยงามแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ ซึ่งงดงามแบบหาที่ติไม่ได้ ต้นไม้ที่นี่หลาย ๆ ต้นก็มีขนาดใหญ่มากดูแล้วยิ่งตื่นตาตื่นใจเลย
บางวันจะมีการประดับไฟในช่วงกลางคืนด้วย ซึ่งทำให้ที่นี่ดูสวยตระการตาเข้าไปใหญ่ การประดับไฟตอนกลางคืนจะจัดขึ้นในช่วงที่ดอกบ๊วยบานเต็มที่ ใครมาเที่ยวในช่วงนี้อย่าพลาดเลยทีเดียว
Suzuka Forest Garden
ที่อยู่ | 151-2 Yamamotocho, Suzuka, Mie 519-0315 |
วิธีเดินทาง | จากสถานี Yokkaichi ( JR/Kintetsu ) นั่ง Shuttle Bus มาประมาณ 40 นาที |
เวลาทำการ | กลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงปลายเดือนมีนาคม (ขึ้นอยู่กับการบานของดอกบ๊วย) ช่วงประดับไฟ 9:00 ~ 20:30 น. |
ราคา | 700 ~ 1,800 เยน |
Website | Suzuka Forest Garden |
นาบานะ โนะ ซาโตะ ( Nabana No Sato )
ถ้าพูดถึงสวนดอกไม้ในจังหวัดมิเอะ ทุกคนก็ต้องคิดถึงสวนนาบานะ โนะ ซาโตะ แห่งนี้แน่นอน ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิก็มีต้นดอกบ๊วยสวย ๆ ถึง 330 ต้น ซึ่งมีดอกบ๊วยชิดาเระอูเมะรวมอยู่ด้วย โดยมีพื้นที่เกือบ 10,000 ตารางเมตรให้เราได้ชมกัน
ไฮไลท์ของที่นี่คือการประดับไฟในช่วงกลางคืน ให้เราได้เดินสบาย ๆ ในอากาศเย็น ๆ ของฤดูนี้ และยังสามารถเพลิดเพลินกับแสงไฟที่สาดส่องไปยังดอกบ๊วยหลากสีสันกับบรรยากาศสุดโรแมนติกตามสไตล์ของสวนนาบานะ โนะ ซาโตะ
ในสวนจะมีทางเดินลัดเลาะตามแถวต้นไม้ให้เราเดินหลายทางเลยทีเดียว ทำให้เราไม่รู้สึกเบื่อและเดินชมเพลินๆ จนลืมเวลาเลย นอกจากโซนดอกบ๊วยแล้วก็ยังมีโซนต่าง ๆ ให้เราได้เข้าชมอีกหลายโซน และยังมีร้านอาหารอีกมากมายให้เราแวะทานอาหารค่ำก่อนกลับที่พักด้วย
Nabana no Sato
ที่อยู่ | 〒511-1144 Mie, Kuwana, Nagashimacho Komae, Urushibata |
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัสจาก Meitetsu Bus Center ( Nagoya ) ใช้เวลา 30 นาที |
เวลาทำการ | วันจันทร์ – วันศุกร์ 10:00 ~ 21:00 น. วันเสาร์ – วันอาทิตย์ 10:00 ~ 22:00 น. |
ราคา | 2,500 เยน เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เข้าฟรี |
Website | Nabana no Sato |
สรุป
ฤดูกาลชมดอกบ๊วยแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่เป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่คนญี่ปุ่นรอคอยในทุกๆ ปี และมีความสวยงามมาก ๆ ถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม ก็อย่าลืมเก็บพิกัดชมดอกบ๊วยเอาไว้ในลิสต์เวลามาเที่ยวญี่ปุ่นด้วยนะคะ