Contents Index
หลายๆ คนอาจจะคุ้นหู จังหวัด ซากะ จากในซีรีย์ไทยหลายๆ เรื่อง รวมไปถึงภาพของธรรมชาติที่สวยงาม แอบแฝงไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ สิ่งนี้เองจึงทำให้เราอยากแนะนำ และชวนให้ทุกคนมาทำความรู้จักกับ ‘ซากะ’ ให้มากยิ่งขึ้น เพราะซากะยังมีอะไรอีกเยอะที่รอให้ไปค้นหา มาดูกันว่ามีอะไรที่น่าให้ไปเที่ยวบ้าง
จังหวัด ซากะ อยู่ในคิวชูตอนเหนือ มีวิธีการเดินทางหลักๆ ที่แนะนำเลยอยู่ 2 วิธี คือ
1. ด้วยรถไฟสามารถเดินทางด้วยรถไฟ JR โดยซื้อพาส JR Northern Kyushu Area Pass ที่ครอบคลุมหลายจังหวัดในคิวชูตอนเหนือได้เลย
หลังจากที่ได้รู้วิธีการเดินทางท่องเที่ยวในซากะกันไปคร่าวๆ ต่อมาขอแนะนำไฮไลต์เด็ด 5 สถานที่ห้ามพลาดหากได้มาที่ซากะ ขอบอกว่าทริปนี้ อิ่มอร่อย ฟินทั้งของกิน ของช้อป และวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแน่นอน
สถานที่แรกที่จะขอแนะนำต้องเป็นที่นี่เลย ‘ศาลเจ้ายูโทคุอินาริ’ ศาลเจ้าเก่าแก่อายุหลายร้อยปีของเมืองซากะ เชื่อว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ติดอันดับ 1 ใน 3 ศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ใครที่เป็นแฟนละครช่อง 3 คงคุ้นเคยกับศาลเจ้านี้อย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนั้นก็คือ “กลกิโมโน” ที่พี่เบิร์ดของเราเล่นเป็นพระเอกนั่นเองค่ะ
มาพูดกันในส่วนของเทพเจ้าศักดิ์สิทธ์ที่ผู้คนมาสักการะ จะอยู่ภายในอาคารไม้ทรงสูงสีแดงที่ตั้งเด่นอยู่ท่ามกลางหุบเขา เต็มไปด้วยสีสันและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกดื่มด่ำกับศิลปะที่งดงามเหล่านี้ได้ไม่ยากเลย
หากขึ้นมาสักการะเทพเจ้าต้องเดินขึ้นบันไดมาหน่อย แต่ก็ไม่ลำบากมาก ที่โชคดีคือทำให้เราได้เห็นวิวใบไม้เปลี่ยนสี และบ้านเรือนโดยรอบจากในมุมสูงนี้ได้สวยมากๆ
ชาวเมืองซากะยังเชื่อว่าสถานที่นี้เป็นที่ประทับของเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ คนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจึงมาสักการะเทพเจ้าที่นี่กันอย่างไม่ขาดสาย ในสมัยก่อนชาวซากะที่ทำการเกษตรก็จะมาขอพรให้ได้ผลเก็บเกี่ยวที่ดี แต่ปัจจุบันก็มีทั้งมาขอพรในเรื่องการเกษตร หรืออาจจะเพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน รวมไปถึงเรื่องสุขภาพก็ต้องแวะมาที่นี่กันทั้งนั้น
หากใครที่ไหว้แค่ข้างนอกยังไม่อิ่มใจ เพราะอุตส่าห์มาถึงศาลเจ้ายูโทคุอินาริทั้งที ก็สามารถขอให้ทางศาลเจ้าทำพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อไหว้เทพเจ้าและขอพรในแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมก็ให้บอกกล่าวกับทางศาลเจ้าได้เลย โดยสนนราคาอยู่ที่ 20,000 เยน ต่อ 1 กรุ๊ป ขอบอกว่าห้ามพลาดที่จะได้มาซึมซับวัฒนธรรมแบบนี้ที่ซากะเลย
และแน่นอนว่าในศาลเจ้าของญี่ปุ่นก็จะมีโซนที่ขายเครื่องรางญี่ปุ่นอยู่ประจำศาลเจ้าทุกที่ อย่าลืมแวะซื้อเครื่องรางที่นี่เป็นของฝากให้ตัวเองและคนที่รักเพื่อเสริมพลังในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการงาน ความรัก สุขภาพ รวมไปถึงเรื่องค้าขายรุ่งเรือง ให้กิจการเฮงๆ กันตรงนี้ได้นะ
และเนื่องจากศาลเจ้านี้ตั้งอยู่ในหุบเขา หากเดินตามทางเดินที่มีประตูโทริอิสีแดงเรียงรายมาเรื่อยๆ จะพบกับเส้นทางเดินชมธรรมชาติ และเป็นจุดชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยมากๆ ทำให้นึกถึงในช่วงฤดูซากุระบาน เราคงจะเจอซากุระบานสะพรั่งเต็มทางเดินแน่ๆ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดถ่ายรูปที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว
เมื่อเราเดินออกมาหน้าศาลเจ้า แล้วเลี้ยวซ้ายมาหน่อย จะพบกับถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้าที่ขายของที่ระลึกอยู่ รวมไปถึงขนมอร่อยๆ ประจำถิ่น และของฝากน่ารักๆ เต็มไปหมด
ในจังหวัดซากะยังมีเมืองอะริตะที่โด่งดังเรื่องลวดลายของเซรามิกที่เป็นเอกลักษณ์และไม่เหมือนใคร ดังนั้นใครที่มาแถบคิวชู จะต้องพบกับร้านขายเครื่องปั้นดินเผาและเซรามิกแทรกอยู่ตามสถานที่ และร้านรวงต่างๆ ถ้าใครที่มองหาของฝาก ลองแวะมาเดินเล่นที่นี่ได้เลย
สุดท้ายนี้ขอปิดท้ายด้วยวิวจากสะพานด้านหน้าศาลเจ้ายูโทคุที่ทำให้รู้สึกถึงความสงบในแบบสโลวไลฟ์ของซากะเป็นอย่างดี ขอแนะนำเลยสำหรับใครที่อยากหนีความวุ่นวายในตัวเมือง หลบมาให้ซากะช่วยเยียวยาหัวใจสักพัก คงจะฟินไม่ใช่น้อยยย
ที่อยู่ | 1855 Furueda, Kashima-shi, Saga-ken 849-1321, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | สามารถเดินทางด้วยรถไฟ JR ลงสถานี Hizen-Kashima Station แล้วต่อรถบัสที่ Kashima Bus Center มาลงที่หน้าศาลเจ้า Yutoku Inari Shrine ได้เลย |
เวลาทำการ | เปิดตลอด 24 ชั่วโมง |
ค่าเข้าชม | ไม่เสียค่าใช้จ่าย |
จอดรถ | สำหรับคนที่นำรถยนต์มา ทางศาลเจ้ามีลานจอดรถไว้รองรับ และไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ |
Website | Yutokusan |
สวนโยชิโนการิเป็นเหมือนอุทยานประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคยาโยอิ หลายคนอาจจะคุ้นหูมาจากชื่อร้านอาหารญี่ปุ่น แต่จริงๆแล้ว ยาโยอิเป็นชื่อของยุคสมัยหนึ่งที่สำคัญของญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์ทีนี่ยาวนานมากถึง 700 ปี ซึ่งยุคแรกของยาโยอิอยู่ในยุคก่อนคริสตศักราชถึง 2 ศตวรรษเลย เป็นยุคที่มีความเจริญรุ่งเรื่องอย่างมาก ที่นี่จึงเป็นเสมือนแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นในสมัยโบราณได้เป็นอย่างดี
ก่อนเข้าชมด้านในอุทยานประวัติศาสตร์ ต้องมาซื้อตั๋วเข้าอุทยานที่ด้านหน้านี้ก่อน ในจุดนี้ไม่ต้องกังวลเราจะเดินหลงหรือว่าจะไม่ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่มีมากว่าร้อยปีของที่นี่อย่างเต็มที่ เพราะทางอุทยานจะมีไกด์นำเที่ยวที่แต่งตัวเป็นชาวยาโยอิ มาคอยอธิบายและเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวยาโยอิ และสถานที่ต่างๆ ในเขตพื้นที่โยชิโนการิด้วย
ก่อนเดินเข้าไปด้านในหมู่บ้านประวัติศาตร์ จะพบกับกำแพงเมืองทำด้วยไม้ที่สูงใหญ่ พร้อมกับประตูทางเข้าที่มีรูปปั้นนกทำด้วยไม้ ประดับอยู่ด้านบนของประตูทุกๆ ประตู เมื่อเราถามจากไกด์ก็ได้ความว่า บรรดานกพวกนี้เปรียบเสมือนข้อความจากพระเจ้า ซึ่งเป็นความเชื่อโบราณของชาวยาโยอิที่เราได้เรียนรู้จากไกด์นั่นเอง
ในหมู่บ้านโยชิโนการิที่เราได้เข้ามานี้ บ้านเรือนต่างๆ ของที่นี่มีหลายแบบมากๆ ความแตกต่างเหล่านี้แบ่งจากชนชั้นและฐานะนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นที่ประทับของกษัตริย์และผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับศาสนาก็จะเป็นอีกรูปแบบนึง บ้านของชาวบ้านก็จะเป็นอีกแบบนึง รวมถึงอาคารทรงสูงก็จะเป็นเหมือนหอคอยใช้ในการเฝ้าระวัง ซึ่งทุกๆ อย่างก็ยังคงความดั้งเดิมเอาไว้ทั้งหมด
ไกด์ของเราจะพาไปดูกิจกรรม รวมถึงการจำลองการดำเนินชีวิตในสมัยโบราณเอาไว้ด้วย
หากไม่เหนื่อยนัก อยากจะแนะนำให้เดินต่ออีกสักหน่อยเพื่อมาแวะพักชมดอกโซบะที่บานสะพรั่งเต็มสวน ซึ่งในแต่ละฤดูดอกโซบะจะมีสีที่เปลี่ยนไป ทำให้วิวทิวทัศน์ของที่นี่ก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
อย่างในช่วงหน้าหนาวนี้ดอกโซบะจะเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ในช่วงฤดูอื่นๆ ดอกโซบะจะเปลี่ยนเป็นสีขาว ถือว่าเป็นความสวยงามอีกอย่างนึงที่น่ามาเช็คอินถ่ายรูปกันก็ฟินสุดๆ
ที่อยู่ | 1843 Yoshinogari-machi, Kanzaki-gun, Saga-ken, 842-0035, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | 1. นั่งรถไฟ JR จากสถานีโทซุ มาลงสถานีคันซาคิหรือสถานีโยชิโนการิโคเอง 2. นั่งรถไฟ JR จากสถานีซากะ มาลงสถานีคันซาคิหรือสถานีโยชิโนการิโคเอง แล้วเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที *กรณีมาโดยรถไฟฟ้าชินคันเซนสายคิวชู ให้เปลี่นมาใช้สายธรรมดาที่สถานีชินโทซุ |
เวลาทำการ | 1 เม.ย. – 31 พ.ค. เปิดเวลา 9.00 – 17.00 น., 1 มิ.ย. – 31 ส.ค. เปิดเวลา 9.00 – 17.00 น., 1 ก.ย. – 31 มี.ค. เปิดเวลา 9.00 – 17.00 น. |
ช่วงปิดทำการ | วันที่ 31 ธันวาคม / วันจันทร์และอังคารที่ 3 ของเดือนมกราคม |
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่(15 ปีขึ้นไป) 460 เยน, ผู้สูงอายุ (มากกว่า 65 ปี) 200 เยน |
จอดรถ | มีลานจอดรถรับรอง เสียค่าจอดรถยนต์ 310 เยน |
Website | Yoshinogari |
ถนนสายฮิเซ็นฮามาชูกุ (Hizen Hamashuku) ถนนเก่าแก่แห่งคาชิมะ เรียกได้ว่าเป็นอีกไฮไลต์ของเมืองซากะ ย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องร้านสาเกและโรงงานทำสาเกอันโด่งดัง ที่แฝงตัวอยู่ภายในอาคารบ้านเรือนเก่าแก่อายุนับร้อยๆปี เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่น่ามาเดินเล่นกินลมชมวิวสุดๆ นอกจากจะได้พบกับร้านขายสาเกขึ้นชื่อของเมืองแล้ว ยังเจอกับร้านขายของน่ารักๆ ที่เป็นงาน Handmade เก๋ๆ ชิคๆ ที่ไม่เหมือนใครแน่นอน
อย่างบ้านหลังนี้ที่เราเจอโดยบังเอิญ เป็นบ้านไม้เก่าแก่ ประตูบ้านเปิดต้อนรับผู้มาเยือน ภายในประดับด้วยงานศิลปะที่ทำจากเหล็กและอะลูมิเนียม สวยจนต้องขออนุญาติคุณลุงเจ้าของบ้าน เข้าไปดูสักหน่อย
ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลย นอกจากคุณลุงจะเป็นช่างเหล็กฝีมือเยี่ยม ลุงยังเป็นครูสอนและเคยจัดเวิร์คช้อปให้เด็กๆและผู้ที่สนใจด้วย
บ้านในย่านนี้ส่วนมากมักเปิดเป็นร้านให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปสอบถาม และซื้อสินค้าจากเค้าได้เลย เพราะร้านค้าแทบทุกหลังมักจะเปิดประตูไว้รอรับนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ
มาถึงถนนที่ขึ้นชื่อเรื่องสาเก จะไม่ให้พามาโรงงานผลิตสาเกได้ยังไง อีกหนึ่งร้านที่อยากแนะนำแต่ต้องขับรถออกมาหน่อยก็คือร้านนี้เลย นอกจากที่เค้าจะใจดีพาเราไปชมโรงงานสาเกด้านในแล้ว ที่นี่ยังมีซอฟต์ครีมรสสาเกที่ไร้แอลกอฮอล์ เด็กๆ ก็มาลองชิมกันได้ อยากให้ทุกคนได้มาลิ้มรสรสชาติหอมละมุนอย่าบอกใครนี้ด้วยตัวเองสักครั้ง
ที่อยู่ | 2696 Hamamachi, Kashima-shi, Saga-ken, 849-1322 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย Nagasaki Line ลงสถานี Hizen-Hama Station แล้วเดินต่ออีกประมาณ 6 นาที |
Saga Kashima Kankou |
อาริตะ ถือเป็นอีกเมืองนึงในจังหวัดซากะที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องเคลือบดินเผาเป็นที่สุด หากแวะมาห้ามพลาดที่จะมาถ่ายรูปชมความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมบาโรกที่ Arita Porcelain Park พร้อมถ่ายรูปคู่กับพระราชวังสวิงเกอร์จำลอง ที่ตั้งอยู่เมืองเดรสเดน ประเทศเยอรมัน เหมือนเราได้หลุดเข้าไปอยู่ในยุโรปง่ายๆ จากซากะ ให้โซเชียลอิจฉากันไปเลย
นอกจากในส่วนของสวนและพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ตระการตา อาคารร้านค้าที่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านขายเครื่องปั้นดินเผาและงานเซรามิกโดยเฉพาะ ร้านอาหาร ทั้งหมดล้วนสร้างเหมือนบ้านสไตล์ยุโรปน่ารักๆ ไม่ว่าจะหันกล้องไปมุมไหน ก็ดูน่ารักน่าถ่ายรูปเล่นไปซะหมด
หลังจากเดินชมสวน ถ่ายรูปเล่นมาจนเหนื่อยแล้ว อยากให้แวะมาร้านนี้ที่อยู่ในพื้นที่ของ Arita Porcelain Park เพราะมีเมนูเด็ดที่อยากชวนสายเนื้อให้มาลองชิมคือเมนู Imari Beef เนื้อวัวรสชาติละมุนจากเมืองอิมาริ ของดีจังหวัดซากะ ที่มาแล้วต้องมาลองให้ได้
หลังจากมานั่ง เจ้าหน้าที่จะยกน้ำชามาให้ พร้อมถ้วยชาใบเล็กๆ ให้เราแก้ดับกระหายก่อน จากนั้นเรามาสั่งเมนูเด็ด Imari Beef กัน
แท่นแท๊นนนน! ในที่สุดก็มาแล้วพระเอกของเรา เนื้อวัวจากเมืองอิมาริชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟมาบนกระทะร้อน พร้อมเครื่องเคียงในสไตล์ญี่ปุ่น
รับประทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ผักดอง น้ำซุป และไข่ตุ๋น มื้อนี้นอกจากจะอิ่ม ยังได้ความฟินไปเต็มๆ
ก่อนกลับแวะมาชมงานเซรามิกที่เป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ได้ สำหรับใครที่ต้องการซื้อของฝากแต่กลัวทำแตกเสียก่อนจะกลับ ทางร้านก็มีบริการเจ้าแมวดำ ไว้ส่งของให้ไปรอที่สนามบินก่อนได้เลย
ที่อยู่ | 340-28 Arita-cho, Nishimatsuura-gun, Saga-ken, 844-0014 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Sasebo Line ลงสถานี Kami-Arita Station แล้วนั่งรถยนต์ต่อมาอีก 5 กิโลเมตร |
ค่าเข้าชม | ฟรี |
เวลาทำการ | เปิดทำการ จันทร์-ศุกร์ 9.00-17.00 น. , เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุด 9.00-21.00 น. |
Website | Nonnoko |
ความอิ่มอร่อยและวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของซากะยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ คราวนี้จะมาเอาใจคนรักปู จึงขอพาทุกคนหนีจากวิวภูเขา มาเที่ยวทะเลกันบ้าง กับร้านโฮโยโซ หรือ Hoyoso Inn ที่เปิดเป็นร้านอาหาร พร้อมที่พักติดทะเล ให้นักท่องเที่ยวได้มาเพลินเพลินกับคลื่นลมทะเลกันเลย
ภายในร้านตกแต่งด้วยบรรยากาศเรียบง่าย มีม่านกั้นฉากแต่ละโต๊ะเอาไว้ ให้ความเป็นส่วนตัวสุดๆ
และเมนูเด็ดของร้าน ที่ใครแวะมาก็ต้องมาลอง ต้องหนีไม่พ้นเซ็ทข้าวหน้าปูชุดใหญ่ Kani-Mabushi ให้สายปูได้มาอร่อยกับเนื้อปูหวานๆ แน่นๆ เต็มคำ
ไม่เพียงข้าวหน้าปูชามใหญ่ ยังมาพร้อมซอสน้ำจิ้มรสเด็ดถึงสามรสชาติ สามสไตล์ เพลินจนรู้ตัวอีกทีก็หมดชาม นอกจากนี้ยังมีซุปสาหร่ายและไข่ตุ๋นที่มีแซมด้วยซอสคาโบนาร่ารสชาติละมุนลิ้น ในเซ็ทยังมีตบท้ายด้วยของหวานอย่างพุดดิ้ง และชีสเค้ก ทั้งเซ็ทใหญ่สุดฟินนี้ในราคา 2,730 เยน
อย่างที่บอกว่าที่นี่ นอกจากจะเป็นร้านอาหารแล้วยังเปิดที่พักให้นักท่องเที่ยว พร้อมออนเซนที่มองเห็นวิวน้ำทะเล เจ้าของแอบบอกว่าถ้าโชคดีเราอาจจะได้เจอปลาโลมามาว่ายน้ำเล่นอีกต่างหาก ส่วนในตอนกลางคืนนั้นไม่ต้องพูดถึง แช่ออนเซนไปดูดาวไปก็ฟินนน
ที่อยู่ | 1099-5 Ohoura, Tara-cho, Fujitsu-gun, Saga-ken 849-1613, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ Nagasaki Line มาลงที่สถานี Hizen-O-Ura Station แล้วเดินต่ออีกประมาณ 2 กิโลเมตร หรือนั่งแท็กซี่มาลงได้ค่ะ |
เวลาทำการ | ทุกวัน 11.30-16.00 น. |
Website | NiKani |
Blogger : LemonadeNW
ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ บล็อกเกอร์มือใหม่ สนใจเครื่องสำอาง แหล่งช้อปปิ้ง กินของหวาน เพิ่งเข้าวงการรีวิวและท่องเที่ยวญี่ปุ่น มารู้จักญี่ปุ่นไปพร้อมๆ กันนะคะ
35 Posts
นั่งชินคันเซ็นคุ้มๆ จากโตเกียวไปโอซาก้า เดินทางง่ายแค่ใช้ JR PASS
เที่ยวให้ทั่วโตเกียวแล้วไปต่อโอซาก้า เพราะเรามีแผนการเดินทางสุดคุ้มจากโตเกียวไ...
วิธีเดินทางสุดประหยัดจากโตเกียว เที่ยวฟูจิ ที่คาวากูจิโกะ
ทริป เที่ยวฟูจิ คราวนี้ไม่มีหลง เพราะเรารวบรวมวิธีการเดินทางจากกรุงโตเกียวไปยั...
จากนาริตะไปโตเกียว รวมวิธีเดินทางสุดสะดวก เข้าเมืองชิลๆ
รวมมิตรวิธีการเดินทาง จากนาริตะไปโตเกียว ที่รู้ไว้ก่อนออกเดินทางแล้วรับรองไม่ม...
เที่ยวญี่ปุ่น เมืองไหนดี แนะนำ 10 เมืองเด็ด ความน่าสนใจ ที่ต้องไปเยือน
เที่ยวญี่ปุ่น เมืองไหนดี แนะนำ 10 เมืองเด็ดน่าเที่ยว ที่มีความโดดเด่นน่าสนใจ ท...
ไป โตเกียวพักย่านไหนดี แนะนำ 15 ย่าน เลือกพักตามสไตล์ที่ใช่
ตอบคำถามให้หายสงสัย ไปโตเกียว พักย่านไหนดี ! แนะนำ 15 ย่านในโตเกียวที่คู่ควรแก...
บัตร Osaka E-Pass ให้คุณไปท่องเที่ยวได้มากกว่า 20 สถานที่แบบฟรีๆ ใช้ระบบแสกน QR-CODE ไม่จำเป็นต้องซื้อตั๋ว
14/03/2023 | Japan
จุดชมซากุระได้ตั้งแต่เมษายนถึงพฤษภาคม 16 พิกัดชมซากุระในโทชิงิและมินามิโทโฮคุที่ไม่ควรพลาด
23/02/2023 | Tohoku
เหล้าบ๊วยญี่ปุ่น 7 อันดับ รสเยี่ยม ที่ต้องห้ามพลาด
23/02/2017 | Japan
แต่งตัวไปญี่ปุ่นเดือนเมษายน เที่ยวสบาย ในฤดูใบไม้ผลิ
05/04/2017 | Japan
สุดยอดสถานที่เที่ยววิวสวยแห่งโทชิงิ-มินามิโทโฮคุ 16 แห่ง! ทิวทัศน์สวยงามตระการตาจากธรรมชาติที่หาดูได้จากที่นี่ที่เดียว
23/02/2023 | Japan
Police
110
Ambulance
119
AMDA International Medical Information Center
03-5285-8088
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว
03-5789-2449
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า
06-6262-9226-7
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ
092-686-8775
เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น คลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้คุ๊กกี้ของเราผ่านทาง นโยบายความเป็นส่วนตัว