คูปองส่วนลดที่น่าสนใจ
20%
15%
17%

โอฮาโยโกไซมัส เพื่อนๆจำได้ไหมตอนนี้เราอยู่ในตอนเที่ยวมิเอะกัน ความเดิมตอนที่แล้ว ในบทความตอนที่ 1 เราไปเที่ยว ศาลเจ้า Ise Jingu ต่อด้วยเดินเล่นและทานอาหารกลางวันที่ Okage Yokocho Ancient Street หลังจากนั่นเราก็ไปกันที่ Meoto Iwa และ Yokoyama Tenbodai ปิดท้ายวันแห่งความสุขด้วยดินเนอร์ที่โรงแรม Prime Resort Kashikojima และนอนหลับบนเตียงนุ่มๆ ในส่วนของวันที่สอง หญิงก็พาไปดูโชว์นินจา ซึ่งหลังจากนั่นหญิงค้างไว้ที่อาหารกลางวันสุดจะฟินที่ยังไม่ได้บอกเพื่อนๆว่ามันคืออะไร ใช่ไหมคะเพื่อนๆ หากเพื่อนๆคนไหนยังไม่ได้อ่าน ไปติดตามตอนที่ 1 กันก่อนได้นร้า งั้นในบทความนี้เราไปเที่ยวมิเอะกันต่อเถอะค่ะ

ถึงเวลาข้าวเที่ยงของเราแล้วค่ะเพื่อนๆ ข้าวมื้อนี้บอกเลยว่าเด็ดมาก เพราะหญิงจะพาไปทานเนื้อ A5 สุดแสนจะนุ่มละมุนลิ้นกัน เนื้อในวันนี้มีชื่อเรียกว่า เนื้ออิกะ

ร้านคานายะ เป็นร้านเก่าแก่ที่ขายเนื้ออิกะมาเป็นระยะเวลา 100 กว่าปี ปัจจุบันคนขายเป็นรุ่นที่ 4แล้วจ้า ร้านของเขามีตำนานนะขอบอก

ภายในร้านมีสองชั้น เป็นตึกยาวๆ ยาวมากจริงๆ แบ่งเป็นห้องส่วนตัวหลายๆห้อง หรือเรียกว่า โคะชิซึ (個室)แน่นอนว่าสไตล์การแต่งร้านก็แบบญี่ปุ่นเลยจ้า

และแล้วอาหารเชตที่เราสั่งก็มาถึงแล้วจ้า เป็นเซตผักที่น่าทานมาก ล้อเล่นนร้า ฮ่าๆ เมนูของเราเป็นสุกิยากิเนื้ออิกะชั้นดี นอกจากเมนูนี้ ก็มีสเต็ก ชาบูชาบู เนื้ออิกะย่างเนย เนื้อย่างบนตะแกรง อีกด้วย

พอคุณป้าพนักงานเอามาเสิร์ฟแล้วนั่น คุณป้าจะนั่งจัดแจง นำมันของเนื้ออิกะลงไปละเลงทั่วกะทะ ให้หอมและมัน หลังจากนั่นก็ใส่เนื้อแดงๆที่มีลายขาวๆแทรกลงไปบนกะทะ ผ่านไปได้ไม่ถึงสามสี่นาที คุณป้าก็คีบมาวางไว้ในถ้วยไข่ของเรา อุ้ย อย่าได้รอช้า ทานเลยจ้า

ซึ่งอยากจะบอกว่า เนื้ออิกะเป็นเนื้อที่อร่อยพอๆกับเนื้อมัตสึซากะ และโด่งดังมากในระแวกนี้ สาเหตุที่พวกเราไม่ค่อยรู้จักกันเพราะเนื้อประเภทนี้มีจำนวนจำกัด เลยยังไม่ได้ถูกส่งออก มีแต่คนท้องถิ่นเท่านั่นที่จะรู้จักจ้า พอคุณป้าคีบเนื้อมาใส่ลงที่ถ้วยไข่แล้ว คุณป้าจะทำการใส่น้ำตาล มิริน และผักลงไป เพื่อทำสุกิยากิ ซึ่งต้นตำรับร้านนี้คือไม่ใส่น้ำสต๊อกจ้า

และหน้าตาของสุกี้ยากิก็จะออกมาประมาณนี้ คือถ้ามองรูปแล้วมีกลิ่นออกมาด้วยคงจะฟินมากๆอะค่ะ

Kanaya (金谷):สุกิยากิเนื้ออิกะสุดละมุนลิ้น
| ที่อยู่ | 434 Ueno Nonimmachi, Iga-shi, Mie Prefecture 518-0831 |
|---|---|
| วิธีเดินทาง | จาก Ninja Museum Igaryu เดินประมาณ 13 นาที |
| เวลาทำการ | 11:00 – 20:30 น. ปิดทำการ : ทุกวันจันทร์ |
| ราคา |
เมนูสเต็ก(เนื้อสันนอก) 9,680 – 13,310 เยน |
| โทรศัพท์ | 0595-21-0105 |

ทานเนื้ออิกะนุ่มๆกันอิ่มอกอิ่มใจกันแล้ว ได้เวลาเดินทางต่อแล้วจ้า เดินจากร้านคานายะ มาที่สถานี Hirokoji station (広小路駅) เพียง 2 นาทีเท่านั่น เพื่อนั่งรถไฟกลับไปที่สถานี Iga-Kambe (伊賀神戸駅) ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีค่ะ แน่นอนว่าการขึ้นรถไฟครั้งนี้ โชว์บัตร Kintetsu Rail Pass Plus ก็ขึ้นรถไฟได้เลย

พอถึงสถานี Iga-Kambe (伊賀神戸) แล้ว เราก็จะนั่งรถบัสของทาง Menard Aoyama Resort ไปที่รีสอร์ทนี้กันจ้า รถบัสวิ่งทุก ๆ ชั่วโมงตั้งแต่เวลา 8:35 น. – 16:35 น. พอขึ้นรถแล้วแนะนำให้นั่งหน้าค่ะ เพราะจะได้ชมวิวป่าสนชัดๆ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 35 นาที

หลังจากนั่งรถมาเป็นเวลา 35 นาที เราก็มาถึง Menard Aoyama Resort สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งหญิงจะพาเพื่อนๆ ไปเดินเล่นถ่ายรูปที่ Herb Garden กันก่อน ชมดอกไม้สวยๆ วิวดีๆ

ทางรีสอร์ทแนะนำให้เรามาชมสวนกันในช่วงเดือนพฤศจิกายน เพราะจะเป็นช่วงดอกไม้กำลังบานเต็มที่ สวนจะสวยมากเป็นพิเศษ

แต่หากเพื่อนๆ อยากชมทุ่งดอกคาโมมายล์แนะนำให้มาช่วงกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนมิถุนายน ส่วนดอกลาเวนเดอร์นั่นต้องมาในช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนกรกฎาคมจ้า และดอกแซลเวียจะออกดอกในช่วงกลางเดือนกันยายนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งมากกว่าดอกไม้ภายในสวนแห่งนี้ก็มีสมุนไพรมากกว่า 300 ชนิด

ชมสวนสวยๆ พร้อมกับทานซอฟท์ครีมไปด้วย ก็เป็นเรื่องที่ฟินมากๆเช่นกัน หญิงเลยอยากแนะนำซอฟท์ครีมรสดอกคาโมมายล์ ราคา 400 เยน หวานละมุนมาก หากเพื่อนๆไม่ชอบดอกคาโมมายล์ เขาก็มีซอฟท์ครีมดอกลาเวนเดอร์เหมือนกันน้า

ชมดอกไม้เสร็จแล้ว เราจะขึ้นเขาไปทำกิจกรรมประดิษฐ์งานหัตถกรรมจากสมุนไพรกันที่บ้านไม้หลังนี้เลย

นี้คืออุปกรณ์ที่จะใช้ทำงานหัตถกรรม Herb Craft มาเดากันค่ะ ว่าวัสดุแบบนี้จะทำอะไร หญิงจะทำเป็นมงกุฎดอกไม้จ้า

การทำ Herb Craft จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ราคาเพียง 2,750 เยนเท่านั่น และจะมีคุณครูสอนและอธิบายขั้นตอนการทำ พร้อมกับทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งครูใจดีมากยิ้มแย้มแจ่มใส ช่วยหญิงทุกขั้นตอนเลย คือมันสนุกและก็ท้าทายด้วย ไม่ได้ทำง่ายๆอย่างที่คิดเลย

นี้คือผลงานของหญิงครึ่งหนึ่งและของอาจารย์ครึ่งหนึ่งเองละจ้า นอกจากทำงานหัตถกรรม Herb Craft ประเภทนี้แล้ว ยังมีกิจกรรมให้ทำอีกมากมายภายใน Menard Aoyama Resort

ไม่ว่าจะเป็น การประดิษฐ์งานหัตถกรรมย่อส่วนจากไม้ (Miniature Craft) งานเครื่องปั่นดินเผา งานวาดรูประบายสีบนผลิตภัณฑ์เซรามิก หรือจะทำผลิตภัฑณ์เครื่องสำอางค์ เช่น โอเดอเพอร์ฟูม ลิปสติก และครีมบลัชออนก็มีจ้า

หรืออยากจะทำขนมปังหรือเส้นโซบะด้วยตัวเอง ทางโรงแรมก็มีจัดบริการสอน มากกว่านี้ยังมีลานตีกอล์ฟ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ สนามเทนนิส คาราโอเกะ ออนเซน และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งราคาเข้าออนเซนนั่นอยู่ที่ 1,000 เยน แต่หากมีบัตร Kintetsu Rail Pass Plus จะสามารถเข้าออนเซนได้ในราคา 800 เยนเอง

ที่สำคัญบรรยากาศที่รีสอร์ทแห่งนี้ร่มรื่น เหมาะกับการผักผ่อนเป็นอย่างมาก แค่เพียงสถานที่แห่งเดียวก็สามารถทำอะไรได้หลายๆอย่าง หากเพื่อนๆคนไหนอยากจะค้างคืนที่นี้ หญิงก็แนะนำมาก แต่ทริปนี้หญิงขออนุญาตไปเที่ยวต่อนร้า รายละเอียดเพิ่มเติม ตามเว็บไซต์นี้เลยนะคะ menard.co.jp
Menard Aoyama Resort (メナード青山リゾート)
| ที่อยู่ | 2356 Kiryu, Iga-shi, Mie Prefecture 518-0295 |
|---|---|
| วิธีเดินทาง | จากร้านอาหาร Kanaya เดินประมาณ 2 นาทีเพื่อไปขึ้นรถไฟที่สถานี Hirokoji station (広小路駅) ไปที่สถานี Iga-Kambe (伊賀神戸駅) ใช้เวลาประมาณ 30 นาที และนั่งรถบัสของทาง Menard Aoyama Resort ใช้เวลาประมาณ 35 นาที |
| เวลาทำการ | วันธรรมดา 9:00 – 19:00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ 9:00 – 18:00 น. |
| โทรศัพท์ | 0595-54-1326 |
| Website | menard.co.jp |

และหลังจากนี้หญิงจะพาเพื่อนๆ ไปนั่งเรือชมไฟของโรงงานอุตสาหกรรมที่เมือง Yokkaichi ซึ่งเราจะนั่งรถบัสของทางรีสอร์ทมาลงที่ สถานี Iga-Kambe เพื่อมุ่งหน้าสู่สถานี Kintetsu-Yokkaichi ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีค่ะ แต่ทว่าเพื่อนๆอย่าลืมซื้อ ตั๋วรถไฟ tokyuken ราคา 920 เยนด้วยนร้า

และแล้วเราก็มาถึงสถานี Kintetsu-Yokkaichi (近鉄四日市駅)พอถึงแล้วให้ลงมาที่ชั้น 1ของสถานี หน้า Yokkaichi Bussan tourism hall (四日市 物産観光ホール)แล้วขึ้นรถบัสของบริษัททัวร์เวลา 18:10 น. เพื่อไปขึ้นเรือเวลา 19:00 น. กันจ้า

การชมแสงไฟโรงงานยามค่ำคืนในวันนี้เป็นแพลน 60 นาที โดยที่เรือลำนี้มีทั้งหมดสองชั้น แต่คนจะเยอะหน่อยๆค่ะ

ซึ่งบรรยากาศด้านบนเรือ ทุกคนจะขะมักเขม้นเป็นอย่างมาก แนะนำให้เตรียมกล้องมาดีๆเลยค่ะงานนี้ เพราะวิวดีๆเยอะมาก ระหว่างการเดินเรือ จะมีไกด์บรรยายประวัติของแต่ละโรงงานไปเรื่อยๆ และที่สำคัญเขาจะบอกจุดที่เป็นไฮไลท์ในการถ่ายรูปด้วยแหละ

โรงงานจะเปิดไฟสีต่างๆมากมาย มีทั้งโรงงานขนาดเล็กและใหญ่ไม่เท่ากัน ทำให้เกิดความสวยงามที่แตกต่าง บวกกับบรรยากาศเย็นๆของลมทะเล ทำให้ค่ำคืนผ่านไปได้แบบเยี่ยมมากเลยแหละจ้า

หากกล่องดีหน่อย มันจะยิ่งใหญ่อลังการประมาณนี้เลยค่ะเพื่อนๆ รูปนี้ถ่ายที่บริเวณ Taishobashi (大正橋) โรงงาน Cosmo Oil Co., Ltd. จ้า คือก็ไม่เคยคิดว่าโรงงานเวลาเปิดไฟตอนกลางคืนจะสวยขนาดนี้ เพื่อนๆลองมาดูรับรองต้องประทับใจ
Yokkaichi Kombinat Yakei Cruise (四日市コンビナート夜景クルーズ)
| ที่อยู่ | 385 Honchomachi ,Yokkaichi-shi, Mie Prefecture 510-0093 |
|---|---|
| วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟจากสถานี Iga-Kambe (伊賀神戸駅) ลงที่สถานี Kintetsu-Yokkaichi (近鉄四日市駅)ใช้เวลาประมาณ 40 นาที |
| เวลาทำการ | 10:00 – 17:00 น. ปิดทำการ : ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ |
| ราคา | แพลน 60 นาที ราคาผู้ใหญ่ 5,000 เยน / เด็ก (6-12ปี) 4,500 เยน *Golden Week and Obon special cruises คือ 5,500 เยน (รวมภาษี) สำหรับผู้ใหญ่ และ 5,000 เยน (รวมภาษี) สำหรับเด็ก |
| โทรศัพท์ | 059-327-5377 |
| วิธีการจอง | ทางอินเตอร์เน็ต เปิดจอง 24 ชั่วโมง ทางโทรศัพท์ เปิดจองเฉพาะวันธรรมดา 10:00 – 17:00 น. (ปิดทำการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ) |

และแล้วเราก็เลยเวลาทานข้าวเย็นกันมามากแล้ว พุ่งหลาวกันไปที่ร้านอาหารกันเถอะจ้า เราจะมากินสเต็กหมู (Stamina Pork Steak) ของขึ้นชื่อของเมือง Yokkaichi กัน เนื้อหมูจะหวานๆคล้ายๆเมนูหมูหวานของบ้านเรา แต่จะมีรสชาติพิเศษบ้างอย่างที่ต้องไปชิมกันเองนะคะ ราคาจานนี้อยู่ที่ 1,620 เยนจ้า
Beer Dining Grill Station Yokkaichi (ビアダイニング グリルステーション四日市)
11:30 – 22:00 น. (เวลาอาหารกลางวัน 11:30-15:00 น. )
ปิดทำการ วันที่ 1 มกราคม
| ที่อยู่ | 7-34 Suwasakaemachi ,Yokkaichi-shi, Mie Prefecture 510-0086 |
|---|---|
| วิธีเดินทาง | จากสถานี Kintetsu-Yokkaichi (近鉄四日市駅)ออกประตูฝั่งทิศเหนือ เดินประมาณ 3 นาที |
| เวลาทำการ |
11:30 ~ 22:00 น.
|
| ราคา | ตั้งแต่ 390 เยน 〜 |
| โทรศัพท์ | 059-352-1360 |

ถึงเวลาพักผ่อนกันแล้วค่า ค่ำคืนนี้เราจะเอนร่างกายของเราที่ โรงแรม Miyako Hotel Yokkaichi เป็นโรงแรมใจกลางเมืองมาก เพราะไม่ว่าจะสถานีรถไฟฟ้า ร้านอาหาร ตลาดนัดคนเดิน ห้างสรรพสินค้า ก็อยู่ใกล้แค่อึดใจเดียว

และนี้คือห้องพักในวันนี้ค่ะ เตียงใหญ่พอสมควรสำหรับ 1 คน แถมยังมีเครื่องทำกาแฟภายในห้องให้ด้วยนร้า อีกอย่างวิวจากหน้าต่างของห้องก็ดีมาก เห็นวิวเมือง Yokkaichi แบบชัดแจ๋ว แต่วันนี้นอนกันเถอะจ้า ฝันดีนะคะ

แน่นอนว่าบรรยากาศแบบนี้ หญิงพาเพื่อนๆมาทานอาหารเช้ากันแล้วค่ะ รีบตื่นมาดูอาหารเช้ามาก จากห้องอาหาร มองไปข้างหน้าจะเป็นสวนสาธารณที่ทุกเพศทุกวัยจะมาออกกำลังแต่เช้าเลย

แทนแท๊น นี้คืออาหารเช้าของหญิงค่ะ ดูเยอะเนอะค่ะ เยอะแหละ เยอะจริง ฮ่าๆ ทางโรงแรมมีทั้งอาหารแบบอิตาเลียน และแบบญี่ปุ่น ที่จะมีข้าว ปลาย่าง น้ำซุปสาหร่าย ไข่หวาน ซึ่งแน่นอนว่าบุฟเฟ่ต์ ตามสบายเลยนะคะเพื่อนๆ แนะนำน้ำผลไม้ปั่นค่ะ เพราะเป็นสินค้าขายดีมาก

อย่างที่บอกเลยค่ะ ข้างโรงแรมติดกับห้างสรรพสินค้า อีกทั้งยังมี Starbucks Coffee และ Bic camera ให้แวะกันด้วย
Miyako Hotel Yokkaichi (都ホテル四日市)
เช็คอิน 14:00 น.
เช็คเอาท์ 11:00 น.
| ที่อยู่ | 1-3-38 Ajima, Yokkaichi-shi, Mie Prefecture 510-0075 |
|---|---|
| วิธีเดินทาง | จากสถานี Kintetsu-Yokkaichi (近鉄四日市駅)ออกประตูฝั่งทิศเหนือ หลังจากนั่นเลี้ยวซ้าย เดินประมาณ 3นาที |
| โทรศัพท์ | 059-352-4131 |

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว วันนี้ก็เป็นวันที่สามของทริปเรา หญิงจะพาเพื่อนๆ เที่ยวในบริเวณ Hokusei และ Chunansei ไปขึ้นกระเช้าดูวิวกว้างๆของจังหวัดนี้กันค่ะ โดยเราจะไปขึ้นรถไฟที่สถานี Kintetsu Yokkaichi

เพื่อนๆอย่าลืมเตรียมบัตร Kintetsu Rail Pass กันนะคะ เพราะวันนี้เราก็จะใช้บัตรนี้กันทั้งวันเลย เหมือนเดิม

จากสถานี Kintetsu Yokkaichi เราจะนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Yunoyama-onsen(湯の山温泉) เพื่อมาขึ้นรถบัสไปที่ Gozaisho Ropeway (御在所ロープウエイ)กันจ้า

ขึ้นบัส Mie-Kotsu เราก็ใช้บัตร Kintetsu Rail Pass นร้า ใช้เวลาเดินทางเพียง 9นาทีเท่านั่น ลงที่ป้าย Yunoyama-onsen Gozaisho Ropeway (湯の山温泉・ 御在所ロープウエイ)เลยจ้า

ในที่สุดเราก็มาถึง Ropeway กันแล้วค่า รีบวิ่งไปซื้อตั๋ว ขึ้นกระเช้ากันดีกว่า อยากบอกว่าเรามีสิทธิพิเศษจากการถือบัตร Kintetsu Rail Pass ทำให้เราสามารถขึ้นกระเช้าได้ในราคาถูกกว่า 30% คือจากราคา 2,600 เยน จ่ายเพียง 1,820 เยน ลดไปตั้ง 780 เยนแหนะค่ะเพื่อนๆ

หลังจากที่เราซื้อตั๋วแล้ว กระโดดขึ้นกระเช้ากันดีกว่าค่ะ กระเช้าที่นี่จะมีอยู่ประเภทหนึ่งที่จะพิเศษกว่ากระเช้าอื่นคือ จะสามารถมองวิวด้านล่าง จากพื้นกระจกได้

กระเช้ามีจำนวน 36 คัน นั่งกระเช้าขึ้นไปบนเขาใช้เวลาทั้งหมด 15 นาทีค่ะ ตอนนั่งจริงๆนี้แบบว่าทำไมแปปเดียวก็ถึงแล้ว มีความรู้สึกว่ายังอยากนั่งต่อ ฮ่าๆ

Gozaisho Ropeway มีบริเวณติดกับ Yunoyama onsen ตั้งอยู่บริเวณ Mt. Gozaisho ที่มีความสูง 1,212 เมตร ถึงแม้จะไม่สูงมาก แต่อยากบอกว่าวิวล้ำค่ามากค่ะ ยิ่งตอนใบไม้ร่วงในช่วงเดือนพฤศจิกายน ภูเขาลูกนี้จะไล่สีตั้งแต่สีเขียว เหลือง แดง สวยงามมากจริง

เมื่อขึ้นมาแล้ว เราจะมองวิวได้ถึง 360 องศา และจะเห็นนักปีนเขามากมายที่มาหยุดนั่งพักที่ยอดเขากันค่ะ และในฤดูหนาวสถานที่นี้ก็มีสกีให้เล่นด้วย

ยอดเขานี้มีความพิเศษคือ หากเราไปยืนอยู่ฝั่งซ้ายจะยืนอยู่บนจังหวัดชิกะ แต่หากมายืนอยู่ฝั่งขวาจะเป็นจังหวัดมิเอะนั่นเอง ทาง Gozaisho แนะนำด้วยว่าในช่วงเดือนเดือนกันยายนมีจัดกิจกรรมดูพระอาทิตย์ตกด้วย

ราคาบัตรที่เราจ่ายไปสามารถนั่ง เก้าอี้ลอยฟ้าแบบนี้ได้ด้วยนร้า นั่งแล้วจะหวิวๆ แต่อยากบอกว่าลมเย็นดีมาก วิวก็ดี

ระหว่างนั่งเก้าอี้ลอยฟ้า ก็จะเห็นเด็กๆวิ่งเล่นลูกโปร่งกันเยอะแยะเลย มากกว่านั่นยังมีกิจกรรมให้ทำบนเขาลูกนี้อีกเยอะแยะ

บนยอดเขามีร้านอาหารขนาดใหญ่ ให้เราเข้าไปชิมทั้งอาหารอร่อยๆและวิวได้ด้วย ราคาอาหารอยู่ที่ประมาณ 500 – 1,700 เยน
Gozaisho Ropeway (御在所ロープウエイ)
เดือนเมษายน- เดือนพฤศจิกายน 9:00 – 17:00 น.
เดือนธันวาคม – เดือนมีนาคม 9:00 – 16:00 น.
| ที่อยู่ | 8625 Yunoyama Onsen, Komono, Komono-cho, Mei-gun, Mie Prefecture 510-1233 |
|---|---|
| วิธีเดินทาง | จากสถานี Kintetsu-Yokkaichi (近鉄四日市駅)นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Yunoyama-onsen(湯の山温泉) ใช้เวลาประมาณ 28 นาที หลังจากนั่นขึ้นรถบัสมุ่งสู่ Gozaisho Ropeway (御在所ロープウエイ)ใช้เวลาประมาณ 8 นาที |
| ราคา | เซตขึ้นเคเบิลคาร์ :ผู้ใหญ่ 2,600 เยน/เด็ก(ตั้งแต่ 4 ขึ้นไป) 1,300 เยน |
| โทรศัพท์ | 059-392-2261 |

สถานที่ที่หญิงจะพาเพื่อนๆมาพักผ่อน แช่ออนเซน ทานอาหารจากเชฟชื่อดัง ตบท้ายด้วยขนมเค้กจากสุดยอดเชฟขนมหวาน คือ Aquaignis รีสอร์ทออนเซนที่ห้ามพลาดเด็ดขาด

ภายใน Aquaignis มีทั้ง ออนเซน 100% ทรีทเมนต์และแพ็คเกจสปา ให้ได้ผ่อนคลายกับการนวดอย่างพิถีพิถัน พร้อมทั้งร้านขนมเบเกอรี่ ร้านอาหารอีตาเลี่ยน ร้านอาหารญี่ปุ่น และในช่วงฤดูหนาวก็มีสวนสตอเบอรี่ให้เก็บอีกด้วย แถมบรรยากาศดี ถ่ายรูปด้วย

และวันนี้หญิงจะพาเพื่อนๆมาทานอาหารญี่ปุ่นโดยเชฟ Masahiro Kasahara ที่เป็นผู้ควบคุมรสชาติอาหาร และอาหารทุกจานให้ออกมารสชาติดีเยี่ยมกันจ้า

ก่อนอื่นเรามาสั่งอาหารกันเลยดีกว่า อยากบอกว่าทุกเมนูได้รับคำแนะนำจากผู้จัดการของทาง Aquaignis เลยนร้า คือเรื่องไม่อร่อยนี้เป็นไปไม่ได้เลยแหละ เมนูแรกของเราคือ สลัดมะเขือเทศ (Tomato Marugoto Saladda )ที่มีความพิถีพิถันตรงน้ำสลัดนี้แหละค่ะเพื่อนๆ เพราะเขาใช้ผักสามชนิดเป็นส่วนผสมแหละ คืออร่อยเกินคาด เมนูนี้ ราคา 900 เยน

ต่อด้วยเมนูที่สอง Potato Cream Koroke คือด้านนอกจะกรอบๆด้วยแป้งขนมปังกำลังดี ด้านในนั่นจะเป็นมันบดตีกับครีมให้ความนุ่มละมุนเข้ากันมากๆ เมนูนี้ราคา 700 เยน เช่นกันค่ะ

ต่อด้วยเมนูที่ 2 เมนูนี้มีชื่อว่า Gyoshisankara No Okurimono แปลว่าของขวัญจากชาวประมง ซึ่งขอบอกเลยว่าเมนูนี้อร่อยที่สุดค่ะ มีขั้นตอนในการทานดังนี้ คือคีบปลามาวางไว้บนข้าว แล้วเทน้ำชาพอประมาณ เมื่อเวลาทานจะได้รสชาติของปลาสดๆ ข้าวนุ่มๆ และน้ำซุปที่กลมกล่อมของน้ำซอสถั่วเหลือง เมนูนี้ราคา 1,600 เยน

และแล้วเราก็ทานข้าวจนอิ่มหนำสำราญ ต่อไปจะพาไปร้านเบเกอรี่กันต่อค่ะ ร้านนี้ได้รัลความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาก เพราะเขาว่ากันว่าขนมปังที่คุณภาพดี ทำให้ต้องต่อแถวซื้อกลับบ้านกันยาวเหยียด

ไม่ต้องบรรยายเยอะเลยค่ะ คนต่อแถวจนออกประตูนอกร้านเลย ขนมปังที่นี้อบสดใหม่ทุกวัน ราคาไม่แพงด้วยแหละจ้า ขนาดอิ่มแล้ว เดินเข้ามาในร้านได้กลิ่นความหอมของขนมปังก็อยากจะทานอีกเลยแหละ

ขนมปังแถวนี้ หน้าตาน่ารักมากเลย ราคาก็แค่เพียง 270 เยนเท่านั่นเอง อยากบอกเพื่อนๆว่ามาแล้วต้องลองนะ

ถึงแม้จะไม่ได้ทานอาหารอิตาเลียนต้นตำรับเชฟ Masayuki Okuda ก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ขอแวะมาดูบรรยากาศนิดหน่อยนะ เมนูของร้านนี้จะเป็นพาสต้าและพิซซ่ารสชาติต่างๆกว่าเกือบ 10 ชนิด ร้านเปิด
11:00-19:00 น.

สำหรับของฝาก หรือขนมหิ้วติดไม้ติดมือกลับบ้านเขาก็มีขายนร้า พอดัหญิงไปช่วงปลายเดือนกันยายนมาค่ะเพื่อนๆ ใกล้กับเดือนตุลาคมพอดี เขาเลยมีของฝากน่ารักๆตามธีมฮาโลวีนให้เราได้เลือกซื้อเยอะเลย

และสินค้าที่ได้รับความนิยมมากๆคือ แยมรสชาติต่างๆกว่า 10 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น ชาเขียว ช็อคโกแลต คาราเมล สตอเบอรี่ ส้ม หรือใครชอบทานมาการองที่นี้เขาก็มีบริการให้

หลังจากที่ทานข้าวกันแล้ว หญิงจะพาไปทานขนมเค้กกันต่อค่ะ ร้านนี้ขนมเค้กทุกชนิด ถูกออกแบบและควบคุมการทำโดย คุณ Hironobu Tsujiguchi เชฟทำขนมหวาน (ปาติชิเญ่)ผู้เก่งกาจด้านสายขนมฝรั่งเศส และเคยเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกอาหารที่เยอรมนีอีกด้วย แน่นอนว่าถ้าได้ทานขนมเค้ก จะไม่มีคำว่าผิดหวังเลยค่ะเพื่อนๆ เพราะอร่อยจริง หญิงทานหมดเลย

หากเพื่อนๆคนไหนสนใจแช่ออนเซนเพื่อผ่อนคลายร่างกายและบำรุงผิวพรรณ ทาง Aquaignis ก็มีบริการออนเซ็นค่ะ ค่าเข้า ผู้ใหญ่ (นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป) 600 เยน ในวันธรรมดา / 800 เยน ในวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ผู้ใช้บัตร Kintetsu Rail Pass จะได้รับส่วนลดค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่ 100 เยน เด็ก 50 เยน และผ้าเช็ดตัวให้เช่าฟรี (ปกติ 100 เยน) แถมยังเปิดบริการตั้งแต่ 6:00-24:00. น. อีกด้วย

ปิดท้ายด้วยหญิงจะพาเพื่อนๆไปชมบ้านพัก 2 แบบ จากทั้งหมด 4แบบ 4 หลัง ซึ่งบ้านพักทุกหลังจะมีออนเซนส่วนตัวภายในตัวด้วยนร้า อีกทั้งเมื่เข้าพัก ก็จะมีอาหารเช้าและอาหารเย็นให้บริการ

ซึ่งบ้าน 4 หลังนี้ ถูกออกแบบโดยสถาปนิกคนละคน ทำให้บ้านแต่ละหลังมีสไตล์การตบแต่งที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ทุกหลังจะถูกสร้างด้วยไม้เป็นวัสดุหลัก บ้านหลังแรกที่หญิงจะพาไปคือ บ้าน Sugi (杉)

ที่บ้านพักหลังนี้ตั้งชื่อว่า Sugi (杉)เพราะ ใช้ไม้ Sugi ในการสร้างนั่นเองแหละค่ะเพื่อนๆ พื้นที่ภายในห้องก็ใหญ่ และให้ความรู้สึกผ่อนคลายมาก

และที่บอกไปแล้วนั่นว่า แต่ละบ้านก็มีออนเซนส่วนตัว ซึ่งทางเข้าออนเซนจะติดกับห้องน้ำภายในบ้านทำให้เมื่อแช่ออนเซนเสร็จแล้ว ก็สามารถที่จะอาบน้ำได้เลย

ส่วนในบ้านหลังที่ 2 ชื่อว่าบ้านพัก Kuri (栗) เพราะตัวบ้านทำมาจากไม้คุรินั่นเองค่ะ ห้องนอนของบ้านพักนี้จะถูกยกตัวขึ้นสูง ห้องนอนมีความกว้าง 10 เสื่อ สามารถเข้าพักได้ทั้งหมด 7ท่านค่ะ

บ้านพัก Kuri จะเป็นสไตล์สีเขียว เฟอร์เจอร์ทุกชิ้นจะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มากกว่านั่นทางเดินไปออนเซนยังเป็นสวนญี่ปุ่นเล็กๆน่ารัก ไว้ให้ได้สูดอากาศสดชื่นยามเช้าอีกด้วยค่ะ นอกจากสองห้องนี้และยังมีห้อง Hinoko และห้อง Matsu อีก และหากเพื่อนๆคนไหนต้องการพักแบบที่พักธรรมดาทาง Aquaignis ก็มีให้บริการในราคา 16,000 กว่าเยนค่ะ
Aquaignis (アクアイグニス)
| ที่อยู่ | 4800-1 Komono, Komonocho,Miegun, Yokkaichi-shi, Mie Prefecture 510-1233 |
|---|---|
| วิธีเดินทาง | จากสถานี Gozaisho Ropeway (御在所ロープウエイ)ขึ้นรถบัส Mie-Kotsu มุ่งสู่ Aquaignis (アクアイグニス) ใช้เวลาประมาณ 11 นาที สามารถใช้บัตร Kintetsu Rail pass plus ได้ |
| เวลาทำการ | เช็คอิน 15:00 น. เช็คเอาท์ 11:00 น. |
| โทรศัพท์ | 0593-94-7733 |

และแล้วก็มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายในทริปนี้แล้วจ้า หญิงจะพาเพื่อนๆไปชมสวนดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และไม่ว่าจะฤดูไหนก็มีดอกไม้สวยๆให้ชมตลอดทั้งปีเลย

ส่วนค่าเข้า ราคา 1,700 เยน

ซึ่งสวนแห่งนี้ มีพื้นที่ถึง 43,000 ตารางเมตร เต็มไปด้วยดอกไม้หลากหลายชนิดในได้ชมมากมาย
ดอกไม้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เช่น ดอกทิวลิป

ช่วงเดือนปลายกันยายนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน จะเป็นช่วงการชมดอกไม้ฤดูใบไม้ร่วง ได้แก่ ดอกรักเร่ ดอกดาวกระจาย ซึ่งหญิงมาในช่วงนี้เลยจ้า

ซึ่งไฮไลท์สำคัญของสวนนี้คือการชมดอกไม้ ที่เรือนกระจกขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า Begonia Garden ซึ่งในเรือนกระจกนี้ จะเต็มไปด้วยดอกกุหลาบขนาดใหญ่ที่บานสะพรั่ง เรียงรายกว่า 800 สายพันธุ์

เมื่อเราชมดอกไม้ที่ Begonia Garden กันจนสดชื่นแล้ว ด้านนอกก็มีสวนดอกคอสมอส ให้ได้เดินชมและถ่ายรูปสวยๆกลับไปเป็นที่ระลึกด้วยน้า

แต่ตรงนี้ไม่ได้มีแค่สวนคอสมอส แต่ยังมีสวนกุหลาบที่กำลังเบ่งบานเมื่อจะเข้สู่เดือนตุลาคมอีกด้วย เพื่อนๆคนไหนชอบดอกไม้ แน่นอนว่าที่นี้ถูกใจแน่นอนจ้า

ก่อนกลับเราก็ขอนั่งพัก ดื่มชา ทานขนมของขึ้นชื่อจากทาง Nabana No Sato กันก่อน ขนมชิ้นนี้มีชื่อว่า Yasunagamochi(安永餅)ที่ด้านนอกจะเป็นแป้งโมจิ ด้านในเป็นถั่วแดง แล้วนำเอาไปปิ้ง เมื่อทานแล้วจะรู้สึกว่าโมจิด้านนอกนั่นไม่นิ่มจนเกินไป เข้ากันกับน้ำชามากจ้า วิธีการเดินทางกลับนั่นให้นั่งรถบัส Mie-Kotsu ไปลงที่สถานี Kuwana (桑名駅) หลังจากนั่นนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Nagoya (名古屋駅) จ้า
Nabana No Sato(なばなの里)
| ที่อยู่ | 270 Urushibata, Nagashimacho Komae, Kuwana-shi, Mie Prefecture 511-1144 |
|---|---|
| วิธีเดินทาง | ใช้บัตร Kintetsu Rail Pass เพื่อไปยังสถานี Kuwana ประมาณ 20 นาทีจากป้ายรถบัส Nabana no Sato ทางออกทิศตะวันออก สถานี Kuwana |
| เวลาทำการ | 10:00 – 21.00 น. |
| ราคา | เข้าดูสวนดอกไม้ 1,700 เยน |
| โทรศัพท์ | 059-441-0787 |
ในที่สุดการเดินทางครั้งนี้ก็จบลงได้อย่างสวยงาม แถมยังคุ้มอีกต่างหากเพราะเรามีบัตร Kintetsu Rail Pass Plus ที่เป็นทั้งบัตรโดยสาร และบัตรส่วนลดต่างๆให้อีกด้วย ถ้าจะอธิบายอย่างละเอียดเลยคือ บัตร Kintetsu Rail Pass Plus นี้สามารถทำให้ทริปนี้ประหยัดเงินไปได้ถึง 5,582 เยนเลยแหละค่ะเพื่อนๆ ซึ่งเพื่อนคนไหนต้องการเปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ก็อย่าลืมจังหวัดมิเอะนร้า เพราะสถานที่ท่องเที่ยวของเขาดีจริง ตอนนี้นักท่องเที่ยวก็ยังน้อยมากด้วย ซึ่งแน่นอนว่าจังหวัดมิเอะไม่ได้มีแค่สถานที่ท่องเที่ยวที่หญิงแนะนำไปเท่านั่น ยังมีอีกหลายที่เลยที่หญิงอยากจะแนะนำ ไว้โอกาสหน้าจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่มิเอะอีกนร้า ฝากบทความนี้ด้วยนร้า สวัสดีค่ะ

Blogger : DARIN | ダーリン
เดินทางชิวชิว หิวหยิบสัปปะรด ชอบธรรมชาติเป็นที่สุด หลุดขั้วเที่ยวญี่ปุ่น แฮปปี้พรรณาของกิน มโนได้จนเพื่อน ๆ คล้อยตาม อิอิ ??
14 Posts
Police
110
Ambulance
119
AMDA International Medical Information Center
03-6233-9266
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว
090-4435-7812
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า
090-1895-0987
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ
090-2585-3027 หรือ 090-9572-1515