ภูเขาอะโสะ (Mount Aso)
เปิดมาที่แรกก็เป็นภูเขาเลย ซึ่งที่นี่เป็นภูเขาลูกใหญ่ที่ยังคงคุกกรุ่นอยู่แถมยังเป็น 1 ในภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย มีลักษณะเป็นหลุมภูเขา ซึ่งเกิดจากการยุบตัวของพื้นผิวนั่นเอง สึ่งที่นี่ก็มีสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวก็คือ
นากาดาเกะ หนึ่งในยอดเขาทั้งห้าที่ล้อมรอบภูเขาอะโสะ สามารถเข้าถึงได้ง่ายด้วยรถยนต์ กระเช้าลอยฟ้า หรือจะเดินก็ได้ นอกจากนี้ยังมีวิวธรรมชาติที่สามารถมองเห็นได้จากบนภูเขาอีกด้วย
แต่อยากให้ระมัดระวังมากๆ เพราะถ้าภูเขาไฟมีก๊าซพิษออกมามากเกินไปอาจจะก่อให้เกิดอันตายได้ หรือถ้าจะมีการปะทุล่ะก็ ขอให้เลี่ยงไปก่อน ดังนั้นควรเช็คให้ดีก่อนว่าสามารถไปได้ช่วงไหนบ้าง แต่ถ้าสถานการณ์ปกติก็สามารถเที่ยวชมความสวยงามได้อย่างเต็มที่เลย
สามารถเช็คได้ที่การปะทุของภูเขาอาโสะได้ที่นี่ Mount Aso (คลิกเลย)
ภูเขาอะโสะ (Mount Aso)
ที่อยู่ | 8808-5 Kurokawa, Aso-shi, Kumamoto 869-2225 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินทางด้วยรถยนต์จากสถานี Ikoinomura ไปยัง ภูเขาอะโสะ ใช้เวลาประมาณ 34 นาที |
เวลาทำการ | 9.00 น.- 17.00 น. (รอบสุดท้าย 16.30 น.) |
Website | city.aso.kumamoto (ภาษาญี่ปุ่น) |
Huis Ten Bosch
ใครอยากเที่ยวสวนสนุกสไตล์ฮอลแลนด์แต่ไม่อยากไปไกลถึงที่นั่น ให้มาที่ Huis Ten Bosch จ.นางาซากิแทน
ที่นี่เป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสีสันสวยงาม มีขนาดกว้างใหญ่ถึง 1,520,000 ตารางเมตรเลยทีเดียว ตัวตึกอาคารต่างๆ ก็ออกแบบให้เป็นสไตล์ยุโรป ใครที่มาที่นี่ต้องรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่ญี่ปุ่นแน่ๆ
จุดเด่นของที่นี่ก็คงไม่พ้นกังหันลมขนาดใหญ่ ที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้หลายหลายสีสัน ซึ่งดอกไม้นั้นจะถูกเปลี่ยนไปตามฤดูกาล จะมาฤดูไหนก็ไม่ซ้ำ มุมถ่ายรูปก็เพียบ นอกจากนี้ภายในบริเวณ Huis Ten Bosch แห่งนี้ก็ยังมีการจัดอีเว้นท์ตลอดทั้งปีอีกด้วย โดยที่นี่จะแบ่งเป็นทั้งหมด 7 โซนด้วยกันคือ Free Zone, Thriller Fantasy Museum, Art Garden, Utrecht, Binnenstad, Breukelen และ Nieuwstad ซึ่งแต่ละโซนก็มีความสนุกที่แตกต่างกันรอเราอยู่
Huis Ten Bosch
ที่อยู่ | 1-1 Huis Ten Bosch Machi, Sasebo, Nagasaki 859-3292 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย Omura Line ที่สถานี Haenosaki มาลงที่สถานี Huis Ten Bosch จากนั้นเดินต่อมายัง Huis Ten Bosch ใช้เลาทั้งหมดประมาณ 22 นาที |
เวลาทำการ | 10.00-22.00 น. (เวลาอาจมีการปรับเปลี่ยน) |
Website | huistenbosch (ภาษาไทย) |
โมโมชิ ซีไซด์พาร์ค (Momochi Seaside Park)
โมโมชิ ซีไซด์พาร์ค เป็นสวนสาธารณะริมทะเลตั้งอยู่ในตัวเมืองฟุกุโอกะ ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น และทันสมัย ตัวสวนนั้นกว้างไปถึงทะเลเลยทีเดียว ถ้าเราหันหน้าออกไปทางทะเลล่ะก็ จะพบกับ มาริซอน อาคารที่ออกแบบสไตล์อิตาลี ซึ่งช่วงพระอาทิตย์ตกดินก็จะสวยมากๆ
นอกจากนี้บริเวณสวนยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น หอคอยฟุกุโอกะ และฮอคทาวน์ ที่เป็นศูนย์รวมความบันเทิง เอาเป็นว่าใครมาที่นี่รับรองว่าประทับใจ ไม่มีเบื่อแน่นอน
โมโมชิ ซีไซด์พาร์ค (Momochi Seaside Park)
ที่อยู่ | 2-902-1, Momochihama, Sawara-ku, Fukuoka 814-0001 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินจากสถานี Tojinmachi มายังป้าย Jigyo ขึ้นรถบัสหมายเลข 15 มาลงที่ป้าย Fukuoka Tower และเดินไปยัง โมโมชิ ซีไซด์พาร์ค ใช้เวลาทั้งหมประมาณ 17 นาที |
Website | marizon-kankyo (ภาษาญี่ปุ่น) |
สวนสาธารณะมาอิซุรุ (Maizuru Park)
สวนสาธารณะมาอิซุรุ (Maizuru Park) คือ ซากปราสาทที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของปราสาทฟุกุโอกะ แต่ปัจจุบันเหลือเพียงกำแพงส่วนฐานกับป้อมปราการที่ถูกทิ้งร้างไปนาน และถูกปรับให้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไว้สำหรับชมวิวของเมืองฟุกุโอกะ เป็นสวนขนาดเล็ก แต่ความสวยงามไม่แพ้ที่อื่น และยังเป็นจุดชมซากุระอีกด้วย
เราสามารถชมซากุระว่า 1,000 ต้น ได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งกำแพงหินของปราสาทจะเต็มไปด้วยดอกซากุระสวยงามตระการตาเลยทีเดียวแหละ
สวนสาธารณะมาอิซุรุ (Maizuru Park)
ที่อยู่ | 1 Jonai, Chuo-ku, Fukuoka 810-0043 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินจากสถานี Nishitetsu Fukuoka (Tenjin) มาขึ้นรถบัสหมายเลข 6, 7, 200, 202 ที่ป้าย Tenjin Kego Shrine and Mitsukoshi นั่งไปลงที่ป้าย Akasaka 3 และเดินไปยัง สวนสาธารณะมาอิซุรุ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 10 นาที |
เวลาทำการ | เมษายน – กันยายน 9.00-19.00 น. / ตุลาคม – มีนาคม 9.00-18.00 น. |
Website | midorimachi (ภาษาญี่ปุ่น) |
บ่อนรก Umi Jigoku
มาเมืองแห่งออนเซ็นแต่ไม่พูดถึงออนเซ็นเลยก็คงจะแปลก เพราะที่ Umi Jigoku แห่งนี้เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีน้ำเป็นสีฟ้าน้ำทะเล ซึ่งเกิดขึ้นมาจากการระเบิดของภูเขาไฟสึรุมิ ประมารณ 1,200 ปีที่แล้ว น้ำพุร้อนมีอุณหภูมิสูงถึง 98 องศาเซลเซียสซึ่งถือว่าสูงมากเลยนะ เราจะมองเห็นควันลอยมาจากบ่อน้ำตลอดเลยแหละ แต่ที่นี่ก็ไม่ได้มีแค่บ่อสีฟ้าน้ำทะเลนี่หรอกนะ ยังงมีบ่อสีแดงอีกด้วย ซึ่งก็เป็นอีกสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเลย
ไม่พอแค่นั้นนะ ในฤดูใบไม้ร่วงหรือใบไม้เปลี่ยนสีนั้น ต้นไม้บริเวณรอบๆ บ่อก็ยังเปลี่ยนสีเป็นแดง ส้ม เหลือง สวยงาม พอเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิก็มีซากุระให้ได้ชม เอาเป็นว่ามาที่นี่แล้วได้ความประทับใจกลับไปแน่นอน
บ่อนรก Umi Jigoku
ที่อยู่ | 559-1 Kannawa, Beppu, Oita 874-0045 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัส 17 Yamanote/Kankaijibashi/Kannawa Line จากสถานี Beppu มาลงที่ป้าย Umijigoku และเดินต่อไปยัง Umi Jigoku ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 28 นาที |
เวลาทำการ | 08.00-17.00 น. |
ราคา | ผู้ใหญ่ (นักเรียนมัธยมปลายขึ้นไป) 400 เยน / เด็ก (นักเรียนประถมและมัธยมต้น) 200 เยน |
Website | umijigoku (ภาษาไทย) |
น้ำตกมิคาเอริ (Mikaeri No Taki Falls)
แวะมาเที่ยวที่ซากะก็อย่ามาที่น้ำตกมิคาเรอิกันด้วยนะ เพราะที่นี่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 น้ำตกที่สวยที่สุด
แต่ก็สวยจริงๆ นั่นแหละ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ สูดอากาศดีๆ คงรู้สึกฟินแน่นอน แถมริมธารของน้ำที่ไหลอยู่นั้นยังมีดอกซากุระและดอกไม้เปลี่ยนสีอีกด้วย
และที่พิเศษสุดๆ เลยก็คือ ที่นี่มีการจัดเทศกาลดอกไฮเดรนเยียด้วย ซึ่งจะจัดในเดือนมิถุนายนของทุกปีเลย มีมากถึง 40,000 ต้นเลยนะ เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่น่ามาเที่ยวมากๆ เลย
น้ำตกมิคาเอริ (Mikaeri No Taki Falls)
ที่อยู่ | Ikisagamichu, Aichi, Karatsu, Saga 849-3223 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินทางด้วยรถยนต์จากสถานี Ochi ไปยังน้ำตกมิคาเอริ ใช้เวลาประมาณ 8 นาที |
Website | asobo-saga (ภาษาญี่ปุ่น) |
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Marine World
ขอเปลี่ยนบรรยากาศพามาเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกันบ้าง Marine World เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่อยู่ในเมืองฟุกุโอกะ ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยทะเล ที่นี่มีสัตว์น้ำหลากหลายชนิดเลย ไม่ว่าจะเป็นนาก เต่า โลมา และอีกเพียบ และที่นี่ก็ยังมีตู้ปลาที่มีลักษณะเป็นทรงกระบอกสูงประมาณ 10 เมตร ภายในตู้เราก็จะเห็นฝูงปลาว่ายไปมาด้วย สวยมากๆ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู๋โลกใต้ทะเลเลยแหละ
และไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ การแสดงโชว์ของโลมา เราจะได้พบกับโลมาที่มาว่ายน้ำ โชว์ความสามารถต่างๆ แถมยังเป็นโอกาสที่เราจะได้ใกล้ชิดกับพวกเขาด้วยนะ ซึ่งการแสดงนั้นจะจัดแสดงวันละ 3-4 รอบ ใครมาที่นี่ล่ะก็ต้องห้ามพลาดการแสดงโชว์นี้เลยนะ
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Marine World
ที่อยู่ | 18-28 Saitozaki, Higashi, Fukuoka, Fukuoka, 811-0321 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินทางด้วยรถยนต์ขากสถานี Uminonakamichi มายัง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Marine World ใช้เวลาประมาณ 4 นาที |
เวลาทำการ | 10.00-17.00 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 16.00 น.) |
ราคา | ผู้ใหญ่, นักเรียนมัธยม 2,350 เยน / นักเรียนประถม 1,100 เยน / เด็ก (3 ปีและต่ำกว่านักเรียนประถม) 600 เยน |
Website | marine-world (ภาษาญี่ปุ่น) |
หุบเขาทาคาชิโฮ (Takachiho Gorge)
ไปภายเรือชมวิวธรรมชาติกันที่ หุบเขาทาคาชิโฮ กันบ้าง ที่นี่ตั้งอยู่ไม่ไกลกับภูเขาไฟอะโสะ หุบเขาแห่งนี้เกิดจากรอยแตกของแม่น้ำโกคาเซะ ตัดผ่านเป็นช่องเขาตามในรูปเลย น้ำเป็นสีฟ้าอมเขียวสวยมากๆ รอบๆ ก็เป็นธรรมชาติ ช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็จะเห็นใบไม้เปลี่ยนสี แถมด้านในหุบเขายังมีน้ำตกอีกด้วยนะ สามารถไปถ่ายรูปเก็บความสวยงามได้เต็มที่
ถ้าใครอยากสัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิดสุดๆ ก็ต้องเช่าเรือมาพายเล่นตามช่องเขา จะได้สัมผัสกับอากาศเย็นๆ ของธรรมชาติ ดีไม่ดีก็จะได้เจอกับเจ้าฝูงเป็ดมาว่ายน้ำเล่นกันด้วย หรือใครไม่อยากพายเรือก็สามารถเดินชมได้เหมือนกัน มองจากหน้าผามาก็จะเห็นน้ำตกไหลลงมาสู่ลำธารอย่างสวยงามเลย
หุบเขาทาคาชิโฮ (Takachiho Gorge)
ที่อยู่ | 809-1 Mitai, Takachiho, Nishiusuki, Miyazaki 882-1101 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินทางด้วยรถบัสหมายเลข 71 ที่สถานี Nobeoka มายัง Miyakoh Bus Center และเดินต่อไปยัง หุบเขาทาคาชิโฮ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที |
เวลาทำการ | 8.30-17.00 น. (ปิดรับ 16.30 น.) |
ราคา | เรือ 3000 เยน / ลำ (รวมภาษี) นั่งได้ 3 คน |
Website | takachiho-kanko (ภาษาอังกฤษ) |
ทะเลสาบอิเคดะ (Lake Ikeda)
ทะเลสาบอิเคดะ เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคิวชู ตั้งอยู่ที่จังหวัดคาโกชิมะ เป็นทะเลสาบที่เกิดจากระเบิดของภูเขาไฟ มีเส้รอบวงใหญ่กว่า 15 กิโลเมตร และมีความลึกถึง 233 เมตร เป็นทะเลสาบที่ลึกเป็นอันดับ 4 ของญี่ปุ่นเลยนะ แถมที่นี่ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติอีกด้วย บริเวณโดยรอบจะมีดอกไม้ตามฤดูกาลปลูกไว้อยู่ หลากหลายสีสันเลย นักท่องเที่ยวที่ไปส่วนมากก็จะปั่นจักรยานหรือไม่ก็เดินเล่นสัมผัสบรรยากาศดีๆ รอบทะเลสาบ
ถ้าเรามองจากทางทะเลสาบ เราจะเห็นภูเขาไฟไคมอนดาเกะ หรือที่เรียกว่า ภูเขาไฟซัตสึมะฟูจิ เป็นอีกหนึ่งภูเขาที่สวยงาม และถือว่าสัญลักษณ์ของเมืองอิบุซึกิด้วย
ทะเลสาบอิเคดะ (Lake Ikeda)
ที่อยู่ | keda, Ibusuki, Kagoshima 891-0312 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินทางด้วยรถยนต์จากสถานี Higashi-Kaimon มายัง ทะเลสาบอิเคดะ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที |
ราคา | ฟรี |
Website | ikedalake (ภาษาญี่ปุ่น) |
สวนซุยเซนจิ (Suizenji Koen)
สวนซุยเซนจินี้เป็นสวนที่เก่าแก่แห่งหหนึ่งในจังหวัดคุมาโมโตะ สร้างมานานกว่า 300 ปีแล้ว การตกแต่งสวนก็สวยงามตามสไตล์ญี่ปุ่น มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่กลางสวน นักท่องเที่ยวสามารถใส่ชุดกิโมโนมาถ่ายรูป หรือเดินชมบรรยากาศได้ ภายในสวนก็จะมีสิ่งปลูกสร้างที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นแต่มาในรูปแบบจำลอง ไม่ว่าจะเป็น ทะเลสาบ
บิวะ ภูเขาไฟฟูจิ สะพานหิน เป็นต้น แถมบริเวณรอบๆ ก็ยังมีศาลเจ้าอิซึมิ ให้ได้ไปสักการะ และซื้อเครื่องรางกลับไปเป็นของที่ระลึกอีกด้วย
สวนซุยเซนจิ (Suizenji Koen)
ที่อยู่ | 8-1 Suizenji Park, Chuo, Kumamoto, 862-0956 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินทางรถบัสที่สถานี Suizenji ไปยัง สวนซุยเซนจิ ใช้เวลาประมาณ 14 นาที หรือจะเดินไปก็ได้เช่นกัน |
เวลาทำการ | มีนาคม – ตุลาคม 7.30-18.00 น. (เข้าได้ถึง 17.30 น.) / พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ 8.30-17.00 น. (เข้าได้ถึง 16.30 น.) * ประตูด้านทิศเหนือเปิดตั้งแต่ 9.30 น. – 16.00 น. |
ราคา | ผู้ใหญ่ (อายุ 16 ปีขึ้นไป) 400 เยน / เด็ก (อายุ 6 – 15 ปี) 200 เยน |
Website | suizenji (ภาษาญี่ปุ่น) |
ข้อสรุป
จบไปแล้วกับ 10 สถานที่ท่องเที่ยวของภูมิภาคคิวชู จะไปจังหวัดไหนของภูมิภภาคนี้ก็ไม่ผิดหวังเลย เพราะมีที่เที่ยวเยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวที่เป็นภูเขาไฟ ทะเล สวนสาธารณะแสนสวย หรือจะที่อื่นๆ ก็ต้องประทับใจแน่นอน ขนาดรวบรวมมาให้ทุกคนได้อ่านยังอยากไปเอง แล้วคนที่วางแผนจะไปคิวชูจะขนาดไหนเนี่ย ยังไงก็ฝากลิสต์ที่เที่ยวอันนี้ไว้ในแพลนเที่ยวของทุกคนด้วยนะ ขอให้สนุกกับการเดินทาง แล้วอย่าลืมถ่ายรูปมาอวดกันบ้างล่ะ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
สำหรับใครที่สนใจพิกัดเที่ยวฟุกุโอกะเพิ่มเติม ลองอ่านได้ที่บทความนี้
รีวิวเที่ยวฟุกุโอกะ ใน 1 วัน จะเป็นอย่างไรบ้างไปดูกัน
ฟุกุโอกะ เที่ยว 1 วันด้วย Subway One Day Pass ช้อป เที่ยว กิน ครบจบในวันเดียว
ไปอ่านกันเลย