ย้อนเวลากลับไปในยุคเมจิตอนต้นของ Mojiko Retro
นับตั้งแต่ท่าเรือเปิดในสมัยเมจิตอนต้น ที่นี่มีความรุ่งเรืองในฐานะศูนย์ขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ หลังจากการฟื้นฟูเมจิในปี ค.ศ. 1868 ได้มีการเปิดตัวระบบศักดินาญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ ทางตอนเหนือของคิวชูกลายเป็นจุดสนใจหลัก สำหรับการผลิตถ่านหินและเหล็กกล้า
ในเวลาต่อมาอุตสาหกรรมของคิตะคิวชู ก็กลายเป็นฐานการค้าในทวีปเอเชีย และเมื่อถึงจุดสูงสุด ว่ากันว่าในแต่ละเดือนมีเรือโดยสารเดินทะเลเกือบ 200 ลำเข้ามาที่ท่าเรือแห่งนี้ และมีจำนนผู้โดยสารเกือบ 6 ล้านคนต่อปี รวมถึงเส้นทางภายในประเทศด้วย ส่งผลให้เมืองนี้เรียงรายไปด้วยบริษัท สถานบันเทิง และร้านค้ามากมายที่รองรับนักท่องเที่ยวชาวตะวันตก ทำให้เมืองโมจิโกะมีบรรยากาศที่มีชีวิตชีวามากในช่วงเวลานั้น
เพราะความเจริญรุ่งเรืองที่มีมาแต่ครั้งโบราณ ในฐานะแหล่งค้าขายกับต่างประเทศ ทำให้ที่เมืองท่าแห่งนี้เต็มไปด้วยอาคารที่มีความสวยงาม อีกทั้งที่นี่ยังถูกพัฒนาขึ้นมาให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมหนัก จึงมีบริษัทผู้ผลิตบางรายอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมภายในบริเวณโรงงาน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมล่องเรือชมวิวยามค่ำคืนตั้งแต่จุดของช่องแคบคันมงจนถึงเขตนิคมอุตสาหกรรมก็เป็นอีกกิจกรรมยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว และในเวลาต่อมาช่วงปี ค.ศ.1989 ท่าเรือแห่งนี้ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นหลัก
ที่มาที่ไปของชื่อ Mojiko Retro
“Retro” เป็นตัวย่อของคำภาษาอังกฤษ ” Retrospective” เนื่องจากท่าเรือโมจิ “Mojiko Port” นั้นครั้งหนึ่งเคยเจริญรุ่งเรืองในฐานะท่าเรือการค้าระหว่างประเทศ อีกทั้งในปัจจุบันยังคงมีทิวทัศน์ของเมืองเก่าแก่ที่ชวนให้หวนหาอดีต ชาวเมืองจึงร่วมมือร่วมใจสร้างสถานที่ท่องเที่ยวที่ทำการผสมผสานทิวทัศน์เมืองเก่า เข้ากับรูปแบบใหม่ของเมืองได้สำเร็จ และตั้งชื่อให้สถานที่นี้ใหม่ว่า “Mojiko Retro”
Mojiko Retro ปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคิวชู
พื้นที่หลักของ Mojiko Retro อยู่ห่างออกไปตามรัศมีประมาณ 1 กม. ตามแนวท่าเรือโมจิโกะ โดยมีสถานีรถไฟโมจิโกะอยู่ตรงกลางของพื้นที่ ซึ่งตัวอาคารของสถานีรถไฟโมจิโกะในปัจจุบันนั้น เต็มไปด้วยความทรงจำและประวัติศาสตร์มากมายอัดแน่นอยู่ในอาคารสถานี ที่อยู่ร่วมกับคนในท้องถิ่นมานานกว่า 100 ปี และเป็นสถานีรถไฟแห่งแรกในญี่ปุ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินสำคัญทางวัฒนธรรมของชาติอีกด้วย
โดยจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป แน่นอนว่ามีที่สถานีรถไฟโมจิโกะด้วย นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวโดยรอบของพื้นที่ Mojiko Retro ที่อยู่รอบๆ สถานีอีกมากมาย สามารถเดินเท้าถึงได้โดยใช้เวลาไม่นาน นอกจากนี้ยังมีทั้งแหล่งรวมร้านค้า ร้านขายของฝาก และร้านอาหารขึ้นชื่อของคิตะคิวชูอีกด้วย
พิกัดถ่ายรูปแนะนำ
สำหรับใครที่เป็นสายถ่ายรูปแล้ว เมืองท่าโมจิโกะเป็นอีกเมืองที่คุณต้องเพลิดเพลินกับบรรยากาศ รวมทั้งสถาปัตยกรรมที่แปลกแตกต่างจากเมืองอื่นๆ ในประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้นยังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ทำให้ทริปนี้ของคุณประทับใจอีกเท่าตัวแน่ๆ
สถานที่จัดกิจกรรมของท่าเรือโมจิโกะ (Mojiko Harbour Deck)
บริเวณพื้นที่นี้เหล่านักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับลมทะเล และบรรยากาศของอาคารเก่า ท่ามกลางงานกิจกรรมที่น่ารื่นรมย์ จะมาเดินเล่นเพลินๆ หรือเดินถ่ายรูปอัพลงโซเชียลก็สนุกมาก โดยช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายนจะมีการจัดงาน Harbor Deck Jazz ขึ้นที่บริเวณนี้เป็นประจำทุกปี
อาคารเรือพาณิชย์โอซาก้า (Old Mitsui Former O.S.K. Lines Ltd. Building)
เดิมทีที่นี่เป็นสำนักงานของบริษัทขนส่งทางทะเลชื่อ Mitsui O.S.K. Lines สาขาเมืองโมจิโกะ ที่สร้างขึ้นด้วยรูปทรงแปลกตาเพราะเป็นงานสถาปัตยกรรมสไตล์ Vienna Secession เป็นเพนต์เฮาส์ 8 เหลี่ยมแสนโดดเด่น จึงขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ใน 3 อาคารที่น่าประทับใจที่สุดในเมืองนี้ ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดงานศิลปะ หรืองานนิทรรศการที่น่าสนใจ โดยในส่วนของชั้นล่างถูกอุทิศให้เป็นพื้นที่แสดงผลงานของวาตาเสะ เซโซ นักวาดการ์ตูนชื่อดังชาวคิตะคิวชู
สำนักงานศุลการกรเก่าโมจิ (Former Moji Customs Office)
อีกอาคารที่เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของเมืองท่าแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ.1912 โดยในช่วงต้นยุคโชวะถูกใช้เป็นอาคารสํานักงานศุลกากร บนชั้นหนึ่งมีโถงทางเข้าที่กว้างขวางพร้อมห้องโถงเพดาน ห้องพักผ่อนร้านกาแฟ “Morn de Retro” และห้องนิทรรศการที่นำเสนอภาพการลักลอบนําเข้าสินค้าผิดกฎหมายในยุคนั้น ส่วนบริเวณชั้นสามเป็นห้องสังเกตการณ์ ที่สามารถชมภาพสะพานและเรือที่แล่นผ่านเข้ามายังช่องแคบคันมงจากที่นี่ได้
จุดชมวิวโมจิโกะ (Mojiko Retro Observation Room)
สถานที่ชมวิวอันงดงามที่คุณสามารถมองเห็นโมจิโกะเรโทร และช่องแคบคันมงได้สุดสายตาจากบนความสูง 103 เมตร โดยห้องสังเกตการณ์นี้ตั้งอยู่บนชั้น 31 ของคอนโดมิเนียมสูงจากที่นี่ยังสามารถมองเห็นเกาะกันริวจิมะอันโด่งดัง ซึ่งเป็นที่ที่นักดาบมูซาชิและโคจิโระต่อสู้กันได้จากที่นี่ด้วย สำหรับห้องสังเกตการณ์นี้หลังเวลา 20.00 น. จะหรี่ไฟลงเล็กน้อยเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเพลิด เพลินกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนของช่องแคบคันมงและย่านย้อนยุคในบรรยากาศสุดโรแมนติก ผ่านกล้องโทรทรรศน์ดิจิตอล และกล้องส่องทางไกลได้
อดีตสโมสรโมจิ มิตซุย (Old Moji Mitsui Club)
ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สําคัญของชาติแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นในปีที่ 10 ของยุคไทโช ตัวอาคารทําด้วยไม้แบบยุโรปดั้งเดิม และผนังทําโดยการเติมช่องว่างระหว่างกรอบไม้โดยใช้ปูนปลาสเตอร์ อิฐ หิน ฯลฯ ในแต่ละห้องและกรอบประตูกรอบหน้าต่างรวมทั้งเสาของบันไดใช้การตกแต่งแบบอาร์ตเดคโครูปทรงเรขาคณิต และสถานที่นี้เมื่อดร.อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์มาที่ญี่ปุ่นเพื่อบรรยายวิชาการ เขาได้มาพักอยู่ที่นี่ โดยมีการจำลองห้องที่เขาพักไว้ให้ชมด้วย นอกจากนั้นยังมีห้องอนุสรณ์ของฟุมิโกะ ฮายาชินักเขียนหญิงชาวคิตะคิวชูไว้ให้ระลึกถึงด้วยเช่นกัน
มาสคอตบานาน่าแมน (Bananaman and Bananaman Black)
จุดถ่ายรูปยอดนิยมอีกจุดของที่นี่คือเจ้ามาสคอตนี้ โดยที่มาที่ไปก็คือเมื่อก่อนบริเวณสถานีรถไฟโมจิโกะ เคยเป็นลานประมูลกล้วยมาก่อน เพราะมีการขนส่งกล้วยมาลงที่ท่าเรือโมจิโกะจำนวนมากนั่นเอง (เมื่อก่อนญี่ปุ่นปลูกกล้วยไม่ได้เลยต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศเท่านั้น) บริเวณนี้จึงมีทั้งอนุสาวรีย์และมาสตคอตที่สื่อถึงแหล่งกำเนิดการขายกล้วยในเมืองท่าโมจิโกะแห่งนี้
สะพานบูลวิงค์โมจิ (Blue Wing Moji)
สะพานชักสำหรับคนเดินโดยเฉพาะมีความยาวทั้งหมด 108 เมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเป็นสะพานเคลื่อนที่ได้โดยจะชักขึ้นเป็นมุม 60 องศากับพื้นน้ำ 6 ครั้งต่อวัน ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดในการชมทิวทัศน์ช่องแคบคันมงและสะพานคันมง ว่ากันว่าคู่รักที่ข้ามไปได้เป็นคู่แรกหลังสะพานปิดจะผูกพันกันไปชั่วชีวิต จึงได้รับเลือกเป็น “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของคู่รัก” ในเวลากลางคืนบริเวณสะพานจะมีการจัดส่องไฟสวยงามมากด้วย
พิกัดเที่ยวแนะนำ
นอกจากโมจิโกะเรโทรจะเป็นเมืองที่ถ่ายรูปเพลินมากๆ แล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์งานศิลปะ บ้านโบราณ ถนนสายเก่า หรือเมนูอาหารที่ต้องลองให้ได้เมื่อมาที่นี่
พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิเดมิตสึ (Idemitsu Museum of Arts, Moji)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะอิเดมิตสึแห่งโมจิ ถือกําเนิดขึ้นในปีเฮเซ 12 เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะส่วนตัวที่จัดแสดงงานศิลปะที่รวบรวมโดยซาโสะ อิเดมิตสึ ผู้ก่อตั้งบริษัทน้ำมัน Idemitsu Kosan และผู้รอบรู้ด้านงานศิลปะตัวยงคนหนึ่ง โดยตัวพิพิธภัณฑ์ได้รับการปรับปรุงใหม่ ที่มองจากภายนอกจะเห็นภาพอิฐที่ผสมผสานกับภูมิทัศน์ของย่านย้อนยุคได้อย่างลงตัว
พิพิธภัณฑ์ช่องแคบคันมง (Kanmon Strait Museum)
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่คุณสามารถสัมผัสอดีตและปัจจุบันของช่องแคบคันมงด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้าของคุณ โดยที่นี่มีไฮไลท์มากมายเช่น “Strait Atrium” และ “Strait History Corridor” ที่นำเสนอประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับช่องแคบคันมงแบบจุกๆ รวมถึง “Kaikyo Retro Street” ที่สร้างภูมิทัศน์ของเมืองในยุคไทโชออกมาได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ที่นี่เพิ่งเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อวันที่ 21 กันยายน ค.ศ.2019 ซึ่งเป็นปีแรกของยุคเรวะอีกด้วย
พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์รถไฟคิวชู (Kyushu Railway History Museum)
อดีตสํานักงานใหญ่ของบริษัทรถไฟคิวชู ปัจจุบันถูกปรับให้เป็นหอรําลึกรถไฟคิวชู โดยที่นี่เหมือนสวนสนุกเกี่ยวกับรถไฟ มีการจัดแสดงยานพาหนะจริงที่ชวนให้นึกถึงอดีตและการจัดแสดงมรดกทางวัฒนธรรมทางรถไฟ สิ่งอํานวยความสะดวกในการขับขี่ ภาพพาโนรามาขนาดใหญ่ของทางรถไฟคิวชู และสวนรถไฟขนาดเล็กที่คุณสามารถขับรถมินิรถไฟด้วยตัวเองและวิ่งบนรางรถไฟได้อย่างเพลิดเพลิน
เมนูแกงกะหรี่ย่างแสนอร่อยแห่งคิตะคิวชู เป็นเมนูแนะนำเมื่อมาเยือนยังเมืองท่าโมจิโกะ เมนูนี้จะเรียกว่าเมนูแกงกะหรี่ย่าง หรือแกงกะหรี่กระทะร้อนก็ได้ เป็นเมนูอาหารที่มีประวัติความเป็นมายาวนานและได้รับความนิยมตลอดมาจนกลายเป็นอาหารประจำเมืองนี้ไปแล้ว จุดเด่นของเมนูนี้คือข้าวราดแกงกะหรี่เข้มข้นโดยหน้าด้วยมอสซาเรลล่าชีสตามด้วยไข่แดง อาหารทะเล หรือผักอบ ในเมืองโมจิโกะมีร้านยากิคาเรหลายร้าน สายกินห้ามพลาดเลยนะเมนูนี้
เทศกาลดอกไม้ไฟที่ช่องแคบคันมง (Kanmon Strait Fireworks Festival)
เราได้มีโอกาสไปเที่ยวงานเทศกาลฤดูร้อนที่นี่ มีการจัดงานเทศกาลดอกไม้ไฟแบบอลังการสุดๆ เนื่องจากเป็นงานที่จัดร่วมกันระหว่าง 2 เมือง นั่นคือเมืองชิโมโนะเซกิ จ.ยามากุจิ และเมืองคิตะคิวชู จ.ฟุกุโอกะ ส่วนใหญ่งานจะจัดช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปี จะมีการแสดงพลุราวๆ 15,000 นัด และมีผู้เข้าชมงานราวๆ 1,100,000 คน นับเป็นงานเทศกาลดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นฝั่งตะวันตกเลยก็ว่าได้ หากมีโอกาสมาเยือนเมืองท่าโมจิโกะในช่วงฤดูร้อนแนะนำให้มาร่วมงานเทศกาลนี้ดูนะ
งานประดับไฟประจำปีที่เมืองท่าโมจิโกะ เรโทร (Mojiko Retro Illumination)
ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองช่วงปลายปีตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน ถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีที่เมืองท่าแห่งนี้จะมีการประดับประดาไฟสวยงาม ส่งผลให้เมืองย้อนยุคโมจิโกะเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความโรแมนติกในตัว เหล่าอาคารโบราณ ต้นไม้ ริมทางเดิน ร้านรวงยามพระอาทิตย์ตก จะเต็มไปด้วยไฟระยิบระยับสว่างไสวให้บรรยากาศที่แตกต่างจากในช่วงเวลากลางวัน โดยในช่วงเดือนนี้ที่นี่จะมีการจัดงานคริสต์มาสและการนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่เป็นประจำทุกปี ถือเป็นช่วงเวลาแสนพิเศษเหมาะกับการการมาเยือน
พิกัด โมจิโกะ เรโทร (Mojiko Retro)
ที่อยู่ | Minatomachi, Moji Ward, Kitakyushu, Fukuoka 801-0852 |
วิธีเดินทาง | จากสถานี JR Hakata นั่ง Limited Express Sonic หรือ Kirameki ลงที่สถานี Kokura แล้วเปลี่ยนรถไฟมาลงที่สถานี Mojiko |
เวลาทำการ | 9.00 – 18.00 น. |
ราคา | ฟรี |
Website | Mojiko Retro |
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
มาเที่ยวคิตะคิวชูแล้วบอกเลยว่าสนุกสนาน คุ้มค่า แถมยังอิ่มท้องด้วย เพราะไม่ไกลกันยังสามารถข้ามไปเที่ยวอีกจังหวัดได้โดยใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดปลาสดๆ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และศาลเจ้าวิวสวยมากๆ อีกแห่งในญี่ปุ่น
Karato Fish Market
ตลาดคาราโตะเริ่มให้บริการเมื่อปีค.ศ. 1909 เป็นตลาดปลาที่เดินทางสะดวกจากฝั่งคิตะคิวชูได้สำหรับใครที่ชื่นชอบอาหารทะเลสดๆ ที่นี่มีให้เลือกมากมายในราคาย่อมเยา โดยปัจจุบันตลาดแห่งนี้ส่งปลาออกขายไปทั่วประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าสินค้าส่วนใหญ่ในตลาดจะเป็นอาหารทะเล แต่ก็สามารถซื้อวัตถุดิบของท้องถิ่นจากชาวไร่ชาวสวนในจังหวัดยามากุจิได้เช่นกัน
พิกัด ตลาดปลาคาราโตะ (Karato Fish Market)
ที่อยู่ | 5-50 Karatocho, Shimonoseki, Yamaguchi 750-0005 |
วิธีเดินทาง | จากสถานี Mojiko สามาถนั่งเรือไปที่ตลาดปลาคาราโตะได้เลย ราคา 400 เยนา 10 นาทีเพื่อเดินจากสถานีเกียวโต |
เวลาทำการ | 05.00 – 15.00 น. ,วันอาทิตย์ 08.00 – 15.00 น. (ปิดทุกวันพุธ) |
ราคา | ฟรี |
Website | Karato Fish Market |
Kaikyokan
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Kaikyokan หรือชื่อเต็มๆ ว่า Shimonoseki Marine Science Museum เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีสัตว์มากกว่า 20,000 ชนิด 500 สายพันธุ์ และมีตู้จัดแสดงที่มีกระแสน้ำจากช่องแคบคันมงไหลเวียนอยู่ตลอดเวลาด้วย อีกทั้งยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาปักเป้าหลากหลายสายพันธุ์ รวมถึงโซนจัดแสดงโครงกระดูกของปลาวาฬสีน้ำเงิน และเหล่าเพนกวินหายาก เรียกได้ว่าเป็นสถานที่มาทั้งครอบครัวได้เลยแหละ
พิกัด พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคเคียวคัง (Kaikyokan)
ที่อยู่ | 26-1 Arcaport, Shimonoseki, Yamaguchi 750-0036 |
วิธีเดินทาง | จากตลาดปลาคาราโตะเดิน 6 นาที |
เวลาทำการ | 09.30 – 17.30 น. |
ราคา | ผู้ใหญ่ 2,090 เยน, เด็ก 940 เยน และเด็กเล็ก 410 เยน |
Website | Kaikyokan |
Akama Shrine
เป็นศาลเจ้าชินโตในเมืองชิโมโนเซกิที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่ดวงวิญญาณของจักรพรรดิอันโตกุผู้มีพระชนมายุเพียง 6 พรรษาและสิ้นพระชนม์ในสมรภูมิดันโนะอุระระหว่างตระกูลมินาโมโตะและตระกูลไทระในปีค.ศ. 1185 โดยจุดเด่นของศาลเจ้าที่นี่คือฐานสีขาวขนาดใหญ่ที่รองรับส่วนหนึ่งของหลังคาสีแดงตัดกันสวยงาม ว่ากันว่าเป็นจุด Power Spot ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเมืองนี้ โดยบริเวณด้านหน้าศาลเจ้า สามารถมองเห็นช่องแคบคันมงได้ถือเป็นทัศนียภาพที่สวยงามมากเช่นกัน
พิกัด ศาลเจ้าอากามะ (Akama Shrine)
ที่อยู่ | 4-1 Amidaijicho, Shimonoseki, Yamaguchi 750-0003 |
วิธีเดินทาง | จากตลาดปลาคาราโตะเดิน 5 นาที |
เวลาทำการ | 09.00 – 17.00 น. |
ราคา | ฟรี |
Website | Akama Shrine |
สรุป
เชื่อเลยว่าใครที่มาเยือนที่เมืองคิตะคิวชูแล้วต้องแวะมาที่เมืองท่าสุดคลาสสิคแห่งนี้ เพราะเสน่ห์ในทุกๆ มุมของเมืองนี่เอง ที่ทำให้สายถ่ายรูปก็เพลิน สายประวัติศาสตร์ก็ข้อมูลแน่น สายช้อปก็ชิล สายกินก็มีเมนูท้องถิ่นยอดนิยมให้ลิ้มลอง มาที่นี่แล้วได้ฟีลของการย้อนเวลาไปหาอดีต เพราะเต็มไปด้วยอาคารที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตกเก่าแก่ ผสมผสานกับความโมเดิร์นและนวัตกรรมสมัยใหม่ให้ชม คุณสามารถใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่เมืองนี้เพื่อสัมผัสบรรยากาศเมืองเก่าสุดโรแมนติก ทั้งช่วงเวลากลางวันและยามค่ำคืนอันน่าประทับใจได้อย่างแน่นอน