มารู้จัก “สวนฮามะริเคียว (Hamarikyu)” กันสักนิด
สวนสาธารณะแห่งนี้ เดิมทีเคยเป็นตำหนักท่านไดเมียวในสมัยเอะโดะ (1603-1867) โดยเหล่าขุนนางชั้นสูงประจำตระกูลโตกุกาว่าจะใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจไปกับกิจกรรมล่าเป็ด และเหยี่ยว
ก่อนที่ต่อมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ปี 1946) ตำหนักแห่งนี้จะถูกปรับปรุงให้กลายเป็นสวนสาธารณะเพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้
สำหรับเราแล้ว สวนฮามะริเคียว (Hamarikyu) แห่งนี้จึงกลายเป็นหนึ่งในสวนที่มีความน่าสนใจในกรุงโตเกียว โดยที่ภายในสวนมีความสงบร่มรื่นด้วยขนาดพื้นที่ 250,216 ตารางเมตร ท่ามกลางตึกระฟ้าแห่งย่านชิโอะโดะเมะ (Shiodome) เป็นฉากหลัง อีกทั้งยังเป็นสวนแห่งเดียวในกรุงโตเกียวที่ติดกับทะเลอีกด้วยนะ
ชวนส่องแต่ละโซนของสวนที่น่าสนใจ
ร้านชาแบบดั้งเดิม (Nakajima-no-ochaya)
Nakajima-no-ochaya ร้านชาแบบดั้งเดิมในแบบฉบับชาวญี่ปุ่น ภายในร้านจะตกแต่งด้วยเสื่อทาทามิ พร้อมวิธีชงชาเขียวในรูปแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น เมนูที่เราแนะนำคือมัทฉะทานคู่กับหมั่นโถวญี่ปุ่น (Manju) ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 510 เยน เรียกได้ว่าหากเพื่อน ๆ อยากสัมผัสกับความงดงามของวัฒนธรรมการดื่มชาญี่ปุ่น ก็ขอบอกว่าห้ามพลาดมาแวะร้านชาแห่งนี้นะ
อดีตโรงน้ำชาประจำตัวของโชกุนเลโนบุ (Tsubame-no-ochaya)
อดีตโรงน้ำชา Tsubame-no-ochaya ที่อยู่ใกล้กัน จะไม่สามารถเข้าไปชมภายในได้ เดิมทีสถานที่แห่งนี้ก็เคยเป็นโรงน้ำชาประจำตัวโชกุนเลโนบุในช่วงปี 1707 อีกด้วยนะ แต่เราสามารถเข้าชมโรงน้ำชาที่อยู่ใกล้กันอย่าง Matsu-no-ochaya ได้แทน โดยจะมีไกด์นำพาเราเข้าไปชมด้านในเป็นเวลา 20 นาที
Koshin-do Kamoba
พื้นที่ตรงนี้ในอดีตเคยถูกใช้เป็นพื้นที่สำหรับเลี้ยงเป็ดและเป็นพื้นที่สำหรับล่าเหยี่ยวของเหล่าขุนนางในยุคสมัยเอโดะ ซึ่งเป็นกิจกรรมนันทนาการที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูงของญี่ปุ่น แตจ่ปัจจุบันเราไม่สามารถเข้าไปดูด้านในได้นะ(แล้วมันก็ไม่เหลืออะไรข้างในให้ดูด้วย)
Hama Rikyu Gardens Pier
เรียกได้ว่า จุดชมวิวแห่งนี้คือหนึ่งในจุดที่อาจเรียกได้ว่าเป็นซิกเนเจอร์ประจำสวนแห่งนี้ โดยสระน้ำที่เพื่อน ๆ เห็นกันอยู่นี้ เป็นน้ำที่ลำเลียงมาจากอ่าวโตเกียว โดยมีประตูน้ำที่ถูกใช้เพื่อควบคุมระดับน้ำโดยการทำให้สัมพันธ์กับน้ำขึ้นและน้ำลง อีกหนึ่งจุดเด่นคือ เราอาจเห็นปลากะพงขาวและปลากระบอกดำที่ถูกพาเข้ามาจากทะเลให้ชมเพลิน ๆ กันด้วยนะ
Flowerbed
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สวนแห่งนี้จะเต็มที่ไปด้วยดอกโบตั๋น (Peony) ที่มีมากถึง 60 สายพันธุ์และมากกว่า 800 ดอกให้เราได้ชมกันอิ่มตา รวมถึงต้นซากุระและต้นพลัมคละเคล้ากันไป
สำหรับช่วงฤดูใบไม้ร่วงเอง ทุ่มดอกไม้บริเวณนี้ก็จะเต็มไปด้วยดอกคอสมอสและดอกคาโนล่า
ฤดูกาลแนะนำ
เราขอแนะนำให้มมในช่วงปลายฤดูหนาว – ฤดูใบไม้ผลิ (ปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนเมษายน)โดยในช่วงนี้เราสามารถชมต้นพลัมและต้นซากุระที่บานสะพรั่งมากมาย
อีกช่วงหนึ่งคือช่วงฤดูใบไม้ร่วง (เดือนกันยายน-พฤษจิกายน) หรือช่วงที่เราจะได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสี โดยเฉพาะต้นเมเปิ้ลและแปะก๊วยเปล่งประกายสีแดงและเหลือง
พิกัด สวนฮามะริเคียว Hamarikyu
ที่อยู่ | 1-1, Hama Rikyu-teien, Chuo-ku, Tokyo 104-0046 |
วิธีเดินทาง | เดินทางมาได้ที่สถานี Shiodome Station East จากนั้นเดินอีกประมาณ 5-7 นาทีเพื่อมาที่สวน |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน 9:00 -17:00 น. (เข้าชมสวนได้ช้าสุดภายในเวลา 16.30) |
ราคา | ผู้ใหญ่ 300 เยน |
Website | สวนฮามะริเคียว Hamarikyu |
วิธีการเดินทาง
วิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดเราขอแนะนำให้ใช้รถไฟ โดยสามารถเดินทางมาได้ที่สถานี Shiodome Station East โดยจะใช้รถไฟสาย Toei Oedo Line จากนั้นเดินอีกประมาณ 5-7 นาทีเพื่อมาที่สวน หรือถ้าเพื่อน ๆ นั่ง JR Line ก็จะแนะนำให้มาลงที่สถานี JR Shimbashi Station แต่จะต้องเดินไกลนิดนึงประมาณ 15 นาที
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
1. วัดโซโจจิ
หนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงใจกลางกรุงโตเกียว โดยมีจุดถ่ายรูปไฮไลท์คือตัววัดโซโจจิที่ตั้งอยู่ข้างกับโตเกียวทาวเวอร์
พิกัด วัดโซโจจิ
ที่อยู่ | 4 Chome-7-35 Shibakoen, Minato City, Tokyo 105-0011 |
วิธีเดินทาง | มาลงที่สถานีรถไฟ Akabanebashi Station แล้วเดินประมาณ 10 นาที |
เวลาทำการ | เปิดทุกวัน 9.00-17.00 น. |
ราคา | ฟรี |
Website | วัดโซโจจิ |
2. โตเกียวทาวเวอร์
เชื่อว่าคงไม่มีเพื่อน ๆ ที่มาเที่ยวกรุงโตเกียวแล้วพลาดหนึ่งในสถานที่สำคัญแห่งนี้ไปได้ หอคอยแห่งนี้มีหน้าที่เป็นจุดกระจายสัญญาณของสถานีวิทยุและโทรทัศน์ อาทิ NHK TBS นอกจากนี้ยังเป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมสูง และด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นหอคอยที่โชว์โครงสร้างสีขาวตัดแดงที่มีความโดดเด่นจึงกลายเป็นแลนด์มาร์กที่ใครๆ ก็ต่างอยากเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก และในช่วงวันสำคัญต่างๆ เช่น วันชาติญี่ปุ่น ก็จะมีการประดับไฟจัดพิธีเฉลิมฉลองที่หอคอยประวัติศาสตร์แห่งนี้
พิกัด โตเกียวทาวเวอร์
ที่อยู่ | 4-2-8 Shibakoen, Minato City, Tokyo 105-0011 |
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟใต้ดินสาย Toei Oedo Line มาลงที่สถานี Akabanebashi แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Mita Line มาลงที่สถานี Onarimon แล้วเดินต่ออีกประมาณ 6 นาที |
เวลาทำการ | Main Deck (150m) 9.00-23.00 . (เข้าได้ก่อน 22:30) Top Deck (150m&250m) 9.00-22.45 น. (เข้าได้ก่อน22.00-22.15) |
ราคา | Main Deck 1,200 เยน และ Top Deck 2,800 เยน |
Website | โตเกียวทาวเวอร์ |
3. Tsukiji Market
ตลาดปลาซึกิจิ (築地市場, Tsukiji Shijō) อีก 1 สถานที่ในประเทศญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นอย่างมาก ด้วยให้บรรยากาศตลาดสดแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม มีร้านค้า ร้านอาหารอร่อยๆ มากมาย บวกกับการเดินทางที่ง่าย สะดวกสบาย แถมตั้งอยู่ใจกลางเมืองโตเกียว ทำให้ ตลาด ปลา ซึกิจิ นั้น เป็นหมุดหมายสำคัญที่ต้องเช็คอิน ของนักท่องเที่ยวชาวไทยหลายๆ คน นั่นเอง
พิกัด Tsukiji Market
ที่อยู่ | 4-13 Tsukiji, Chuo City, Tokyo 104-0045 |
วิธีเดินทาง | รถไฟใต้ดินโตเกียวเมโทร (Tokyo Metro) สายฮิบิยะ มายังสถานีสึคิจิ (Tsukiji) |
เวลาทำการ | ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้า (ตัวตลาดเปิดทุกวัน) |
ราคา | ฟรี |
Website | Tsukiji Market |
สรุป
สวนฮามะริเคียว “Hamarikyu” เป็นอีกหนึ่งในสวนสาธารณะที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นปอดสีเขียวขนาดใหญ่แห่งกรุงโตเกียว หนึ่งในจุดเด่นที่เราชื่นชอบคือ เป็นสวนที่ทำให้เราได้ใช้เวลาพักผ่อนอย่างจริงจัง เนื่องจากไม่ค่อยมีผู้คนคับคั่งเท่าสวนสาธารณะแห่งอื่น ๆ อีกทั้งยังใกล้กับอ่าวโตเกียว ที่ทำให้เราได้เห็นทั้งสวนดอกไม้ใจกลางตึกสูงระฟ้าและทะเลแห่งกรุงโตเกียวไปในคราวเดียวกัน