ความใฝ่ฝันของนักช้อปชาวไทยหลายคนคือการบินลัดฟ้าไปช้อปปิ้งด้วยตัวเองที่ประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ขนม เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า นาฬิกา กล้อง และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่น่าซื้อน่าช้อปด้วยกันทั้งนั้น แต่ละคนกลับมาถึงกับกระเป๋าสตางค์แฟ่บต้องทำงานเก็บเงินกันใหม่ยกใหญ่เลยทีเดียว แต่ก็ถือเป็นความสุขใจที่ได้ช้อปนี่นา ใครจะไปอดใจไหว
ถ้าตั้งใจจะไปญี่ปุ่นเพื่อช้อปปิ้งแล้วล่ะก็สิ่งที่ต้องรู้นอกเหนือไปจากความต้องการของตัวเองแล้ว เราจะต้องเข้าคลาสเรียนวิชาการทำ Tax Refund ด้วยนะ เพราะเมื่อเราผันตัวเองมายึดอาชีพนักช้อปแบบเต็มตัวแล้วก็ย่อมต้องเสียเงินเยอะมากเช่นกัน และการทำเรื่องขอคืนภาษีจะช่วยทำให้เราประหยัดเงินไปได้ประมาณหนึ่งเลยล่ะ เพราะอัตราภาษีของสินค้าในประเทศญี่ปุ่นนั้นสูงถึง 8% ทีเดียว
สินค้ามากมายหลายประเภทที่วางจำหน่ายอยู่ในประเทศญี่ปุ่นที่เราสามารทำเรื่องขอคืนภาษีได้นั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่
การทำ Tax Refund ในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีด้วยกันทั้งหมด 3 แบบ โดยจะมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละร้านค้า และจะมีแบบใดบ้างนั้นเราไปดูกันเลยค่ะ
แบบแรกจะพบได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปในญี่ปุ่นที่มีสัญลักษณ์ Tax Free จะเป็นการทำเรื่องขอคืนภาษีแบบไม่จำกัดจำนวนครั้งในการชำระเงิน เราสามารถเดินช้อปปิ้งสินค้าจากหลายร้านของห้างได้แต่จะต้องทำการเก็บใบเสร็จไว้ทุกครั้งเพื่อนำไปทำเรื่องขอคืนภาษีที่เคาน์เตอร์ที่อยู่ภายในห้างแบบรวดเดียวจบ ซึ่งราคาที่จ่ายไปจะเป็นราคาเต็มของสินค้าที่รวมภาษีแล้วและจะได้คืนเมื่อทำเรื่องขอคืนภาษีเสร็จเรียบร้อย
แบบที่สองจะคล้ายกับแบบแรกเพียงแต่จะเป็นร้านที่เราซื้อสินค้าและชำระเงินภายในครั้งเดียว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่ค่อนข้างใหญ่ เช่น ดองกี้หรือตึกม่วง Takeya ซึ่งมีสินค้าจำนวนมากและหลากหลายทำให้เราสามารถช้อปปิ้งได้จบภายในที่เดียวเลยนั่นเอง เมื่อชำระเงินที่แคชเชียร์เรียบร้อยแล้วก็เดินไปต่อที่เคาน์เตอร์ขอคืนภาษีได้เลยค่ะ
แบบสุดท้ายนี้จะเป็นร้านที่เราสามารถช้อปปิ้ง ชำระเงิน และทำเรื่องขอคืนภาษีได้ในครั้งเดียวจบ ไม่ต้องไปยืนต่อคิวสองรอบ ส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้าขนาดเล็กอย่างเช่น Sundrugs และ Matsumoto Kiyoshi ถือเป็นรูปแบบการขอคืนภาษีที่สะดวกมาก ๆ
1. มองหาสัญลักษณ์ Tax Free ตามร้านค้าให้เจอเพื่อสร้างความมั่นใจว่าเป็นร้านที่สามารถทำเรื่องขอคืนภาษีได้
2. พุ่งตัวเข้าไปยังร้านเป้าหมาย จากนั้นก็เริ่มช้อปปิ้งให้หนำใจกันไปเลย และอย่าลืมเผื่อเวลาไว้สำหรับทำเรื่องขอคืนภาษีด้วยนะ
3. ขณะช้อปปิ้งควรคำนวณราคาของสินค้าไปด้วยว่ายอดรวมอยู่ที่เท่าไรเพื่อให้ตรงตามเงื่อนไขการขอคืนภาษีที่กำหนดไว้ เช่น สินค้ากลุ่มที่ 1 ที่กำหนดไว้ว่าต้องมียอดชำระเงินไม่ต่ำกว่า 5,001 เยน ถ้าหากช้อปปิ้งเป็นมูลค่า 5,000 เยนพอดีเป๊ะก็ไม่สามารถทำเรื่องได้
4. เมื่อได้สินค้าที่ต้องการตรงตามยอดที่กำหนดแล้วก็มองหาเคาน์เตอร์ชำระเงินได้เลย ถ้าหากเป็นร้านค้าที่สามารถทำเรื่องขอคืนภาษีได้ในคราวเดียวกับขั้นตอนชำระเงินเลยก็ง่ายมาก ๆ แต่ถ้าเป็นร้านที่ต้องทำเรื่องแยกกันก็ต้องมองเคาน์เตอร์ Tax Free กันต่อ
5. สิ่งสำคัญสำหรับขั้นตอนการทำเรื่องขอคืนภาษีคือพาสปอร์ตที่เราต้องนำให้พนักงานทุกครั้ง จากนั้นก็ยืนรอสวย ๆ แล้วทางร้านก็จะจัดการทำเรื่องให้เราทั้งหมด
6. รับพาสปอร์ตคืน โดยภายในพาสปอร์ตจะถูกติดเอกสารการทำเรื่องขอคืนภาษีด้วยแม็กหรือสก็อตเทป อาจดูวุ่นวายเต็มไปหมด ซึ่งเราไม่ต้องตกใจเพียงแค่ระวังไม่ให้กระดาษเหล่านั้นขาดหรือหลุดออกจากพาสปอร์ต เมื่อผ่านตอนขาออก ทางเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้ดึงออกเอง
7. เมื่อสิ้นสุดขั้นตอนการทำเรื่องแล้ว สินค้าที่เราซื้อทั้งหมดจะถูกบรรจุลงถุงพลาสติกที่ค่อนข้างแน่นหนา ซึ่งเรา ‘ห้าม’ แกะหีบห่อโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นอาจถูกเรียกเก็บภาษีได้
8. สินค้าทุกชิ้นที่ซื้อมาสามารถแพ็กใส่กระเป๋าแล้วโหลดลงใต้เครื่องได้ตามปกติ หรือถ้าต้องการถือขึ้นเครื่อง (carry on) ก็สามารถแจ้งพนักงานขายล่วงหน้าให้แพ็กแยก (ไม่มีของต้องห้าม เช่น ของเหลว วัตถุอันตราย) เพื่อนำขึ้นเครื่องได้เลย ซึ่งไม่จำเป็นต้องสำแดงสินค้าทุกชิ้นให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้น
ข้อแนะนำ : เพื่อความสะดวกในการจัดกระเป๋าเดินทางขากลับ เราสามารถแจ้งพนักงานได้ว่าต้องการแยกสินค้าออกเป็นหมวดหมู่หรือแยกตามขนาดสินค้า อย่านำกลับมาแกะแล้วแพ็กเองใหม่เด็ดขาดเพราะจะถือว่าหีบห่อนั้นถูกแกะแล้ว หรือหากต้องการใช้สินค้าตัวไหนในขณะที่พำนักอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เราต้องแจ้งให้พนักงานทราบก่อนเพื่อแยกสินค้านั้น ๆ ออกมาก่อนที่จะถูกแพ็ก โดยสินค้านั้นจะไม่สามารถทำเรื่องขอคืนภาษีได้
เห็นมั้ยล่ะว่าการทำเรื่องขอคืนภาษี หรอื Tax Refund นี่มันไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิดเลย ออกจะง่ายเสียด้วยซ้ำ เพียงแค่ต้องไม่ลืมนำพาสปอร์ตไปด้วยทุกครั้งเวลาช้อปปิ้ง และมองหาสัญลักษณ์ Tax Free Shopping ให้เจอก่อนจะพุ่งตัวเข้าร้านไปล่ะ ไม่งั้นล่ะเงิบเลย
Blogger : Mytarn
เราเองก็เป็นหนึ่งในคนไทยที่หลงใหลในประเทศญี่ปุ่น ?? และรู้สึกเหมือนกับหลาย ๆ คนที่ไม่เคยเบื่อการเดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศแห่งนี้ สิ่งที่ชอบที่สุดคงจะเป็นขนม เบียร์ และการช้อปปิ้ง อิ้ง อิ้ง อิ้ง~ ???
179 Posts
เที่ยวโทจิกิ (Tochigi) / มินามิโทโฮคุ (South Tohoku) ด้วยตัวเอง
โทจิกิ ฟุกุชิมะ มิยางิ และยามากาตะ 4 จังหวัดนี้ตั้งอยู่ทางเหนือของโตเกียว โดยการนั่งชินคันเซ็นใช้เวลาเพียง...
7 โรงแรมใกล้สนามบินนาริตะ สำหรับคนเดินทางช่วง Covid-19
สำหรับมาตรการรับมือช่วง Covid-19 สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องเดินทางไปยังญี่ปุ่น ขอค...
Seibu Pepe Shinjuku & Brick St.ห้างวินเทจใจกลางชินจูกุ แหล่งรวมร้านอร่อย ช้อปปิ้งสุดเพลินทั้งวัน
Seibu Pepe Shinjuku & Brick St. คือห้างใหญ่ใจกลางเมืองชินจูกุ การเดินทางมาแสน...
เปิดประสบการณ์ เที่ยว คิวชู เหนือ สัมผัสธรรมชาติและวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม
จะไปเที่ยวคิวชูเหนือหรอ? ไปทำอะไรนะ!? คิดไม่ออกเลยใช่ไหมล่ะ!! งั้นเราลองไปดูกั...
เครื่องสำอางญี่ปุ่น 2020 รวม 40 อันดับน่าใช้ได้ใจสุด
มาแลัว กับอันดับ เครื่องสำอางญี่ปุ่น 2020 ออกใหม่สดๆ ร้อนๆ ยังคงรวบรวบข้อมูลใ...
Mitsui Garden Hotel Ueno พักสบายๆ ในห้องพักราคาดี ตรงข้ามสถานีอุเอโนะ
Cr: Booking ยินดีต้อนรับเข้าสู่โรงแรม Mitsui Garden Hotel Ueno ที่นับว่าเป็นโร...
วิตามิน dhc ตัวไหนดี ช่วยเรื่องอะไรบ้าง อยากรู้ต้องดู
01/07/2018 | Japan
พิกัดเด็ด Aizuwakamatsu Kitakata และ Yonezawa ทริปฤดูหนาวสามเมืองเด็ดแห่งโทโฮคุ ลุยหิมะสะใจ
17/03/2021 | Japan
เหล้าบ๊วยญี่ปุ่น 7 อันดับ รสเยี่ยม ที่ต้องห้ามพลาด
23/02/2017 | Japan
บุกจูบุใจกลางญี่ปุ่น เที่ยว Gamagori และ Okazaki สนุกชมเมืองสวย ประทับใจไม่ซ้ำ
30/08/2017 | Japan
โอมากาเสะ คือ อะไร แพงมากจริงไหม แชร์ให้รู้ก่อนไปลอง
31/07/2018 | Japan
Police
110
Ambulance
119
AMDA International Medical Information Center
03-5285-8088
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว
03-5789-2449
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า
06-6262-9226-7
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ
092-686-8775