ยินดีต้อนรับสู่โตเกียวเมืองที่เทคโนโลยีผสมผสานกับวัฒนธรรมธรรมดั้งเดิมเอาไว้อย่างลงตัว เราขอเชิญคุณมาสัมผัสความยิ่งใหญ่ของโตเกียวด้วยเรื่องราวของ Michelin Guide Tokyo กัน โดยเราได้ทำการรวบรวมข้อมูลบางส่วนของร้านอาหารที่ดีที่สุดในโตเกียวและข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับมิชลินไกด์โตเกียว ไว้อย่างครบถ้วนในบทความนี้
ซึ่งมิชลินไกด์โตเกียวนี้ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถพักผ่อนในโตเกียวได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทาง และเพื่อรับประกันว่าคุณจะได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับวันหยุดพักผ่อนเต็มรูปแบบ หรือจะเป็นการเดินทางทริปสั้นๆ ในโตเกียว มิชลินไกด์โตเกียวนี้จะช่วยให้คุณค้นพบร้านอาหารที่ดีที่สุดในโตเกียว เพราะโตเกียวเป็นเมืองที่มีดาวมิชลินมากที่สุดในโลก ตามมาด้วยปารีส ประเทศฝรั่งเศสที่มี 121 ดาวด้วยกัน
Michelin Guide Tokyo คืออะไร?
คือหนึ่งในคู่มือแนะนำร้านอาหารและโรงแรมที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งจัดทำโดยบริษัทมิชลิน (Michelin) จากประเทศฝรั่งเศส จุดประสงค์หลักของคู่มือนี้คือการจัดอันดับร้านอาหารที่มีคุณภาพสูง โดยใช้ระบบ “ดาวมิชลิน” เป็นมาตรฐาน ซึ่งมีความน่าเชื่อถือและได้รับการยอมรับทั่วโลก เป็นรางวัลที่แสดงถึงคุณภาพของร้านอาหารในระดับสากลนั่นเอง
Michelin Stars (1, 2, 3 ดาว)
สำหรับดาวมิชลินนั้นเป็นเกณฑ์การประเมินร้านอาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งมอบให้โดย Michelin Guide เพื่อเป็นการยกย่องคุณภาพของอาหารและประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ยอดเยี่ยม โดยร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชลินจะได้รับการจัดอันดับตั้งแต่ 1 ถึง 3 ดาว โดยมีความหมายดังต่อไปนี้
ร้านที่ได้รับ 1 ดาว = ร้านยอดเยี่ยม
สำหรับร้านอาหาร 1 ดาวมิชลินนั้นหมายถึง เป็นร้านอาหารที่เสิร์ฟ “อาหารคุณภาพสูง คุ้มค่าแก่การแวะชิม” เป็นร้านอาหารที่มีเมนูอาหารคุณภาพดีในระดับของตนเอง เหมาะสำหรับการแวะพักระหว่างการเดินทาง แสดงถึงความสม่ำเสมอและมาตรฐานที่ดีในแต่ละเมนูของร้าน
ร้านที่ได้รับ 2 ดาว = ร้านที่ควรแวะอ้อมทาง
สำหรับร้านอาหาร 2 ดาวมิชลินนั้นหมายถึง “อาหารยอดเยี่ยม คุ้มค่าแก่การออกนอกเส้นทางเพื่อแวะชิม”การปรุงอาหารที่ยอดเยี่ยมและมีเอกลักษณ์เพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ และแสดงถึงความเชี่ยวชาญในการปรุงอาหารและการนำเสนอที่โดดเด่นของเชฟในร้านนั้นๆ
ร้านที่ได้รับ 3 ดาว = ร้านระดับตำนาน
สำหรับร้านอาหาร 3 ดาวมิชลินนั้นหมายถึง ร้านที่เสิร์ฟ “อาหารชั้นเลิศ คุ้มค่าแก่การเดินทางสุดแสนพิเศษ” เป็นอาหารที่ให้ประสบการณ์สุดแสนยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง คุ้มค่ากับการเดินทางพิเศษเพื่อมาสัมผัสแสดงถึงความเป็นเลิศในทุกด้านของเมนูอาหาร รวมถึงรสชาติ เทคนิค และการนำเสนอ ถือได้ว่าเป็นรางวัลสูงสุดที่ Michelin Guide มอบให้กับร้านอาหารแสนยอดเยี่ยมนั้น
Bib Gourmand (บิบ กูร์มองด์)
รางวัล Bib Gourmand ของ Michelin Guide เป็นรางวัลที่ทำการยกย่องร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารคุณภาพดีในราคาสมเหตุสมผล โดยเน้นความคุ้มค่าและรสชาติที่ยอดเยี่ยม รางวัลนี้เริ่มต้นในปีค.ศ. 1997 และใช้สัญลักษณ์เป็นภาพมาสคอต “บิเบนดัม” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “มิชลิน แมน” กำลังแลบลิ้นเลียริมฝีปาก
ร้านอาหารที่ได้รับรางวัล Bib Gourmand นั้นมีความหลากหลาย ทั้งร้านอาหารท้องถิ่น ร้านอาหารริมทาง และร้านอาหารธรรมดาๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในประเทศไทยเอง มีร้านอาหารที่ได้รับรางวัล Bib Gourmand ด้วย โดยในปีค.ศ. 2024 มีร้านอาหารและร้านอาหารริมทางรวม 196 แห่งที่ได้รับรางวัลนี้ ครอบคลุมหลากหลายประเภทอาหาร เช่น อาหารไทย อาหารจีน อาหารอีสาน และอาหารเหนือ รางวัลนี้มีขึ้นเพื่อจะบอกว่าอาหารอร่อยและคุณภาพดีไม่จำเป็นต้องมีราคาสูงเสมอไป เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารที่คุ้มค่าและมีคุณภาพ
The Plate (มิชลิน เพลท)
รางวัล Michelin Plate นั้นเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ Michelin Guide ใช้เพื่อแนะนำร้านอาหารที่มีคุณภาพดี โดยแม้จะไม่ใช่รางวัลระดับดาวมิชลิน แต่ก็เป็นการรับรองว่าร้านนั้นมีมาตรฐานที่น่าประทับใจ โดยสัญลักษณ์ Michelin Plate หรือ L’Assiette (ภาษาฝรั่งเศสแปลว่า “จาน”) ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี ค.ศ. 2016 เพื่อแสดงถึงร้านอาหารที่ เสิร์ฟอาหารคุณภาพดี ใช้วัตถุดิบสดใหม่ และมีการปรุงอย่างพิถีพิถัน แม้ร้านที่ได้รับสัญลักษณ์นี้อาจยังไม่ถึงระดับที่จะได้รับดาวมิชลินหรือรางวัล Bib Gourmand แต่ก็ถือว่าเป็นร้านที่มีคุณภาพและควรค่าแก่การลองในชีวิตสักครั้ง
ร้าน Michelin Star ที่ไม่ควรพลาดในโตเกียว
ไหนๆ ก็พูดเรื่องร้านอาหารมิชลินในโตเกียวแล้ว เราจะพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับเหล่าร้านอาหารที่มีคุณภาพสูง โดยใช้ระบบ “ดาวมิชลิน” เป็นมาตรฐานกัน ดังนั้นเรามาเริ่มจากการเลือกประเภทร้านอาหารกันก่อน เนื่องจากร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชลินในโตเกียวนั้นมีความหลากหลายทั้งในด้านประเภทอาหารและสไตล์การปรุง อีกทั้งยังครอบคลุมทั้งอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิมและอาหารนานาชาติ ซึ่งความหลากหลายของประเภทอาหารเหล่านี้สะท้อนถึงวัฒนธรรมการกินที่ลึกซึ้ง และเปิดกว้างของกรุงโตเกียวได้เป็นอย่างดี
อาหารญี่ปุ่นดั้งเดิม (Kaiseki)
อาหารชุดญี่ปุ่นที่เน้นความสมดุลของรสชาติ และการนำเสนออย่างประณีต พร้อมกับการใช้ส่วนผสมตามฤดูกาล และมีความสมดุลในเรื่องของเนื้อสัมผัสรวมทั้งมีสีสันที่สวยงาม ไคเซกิเป็นมากกว่าแค่อาหารชุดญี่ปุ่น แต่ยังเป็นอาหารที่ทำให้ผู้รับประทานได้ดื่มด่ำกับศิลปะและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นไปพร้อมๆ กันด้วย
ซูชิระดับพรีเมียม (Sushi)
มีร้านซูชิระดับดาวมิชลินหลายแห่งเน้นการใช้วัตถุดิบสดใหม่และเทคนิคการปรุงแบบดั้งเดิม หลายร้านให้ความสำคัญกับข้าวและส่วนประกอบต่างๆ ที่มีคุณภาพสูง และเน้นใช้วัตถุดิบในประเทศเพื่อสะท้อนถึงจิตวิญญาณความเป็นญี่ปุ่นมากที่สุด พร้อมกับการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันแล้วนำมารังสรรค์เป็นซูชิรสเลิศ มาพร้อมการเสิร์ฟที่ใส่ใจรายละเอียดเพื่อประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ยอดเยี่ยม
อาหารฝรั่งเศสแบบฟิวชั่น (Fushion Food)
อาหารฝรั่งเศสแบบฟิวชันในร้านมิชลินสตาร์ของโตเกียวเป็นการผสมผสานระหว่างเทคนิคการปรุงอาหารฝรั่งเศสกับวัตถุดิบและวัฒนธรรมการกินของญี่ปุ่น มาร่วมกันสร้างสรรค์เมนูที่มีเอกลักษณ์และประสบการณ์การรับประทานที่น่าประทับใจ ทำให้หลายร้านมิชลินสตาร์ในโตเกียวต่างนำเสนออาหารฝรั่งเศสแบบฟิวชันที่โดดเด่น
เทมปุระและยากิโทริ (Tempura and Yakitori)
ร้านที่เชี่ยวชาญในการทอดเทมปุระกรอบนอกนุ่มในจนออกมาเป็นเมนูชุบแป้งทอดที่มีสัมผัสกรอบเบา ประกอบกับการเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลและคัดสรรจากถิ่นกำเนิดที่สดและอร่อย โดยการทอดก็ไม่ทำลายความสดของอาหารแต่อย่างใด รวมทั้งยากิโทริที่นำเสนอเมนูไก่ย่างเสียบไม้ ดูจะธรรมดาแต่มีการนำมาปรุงด้วยซอสหรือเกลืออย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียดจนทำให้คุณได้ประสบการณ์ที่แตกต่างจากร้านยากิโทริทั่วๆ ไปในโตเกียว
ราเมนและโซบะ (Ramen and Soba)
แม้ในภาพจำของคุณราเมนและโซบะจะเป็นอาหารที่มีราคาย่อมเยา แต่บางร้านราเมนในโตเกียวก็ได้รับการยอมรับจากคู่มือมิชลิน อย่างแพร่หลาย โดยมีร้านราเมนหลายแห่งที่ได้รับการจัดอันดับในหมวดหมู่ต่างๆ เช่น Bib Gourmand และเคยได้รับดาวมิชลิน แม้ว่าร้านที่เคยได้รับดาวมิชลินจะสูญเสียดาวไปในปีค.ศ. 2024 แต่คุณภาพและความนิยมของร้านเหล่านี้ยังคงสูงอยู่จวบจนปัจจุบัน
อิซากายะ (Izakaya)
ร้านอิซากายะที่ได้รับการแนะนำในคู่มือมิชลินในโตเกียวเป็นการผสมผสานระหว่างบรรยากาศสบายๆ ของร้านกินดื่มแบบญี่ปุ่นกับมาตรฐานคุณภาพอาหารระดับสูง แม้ว่าร้านอิซากายะจะไม่ค่อยได้รับดาวมิชลินโดยตรง แต่หลายแห่งได้รับการยอมรับในรูปแบบของ Bib Gourmand หรือการคัดเลือกพิเศษจากมิชลินนั่นเอง
ตัวอย่างร้าน Michelin Star ที่ควรแนะนำ 10 ร้าน
โตเกียวยังคงรักษาตำแหน่งเมืองที่มีร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์มากที่สุดในโลก โดยในปีค.ศ. 2025 มีร้านอาหารที่ได้รับการแนะนำในคู่มือมิชลินจำนวน 507 แห่ง รวมถึงร้านที่ได้รับดาวมิชลิน 3 ดาว 12 แห่ง ซึ่งสะท้อนถึงความหลากหลาย และคุณภาพของอาหารในเมืองนี้ ดังนั้นมาเริ่มทำความรู้จัก 10 ร้านที่เราหยิบยกมาแนะนำกันเลย
Michelin Star 3 ดาว
Ginza Harutaka 3 ดาว
ร้านซูชิระดับไฮเอนด์ในย่านกินซ่าที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงในวงการอาหารญี่ปุ่น โดยในปีค.ศ. 2024 ร้านนี้ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นร้านซูชิเพียงแห่งเดียวในโตเกียวที่ได้รับ 3 ดาวมิชลิน ซึ่งเป็นการยืนยันถึงคุณภาพและความเป็นเลิศของร้าน โดยร้าน Ginza Harutaka นี้ นำโดยเชฟ Harutaka Takahashi ซึ่งเคยฝึกฝนกับเชฟ Jiro Ono จากร้าน Sukiyabashi Jiro มานานถึง 12 ปี เป็นร้านซูชิระดับ 3 ดาวที่นำเสนอซูชิสไตล์เอโดะมาเอะที่ปรุงด้วยความประณีต มีการนำเสนอด้วยจังหวะเฉพาะตัว พร้อมความสมดุลของรสชาติ ความหวาน ความเปรี้ยว และอุณหภูมิที่กลมกลืนกันในแต่ละคำ
Ginza Harutaka
ที่อยู่ | 6F, 8-3-1 Ginza, Chuo-ku, Tokyo, 104-0061, Japan |
วิธีเดินทาง | จาก Ginza Station เดิน 6 นาที |
เวลาทำการ | 17.00-24.00 น. หยุดทุกวันอาทิตย์ |
ราคา | ราคาประมาณ 30,000 – 80,000 เยน |
Website | Ginza Harutaka |
Kagurazaka Ishikawa 3 ดาว
ร้านอาหารไคเซกิระดับ 3 ดาวมิชลินที่มีชื่อเสียงในโตเกียว ตั้งอยู่ในย่านคากูราซากะ ชินจูกุ ร้านนี้ได้รับดาวมิชลินอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีค.ศ. 2009 และยังคงรักษามาตรฐานสูงสุดมาจนปัจจุบัน เชฟ Hideki Ishikawa เป็นผู้ก่อตั้งและดูแลร้านด้วยตนเอง โดยเน้นการนำเสนออาหารไคเซกิที่สะท้อนความงามตามฤดูกาลและวัตถุดิบในท้องถิ่นของญี่ปุ่น แต่ละจานถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อดึงรสชาติดั้งเดิมของวัตถุดิบออกมาอย่างเรียบง่ายและสง่างาม เมนูมีทั้งหมด 10 คอร์สที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล โดยอาหารแต่ละจานเป็นการพิสูจน์ถึงรสชาติอันเรียบง่ายแต่ล้ำลึกและลึกซึ้ง ทำให้ผู้มาเยือนเพลิดเพลินไปกับสี่ฤดูกาลของญี่ปุ่นผ่านทุกเมนูของร้านนี้
Kagurazaka Ishikawa
ที่อยู่ | 5-37 Kagurazaka, Shinjuku-ku, Tokyo, 162-0825, Japan |
วิธีเดินทาง | จาก Iidabashi Station เดิน 5 นาที |
เวลาทำการ | วันอังคาร – ศุกร์ 17.00-24.00 น. , วันเสาร์ 12.00 – 24.00 น. หยุดทุกวันอาทิตย์และวันจันทร์ |
ราคา | ราคาประมาณ 30,000 – 80,000 เยน |
Website | Kagurazaka Ishikawa |
Michelin Star 2 ดาว
Tempura Kondo 2 ดาว
ชวนมาสัมผัสประสบการณ์เทมปุระแสนอร่อยที่ร้านเทมปุระระดับ 3 ดาวมิชลินในย่านกินซ่า เพราะเทมปุระของร้าน Tempura Kondo นั้นมีรสชาติที่เบามาก เนื่องจากการใช้แป้งสาลีไม่ดูดซับน้ำมันมากเกินไป พร้อมการดึงเอาสีสันและกลิ่นหอมอันยอดเยี่ยมของส่วนผสมออกมา ร้านก่อตั้งโดยเชฟ Fumio Kondo ตั้งแต่ปีค.ศ. 1991 เชฟทำงานหนักเป็นเวลา 20 ปีเพื่อฝึกฝนทักษะการเป็นเชฟเทมปุระ เขายืนทอดเทมปุระที่เคาน์เตอร์ทั้งวันทั้งคืนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำให้เขาพัฒนาฝีมือในการเป็นเชฟมากขึ้นเรื่อยๆ และเพราะการทำงานหนักตลอดมาของเขา ช่วยยกระดับเทมปุระจากอาหารริมทางสู่ศิลปะการทำอาหารชั้นสูงระดับโลกได้อีกด้วย
Tempura Kondo
ที่อยู่ | 9F, 5-5-13 Ginza, Chuo-ku, Tokyo, 104-0061, Japan |
วิธีเดินทาง | จาก Ginza Station เดิน 6 นาที |
เวลาทำการ | 12.00-15.00 น. และ 17.00-20.00 น. หยุดทุกวันอาทิตย์ |
ราคา | ราคาประมาณ 20,000 – 50,000 เยน |
Website | Tempura Kondo |
Ginza Shinohara 2 ดาว
ร้าน Ginza Shinohara เป็นร้านอาหารประเภทไคเซกิที่ตั้งอยู่ในย่านกินซ่า กรุงโตเกียว ได้รับการจัดอันดับ 2 ดาวมิชลินในปีค.ศ. 2025 โดยมีชื่อเสียงในด้านการนำเสนออาหารที่ผสมผสานความงดงามของฤดูกาล กับรสชาติที่ลึกซึ้ง และการบริการ ร้านนำโดยเชฟ Takemasa Shinohara เขาได้รับแรงบันดาลใจจากบ้านเกิดในจังหวัดชิงะและประสบการณ์การทำงานในเกียวโต เมนูของร้านจึงสะท้อนถึงความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เน้นเสิร์ฟเป็นเมนูไคเซกิแบบโอมากาเสะที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล พร้อมการจัดอย่างประณีต สะท้อนถึงฤดูกาลต่างๆ ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ร้านมีบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง การบริการมีความใส่ใจในรายละเอียด และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าทุกคน
Ginza Shinohara
ที่อยู่ | B1F, 2-8-17 Ginza, Chuo-ku, Tokyo, 104-0061, Japan |
วิธีเดินทาง | จาก Ginza-itchome Station เดิน 2 นาที |
เวลาทำการ | วันพุธ 17.00-23.30 น., วันพฤหัสบดี – วันอังคาร12.00–15.00 น. และ 17.00–23.30 น. |
ราคา | ราคาประมาณ 20,000 – 50,000 เยน |
Website | Ginza Shinohara |
Michelin Star 1 ดาว
Kaiseki Komuro 1 ดาว
ร้านอาหารญี่ปุ่นระดับ 1 ดาวมิชลินสตาร์ ตั้งอยู่ในย่านคากูระซากะ โดยเชฟ Mitsuhiro Komuro ซึ่งมีประสบการณ์ในการปรุงอาหารสำหรับพิธีชงชาญี่ปุ่น และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไคเซกิแบบดั้งเดิม ร้านให้บริการเมนูโอมากาเสะที่เน้นการใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลจากทะเล ฟาร์ม และป่า ส่วนการปรุงอาหารเน้นการใช้ดาชิ (น้ำซุป) ซึ่งเป็นหัวใจของอาหารญี่ปุ่น โดยเชฟจะใช้สาหร่ายคอมบุจากฮอกไกโดและปลาคัตสึโอะจากมาคุระซากิ เพื่อเพิ่มความลึกซึ้งของรสชาติและมีการคัดสรรเครื่องดื่มอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะสาเกที่มาจากภูมิภาคคะซุกาเบะในจังหวัดไซตามะ และไวน์จากภูมิภาคคัตสึนุมะในจังหวัดยามานาชิ พร้อมการเสิร์ฟอาหารใช้ภาชนะที่มีคุณค่าของญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มความงดงามในการรับประทาน
Kaiseki Komuro
ที่อยู่ | 35-4 Wakamiyacho, Shinjuku-ku, Tokyo, 162-0827, Japan |
วิธีเดินทาง | จาก Ushigome-kagurazaka Station เดิน 5 นาที |
เวลาทำการ | 12.00–13.00 น. และ 18.00–20.00 น. หยุดทุกวันอาทิตย์ |
ราคา | ราคาประมาณ 10,000 – 30,000 เยน |
Website | Kaiseki Komuro |
Nodaiwa Azabu Iikura Honten 1 ดาว
ร้านข้าวหน้าปลาไหลที่มีประวัติยาวนานกว่า 200 ปี โดยปัจจุบันดำเนินกิจการโดยเชฟ Kanejiro Kanemoto รุ่นที่ 5 ของครอบครัว เขาเริ่มช่วยงานในร้านตั้งแต่เด็กและทุ่มเทชีวิตให้กับการปรุงปลาไหล แม้จะยึดถือสไตล์การย่างแบบเอโดะดั้งเดิม แต่เขายังมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เช่น การเสิร์ฟปลาไหลย่างไม่ปรุงรสพร้อมคาเวียร์ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์การเป็นเชฟในปารีส ร้านนี้ติดอันดับร้านอาหารญี่ปุ่นระดับ 1 ดาวมิชลินสตาร์ ตั้งอยู่ในอาคารไม้แบบญี่ปุ่นดั้งเดิม 5 ชั้น มีห้องเสื่อทาทามิและห้องส่วนตัว พร้อมการตกแต่งภายในที่ผสมผสานระหว่างความดั้งเดิมและความทันสมัยไว้อย่างลงตัว หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การรับประทานปลาไหลแบบดั้งเดิมในบรรยากาศที่อบอุ่นและมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ร้านนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
Nodaiwa Azabu Iikura Honten
ที่อยู่ | 1-5-4 Higashiazabu, Minato-ku, Tokyo, 106-0044 |
วิธีเดินทาง | จาก Kamiyachō Station เดิน 8 นาที |
เวลาทำการ | 11.00–13.30 น. และ 17.00–20.00 น. หยุดทุกวันอาทิตย์ |
ราคา | ราคาประมาณ 10,000 – 30,000 เยน |
Website | Nodaiwa Azabu Iikura Honten |
Bib Gourmand
Kyorakutei (Bib Gourmand)
ร้านโซบะและเทมปุระชื่อดังในย่านคากูระซากะ โตเกียว ร้านนี้เคยได้รับดาวมิชลิน 1 ดาวในปีค.ศ. 2012 และแม้จะไม่ได้รับดาวในปัจจุบัน แต่ยังคงได้รับการยอมรับในคู่มือมิชลินด้วยรางวัล Bib Gourmand ซึ่งเน้นความคุ้มค่าและคุณภาพของอาหาร จุดเด่นของร้านคือการใช้แป้งทำโซบะจากเมืองไอสุ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเชฟ และบดด้วยหินโม่ในร้านเองทุกวัน เส้นโซบะมีทั้งแบบผสมแป้งสาลีและแบบจูวาริที่มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ นอกจากโซบะแล้ว ร้านยังมีเมนูเทมปุระที่หลากหลาย เช่น เทมปุระปลาไหล เทมปุระผักตามฤดูกาล และเมนูพิเศษประจำฤดู เช่น โซบะมะเขือเทศในช่วงต้นฤดูร้อน ร้านนี้จะมอบประสบการณ์การรับประทานโซบะที่น่าจดจำให้กับคุณอย่างแน่นอน
Kyorakutei
ที่อยู่ | 3-6 Kagurazaka, Shinjuku-ku, Tokyo, 162-0825, Japan |
วิธีเดินทาง | จาก Iidabashi Station เดิน 6 นาที |
เวลาทำการ | 11.00–14.00 น. และ 17.00–20.00 น. หยุดทุกวันอาทิตย์และวันจันทร์ |
ราคา | ราคาประมาณ 5,000 – 9,000 เยน |
Website | Kyorakutei |
Katsuyoshi (Bib Gourmand)
ร้านทงคัตสึที่มีชื่อเสียงในย่านนิฮงบาชิ นิงเงียวโจ เขตชูโอ โตเกียว ได้รับการยอมรับในคู่มือมิชลินด้วยรางวัล Bib Gourmand ตั้งแต่ปีค.ศ. 2021 ซึ่งเน้นความคุ้มค่าและคุณภาพของอาหาร ส่วนทงคัตสึของร้านมีความกรอบนอกนุ่มใน โดยใช้เนื้อหมูคุณภาพสูงและทอดด้วยเทคนิคเฉพาะในหม้อทองแดง เมนูยอดนิยม ได้แก่ หมูสันนอก หมูสันใน และกุ้งลายเสือไซส์ใหญ่ ร้านตั้งอยู่ในบ้านไม้ญี่ปุ่นที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและย้อนยุคในคราวเดียวกัน
Katsuyoshi
ที่อยู่ | 3-4-11 Nihombashiningyocho, Chuo-ku, Tokyo, 103-0013, Japan |
วิธีเดินทาง | จาก Ningyōchō Station เดิน 2 นาที |
เวลาทำการ | 11.30–14.00 น. และ 17.30–20.30 น. หยุดทุกวันอาทิตย์และวันจันทร์ |
ราคา | ราคาประมาณ 5,000 – 9,000 เยน |
Website | Katsuyoshi |
The Plate (มิชลิน เพลท) หรือ ร้านอาหารที่ได้รับเลือก
SUKIYAKI ASAI ร้านอาหารที่ได้รับเลือก
ร้านอาหารสุกี้ยากี้ระดับพรีเมียมที่ตั้งอยู่ในย่านโทระโนะมง เขตมินาโตะ กรุงโตเกียว ร้านนี้ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในคู่มือมิชลินปี ค.ศ. 2025 และมีชื่อเสียงในด้านการใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง เช่น เนื้อวัวโอมิจากจังหวัดชิงะ ซึ่งผ่านการบ่มแบบพิเศษโดยคุณโยชิโนบุ ชินโบะ จากร้านเนื้อชื่อดัง สิ่งที่น่าสนใจยิ่งขึ้นคือพนักงานในชุดกิโมโนจะปรุงสุกี้ยากี้ทีละชิ้นต่อหน้าคุณ โดยสลับระหว่างเนื้อวัวและผักอย่างพิถีพิถัน เสิร์ฟพร้อมซอสจิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ ได้แก่ ไข่ขาวที่ตีจนเป็นเมอแรงค์นุ่มฟู และไข่แดงผสมกับน้ำส้มสายชูโทสะ ซึ่งมื้ออาหารสุดประทับใจที่นี่ จะปิดท้ายด้วยเส้นชิราทากิผัดในซอสวาริชิตะ และไขมันเนื้อวัว แค่นึกภาพตามก็สัมผัสได้ว่าต้องอร่อยแน่นอน
SUKIYAKI ASAI
ที่อยู่ | 3-11-15 Toranomon, Minato-ku, Tokyo, 105-0001, Japan |
วิธีเดินทาง | จาก Toranomon Hills Station เดิน 4 นาที |
เวลาทำการ | 11.30–14.30 น. และ 17.30–23.00 น. หยุดทุกวันอาทิตย์และวันพุธ |
ราคา | ราคาประมาณ 10,000 – 30,000 เยน |
Website | SUKIYAKI ASAI |
Ishibashi ร้านอาหารที่ได้รับเลือก
เป็นร้านสุกี้ยากี้ระดับพรีเมียมที่มีประวัติยาวนานกว่า 140 ปี ตั้งอยู่ในย่านโซโตกันดะ เขตชิโยดะ กรุงโตเกียว ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1879 โดยเริ่มต้นจากร้านขายเนื้อวัว และได้พัฒนามาเป็นร้านสุกี้ยากี้ที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน ร้านนี้ได้รับดาวมิชลิน 1 ดาวต่อเนื่องตั้งแต่ปีค.ศ. 2010 ถึง 2023 และยังคงได้รับการคัดเลือกในคู่มือมิชลินปีค.ศ. 2024 อีกด้วย ทางร้านเลือกใช้เนื้อวากิวสายพันธุ์คุโรเกะ ส่วนสันนอกที่มีลายไขมันสวยงามซึ่งเป็นเนื้อที่เหมาะสำหรับการทำสุกี้ยากี้ โดยที่นี่ปรุงสุกี้ในสไตล์คันไซ โดยใช้ไขมันเนื้อวัวทากระทะก่อน แล้วจึงใส่เนื้อและซอสสูตรลับที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น
Ishibashi
ที่อยู่ | 3-6-8 Sotokanda, Chiyoda-ku, Tokyo, 101-0021 Japan |
วิธีเดินทาง | จาก Suehirochō Station เดิน 2 นาที |
เวลาทำการ | 17.00–21.30 น. หยุดทุกวันเสาร์และอาทิตย์ |
ราคา | ราคาประมาณ 10,000 – 30,000 เยน |
Website | Ishibashi |
แถมร้านอีกหนึ่งร้าน
ร้านอาหารไทยสุดว้าวในโตเกียวที่ได้รับรางวัล The Plate (มิชลิน เพลท) เป็นอีกหนึ่งที่เผื่อคนไทยนึกถึงรสชาติอาหารไทยอยากลองไปทานดูสักครั้ง
KHAO ร้านอาหารที่ได้รับเลือก
ร้านอาหารไทยระดับไฟน์ไดนิ่งในย่านจิมโบโจ กรุงโตเกียว ที่ได้รับการคัดเลือกให้บรรจุไว้ในคู่มือมิชลิน โดยนำเสนออาหารไทยร่วมสมัยที่ผสมผสานวัตถุดิบญี่ปุ่นเข้ากับรสชาติแท้ของไทย เชฟโคอิจิ อิชิยามะ และคุณเอริ โฮซูมิ คู่สามีภรรยาเจ้าของร้าน เคยฝึกฝนการทำอาหารในกรุงเทพฯ ประเทศไทย และนำความรู้มาสร้างสรรค์เมนูที่ใช้วัตถุดิบญี่ปุ่น เช่น มะพร้าวคั้นสด ข้าวหอมมะลิที่หมักด้วยโคจิ และผักพื้นเมืองญี่ปุ่นร้านให้บริการเป็นเมนูคอร์สแบบโอมากาเสะจำนวน 8–9 คอร์ส ที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ใช้เวลาในการรับประทานประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เป็นประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยระดับสูงในโตเกียวที่แนะนำให้แวะไปเยือนด้วยตนเองสักครั้ง
KHAO
ที่อยู่ | 2-12-7 Kandajimbocho, Chiyoda-ku, Tokyo, 101-0051, Japan |
วิธีเดินทาง | จาก Jimbocho Station เดิน 2 นาที |
เวลาทำการ | 18.00–21.30 น. หยุดทุกวันอาทิตย์ |
ราคา | ราคาประมาณ 10,000 – 30,000 เยน |
Website | KHAO |
เคล็ดลับการกินร้าน Michelin Star ในโตเกียว
การรับประทานอาหารในร้านอาหาร Michelin Star ที่โตเกียวนั้นเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ต้องมีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อให้ได้ประสบการณ์ดีที่สุด นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยให้คุณไปยังร้านอาหาร Michelin Star ในโตเกียวได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
จองล่วงหน้าสักหน่อย
ร้านมิชลินหลายแห่งในโตเกียวมีที่นั่งจำกัดโดยเฉพาะร้านซูชิหรือไคเซกิที่มีเพียง 6–10 ที่นั่งเท่านั้น และเป็นที่นิยมของผู้คนจำนวนไม่น้อย ทั้งคนญี่ปุ่นเองและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ก่อนเดินทางไปควรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 เดือน และบางร้านอาจต้องจองล่วงหน้านานถึง 6 เดือน ส่วนช่องทางที่ทำการจองมีดังต่อไปนี้
1.ผ่านเว็บไซต์จองออนไลน์ หลายร้านในโตเกียวเปิดให้จองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เชื่อถือได้เช่น
– OMAKASE JapanEatinerary พันธมิตรอย่างเป็นทางการของ Michelin Guide ที่ให้บริการจองร้านอาหารระดับสูงในญี่ปุ่น
– My Concierge Japan บริการจองร้านอาหารที่มีทีมงานพูดได้หลายภาษา ช่วยประสานงานกับร้านอาหารระดับสูงในญี่ปุ่น
– TABLEALL แพลตฟอร์มที่เน้นการจองร้านอาหารระดับพรีเมียมในญี่ปุ่น โดยมีค่าธรรมเนียมการจองประมาณ 8,000 เยนต่อที่นั่ง
– TableCheck แพลตฟอร์มจองร้านอาหารที่มีร้านมิชลินสตาร์หลายแห่งในโตเกียว เช่น Florilège, Narisawa และ Sushi Saito
2.ผ่าน Concierge ของโรงแรม
หากคุณเข้าพักในโรงแรมระดับ 4-5 ดาวในโตเกียว คอนเซียร์จของโรงแรมสามารถช่วยจองร้านอาหารมิชลินสตาร์ให้คุณได้ โดยเฉพาะร้านที่ไม่เปิดให้จองออนไลน์หรือมีข้อจำกัดในการจอง
3.คำแนะนำอื่นๆ
- ตรวจสอบเว็บไซต์ของร้าน: บางร้านมีระบบจองผ่านเว็บไซต์ของตนเอง หรือระบุวิธีการจองเอาไว้
- เตรียมข้อมูลที่จำเป็น: เช่น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องข้อจำกัดด้านอาหาร (แพ้อาหาร), ความต้องการพิเศษ, หรือการแจ้งโอกาสพิเศษ เพื่อให้ร้านสามารถเตรียมการล่วงหน้าไว้บริการคุณได้
- ความยืดหยุ่น: หากคุณมีวันที่หรือเวลาที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ ควรระบุไว้ด้วย จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้ที่นั่งในร้านที่คุณต้องการ
เข้าใจกฎกติกา
การจองร้านอาหารมิชลินสตาร์ในโตเกียวมีข้อกำหนดและกฎระเบียบเฉพาะที่ควรศึกษาไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ประสบการณ์การรับประทานอาหารของคุณ จะได้เป็นไปอย่างราบรื่นและน่าประทับใจมากยิ่งขึ้น ดังต่อไปนี้
- นโยบายการยกเลิก: ร้านอาหารระดับสูงมักมีนโยบายการยกเลิกที่เข้มงวด เช่น ต้องยกเลิกล่วงหน้าอย่างน้อย 72 ชั่วโมง มิฉะนั้นอาจมีค่าปรับ หรือไม่คืนเงินมัดจำ
- การจำกัดผู้เข้ารับประทาน: แต่ละร้านมีเงื่อนไขแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น
– บางร้านไม่อนุญาตให้เด็กเข้ารับประทาน หรือมีข้อจำกัดอายุ
– ร้านขนาดเล็กบางร้านอาจไม่สามารถรองรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ได้ - ข้อจำกัดด้านอาหาร: ร้านมิชลินสตาร์บางแห่งอาจไม่สามารถปรับเมนู สำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดด้านอาหาร เช่น มังสวิรัติ วีแกน หรือคนที่มีอาการแพ้อาหารบางประเภทได้
- การแต่งกาย: ร้านมิชลินสตาร์มักมีข้อกำหนดการแต่งกาย เช่น ห้ามใส่รองเท้าแตะ เสื้อยืด หรือกางเกงขาสั้น ควรแต่งกายด้วยความสุภาพให้เกียรติสถานที่ไว้ก่อน
- การใช้เครื่องหอมหรือน้ำหอม : บางร้านมิชลินสตาร์มักจะขอความร่วมมือไม่ให้ใช้เครื่องหอมที่มีกลิ่นแรง เพื่อไม่ให้รบกวนประสบการณ์การรับประทานอาหารของผู้อื่น
- มาสายหรือไม่มาตามเวลานัด: การมาถึงตรงเวลาสำคัญมากในวัฒนธรรมญี่ปุ่น การมาสายอาจทำให้เสียโอกาสในการรับประทานอาหาร และอาจถูกยกเลิกการจองโดยไม่มีการคืนเงิน
- การถ่ายภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต: บางร้านมิชลินสตาร์อาจไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพอาหาร หรือภายในร้าน ควรสอบถามพนักงานก่อนที่จะถ่ายภาพ เพื่อปฏิบัติตามนโยบายของร้านอย่างเคร่งครัด
งบประมาณที่ควรเตรียมไว้
การรับประทานอาหารที่ร้านมิชลินสตาร์ในโตเกียวมีช่วงราคาที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับจำนวนดาว ประเภทอาหาร และช่วงเวลาในการรับประทาน โดยทั่วไปราคาต่อคน (ไม่รวมเครื่องดื่ม) มีดังนี้
ร้าน 1 ดาว
ช่วงกลางวัน: ประมาณ 10,000 – 20,000 เยน ช่วงเย็น: ประมาณ 20,000 – 30,000 เยน
ร้าน 2 ดาว
ช่วงกลางวัน: ประมาณ 20,000 – 30,000 เยน ช่วงเย็น: ประมาณ 30,000 – 50,000 เยน
ร้าน 3 ดาว
ช่วงกลางวัน: ประมาณ 30,000 – 50,000 เยน ช่วงเย็น: ประมาณ 50,000 – 80,000 เยน หรือมากกว่า
ร้านมิชลินราคาย่อมเยา
แม้ร้านมิชลินสตาร์มักมีราคาสูง แต่ยังมีร้านที่ได้รับการยอมรับจากมิชลินในราคาที่เข้าถึงได้ เช่น Tonkatsu Enraku ร้านทงคัตสึที่ได้รับการแนะนำจากมิชลิน มีราคาประมาณ 1,000 – 2,000 เยนต่อคน หรือ ร้านราเมนมิชลิน บางร้านราเมนที่ได้รับดาวมิชลินมีราคาต่ำกว่า 1,500 เยนต่อคนก็มี
ทำไมควรกิน Michelin Star Restaurants ในโตเกียวสักครั้ง
การได้มีประสบการณ์ที่ร้าน Michelin Star ในโตเกียวสักครั้งในชีวิต ไม่ใช่แค่เรื่องแค่การรับประทานอาหารรสชาติอร่อยแต่เป็นประสบการณ์ทางวัฒนธรรมและศิลปะระดับโลก ที่ควรค่าแก่การลองเป็นอย่างยิ่ง โดยสิ่งที่จะมาช่วยสนับสนุนเหตุผลที่คุณควรมามีประสบการณ์ที่ร้าน Michelin Star ในโตเกียวสักครั้งมีดังนี้
1. เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ลึกซึ้งผ่านเมนูอาหาร
อาหารมิชลินที่ญี่ปุ่นมักเชื่อมโยงกับฤดูกาล ความสงบ และปรัชญา เอาไว้อย่างลงตัว คุณจะได้สัมผัส ความประณีตในทุกรายละเอียด การเลือกจาน การเสิร์ฟ การสื่อสารแบบไม่ใช้คำพูด แม้แต่ซุปหรือผักดองก็ถูกคิดอย่างลึกซึ้งมาเป็นอย่างดีแล้ว
2. ชมงานศิลป์บนจานอาหาร
ร้านระดับมิชลินในญี่ปุ่นเปรียบเหมือน “โรงละครอาหาร” หรือการชมพิธีกรรมทางอาหาร ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ การหั่น การจัดจาน โดยเฉพาะอาหารแบบโอมากาเสะ เช่น ซูชิหรือไคเซกิ เชฟจะเสิร์ฟทีละคำตามจังหวะที่เหมาะสมและมีความสวยงามมาก
3. โตเกียวเป็นเมืองที่มีร้านดาวมิชลินมากที่สุดในโลก
โตเกียวครองแชมป์เมืองที่มีร้านดาวมากที่สุดติดต่อกันหลายปี มีร้าน 3 ดาวมากกว่าเมืองใหญ่ๆ อย่างปารีส หรือนิวยอร์ก การรับประทานอาหารที่นี่คือการสัมผัส “ที่สุดของที่สุด” ในระดับโลกไปพร้อมกันด้วย
4. ความทรงจำที่ยากจะลืม
คุณอาจไม่ได้จดจำอาหารทุกมื้อในทริป แต่ร้านดาวมิชลินในโตเกียวมักเป็น “หนึ่งในไฮไลต์ของชีวิต” เพราะมันจะเป็นมื้ออาหารที่เต็มไปด้วยความใส่ใจ ความตั้งใจ และความสร้างสรรค์ระดับสูงสุดไม่ว่าคุณจะเป็นคนรักอาหาร นักเดินทางที่ชอบประสบการณ์แปลกใหม่ คู่รักที่กำลังมองหามื้ออาหารแสนพิเศษ และแม้แต่คนที่อยากเติมรายการพิเศษในชีวิตที่ต้องพิชิตสักครั้ง ร้านอาหาร Michelin Star ก็จะตอบโจทย์เหล่านั้น
5. สัมผัสมาตรฐานสูงสุดของการบริการ
ไม่ใช่แค่รสชาติ แต่การบริการในร้านมิชลินระดับสูงของญี่ปุ่นนั้น สงบ สุภาพ และสมบูรณ์แบบบางร้าน ให้ความรู้สึกเหมือนไปบ้านเชฟ เป็นความใกล้ชิดที่หรูหราเสิร์ฟมาในปริมาณพอดีๆ
สรุป
ถ้าคุณมีโอกาสไปโตเกียวแม้เพียงครั้งเดียว การได้กินร้านอาหาร Michelin Star สักครั้งในชีวิต คือสิ่งที่ควรค่าแก่การลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง เพราะมากกว่าการได้รับประทานอาหาร มันคือการได้ชมผลงานศิลปะที่กินได้ และการได้เก็บความทรงจำที่ดีของชีวิตในคราวเดียวกัน เพราะโตเกียวเป็นเมืองที่รวมสุดยอดร้านอาหารระดับโลกเอาไว้ ไม่ว่าจะร้านหรูหรา หรือร้านริมถนน ก็ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ควรค่าแก่การลองสักครั้งในชีวิตสำหรับสายกินที่แท้จริง