Coin Locker ตู้ฝากกระเป๋า ญี่ปุ่น ลดภาระท่องเที่ยว
การเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศนั้นแน่นอนว่านักท่องเที่ยวแต่ละคนจะต้องมีสัมภาระติดตัวไปยังที่ต่าง ๆ ในขณะเดินทางด้วยเสมอ อย่างน้อย ๆ ก็เสื้อผ้าหรือไม่ก็ข้าวของที่เราได้มาตอนเดินช้อปปิ้ง
และถ้าหากเราจำต้องแบกสัมภาระเดินเที่ยวไปไกล ๆ แถมยังต้องขึ้นรถลงเรืออีกหลาย ๆ ต่อ อรรถรสในการเดินเที่ยวของเราก็อาจจะหมดไป หรือเราและเพื่อน ๆ ก็อาจหมดพลังกายที่จะไปเที่ยวตามแพลนที่วางไว้
ตัวช่วยหนึ่งที่สามารถช่วยลดภาระในเรื่อง ‘สัมภาระ’ ของเราได้อย่างดีก็คือ ล็อกเกอร์หยอดเหรียญ (コインロッカー) หรือ ตู้ฝากกระเป๋า ญี่ปุ่น ที่มีระบบปิดล็อกอย่างแน่นหนาและกระจายตัวอยู่ตามสถานีรถไฟใหญ่ ๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง
Coin Locker เหมาะกับใครบ้าง
- คนที่มีสัมภาระมากมายแต่ไม่ต้องการแบกมันไปไหนมาไหนระหว่างเดินทาง
- นักท่องเที่ยวที่ยังไม่สามารถเข้าไปเช็คอินหรือฝากกระเป๋าไว้ยังโรงแรมที่จองไว้ได้
- นักท่องเที่ยวที่ต้องแวะเที่ยวระหว่างเมืองหรือจังหวัด แต่ไม่ได้ค้างคืนในจังหวัดนั้น ๆ จึงไม่มีที่ฝากกระเป๋า
- นักช้อปที่ไม่อยากเดินถือของไปด้วยระหว่างไปเที่ยว เดินช้อปต่อ หรือทำธุระต่าง ๆ
คุณสมบัติของ Coin Locker
ตู้ฝากกระเป๋า ญี่ปุ่น แบบหยอดเหรียญ นั้นจะมีขนาดและราคาที่แตกต่างกัน 3 แบบคือ แบบเล็ก กลาง และใหญ่ ซึ่งจะมีไซส์แตกต่างกัน ตรวจสอบดูกันให้ดีก่อนฝากนะจ๊ะว่ากระเป๋าเดินทางหรือสัมภาระของเรามีขนาดเท่าไหร่จะใส่พอหรือเปล่า
ขนาด | สูง*กว้าง*ลึก | ราคา |
เล็ก (S) | 35*43*57 ซม. | 300 เยน/วัน |
กลาง (M) | 57*43*57 ซม. | 400 เยน/วัน |
ใหญ่ (L) | 110-117*43*57 ซม. | 500-600 เยน/วัน |
※ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง
การฝากของใน ล็อกเกอร์หยอดเหรียญ สามารถฝากได้สูงสุด 3 วัน โดยนับเวลา 1 วัน จาก 24.00 น. ของวันที่ฝาก ไปจนถึง 24.00 น. ของอีกวันหนึ่ง เช่น เวลา 24.00 น. ของวันที่ 23 มี.ค. – 24.00 น. ของวันที่ 24 มี.ค. เพราะฉะนั้นหากเรามาเอาของตอน 24.01 น. ของวันที่ 25 มี.ค. เราก็จะต้องหยอดเงินค่าฝากของเพิ่มไปอีกหนึ่งวันไม่เช่นนั้นตู้จะเปิดไม่ออก
หากฝากของเกินกว่าเวลา 3 วันของจะถูกเก็บไว้สถานีและต้องไปเสียค่าปรับกับเจ้าหน้าที่เพื่อเอาของคืน
ข้อควรระวัง สถานีรถไฟของญี่ปุ่นแต่ละแห่งอาจไม่ได้มีตู้ Coin Locker ทุกไซส์ บางแห่งอาจมีแค่ขนาดเล็กกับกลาง และถึงแม้สถานีใหญ่ในญี่ปุ่นจะมีตู้แบบขนาดใหญ่ก็อาจจะไม่มีตู้ว่างให้ใช้บริการ
โดยทั่วไป Coin Locker ในประเทศญี่ปุ่นมี 2 แบบด้วยกัน
-
การใช้งาน
1. มองหาตู้ที่ว่างอยู่ (ตู้ที่ยังว่างจะมีกุญแจเสียบไว้อยู่)
2. นำสัมภาระที่ต้องการฝากใส่ล็อกเกอร์
3. ตรวจดูให้แน่ใจว่าใส่สัมภาระเข้าไปครบแล้วหรือยังก่อนปิดตู้ทุกครั้ง เพราะหากทำการเปิดตู้เมื่อใดระบบจะกินเงินที่หยอดไปทุกครั้ง
4. ปิดประตูตู้
5. หยอดเหรียญให้ครบตามจำนวนเงินที่ต้องจ่ายด้วยเหรียญ 100 เยน
6. ดึงกุญแจออกเพื่อล็อคตู้
7. เก็บกุญแจเอาไว้ และนำกลับมาใช้เปิดตู้เมื่อต้องการนำของออก
การใช้งาน (กรณีจ่ายเงินสด)
-
1. หาตู้ที่ยังว่างอยู่ (ตู้ที่ว่างจะไม่มีไปสีแดงปรากฏ)
2. ใส่สัมภาระเข้าไปในตู้แล้วปิดประตู
3. เลือกเปลี่ยนเมนูที่หน้าของตู้เป็นภาษาอังกฤษ หน้าจอจะโชว์รูปตู้ล็อกเกอร์ที่เราเพิ่งเอาของใส่เข้าไปหากไม่โชว์ให้เลือก ‘Put in the Bag’ แล้วพิมพ์หมายเลขของตู้
4. เลือกวิธีชำระเงินโดยกดปุ่ม ‘Cash’
5. ชำระเงินให้ครบตามจำนวนด้วยเหรียญ 100 เยน
6. รับใบเสร็จที่จะมีรหัส (PIN) และเก็บรักษาเอาไว้เพื่อใช้ในการเปิดตู้เอาสัมภาระในครั้งต่อไป
7. กรณีที่ต้องการเปิดตู้นำสัมภาระออก ให้กดที่หน้าจอ เปลี่ยนเป็นเมนูภาษาอังกฤษ แล้วเลือก ‘Take out the bag’
8. เลือกปุ่มพิมพ์หมายเลขของตู้
9. จากนั้นพิมพ์รหัส (PIN) ที่ปรากฏอยู่บนใบเสร็จรับเงิน
10. ประตูจะเปิดออกและสามารถนำของออกจากตู้ได้ตามปกติ
การใช้งาน (กรณีจ่ายด้วย IC card)
-
1. หาตู้ที่ยังว่างอยู่ (ตู้ที่ว่างจะไม่มีไปสีแดงปรากฏ)
2. ใส่สัมภาระเข้าไปในตู้แล้วปิดประตู
3. เลือกเปลี่ยนเมนูที่หน้าของตู้เป็นภาษาอังกฤษ หน้าจอจะโชว์รูปตู้ล็อกเกอร์ที่เราเพิ่งเอาของใส่เข้าไปหากไม่โชว์ให้เลือก ‘Put in the Bag’ แล้วพิมพ์หมายเลขของตู้
4. เลือกวิธีชำระเงิน โดยกดปุ่ม Suica (หรือบัตรประเภทอื่น ๆ)
5. ชำระเงินตามที่กำหนด ด้วยการแตะบัตร Suica ลงที่แป้น
6. รับใบเสร็จรับเงินที่จะมีรหัส (PIN) และเก็บรักษาเอาไว้เพื่อใช้ในการเปิดตู้เอาสัมภาระในครั้งต่อไป
7. กรณีที่ต้องการเปิดตู้นำสัมภาระออก ให้กดที่หน้าจอ เปลี่ยนเป็นเมนูภาษาอังกฤษ แล้วเลือก ‘Take out the bag’
8. เลือกปุ่ม Suica
9. นำบัตร Suica แตะที่แป้น
10. ประตูจะเปิดออกและสามารถนำของออกจากตู้ได้ตามปกติ
คำแนะนำในการใช้ Coin Locker
- ในการใช้บัตร IC card ชำระเงินตู้ฝากของจำเป็นต้องใช้บัตรใบเดียวกันในการเปิดเอาของคืนด้วยเช่นกัน
- เมื่อทำการฝากของแล้วควรจดจำที่ตั้งหรือหมายเลขของตู้ที่เราฝากไว้ให้ดี (อาจถ่ายรูปเก็บไว้) เพราะในสถานีรถไฟ Coin Locker จะมีมากมายหลายเห็นและหน้าตาเหมือนกันมาก
- หากฝากของกับ Coin Locker รุ่นเก่าจะต้องเก็บกุญแจไว้ให้ดี เพราะหากทำหายจะต้องไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ (อาจทำให้เสียเวลาเที่ยว) และหากใช้ตู้รุ่นใหม่ก็ควรเก็บใบเสร็จหรือจดรหัส (PIN) ที่เปรียบเสมือนกุญแจเอาไว้ให้ดีด้วยเช่นเดียวกัน
ข้อสรุป
การฝากของกับ Coin Locker นอกจากจะสะดวกสบายทำให้เราได้เดินตัวปลิวเที่ยวไปทั่วญี่ปุ่นแบบไม่หนักกายหนักใจแล้วยังถือว่าเป็นที่ฝากของแบบปลอดภัยที่ไว้ใจได้ไม่ต้องกลัวของหายแต่เราเองก็ต้องจำให้ดีละว่าไปฝากของไว้ที่สถานีอะไร ในตู้ไหน และอย่าลืมเผลอฝากไว้เกิน 3 วันนะ !
และสำหรับใครที่สนใจวิธีใช้ ไอซีการ์ด อีกหนึ่งบัตรที่ใช้งานสะดวกมากในญี่ปุ่น ลองอ่านในบทความนี้
ถึงเวลาเรียนวิชา IC Card พร้อมสกิลเที่ยวฉลุยทั่วญี่ปุ่น
อยากเที่ยวอย่างฉลุยใช้บัตรใบเดียวไปได้ทั่วญี่ปุ่นแล้วละก็ ขอแนะนำให้รู้จักกับ IC Card บัตรเติมเงินแสนสะดวกสบายที่ใช้ได้ทั้งเที่ยว กิน ช็อป และมีขายหลายภูมิภาคทั่วประเทศญี่ปุ่น