Cr. : www.ghibli-museum.jp
ออกเดินทางไปยังดินแดนแห่งจินตนาการที่พิพิธภัณฑ์จิบลิ (Ghibli Museum)
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานจากอนิเมะของสตูดิโอจิบลิสตูดิโอภาพยนตร์อนิเมะระดับโลกของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก่อตั้งโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ ตั้งอยู่ที่เมืองมิตากะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เริ่มเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2001 ภายในทำการจัดแสดงผลงานภาพยนตร์อนิเมะหลายเรื่องและมีให้ชมเป็นตอนสั้นๆ แบบที่หาชมไม่ได้ที่ไหนด้วย
น่าเสียดายที่ภายในห้ามถ่ายภาพ แต่บอกเลยว่าการได้ไปเห็นประวัติศาสตร์ที่มาที่ไป รวมทั้งขั้นตอนในการสร้างแอนิเมชั่นเรื่องโปรดของเราหลายเรื่องด้วยสองตาตัวเองที่นี่ก็คุ้มค่ามากแล้ว ว่ากันว่าที่นี่จองเข้าชมยากมาก แต่ถ้าวางแผนการจองดีๆ และมีแต้มบุญด้วยต้องได้เข้าชมดินแดนแห่งจินตนาการที่พิพิธภัณฑ์จิบลิแห่งนี้อย่างแน่นอน แม้ว่าจุดมุ่งหมายในการสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เลยคือสถานที่ที่เด็กๆ สามารถออกเดินทางไปในโลกที่พวกเขาจินตนาการไว้ ในดินแดนที่สัมผัสได้ และยังสามารถเข้าร่วมเวิร์คช็อปในการสร้างแอนิเมชั่นได้อีกด้วย
พื้นที่จัดแสดงด้านในแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
นิทรรศการประจำ
บริเวณชั้น 1 เป็นพื้นที่แสดงประวัติและขั้นตอนการทำงานของภาพยนตร์แอนิเมชั่น เช่นการแสดงที่ใช้หุ่นตัวละครของจิบลิที่มีท่าทางแตกต่างกันเล็กน้อย เรียงเป็นวงกลมบนโต๊ะที่หมุนได้ เมื่อโต๊ะหมุนในจังหวะที่สอดคล้องกับแสงกะพริบจะทำให้มองเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหว
นิทรรศการชั่วคราวพิเศษ
บนชั้น 2 มีห้องซึ่งตกแต่งเลียนแบบสตูดิโอจริงๆ มีทั้งภาพสเกตช์ สตอรี่บอร์ด อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่น และคำอธิบายขั้นตอนต่างๆ ในการสร้างภาพยนตร์เรื่องหนึ่งขึ้นมานอกจากนั้นพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมีโซนคาเฟ่ สนามเด็กเล่น สวนบนชั้นดาดฟ้า และร้านขายของที่ระลึก
โซนต่างๆ ของ Ghibli Museum มีดังต่อไปนี้
Cr. : www.facebook.com/Ghiblimuseummitaka
Totoro ยืนรอต้อนรับทุกคน
เมื่อคุณเดินไปตามถนนคิจิโจจิ ใต้ร่มไม้สูงสีเขียวของสวนอิโนะคาชิระในเมืองมิทากะ คุณจะพบกับอาคารสีสันสดใสพร้อมป้ายที่เขียนว่า “พิพิธภัณฑ์จิบลิ มิตากะ” มีโทโทโร่ตัวใหญ่มากคอยต้อนรับคุณอยู่ที่ทางเข้า เมื่อคุณมองผ่านช่องหน้าต่าง ก็จะเห็น Dust Bunnies อยู่ด้วย และเมื่อเปิดประตูเข้าไปสู่ดินแดนมหัศจรรย์! หน้าต่างและโคมไฟทุกบานถูกตกแต่งโดยใช้ตัวละครของ จิบลิ รวมทั้งต้นไม้และดอกไม้ที่สวยงาม เมื่อดวงอาทิตย์สาดส่องลงมา กระจกสีสันสดใสจะสะท้อนเป็นภาพที่สวยงาม
มุ่งสู่พื้นที่ The Space of Wonder
สำหรับโซนนี้เมื่อมองขึ้นไปบนเพดานจะพบภาพเขียนท้องฟ้าสีคราม มีพระอาทิตย์ยิ้มแย้มแจ่มใส ต้นไม้ที่แตกยอดขึ้นไปบนฟ้าเต็มไปด้วยผลไม้และดอกไม้สวยงามที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อน หากสังเกตดีๆ จะเห็นตัวละครในเรื่อง KiKi อยู่บนไม้กวาดและ Nausicaä บนเครื่องร่อน รวมทั้งตัวละครอื่นๆ บินอยู่บนท้องฟ้าด้วย
ที่ห้องโถงกลางพบกับเรื่อง The Wind Whistles
พื้นที่เปิดโล่งสูงตระหง่านที่ทอดยาวไปทั่วทั้งความสูงของพิพิธภัณฑ์ ในโดมแก้วที่อยู่ตรงกลาง มีวาฬสีเหลืองว่ายอยู่ในมหาสมุทร และใบพัดขนาดยักษ์หมุนอยู่เหนือศีรษะ งานเหล็กของบันไดและราวจับประดับด้วยหินอ่อนกระจกสีแวววาว เมื่อมองไปทั่วทั้งห้องจากล่างขึ้นบน คุณจะพบกับเขาวงกตที่มีบันไดเวียน ทางเดินที่เป็นสะพาน และระเบียงที่ยื่นออกไป พื้นที่มหัศจรรย์นี้จะพาคุณเข้าสู่โลกของฮายาโอะ มิยาซากิและอาคารแปลกๆ ที่มักปรากฏในภาพยนตร์ของเขา
A Boy’s Room ของขวัญจากคุณปู่
เป็นหนึ่งในห้องที่ชั้นหนึ่ง ในห้องเต็มไปด้วยหนังสือและของเล่น ผนังทั้งหมดเต็มไปด้วยภาพประกอบและภาพร่าง ที่ห้อยลงมาจากเพดานเป็นแบบจำลองของเครื่องบินและแบบจำลองของ Pteranodon เป็นสถานที่ที่เจ้าของห้องเก็บสิ่งของโปรดไว้ ห้องนี้ให้แรงบันดาลใจมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับกระดาษเปล่าบนโต๊ะเพื่อเป็นต้นกำเนิดของภาพยนตร์จริงๆ หลังจากเดินผ่านห้องนี้แล้ว คุณจะเข้าใจถึงวิธีการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่น พร้อมไอเดียและแรงบันดาลใจที่ผู้สร้างภาพยนตร์ต้องดิ้นรนกับงานของเขาและท้ายที่สุดหนังเรื่องนี้ก็เสร็จสมบูรณ์
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นขนาดสั้นต้นฉบับของ Ghibli ฉายที่พิพิธภัณฑ์นี้เท่านั้น!
โรงละครขนาดเล็กที่ชั้นใต้ดินของพิพิธภัณฑ์ สามารถรองรับได้เพียง 80 ที่นั่งเท่านั้น คุณสามารถชมภาพยนตร์แอนิเมชั่นต้นฉบับของสตูดิโอจิบลิได้ ซึ่งสามารถดูได้เฉพาะในโรงละครของพิพิธภัณฑ์เท่านั้น ท่ามกลางท้องฟ้าสีครามและดอกไม้หลากสีสันถูกวาดไว้บนเพดานและผนัง เมื่อหนังจบ หน้าต่างจะเปิดออก และมีแสงแดดส่องเข้ามาเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจสำหรับผู้ชมทุกคน
เช็คตารางภาพยนตร์ได้ที่นี่ www.ghibli-museum.jp/en/films/#schedule
ห้องอ่านหนังสือ “TRI HAWKS” มีหนังสือแนะนำมากมาย
“TRI HAWKS” (เล่นสำนวนชื่อเมือง “มิตากะ” ซึ่งแปลว่าเหยี่ยว 3 ตัว ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์) คือห้องอ่านหนังสือภายในพิพิธภัณฑ์จิบลิ สร้างขึ้นเพื่อสื่อสารความปรารถนาของพิพิธภัณฑ์ที่ต้องการให้เด็กๆ ได้เห็น และสัมผัสถึงสิ่งแปลกประหลาดและลึกลับผ่านหนังสือมีหนังสือที่แนะนำเป็นพิเศษโดยฮายาโอะ มิยาซากิ ที่โซนนี้เด็กๆ สามารถอ่านหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่าได้อย่างอิสระ
ออกเดินทางไปกับรถ Cat Bus ในฝัน
รถ Cat Bus ขนาดยักษ์ จากเรื่อง “My Neighbor Totoro” ที่ห้องบนชั้นสองนั้น การได้สัมผัสและนั่ง Cat Bus เป็นความฝันของทุกคน เพื่อให้ความปรารถนานี้เป็นจริง ทางพิพิธภัณฑ์จึงจัดห้องที่มี Cat Bus ขึ้นมา คุณอาจใฝ่ฝันที่จะได้สัมผัสขนนุ่มๆ ของมัน ตอนนี้คุณสามารถทำมันได้ ถัดจาก Cat Bus ฝูง Dust Bunnies เขม่าดำกำลังรอให้คุณไปทักทายพวกมันอยู่ สำหรับรถ Cat Bus ให้บริการสำหรับเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาและอายุต่ำกว่า (อายุ 12 ปีและต่ำกว่า) เท่านั้น
Cr. : www.facebook.com/Ghiblimuseummitaka
The Robot Soldier บนดาดฟ้าผู้พิทักษ์พิพิธภัณฑ์
จากระเบียงด้านนอกห้อง Cat Bus มีบันไดเวียนขึ้นไปยังหลังคา และที่นั่นคุณจะพบกับสวนบนชั้นดาดฟ้าที่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล และหุ่นยนต์ทหารสูง 5 เมตร นี่คือผู้พิทักษ์พิพิธภัณฑ์จิบลิตัวจริง!
บ่อน้ำปั๊มมือแบบเก่า
ลานกว้างที่ตั้งอยู่ระหว่างพิพิธภัณฑ์และคาเฟ่ ล้อมรอบด้วยหลังคากระเบื้องและดอกไม้สีสันสดใส พื้นที่นี้เต็มไปด้วยแสงแดด เมื่อมองจากที่นี่ คุณจะเห็นผนังสีส้มสดใสของคาเฟ่ มีบ่อน้ำปั้มมือสุดคลาสสิค หากปั๊มแรงๆ จะได้รับน้ำเย็นสดชื่นจากบ่อเป็นรางวัล บ่อน้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับและการออกแบบที่ทำด้วยมือเป็นพิเศษพื้นที่นี้คล้ายโรงเก็บของแบบชนบท เมื่อฤดูหนาวมาถึงก็สามารถดึงฟืนขึ้นไปจุดเตาฟืนในคาเฟ่ได้
ต้นสนสูงตระหง่านเป็นสัญลักษณ์บนระเบียงของคาเฟ่
ร้านกาแฟ “Mugiwaraboshi Cafe” เป็นร้านแบบเปิดที่มีผนังด้านนอกสีส้มสวยงามและหน้าต่างสีแดงมองออกไปนอกหน้าต่างจะพบกับต้นสนสีแดงบนดาดฟ้าให้ร่มเงาสบายแก่ผู้ที่มาพักผ่อน ใในคาเฟ่มีเมนูมากมายให้เลือกมากมายตั้งแต่เมนูแซนด์วิชเนื้อทอดร้อนๆ และฮอทด็อกที่ทำด้วยความรักจากในห้องครัวช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าจากการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์
ดูเมนูในคาเฟ่ได้ที่นี่ www.ghibli-museum.jp/cafe/#menu
คุณจะพบสมบัติของคุณที่นี่
ร้านค้าในพิพิธภัณฑ์มีชื่อว่า “MAMMA AIUTO!” ตั้งชื่อตามโจรสลัดตัวละครจาก Studio Ghibli ในเรื่อง Porco Rosso ที่ร้านนี้ คุณจะได้พบกับผลิตภัณฑ์มากมาย มีทั้งแบบที่คุณชื่นชอบและของขวัญดั้งเดิมจากทางพิพิธภัณฑ์ ที่นี่อาจจะทำให้คุณค้นพบสิ่งที่คุณตามหาอยู่ได้
รอบสำหรับเข้าชมพิพิธภัณฑ์
ที่นี่รับผู้เข้าชมต่อวันในจำนวนจำกัด โดยเปิดให้เข้าชม 4 รอบต่อวัน คือ 10.00 น. 12.00 น. 14.00 น. 16.00 น. เท่านั้น และไม่มีให้ซื้อตั๋วเข้าชมที่พิพิธภัณฑ์อีกด้วย ดังนั้นการจะซื้อตั๋วเข้าชม Ghibli Museum จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะจะต้องทำการจองผ่านเว็บไซต์ Lawson ในวันที่ 10 ของทุกเดือน เวลา 10.00 น. ของญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งใครจะไปก็ต้องทำการจอง 1 เดือนล่วงหน้าเลยล่ะ และไม่ใช่แค่นี้อย่างแน่นอน เพราะคนไทยที่อยู่ในไทยแบบเรานั้น การจะซื้อตั๋วของ Ghibli Museum นั้นไม่ใช่เรื่องที่จะได้มาง่ายๆ ค่ะ เพราะเขาเปิดให้จองผ่านเว็บไซต์ Lawson ในวันที่ 10 ของทุกเดือน เวลา 10.00 น. ของญี่ปุ่น เท่านั้น ซึ่งต้องทำการจองล่วงหน้า 1 เดือน งงใช่ไหม งั้นเรามาอธิบายแบบง่ายๆ กัน
วิธีการจองตั๋ว
การซื้อตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์ Ghibli นั้นทำได้สองทางคือ
1. ซื้อที่ Lawson ในประเทศญี่ปุ่น ผ่านเครื่อง Loppi (แต่วิธีนี้จะต้องไปลุ้นกันหน้างาน)
2. ซื้อล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ของ Lawson ซื้อตั๋วเข้าชมล่วงหน้าได้ที่นี่
ซึ่งเป็นวิธีจองตั๋วล่วงหน้าที่สะดวกที่สุดของนักท่องเที่ยวไทยอย่างเรา ๆ
และเราจะมาพูดถึงวิธีการซื้อแบบที่ 2 กัน เริ่มต้นก็เข้าไปที่เว็บไซต์ Lawson ของญี่ปุ่นผ่าน ลิ้งค์นี้
และเลื่อนลงมาด้านล่างจะเจอกับปุ่มให้กดสำหรับคนที่ต้องการจองจากต่างประเทศ ก็กดเข้าไปเลย
Cr: lawson.co.jp/ghibli_museum
จะเข้ามายังหน้าแรกสำหรับการจอง ก็จะมีอธิบายรายละเอียดต่างๆ
เมื่อเลื่อนลงมาด้านล่างสุดก็จะเจอกับ ตารางการเปิดให้จอง จะเห็นได้ว่า มีทั้งหมด 3 เดือนเลย คือ ธันวาคม มกราคม และกุมภาพันธ์ แต่ในส่วนของธันวาคมนั้นได้เต็มไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในภาพนี้เอาไว้สำหรับให้จองสำหรับรอบเดือนมกราคมที่ต้องจองล่วงหน้า 30 วันนั่นเอง ส่นของเดือนกุมภาพันธ์นั้นยังไม่ได้เปิดให้จองใครกำลังจะเดินทางไปเที่ยวช่วงมกราคมปีหน้า ก็คลิกเข้าไปในช่องของเดือนมกราคมเลย
ช่วงเวลาในการจองนั้นของแต่ละเดือนนั้นจะมีบอกเอาไว้ว่าจะสามารถจองของแต่ละเดือนได้ถึงวันที่เท่าไหร่ อย่างในภาพคือเริ่มจองของเดือนธันวาคมได้ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2018 เวลา 10.00 น. ถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2018 เวลา 23.59 น. หรือจนกว่าตั๋วจะขายหมดด้วยนะ
และจากในภาพจะมีสัญลักษณ์อยู่ 3 อันที่เราต้องรู้
- วงกลม คือ ว่าง
- สามเหลี่ยม คือ ใกล้เต็ม
- กากบาท คือ ขายหมดแล้ว
เมื่อรู้สัญลักษณ์แล้วก็มาดูปฏิทินกัน
อันนี้คือเราเข้ามาหลังจากวันที่ เปิดให้จองเพียง 2 วันเท่านั้น ก็เต็มเกือบหมดแล้ว จะมีว่างคือรอบเย็น ของช่วงปลายเดือนเลย เพราะฉะนั้นถ้าใครที่จะไป อย่าลืมไปจองตามวันและเวลาที่กำหนดนะ
หลังจากที่เราเลือกวันและเวลาที่ต้องการไปได้แล้ว ก็คลิกเข้าไปเลย แล้วคลิกที่ Admission อีกทีนึงนะ
มาถึงหน้านี้ก็ให้เลือกตามช่วงอายุได้เลย หลังจากนั้นก็จะให้กรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนตัว
หลังจากนี้ก็จะเป็นให้กรอกข้อมูลส่วนตัวทั้งหมด ก็กรอกตามที่เขาแนะนำไว้ได้เลย
อ่านรายละเอียดการจองและรอบเข้าชมทั้งหมดได้ ที่นี่ ที่นี่
หลังจากที่ได้ตั๋วกันมาแล้ว ก็เริ่มออกเดินทางกัน โดย Ghibli Museum นี้อยู่ที่สถานี Mitaka สามารถนั่งรถไฟสาย JR Chuo Line จาก สถานี Shinjuku มาลงที่สถานี Mitaka หลังจากนั้นสามารถเดินไปที่พิพิธภัณฑ์ได้เลย แต่ถ้าใครที่ไม่อยากเดิน ที่นี่ก็มีรถบริการรับ-ส่งระหว่างสถานี Mitaka กับพิพิธภัณฑ์
ตารางรถบัส
พิกัด พิพิธภัณฑ์จิบลิ (Ghibli Museum)
ที่อยู่ | 1-1-83 Shimorenjaku, Mitaka, Tokyo 181-0013 |
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย JR Chuo Line จากสถานี Shinjuku มาลงที่สถานี Mitaka แล้วนั่งรถบัสของพิพิธภัณฑ์ไปได้เลย |
เวลาทำการ | เปิด 4 รอบต่อวัน เวลา 10.00 น. 12.00 น. 14.00 น. 16.00 น. |
ราคา | อายุ 19 ปีขึ้นไป 1,000 เยน, อายุ 13 – 18 ปี 700 เยน, อายุ 7 – 12 ปีขึ้นไป 400 เยน, ต่ำกว่า 4 ปี 100 เยน, // ค่ารถบัสเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์ อายุมากกว่า12 ปีขึ้นไป เที่ยวเดียว 210 เยน, ไปกลับ 320 เยน, อายุต่ำกว่า 12 ปี เที่ยวเดียว 110 เยน, ไป- กลับ 160 เยน *ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง |
Website | Ghibli Museum |
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
เชื่อว่าการได้มายัง Ghibli Museum สักครั้งในชีวิตก็ฟินมากแล้ว แต่ไหนๆ ก็มาย่านนี้ทั้งที ถือโอกาสไปผจญภัยกันต่อดีกว่าซึ่งบริเวณใกล้เคียงสามารถเดินเท้าไปถึงก็มีทั้งสวนสัตว์ และย่านช้อปปิ้งให้เที่ยวเล่นต่ออีก
Inokashira Park Zoo
สวนสัตว์อิโนคาชิระ (Inokachira Park Zoo) เป็นสวนสัตว์ที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของสวนอิโนะคาชิระ เปิดทำการเมื่อ 17 พฤษภาคมค.ศ. 1942 มีการจัดแสดงสัตว์ราวๆ 170 สายพันธุ์ สวนสัตว์แห่งนี้เคยเป็นที่อาศัยของฮานาโกะ ช้างเพศเมียที่เกิด แล้วถูกมอบเป็นของขวัญให้กับสวนสัตว์อุเอโนะก่อนจะถูกย้ายมาที่สวนสัตว์แห่งนี้ในปีค.ศ. 1954 (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำสำหรับคนที่ชอบเที่ยวสวนสัตว์ และสามารถชมซากุระบานในสวนรอบๆ สวนสัตว์ได้อีกด้วย
พิกัด สวนสัตว์อิโนคาชิระ (Inokachira Park Zoo)
ที่อยู่ | 1-17-6 Gotenyama, Musashino, Tokyo 180-0005 |
วิธีเดินทาง | เดิน 8 นาทีจาก Ghibli Museum |
เวลาทำการ | 9.30 – 17.00 น. ปิดวันจันทร์ |
ราคา | ผู้ใหญ่ 400 เยน, เด็ก 150 เยน, ต่ำกว่า4 ขวบ เข้าฟรี |
Website | Inokachira Park Zoo |
Aquatic Life House
ที่ Aquatic Life House นั้นตั้งอยู่ไม่ไกลจากสวนสัตว์อิโนคาชิระ ทำการจัดแสดงสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บริเวณริมน้ำของญี่ปุ่น เช่น ปลาน้ำจืด สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ แมลง และพืชนอกจากนี้คุณยังสามารถชมสัตว์หายาก เช่น ปลาคิลลี่ญี่ปุ่น ปลานิวท์ท้องไฟญี่ปุ่น และผีเสื้อโตเกียวได้จากที่นี่รวมทั้งมีนกหลายชนิดที่อาศัยอยู่ตามริมน้ำในเอเชีย รวมถึงสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ อีกมากมายเลย
พิกัด บ้านสัตว์น้ำ (Aquatic Life House)
ที่อยู่ | 4-1 Inokashira, Mitaka, Tokyo 181-0001 |
วิธีเดินทาง | เดิน 11 นาทีจาก Ghibli Museum |
เวลาทำการ | 9.30 – 17.00 น. ปิดวันจันทร์ |
ราคา | ค่าเข้าเดียวกันกับสวนสัตว์อิโนคาชิระ |
Website | Aquatic Life House |
ย่าน Kichijoji
ว่ากันว่าย่านคิจิโจจิเป็นย่านที่น่าอยู่ที่สุดในโตเกียวทำให้ไม่ลังเลที่จะเดินสำรวจเมืองรอบๆ สักหน่อย จากสถานีคิจิโจจิทางออกทิศเหนือแนะนำให้เดินไปยังถนน Sunroad เป็นจุดขึ้นรถบัสและย่านร้านค้าสำหรับสายช้อปปิ้ง รวมทั้งร้านอาหารถือเป็นย่านที่เดินสบายๆ ไม่แออัดเท่าแถวชิจุกุ หรือชิบูย่า
พิกัด ย่านคิจิโจจิ (Kichijoji)
ที่อยู่ | Kichijoji Minamicho, Musashino, Tokyo |
วิธีเดินทาง | เดิน 20 นาทีจาก Ghibli Museum |
เวลาทำการ | เปิด 24 ชั่วโมง |
ราคา | ฟรี |
Website | Kichijoji |
สรุป
แอนิเมชั่นสตูดิโอจิบลิของมิยาซากิ ฮายาโอะ และสตูดิโอจิบลินั้น ถือเป็นแอนิเมชันที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น เจ้าของภาพยนตร์แอนิเมชั่นในดวงใจใครหลายคนอาทิ เรื่อง My Neighbor Totoro, Princess Mononoke, Spirited Away และ Ponyo on the Cliff by the Sea สำหรับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็นดินแดนที่ทำให้เหล่าแฟนๆ แอนิเมชั่นสตูดิโอจิบลิใฝ่ฝันว่าอยากจะมาเยือนสักครั้ง และแน่นอนว่าคุณมาแล้วก็จะไม่ผิดหวัง