รีวิว เที่ยวด้วย Hakone Free Pass บัตรสุดคุ้ม สนุกกับทริป 2 วัน ในฮาโกเน่

เที่ยวฮาโกเน่ด้วยตั๋วสุดคุ้ม

Cr: HWAHEAR

ฮาโกเน่ (Hakone) เป็นพิกัดเที่ยวโตเกียวที่หากมีเวลาเราไม่อยากให้คุณพลาดไป ด้วยธรรมชาติที่สวยงาม แถมยังเห็นทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิชื่อดังได้ด้วย ฮาโกเน่จึงเป็นหนึ่งในเมืองเที่ยใกล้โตเกียวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง นอกจากนั้นแล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ออนเซ็น รวมไปถึงยังสามารถนั่งเรือลำใหญ่ท่องทะเลสาบได้ด้วย

Cr: odakyu.jp

สำหรับการเดินทางมาฮาโกเน่นั้นใครที่เริ่มเดินทางมาจากโตเกียว เพื่อให้คุ้มค่าที่สุดนั้นเราขอแนะนำ Hakone Free Pass ที่สามารถใช้เดินทางเที่ยวในฮาโกเน่ได้อย่างครอบคลุม ใช้โดยสารยานพาหนะได้ถึง 8 แบบ และเดินทางมาได้โดยตรงจากสถานีชินจูกุเลย และมีให้เลือกซื้อสองแบบคือ ใช้งานได้ 2 วันและ 3 วัน

Cr: odakyu.jp

ครั้งนี้เราเลือกซื้อเป็น Hakone Free Pass ที่สามารถใช้งานได้ 2 วันเต็ม โดยซื้อแบบเริ่มเดินทางจากสถานี Odawara เพื่อไปยัง Hakone ซึ่งเราเดินทางมาซื้อภายในสถานี Odawara นั่นเอง พิกัดการซื้อคือศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวโอดะคิวโอดาวาระจ้ะ แล้วไหน ๆ ก็มาถึง Odawara แล้วก็แวะเที่ยวปราสาทชื่อดังของที่นี่ก่อนไปฮาโกเน่กันซะหน่อย

ซื้อพาสออนไลน์ได้ด้วยนะ แค่ซื้อกับ Klook เท่านี้ก็ได้ดีลๆ ราคาโดนๆ แล้ว

บัตรฮาโกเน่ฟรีพาส (Hakone Free Pass) 2 วัน หรือ 3 วัน

ซื้อผ่าน Klook ในราคาสุดคุ้ม ถูกกว่าซื้อเองที่ญี่ปุ่น!

Odawara Castle : ปราสาทเก่าแก่ประจำเมือง

Cr: HWAHEAR

เริ่มพิกัดที่เที่ยวแห่งแรกของทริปกันที่ปราสาท Odawara สถานที่เก่าแก่และมีความสำคัญมาก ๆ ของที่นี่ เริ่มต้นการเดินทางจากสถานี Odawara โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที มาถึงใกล้บริเวณปราสาทก็จะพบกับสะพานเดินแวะถ่ายรูปกันก่อนได้เลย

Cr: HWAHEAR

Cr: HWAHEAR

เดินเข้าไปอีกหนึ่งก็จะได้พบกับประตูทางเข้าปราสาทที่ทั้งยิ่งใหญ่อลังการและเก่าแก่ แถมที่นี่ยังเป็นปราสาทที่มีพิกัดไม่ไกลจากโตเกียวเท่าไหร่ด้วย ทำให้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวพอสมควรเลยล่ะ

Cr: HWAHEAR

ภายในบริเวณของปราสาทมีบรรยากาศร่มรื่นและสวยงาม ทั้งยังเป็นจุดชมซากุระที่สวยที่สุดของย่านนี้อีกด้วย ถ่ายรูปปราสาทจากมุมนี้ดูแล้วก็สัมผัสได้ว่ายิ่งใหญ่จริง ๆ

Cr: HWAHEAR

ก่อนจะไปเข้าปราสาทโอดาวาระแห่งนี้สามารถซื้อตั๋วเข้าชมปราสาทกันที่เครื่องอัตโนมัติก่อนได้ในราคา 500 เยน หรือจะไปซื้อที่ทางเข้าปราสาทเลยจริง ๆ ก็ได้

Cr: HWAHEAR

Cr: R.YaTaRN

Cr: R.YaTaRN

เมื่อซื้อตั๋วเข้าชมปราสาทเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเดินเข้าไปชมในปราสาทกันแล้วจ้ะ โดยภายในปราสาทจะจัดแสดงเรื่องราวและประวัติศาสตร์ แบบจำลองของปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นในอดีต

Cr: R.YaTaRN

รวมไปถึง 10 อันดับปราสาทที่มีความสูงที่สุดในญี่ปุ่น ปราสาทโอดาวาระแห่งนี้เองก็ติดอยู่ใน 10 อันดับนี้ด้วยนะเออ ! และแน่นอน่าได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นด้วย

Cr: R.YaTaRN

ปราสาทโอดาวาระแห่งนี้มีให้เดินชม 5 ขั้นด้วยกัน โดยจะมีชั้นที่เราไม่สามารถถ่ายภาพได้ด้วย เนื่องจากปราสาทนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาก ๆ ฉะนั้นเข้ามาชมแล้วก็ต้องปฏิบัติตามกฏกันด้วยนะทุกคน

Cr: HWAHEAR

ไฮไลท์อย่างหนึ่งของปราสาทแห่งนี้ก็คือออกไปชมวิวสวย ๆ ที่ชั้น 5 ของปราสาทได้ด้วย โดยที่ชั้น 5 นี้เราเดินชมวิวได้จากรอบตัวปราสาทแบบ 360 องศากันเลยทีเดียว

Cr: HWAHEAR

เราจะได้มองเห็นทิวทัศน์ของเมืองโอดาวาระ ภูเขาและทะเลสวยงาม เป็นสูดอากาศสดชื่น ๆ พร้อมชมวิว 360 องศากันได้อย่างเต็มอิ่ม

Cr: HWAHEAR

ก่อนออกจากปราสาทโอดาวาระ ท้องเราเกิดหิวขึ้นมาเลยขอแวะร้านอาหารภายในบริเวณปราสาทกันสักหน่อย เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โลคอล ๆ แต่มีเมนูภาษาอังกฤษรองรับนักท่องเที่ยวนะ ไม่ต้องห่วง

Cr: HWAHEAR

เมนูที่เราสั่งเป็นอุด้งแบบเฉพาะของเมืองโอดาวาระเค้า โดยเป็นอุด้งเย็นที่ราดน้ำซุปมาพอคลุกคลิก พร้อมบ๊วยที่ออกเค็ม ๆ เปรี้ยว ๆ มาให้เรากินคู่กันไป บอกเลยว่าอร่อยชื่นใจจริง ๆ

Odawara Castle

สนุกกับรถไฟสาย Hakone Tozan

Cr: HWAHEAR

ถึงเวลาออกเดินไปยังฮาโกเน่กันแล้ว แพลนของเราคือนำกระเป๋าไปเก็บที่พักก่อนค่อยออกเดินทางเที่ยวภายในฮาโกเน่ เราเดินกลับมาที่สถานีโอดาวาระแล้วขึ้นรถไฟสาย Hakone Tozan Line เพื่อนั่งไปลงยังสถานี Hakone-Yumoto จากนั้นค่อยเปลี่ยนขบวนรถไฟเพื่อนั่งไปลงสถานี Gora สถานีใกล้ที่พักของเรา

Cr: HWAHEAR

แน่นอนว่าใช้ Hakone Free Pass ขึ้นได้เลยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม เย้!

Cr: HWAHEAR

ขบวนรถไฟสาย Hakone Tozan มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเป็นขบวนรถไฟที่มีความน่ารักพอตัว สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูปขบวนรถไฟญี่ปุ่นเป็นพิเศษต้องไม่พลาดเลย

Cr: HWAHEAR

Cr: HWAHEAR

ระหว่างทางเราสามารถลงแวะลงเที่ยวแต่ละสถานีได้นะ เพราะตลอดทั้งสายล้วนแต่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย แล้วที่พิเศษคือรถไฟสายนี้เค้าจะทำการจอดให้ผู้โดยสารได้ชมวิวทิวทัศน์รอบ ๆ หรือแว่บลงไปถ่ายรูปแล้วกลับขึ้นมาบนรถไฟได้ด้วย โดยจะจอดรอนานกว่าขบวนปกติในเมืองนั่นเอง

ผ่อนคลายที่ Onsen Guesthouse HAKONE TENT

Cr: HWAHEAR

นั่งรถไฟลากยาวมาตั้งแต่สถานี Odawara แล้วตอนนี้ในที่สุดเราก็นั่งมาถึงสถานี Gora อันเป็นจุดหมายที่เราจะนำของมาฝากไว้ที่พักก่อนจะเดินกลับมาที่สถานีเพื่อขึ้น Cable Car ไปขึ้นเรือโจรสลัดชมทะเลสาบกันต่อ

Cr: HWAHEAR

ที่พักแห่งนี้มีชื่อว่า Onsen Guesthouse HAKONE TENT ขอบอกเลยว่าบรรยากาศดีมาก ๆ เงียบสงบเหล่าสต๊าฟก็ดูแลเราเป็นอย่างดี

Cr: HWAHEAR

ห้องพักมีให้เลือกทั้งแบบพักรวมและห้องพักเดี่ยว ใครอยากประหยัดหน่อยก็เลือกพักห้องรวมแบบเรา ปลอดภัยแน่นอนเพราะเขาแยกห้องพักรวมชายและหญิงออกจากกันจ้า

Cr: HWAHEAR

ที่พิเศษสุด ๆ คือที่นี่มีออนเซ็นให้เราได้แช่กันฟรี ๆ แถมเป็นส่วนตัวด้วย โดยจะมีให้เราได้แช่สองห้อง ถ้าเป็นช่วงเวลาที่คนเยอะอาจจะต้องต่อคิวรอสักหน่อย แต่ถ้าใครไม่ชอบก็มีห้องอาบน้ำแบบธรรมดาด้วยจ้า เป็นที่พักที่บรรยากาศดีมาก ๆ และราคาไม่แรงมากด้วยนะ ซื้อพาสแบบใช้ได้ 2 วันมาแล้ว ถ้าอยากเที่ยวให้คุ้มก็ลองนอนฮาโกเน่ดูสักคืนนะ

Review ออนเซ็นเกสต์เฮ้าส์ HAKONE TENT ที่พักฮาโกเน่ สุดสบายได้บรรยากาศ

ไปเที่ยวฮาโกเน่ทั้งที ยังไม่อยากรีบกลับ จะเที่ยวแบบจัดเต็ม 2 วัน 1 คืน ตามหาที่พักฮาโกเน่ ราคาประหยัด ต้องที่นี่ HAKONE TENT เกสต์เฮ้าส์บรรยากาศดีที่ทั้งใกล้สถานี แถมยังมีออนเซ็นส่วนตัวให้แช่ด้วย !

Onsen Guesthouse HAKONE TENT

Hakonemachiko Sightseeing Cruise ล่องเรือโจรสลัด!

Cr: HWAHEAR

เก็บของเข้าที่พักกันแล้วไปต่อจ้ะ เราเดินกลับมาที่สถานี Gora อีกครั้งแต่คราวนี้ไม่ได้ขึ้นรถไฟขบวนเดินกลับไปไหนเพราะเปลี่ยนมาขึ้น Cable Car จากสถานีนี้ไปลงยังอีกฝั่งที่เป็นจุดไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้าข้ามฝากต่อไปขึ้นเรือโจรสลัดนั่นเอง

Cr: HWAHEAR

ระหว่างเดินทางด้วย Cable Car เขาก็จะขับเคลื่อนไปอย่างช้า ๆ ให้เราได้ชมทิวทัศน์ธรรมชาติรอบ ๆ ที่สวยงาม แน่นอนว่าเราสามารถใช้ Hakone Free Pass ขึ้นได้เลยไม่ต้องเสียเงินเพิ่มจ้า

Cr: HWAHEAR

เดิมทีถ้าเรานั่ง Cable Car มาจนสุดสายก็จะเดินไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้าเพื่อชมทิวทัศน์ทะเลสาบอะชิ ภูเขาไฟฟูจิ และควันไฟจากโอวะคุดานิได้ทันที แต่เนื่องจากช่วงก่อนหน้านี้ไม่นาน ตั้งแต่วันที่ 19 เดือนพฤษภาคม 2562 มีการประทุที่บริเวณปากปล่องภูเขาไฟฮาโกเน่ และมีการห้ามเข้าไปในพื้นที่ Owakudani จึงทำให้เราอดขึ้นกระเช้านี้ไปโดยปริยาย

Cr: HWAHEAR

ถึงจะเศร้าแต่ก็ยังใจชื้นที่ยังสามารถล่องเรือโจรสลัดได้เหมือนเดิม โดยจะมีรถบัสให้บริการพาเราไปจนถึงท่าเรืออย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเลย

Cr: HWAHEAR

ไม่นานนักเราก็มาถึงจุดขึ้นเรือโจรสลัดฮาโกเน่กันแล้ว สำหรับคนที่มี Hakone Free Pass ละก็เดินไปรอเข้าแถวขึ้นเรือได้เลยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มใด ๆ

Cr: HWAHEAR

Cr: R.YaTaRN

เมื่อถึงเรือมาจอดเทียบท่าก็ถีงเวลาเดินไปขึ้นเรือกันจ้า ใหญ่โตอลังการสุด ๆ เลย สำหรับใครอยากได้มุมชมวิวที่เอ็กซ์คูลซีฟหน่อย ก็สามารถจ่ายเงินเพิ่มเติมเพื่อเข้าไปอยู่ในโซนพิเศษได้จ้ะ

Cr: R.YaTaRN

อย่างโซนหน้าสุดของเรือนั่นเอง แต่สำหรับเราโซนธรรมดานี่ก็โอเคแล้วนะ ได้ฟิลเหมือนเป็นโจรสลัดพอตัว

Cr: HWAHEAR

Cr: HWAHEAR

Cr: HWAHEAR

น่าเสียดายนิดหน่อยที่วันนั้นหมอกค่อนข้างเยอะจนมองแทบไม่เห็นวิวใด ๆ แต่อย่างน้อยทิวทัศน์ก็สวยหม่นไปอีกแบบดีเหมือนกัน ยังไงใครอยากมาเห็นวิวแจ่ม ๆ เห็นฟูจิซังก็เช็คอากาศกันให้ดีก่อนมาน้า

Cr: HWAHEAR

ถึงจะหมอกเยอะแค่ไหนก็ยังได้เห็นโทริอิ จุดถ่ายรูปสุดคูลของศาลเจ้าฮาโกเน่ เพราะฉะนั้นถึงหมอกจะลงเยอะแต่ก็ยังได้สัมผัสบรรยากาศดี ๆ และวิวสวย ๆ ที่เราไม่เคยเห็น

Cr: HWAHEAR

Cr: HWAHEAR

ไม่นานนักเรือก็พาเรามาจอดที่ท่า Hakonemachiko Sightseeing Cruise แต่ที่จริงยังสามารถนั่งไปต่อได้อีกหนึ่งท่าซึ่งจะเป็นท่าเรือที่ใกล้กับศาลเจ้าฮาโกเน่นั่นเอง

Hakonemachiko Sightseeing Cruise

Ancient Cedar Avenue เดินเล่นเส้นทางธรรมชาติ

Cr: R.YaTaRN

และสาเหตุที่เราลงจากเรือมานั่นก็เพราะว่าเราต้องการจะมาเดินสัมผัสธรรมชาติที่เส้นทางเขียวขจีของฮาโกเน่นั่นเอง ซึ่งเส้นทางนี้เรียกกันว่า Ancient Cedar Avenue เราจะได้เดินชมต้นไม้สูง ๆ สูดอากาศสดชื่นได้จนชุ่มปอด

Cr: R.YaTaRN

Cr: R.YaTaRN

ดอกไม้สวย ๆ ก็มีให้เห็นประปราย พร้อมกับทิวทัศน์สวย ๆ แบบนี้ที่หาชมไม่ได้ที่ไหน ฮาโกเน่เป็นเมืองที่มีธรรมชาติอุดสมบูรณ์และสวยงามจริง ๆ

Cr: HWAHEAR

เดินตามเส้นทางไปเรื่อย ๆ ก็จะได้พบกับท่าเรือสุดท้ายอันเป็นพิกัดที่ตั้งใกล้กับกับศาลเจ้าฮาโกเน่ที่เราจะเดินทางไปเที่ยวเป็นที่ต่อไปนั่นเอง

Ancient Cedar Avenue

Hakone Jinja แวะเวียนศาลเจ้า

Cr: HWAHEAR

ศาลเจ้าฮาโกเน่เป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่มาถึงฮาโกเน่แล้วต้องไม่พลาดเด็ดขาด เนื่องจากศาลเจ้าแห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางป่าไม้ มีความสวยงามที่ระหว่างทางเดินไปยังศาลเจ้าก็มีตะเกียงตั้งเรียงไว้ตลอดทาง

Cr: HWAHEAR

Cr: HWAHEAR

ตัวศาลเจ้าเองก็ตั้งอยู่สูง และมีเมื่อหมอกปกคลุมก็ยิ่งทำให้ความขลังของที่นี่ทวีคูณเพิ่มมากขึ้นไปอีก

Cr: HWAHEAR

Cr: HWAHEAR

แน่นอนว่าความศักดิ์ของศาลเจ้าแห่งนี้ไม่แพ้ที่ไหน ด้วยความเก่าแก่แถมยังตั้งอยู่ในทำเลลึกลับขนาดนี้ เพราะฉะนั้นมาสักการะขอพรกันได้เลย

Cr: HWAHEAR

และจุดไฮไลท์ของศาลเจ้าแห่งนี้นั้นก็คือเสาโทริอิที่ตั้งอยู่กลางนั้ำซึ่งเราได้เห็นตอนนั่งอยู่บนเรือนั่นเอง เป็นพิกัดถ่ายรูปสุดฮิตที่ถ้ามาแล้วต้องต่อคิวรอกันหน่อย แต่รับรองว่าถ่ายออกมาได้ภาพสวยเอาไปอวดเพื่อนได้อีกนานเลยล่ะ

Hakone Jinja

เอาล่ะสำหรับใครที่อยากไป กำลังมองหาที่ซื้อพาสแบบสบายใจ ไม่ต้องนั่งกังวลเรื่องการคุยต่างๆ นานา ก็ซื้อพาสออนไลน์ได้ด้วยนะ แค่ซื้อกับ Klook เท่านี้ก็ได้ดีลๆ ราคาโดนๆ แล้ว

บัตรฮาโกเน่ฟรีพาส (Hakone Free Pass) 2 วัน หรือ 3 วัน

ซื้อผ่าน Klook ในราคาสุดคุ้ม ถูกกว่าซื้อเองที่ญี่ปุ่น!

ข้อสรุป

ต้องขอบอกก่อนว่าทริปเที่ยวฮาโกเน่ของเราจบลงเพียงแค่เท่านี้ หลายคนอาจจะงงว่าเราใช้พาสยังไม่ถึง 2 วันแล้วมันจะคุ้มเหรอ บอกเลยว่าไม่ขาดทุนนะ แต่สะดวกสบายกว่าที่จะต้องมาซื้อตั๋วหลาย ๆ ครั้ง แต่เสียดายเหมือนกันที่เราไม่มีโอกาสได้เที่ยวฮาโกเน่เต็ม ๆ ตลอดสองวัน แต่สำหรับใครที่มีเวลาละก็ขอแนะนำให้ซื้อพาสนี้เลย เพราะตอนขากลับเราก็ใช้พาสนี้แหละนั่งรถไฟกลับมาสถานีโอดาวาระเหมือนเดิมโดยไม่เสียเงินเพิ่มสักเยน สะดวกสบายขนาดนี้ต้องโดนแล้ว !

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

หลายคนยังไม่รู้ว่าฮาโกเน่ ตั้งอยู่ในจังหวัดคานากาวะ สถานที่ซึ่งมีธรรมชาติ และวัดที่สวยงาม

รวมที่เที่ยวคานางาวะ (Kanagawa) เดินทางเพียง 30 นาที จากโตเกียว

ใครอยากได้ข้อมูลการเดินทาง หรือพาส ก็อ่านที่นี่ได้เลย