ในตอนที่ 2 นี้ เราจะลงมาทางตอนใต้ของจังหวัดมิเอะกันค่ะ เริ่มจากทานเนื้อวัวมัตสึซากะ กันจ้า
และแน่นอนว่าการท่องเที่ยวครั้งนี้ เราจะต้องไม่ลืมหยิบบัตรใบนี้ไปเที่ยวกับเราด้วยนะจ้ะ บัตร Kintetsu Rail Pass Plus
มาเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่าค่ะ ตอนนี้เราอยู่กันที่สถานี Nabari (名張駅 ) กำลังมุ่งหน้าไปสู่สถานี Matsusaka (松阪駅) เพื่อจะไปทานเนื้ออร่อยๆกันจ้า
นี้คือตั๋วรถไฟ Tokkyu (Limited express) จากสถานี Nabari (名張駅 ) สู่สถานี Matsusaka (松阪駅) ราคา 920 เยน
Senriki (千力) : พูดถึงเนื้อมัตสึซากะ ต้องร้านนี้เลย
ร้านอาหาร Senriki เป็นร้านปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น ที่เน้นขายเนื้อ Matsusaka คุณภาพระดับ A5 และไม่ใช่แค่นี้ค่ะ เขาเปิดขายช่วงกลางวันอีกด้วย และถึงแม้ว่าจะเป็นวันธรรมดาก็ตาม ก็เปิด ซึ่งอยากบอกว่าเป็นอะไรที่ดีมาก
เมื่อเราเดินเข้าไปในร้านแล้ว กินเนื้อหอมๆจะเตะเข้าจมูกทันที ทำให้ชวนหิวเป็นอย่างมาก บรรยากาศภายในร้านก็เป็นโต๊ะและเบาะนั่งนิ่มๆ เหมาะกับการปิ้งย่างเป็นอย่างมาก
และแล้วเมนูที่หญิงสั่งเมนูแรกในวันนี้ก็มาถึง นี่คือเมนู Matsusakagyu Akami Sutekki Tesyoku ราคาชุดนี้อยู่ที่ 4,500 เยน (ไม่รวมภาษี) ซึ่งเซตนี้มีทั้ง เนื้อสเต็กมัตสึซากะ ผักต่างๆ ข้าว น้ำซุป และ สลัดค่ะ
ส่วนชุดที่ 2 ที่สั่งมา เรียกว่าเมนู Matsusakagyu ที่จะมีทั้งเนื้อส่วนคารูบี้ รอส เนื้อสันคอ และเครื่องใน มาให้ทานแบบครบในชุดเดียวไปเลยค่ะ ราคาชุดนี้อยู่ที่ 3,250 เยน (ไม่รวมภาษี)ค่ะ
ก่อนอื่นเราจะมาเริ่มย่างที่เนื้อสเต็กก่อนเพราะ คนตรงข้ามหญิง(คนญี่ปุ่น)เขาเป็นปลื้มกับเนื้อชิ้นนี้มาก
ตอนเขาย่าง หญิงก็ถามว่า ทำไมถึงไม่ย่างผักไปพร้อมกันหรอคะ เขาบอกว่าแต่ละคนอาจจะทานไม่เหมือนกัน คือ ทานแต่เนื้อก่อน ลิ้มรสเนื้อ แล้วค่อยไปกินผักที่หลังค่ะ ก็จริงของเขานะคะ
เนื้อสเต็ก คนญีปุ่นจะนิยมจิ้มเกลือและทาน เพื่อดึงความหวานของตัวเนื้อออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่พอดีหญิงติดซอสค่ะ จิ้มซอสเหมือนเดิม แต่ก็ลองจิ้มเกลือแล้วนร้า
ต่อมาเราจะมาทานกันที่เนื้อสวนคารูบี เป็นเนื้อที่มีไขมัน หรือเรียกกันว่าเนื้อหินอ่อน เพราะมีส่วนสีขาวแทรกตรงเนื้อแดงได้อย่างพอดิบพอดี ทำให้เวลาทานแล้วมันจะละลายในปากได้ดีพอสมควรเลยค่ะ
ถ้ามองจากรูปนี้เราจะเห็นความมัน ที่ละมุนตา และเมื่อได้เข้าปากก็จะละมุนลิ้น
พอย่างเสร็จแล้วเราก็จิ้มซอสสิค่า แล้วก็ทานเลย อย่าได้รออะไรอีก เดี๋ยวมีแมวมาหยิบไปค่ะ อีกอย่างค่ะเพื่อนๆ ร้าน Senriki มีอยู่ทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ สาขา Honten Atagoten และ Kubotaten ค่ะ ซึ่งสาขาที่หญิงพามาให้วันนี้ คือสาขา Atago
Senriki Atagoten (千力あたご店)
ที่อยู่ | 338-13 Miyacyonakajima, ,Matsusaka-shi, Mie Prefecture, 515-0033 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Matsusaka เดินประมาณ 7 นาที |
เวลาทำการ | 11:00-21:00 น.(Last order 20:30 น.) |
ราคา | เริ่มต้น 1,980 เยน |
โทรศัพท์ | 0598-26-0111 |
Website | Senriki |
หลังจากที่เราทานอาหารกันเสร็จแล้ว ก็หาเวลามาเดินเล่น ภายในเมืองมัตสึซากะกันหน่อย ที่แห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก ถ้าเพื่อนๆกลัวไม่มั่นใจ ก็ต้องลองไปถามที่ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวกันตรงสถานีได้เลยค่า มีข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษเยอะเลย
หลังจากที่หญิงเดินไปตามทางเรื่อยๆก็ไปเจอกับร้านขนมร้านนี้ค่ะ ที่ป้ายเขียนว่าขนมขึ้นชื่อของเมืองมัตสึซากะ และใช้เต้าหู้ของฮอกไกโดอีกด้วย ถ้าถามว่าหญิงได้ลองทานไหม ตอบว่าไม่ค่ะ แต่อยากให้เพื่อนๆลองทานดูนะคะ เผื่อว่ามันจะอร่อยมาก ร้านชื่อว่า Tenrinyaki (天輪焼き)จ้า
Omotenashi Dokoro Mukyuan (おもてなし処夢休庵) :3 มีนาคม เทศกาลฮินะ
จุดหมายในการเดินเล่น เมืองมัตสึซากะของเราในวันนี้คือ ร้าน Omotenashi Dokoro Mukyuan ร้านนี้เป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ท่องเท่ียวของเมือง และเนื่องจากวันที่หญิงไป เป็นวันที่ 3 มีนาคม ซึ่งตรงกับเทศกาลฮินะของเมืองที่มีชื่อว่า Matsusakamachi Ohinasamamatsuri ครั้งที่ 13 (第13回松阪まちなかお雛さままつり)ที่มีจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 3มีนาคม 2019 เลยค่ะ (Hinamatsuri โดยปกติจะจัดขึ้นตั้งแต่ ปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึง 3 มีนาคม)
ซึ่งเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองของเด็กผู้หญิงในประเทศญี่ปุ่น โดยจะมีการตกแต่งตุ๊กตาญี่ปุ่น ที่สวยงามหลายตัวบนชั้นวาง ตุ๊กตาที่ถูกวางไว้บนสุดของชั้นวาง คือเจ้าชายโอไดริ-ซามะ (Odairi-sama) และเจ้าหญิงโอฮินะ-ซามะ (Ohina-sama) จ้า
ตามความเชื่อ การจัดตกแต่งตุ๊กตาญี่ปุ่นภายในบ้านนั่น จะทำให้ลูกสาวมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุข บางครั้งเรียกเทศกาลนี้ว่า เทศกาลเด็กผู้หญิง นอกจากนี้ภายในร้านก็จะมีคุณป้าใจดีสองท่าน คอยนำน้ำชามาเสิร์ฟให้เราดื่มให้ชื่นใจแบบฟรีๆเลยค่ะ
Omotenashi Dokoro Mukyuan (おもてなし処夢休庵)
ที่อยู่ | 47 Hirao-cho, ,Matsusaka-shi, Mie Prefecture, 515-0036 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Matsusaka เดินประมาณ 5 นาที |
เวลาทำการ | 10:00−15:00 น. |
ราคา | ไม่เสียค่าเข้าชม |
โทรศัพท์ | 0598-21-1578 |
Website | Omotenashi Dokoro Mukyuan |
ต่อไปเราจะไปพักผ่อนกันที่โรงแรมแล้วค่า อย่าลืมหยิบบัตร Kintetsu Rail Pass ขึ้นมาเตรียมไว้ด้วยนะคะเพื่อนๆ
เราเดินกลับมาที่สถานีมัตสึซากะกัน เพื่อนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Kashikojima ค่า
ครั้งนี้เราจะใช้เวลาเดินทางกันนานนิดหน่อยค่ะ เป็นเวลา 56 นาที ดังนั่นต้องนั่งรถไฟที่สบายหน่อยจ้า ส่วนราคาค่าโดยสารเฉพาะตั๋ว Tokkyu หรือ limited Express อยู่ที่ราคา 920 เยน ส่วนราคาค่ารถโดยสารนั่น ไม่ต้องจ่ายแล้วค่ะ เพราะเรามีบัตร Kintetsu Rail Pass Plus ค่า
รถไฟคันนี้เป็น รถไฟ Tokkyu มีเบาะที่นุ่ม หน้าต่างก็บานกว้าง ทำให้ไม่อึดอัด เพราะสามารถดูวิวด้านนอกได้อย่างจุใจเลยค่ะ
ตอนนี้เราก็มาถึงสถานี Kashikojima กันแล้ว สถานีนี้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดงานประชุมสุดยอดผู้นำ กลุ่ม G7 หรือ G7 summit เมื่อปี 2016 ค่ะ คือสถานีก็จะสวยและดูดีเป็นพิเศษเลย
ถึงเวลาดูตารางบัสไปโรงแรม Miyako Resort Okushima Aqua Forest โรงแรมที่เราจะพักกันในคืนนี้ค่า ตารางบัสอยู่ทางด้านขวาสุดเลย
รถบัสคันนี้แหละค่ะที่เราจะนั่งไปโรงแรมกัน ใช้เวลาประมาณ 25 นาที วิวระหว่างทางก็ดีมาก แถมยังผ่าน Shima Spain Village สวนสนุกสไตล์สเปนอีกด้วยจ้า ได้ข่าวว่าดีนะคะเพื่อนๆ
Hotel Miyako Resort Okushima Aqua Forest (都リゾート 奥志摩アクアフォレスト):โรงแรมที่เรียกได้ว่าครบครันในที่แห่งเดียว
โรงแรม Miyako Resort Okushima Aqua Forest เป็นโรงแรมที่ทาง booking.com ให้คะแนนถึง 8 คะแนน เพราะทางโรงแรมไม่ใช่แค่บริการแค่ที่พักเท่านั่น แต่ยังมีกิจกรมมต่างๆให้ผู้ที่เข้าพักได้ใช้เวลาพักผ่อนได้อย่างมีความสุขที่สุด
และภายในโรงแรมก็จัดแต่งสไตล์เรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความเรียบแต่หรู พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส ช่วยเหลือเสมอเมื่อเพื่อนๆเดินเข้าไปถามค่ะ
กิจกรรมที่หญิงว่านั้น มีทั้งพายเรือแคนู ขี้จักรยาน ตีกอล์ฟ และอื่นๆอีกมากมายเลยจ้า
และหลังจากที่เข้าไปดูห้องพักคืนนี้กันแล้ว หญิงอยากจะพาเพื่อนไปเดินชมสถานที่แช่บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติหรือออนเซน พร้อมสระว่ายน้ำในร่มกันค่า
ภายในห้องจะเป็นเตียง 2 เตียง ห้องมีความกว้าง 37 ตารางเมตร ไม่ต้องกังวลเรื่องการวางกระเป๋าเดินทางเลยค่ะเพื่อนๆ อีกอย่างห้องนี้สามารถพักได้ทั้งหมด 3 คน โดยมีบริการเตียงเสริมค่ะ
ชมห้องกันเสร็จแล้ว อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่าจะพามาชมสถานที่แช่บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ และสระว่ายน้ำในร่มกันค่ะ แต่ทว่าหญิงไม่สามารถที่จะถ่ายรูปด้านในได้ เพราะเป็นสถานที่ส่วนตัวไปหน่อยค่ะ แต่จะอธิบายให้ฟังว่า ออนเซนและสระว่ายน้ำที่นี้ใหญ่และสะอาดมาก มีเครื่องอาบน้ำ ห้องแต่งตัว ห้องอาบน้ำที่ถูกแบ่งโซนไว้อย่างดีเลยค่ะ
และจุดนี้เป็นจุดนั่งพักผ่อน โดยที่เพื่อนๆคนไหนสนใจเก้าอี้นวดไฟฟ้า ที่แห่งนี้ก็มีให้บริการนะคะ
หรือเพื่อนๆคนใดอยากจะทำสปาเพื่อความผ่อนคลาย และความสวยงาม ก็อย่าพลาดใช้บริการนะคะ
นอกจากจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันแล้ว ที่นี้ก็มีร้านขายของที่ระลึกขนาดใหญ่ และร้านเสริมสวยเปิดให้บริการอีกด้วยนร้า
หลังจากที่เราใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆอย่างสุขใจแล้ว ก็ถึงเวลาทานอาหารเย็นกันแล้วค่ะ ห้องอาหารชื่อว่า Hamanagi จ้า
ภายในห้องอาหาร Hamanagi มีความกว้างขวาง และสามารถจุคนได้จำนวนเยอะมากค่ะ อีกทั้งการจัดวางอาหารต่างๆก็มีการแยกประเภทได้อย่างเข้าใจง่าย
ที่สำคัญที่นี้เขามีเชฟมาจัดเตรียมอาหารให้เราสดๆกันตรงหน้าเลย เช่น สเต็กเนื้ออย่างดี และซูชิที่ปั้นให้ทานแบบสดๆกันไปเลย
และตรงนี้คือหอยอะวะบิ ที่มีความสด อร่อย หวาน กำลังดี กินกี่ตัวก็ไม่เลียนค่ะ สำหรับเพื่อนๆที่ชอบทานแล้วละก็ที่นี้คือสวรรค์เลยค่ะ เพราะมีหอยให้เลือกทานหลายประเภทเลย
ส่วนเมนูนี้ Ise Udon เป็นของขึ้นชื่อของเมืองอิเสะเลย เพราะตัวเสร็จมีความนุ่มที่เป็นแบบเฉพาะ คือไม่นิ่มจนเกินไป และไม่เหนียวจนเกินไป ส่วนตัวซอสโชยุนั่นก็ไม่ได้เค็มแบบที่คิดไว้ แต่รสชาติคือกลมกล่อมกำลังดี เข้ากันมาก ต้องลองค่ะ
และนี้คือเมนูชาบูชาบูค่า มีของให้เลือกเยอะมาก ที่สำคัญพอเราตักเครื่องเสร็จ พนักงานจะเดินมาจุดไฟให้เราที่โต๊ะจ้า
อาหารที่หญิงได้มาในมื้อนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่นี้แน่นอนค่ะ ยังมีตามมาอีกเยอะ อาหารที่นี้ของเขาอร่อยทุกอย่างจริงค่ะ ปกติการทานบุฟเฟ่ต์มักจะเจออาหารที่ไม่อร่อยเยอะพอสมควรนะคะ แต่ที่นี้ไม่ทำให้ผิดหวังเลย
เมนูนี้เรียกว่า Taicya-zuke(鯛茶漬け)ขั้นตอนในการทาน คือคีบปลามาวางไว้บนข้าว แล้วเทน้ำชาพอประมาณ เมื่อเวลาทานจะได้รสชาติของปลาสดๆ ข้าวนุ่มๆ และน้ำซุปค่ะ
ส่วนสาเกนี้เป็นสาเก Zaku ที่ถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งในการประชุม G7 summit (Iseshima summit)ตอนอาหารกลางวันมื้อแรกค่ะ สาเก Zaku นั่นเป็นของเมือง Suzuka จังหวัดมิเอะจ้า
กินข้าวเสร็จแล้ว ตอนกลางคืนที่โรงแรมแห่งนี้ก็มีที่ให้ดูดาวที่ Tenmonkan แต่เฉพาะในวันที่ฟ้าเปิดเท่านั่นค่ะ หญิงจะพาเพื่อนๆไปดูดาวกันค่ะ แน่นอนว่าไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
และนี้คือทางเดินเข้าไปดูดาวในครั้งนี้ ตบแต่งได้น่ารักมาก ที่สำคัญพี่คนที่ดูแลที่นี้เขามีคนเดียว และพี่เขาเป็นคนวาดกับมือเองเลย อีกอย่างเป็นนักดูดาวด้วยค่ะ ใจดีมาก ค่าชมก็ฟรี
นี้คือกล้องดูดาวของเราในวันนี้ หญิงโชคดีมากที่ตอนเช้าฝนตกแต่ตอนเย็นฟ้าเปิด ทำให้ได้ดูดาวเต็มท้องฟ้าเลย ถ้าจำไม่ผิดกล้องตัวนี้ราคากว่า 30 ล้านบาท มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 50 เซนติเมตรเลยค่ะ
สวัสดีเช้าวันที่ 3ของการท่องเที่ยวครั้งนี้ค่ะเพื่อนๆ ตอนนี้หญิงกำลังพาเพื่อนๆไปเดินชมวิวรอบโรงแรมกันค่ะ ตรงนี้เรียกว่า Misakinotenbodai (岬の展望台) จ้า ทางเดิน เดินไม่ไกมากจากตัวโรงแรม ถือเป็นการออกกำลังกายตอนเช้า เดินประมาณ 7นาทีค่ะ
ถ้ามองออกไปก็ทะเลเลยค่ะ แต่ที่เห็นไม้ๆเยอะไปหมดตรงนั่น คือเขาเลี้ยงหอยจ้า วันนี้ท้องฟ้าเปิดสุดๆ วิวจึงดีมาก ด้านนี้เป็นด้านหลังของทางโรงแรมจ้า
ชมวิวยามเช้าแล้ว เรามาทานข้าวเช้ากันค่ะ ห้องอาหารเช้าคือห้องอาหาร Hamanagi ที่เดียวกับเมื่อคืนนี้เลย
อาหารก็มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารญี่ปุ่น หรืออาหารอิตาเลียนค่ะ แต่ขอหญิงน่าจะมั่วๆกัน ฮ่าๆ
Miyako Resort Okushima Aqua Forest (都リゾート 奥志摩アクアフォレスト)
ที่อยู่ | 3238-1, Funakoshi, Daiou-cho, Shima City, Mie Prefecture 517-0604 |
---|---|
วิธีเดินทาง | ขึ้นรถไฟ Tokkyu จากสถานี Matsusaka เพื่อไปลงที่สถานี Kashikojima สามารถใช้บัตร Kintetsu Rail Pass Plus แต่ทว่าต้องซื้อตั๋ว Tokkyu เพิ่ม ในราคา 920 เยน หลังจากนั้นนั่งรถบัสของทางโรงแรมต่อประมาณ 28 นาที |
เวลาทำการ | เช็คอิน 15:00 น. เช็คเอาท์ 11:00 น. |
ราคา | เริ่มต้นตั้งแต่ 16,000 เยน (พร้อมอาหารเช้าและอาหารเย็น) |
โทรศัพท์ | 0599-73-0001 |
Website | MIYAKO RESORT OKUSHIMA AQUA FOREST |
Yokoyama Tenbodai(横山展望台): จุดชมวิวแห่งความฝัน
หลังจากที่เราถึงสถานี Ugata กันแล้ว เราก็นั่งรถแท็กซี่กันต่อประมาณ 10 นาที หากเพื่อนๆคนไหนรู้ สึกสตองมาก อาจจะเดินขึ้นเขาก็ได้นะ เพียง 30 นาทีเอง และแล้วเราก็เดินขึ้นมาถึง Yokoyama Tenboudai กันแล้วจ้า
ที่ชมวิวแห่งนี้ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีผู้คนเดินทางมาเพื่อที่จะมารับชมความสวยงามของอ่าวอะโกะ
และหากเพื่อนๆคนไหนอยากจะมองให้ไกลและกว้างกว่าเดิม ก็สามารถเดินขึ้นไปชั้น 2 ของร้านคาเฟ่ได้เลย
เมื่อเราเดินมาเรื่อยๆ ก็จะมาเจอกับที่นั่งชิว ตรงนี้คนจะน้อยกว่าทางด้านนั้นค่ะ
เมื่อมองออกไปเราจะเห็นเกาะน้อย เกาะนิดเต็มไปหมดเลย ส่วนอ่าวอะโกะที่เรามองอยู่ตอนนี้ เป็นอ่าวที่ มีชื่อเสียงเรื่องการเลี้ยงหอยมุกนะจ้ะ เห็นได้จากไม้ที่ลอยเป็นแพอยู่ตรงนั้นเลย
Yokoyama Tenbodai(横山展望台)
ที่อยู่ | 875-20 Agochougata ,Shima-shi, Mie Prefecture 519-0602 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินทางจากสถานี Kashikojima เพื่อไปลงที่สถานี Ugata หลังจากนั้นนั่งแท็กซี่ต่อประมาณ 10 นาที หรือจากสถานี Shima-yokoyama แล้วเดินประมาณ 40 นาที |
ชมวิวเสร็จแล้วเราก็เดินทาง กลับสถานีเดิมค่ะเพื่อนๆ ช่วงที่หญิงมาเที่ยวนี้เป็นช่วงต้นเดือนมีนาคมค่ะ เด็กมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก็มีการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในที่ต่างๆ ทางบริษัท Kintetsu ก็มีความใส่ใจมากต่อนักเรียนที่เดินทางไปสอบ คือ มีดินสอนำโชคแจก จากศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงเรื่องความสำเร็จค่ะ อะไรก็ผ่าน แน่นอนว่าหญิงหยิบมา 1 แท่ง
เตรียมหยิบบัตร Kintetsu Rail Pass Plus ขึ้นมายังคะ เพราะตอนนี้เราจะเดินทางจากสถานี Ugata ไปที่สถานี Toba กันค่า
และนี้คือตั๋ว Tokkyu ของเราในวันนี้ ซึ่งราคาค่าตั๋ว Tokkyu นั่นอยู่ที่ราคา 520 เยน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 26 นาที จ้าเพื่อนๆ
มาถึงสถานี Toba (鳥羽駅) กันแล้วค่า ที่ต่อไปที่เราจะไปคือไปทานอาหารทะเลสดๆ กันที่ Ama Hachiman Kamado กันค่า แต่พอดีว่าต้องรอบัสนานหน่อย เลยมาเดินเล่นซื้อของทานบนสถานีโทบะ
และแล้ว หญิงเดินไปเดินมา ก็เจอกับของดีของเด็ดในวันนี้ Aburi Koiwashi เป็นการนำปลาไปปรุงรสและต้มให้เดือดจนน้ำระเหยออกจนหมด ทำให้เนื้อปลาหวาน และเป็นของทานเล่นได้ดีเลยค่ะ
ในที่สุดรถไป Ama Hachiman Kamado ก็มาแล้วค่า ตารางบัสสามารถดูได้ในเว็บไซต์เลยนะคะ ใช้เวลาเดินทาง 40 นาทีได้ค่ะ
Ama Hachiman Kamado(海女小屋のはちまんかまど): อาหารทะเลที่กระท่อมอะมะ ฮะชิมัง
มาถึงแล้วค่ะกระท่อม Ama Hachiman Kamado ขออนุญาตเล่นมุขค่ะ อะมะ เอาม้ะ กินไหม อาหารทะเลสดๆ ปิ้งโดย อะมะ หรือ หญิงสาวแห่งท้องทะเลจังหวัดมิเอะ แฮะๆ
พอรถบัสเราถึงนะคะเพื่อน คุณป้าอะมะก็จะมายืนต้อนรับ พร้อมถือธงชาติประเทศเราด้วยรอยยิ้มที่สดใสมาก และพอเราลงจากรถเดินเข้ามาในร้าน อาหารทะเลสดๆก็ได้เตรียมไว้เพื่อเราเรียบร้อยเลย
พอเดินเข้ามาถึงห้องอาหารแล้ว คุณป้าจะจับเรานั่ง แล้วคุณป้าอะมะ ก็จะปิ้งๆอาหารทะเลต่อหน้าเรา พร้อมเสิร์ฟชาร้อนๆให้เราทานในระหว่างรอ ที่สำคัญคือ ซาชิมิปลาไทที่คุณป้าเสิร์ฟนั่น สดกว่าที่ใดที่หญิงเคยทานมาเลย
ความหอยสดนี้ ได้จากที่ใดมาเล่า หญิงมีความรู้สึกว่าอาหารทะเลที่นี้สด สดประมาณว่าจ้างวานชี้ไปที่ทะเล แล้วป้าก็ไปเก็บมา แล้วโยนขึ้นเตาถ่านเลย พูดได้เลยค่ะว่าสวรรค์มาก
และแล้วหญิงก็มีเรื่องเล่ามาจากคุณป้าท่านนี้ค่ะ ท่านอายุจะเก้าสิบแล้ว แต่แข็งแรงมาก ป้าอะมะเล่าให้หญิงฟังว่า คนไทยมา เขาเอาน้ำจิ้มไรไม่รู้เขียวๆมากินด้วย ป้างง ป้าถามไอเขียวๆ มันใช่ต้นหอมหรือเปล่า 5555 หนูอยากให้คุณป้าชิมแทนคำตอบหญิงมากค่ะ สุดท้ายสิ่งเขียวๆนั่นคือ น้ำจิ้มซีฟู้ดบ้านเราเองค่า
หอยหลักที่คุณป้าจะนำมาเสิร์ฟ ก็จะเป็น หอยเชลล์ หอยตาวัว หอยนางลม นอกจากหอยแล้ว คุณป้าก็จะเสิร์ฟ ซาชิมิ ปลาไท ผักดอง ข้าวสวย เครื่องเขียง อาหารทะเลก็จะตามฤดูกาลค่ะ ทำให้เปลี่ยนชนิดหอยไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะ หอยเป๋าฮื้อ ก็มีนร้า หอยลายก็มา
ยูสุ ไซเดอร์ขวดนี้ดีมาก คือหวานกำลังพอดี เหมาะกับการกินกับหอย ขวดละ 300 เยนค่า
พร้อมทานหอยสดๆจากเตายังคะเพื่อนๆ
สามทหารเสือ ผู้เสียสละในวันนี้
คุณป้าผู้ยิ้มแย้มสดใส อายุจะเก้าสิบและ แฟนคุณป้าอายุเลยเก้าสิบไปและ เรื่องเล่าคุณป้านี้เป็นตำนานได้เลย ที่ป้าอายุยืนเพราะแกคงมีความสุขกับชีวิตเนอะ
น้ำซุปนี้พลาดไม่ได้เลยค่ะ น้ำซุบนี้พิเศษคือ เป็นมิโซะที่ไม่ข้น ดื่มแล้วคล่องคอมาก อีกอย่างปูที่ใส่มา ก็สดกรอบ หวานมาก ที่สำคัญกว่านั่น สาหร่ายที่ใส่มีรสสัมผัสที่อร่อยไม่เหมือนที่อื่นและร้านทั่วไป เป็นสาหร่ายที่เก็บจากอิเสะโดยเฉพาะ เรียกว่า
aosa ค่า
ปิ้งต่อหน้ากันแบบนี้เลย เสียงเดือดมันก็จะไพเราะมากๆ จ้า
ราคาก็เริ่มประมาณ 2,160-9,720 เยนกันเลยทีเดียว เขามีให้หลายเซตให้เลือก ตามน้ำหนักกระเป๋าเรา ไม่ใช่สิ ตามความต้องการของผู้บริโภคอย่างเราค่ะ
หลังจากคุณป้าอะมะปิ้งหอยเสร็จ และหญิงก็ทานเสร็จแล้ว คุณป้าผู้ยิ้มแย้มแจ่มใสก็มาแต่งตัวให้หญิงเป็นอะมะ แล้วก็จับหญิงไปเต้นรำพื้นบ้าน เป็นการย่อยอาหารค่ะ 55555 มีความสุขมาก คล้ายเซิ้งบ้านเราเลย ถนัดค่ะ
และแล้วก็ได้เวลาไปที่ต่อไปแล้วค่ะ แต่ติดอยู่ที่ว่าเมื่อกี่เต้นเยอะไปหน่อยค่ะ เห็นอะไรไม่รู้อยู่ในมุ้ง อยากทานอีกมากค่ะ ติดใจ
พอเรากำลังเคลื่อนรถออก คุณป้าก็มาบะบาย พร้อมธงชาติประเทศไทยเหมือนเดิม น่ารักมากค่ะ มาที่นี้แล้วจะไม่ผิดหวังแน่นอน
Ama Hachiman Kamado(海女小屋のはちまんかまど)
ที่อยู่ | 819 Asari-hama, Osatsu-cho,Toba-shi,Mie Prefecture 517-0032 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Ugata (鵜方駅)เดินทางไปที่สถานี Toba(鳥羽駅) หลังจากนั่นนั่งรถของทางร้าน Hachiman Kamado ประมาณ 40 นาที |
เวลาทำการ | 10.00 – 16.30 น. ระยะเวลาให้บริการแบ่งออกเป็นวันละ 3 รอบ ได้แก่ 12.00 – 13.15 น. ,13:30-14.45 น.และ 15.00 – 16.15 น. |
ราคา |
ขึ้นอยู่กับแต่ละเซต A. Tea time set 2,800 เยน / B. Standard set 4,500 เยน / C.Deluxe Seafood set 8,500 เยน / D.Luxury Seafood set 12,000 เยน / E. Special Deluxe set 17,000 เยน / F. Special Luxury set 27,000 เยน |
โทรศัพท์ | 059-933-1023(ควรจองไว้ก่อน ) |
Website | Amakoya |
Shinmei Jinja (神明神社): ศาลเจ้าเทพธิดาแห่งดวงอาทิตย์
ศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า Shinmei Jinja เป็นศาลเจ้าเทพธิดาแห่งดวงอาทิตย์ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “อิชิกามิ-ซัง” โดย “อิชิกามิ” หมายถึงเทพเจ้าแห่งหิน
ซึ่งในจังหวัดมิเอะนี้มีศาลของเทพเจ้าอยู่หลายองค์ และองค์ที่สำคัญที่สุดคือ อะมาเทระสึ เทพธิดาแห่งดวงอาทิตย์ หรือศาลเจ้าแห่งนี้นี่เองค่ะ
อิชิกามิมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ทามาโยริ ฮิเมะ-โนะ มิโคโตะ ซึ่งผู้พิทักษ์สตรีที่ทำให้สมหวัง อะมะทั้งหลายก็ให้ความนับถือ อิชิกามิ เป็นอย่างมาก แน่นอนว่าหญิงก็ไปขอพรมาค่ะ
Shinmei Jinja (神明神社)
ที่อยู่ | 1237 Osatsu-cho, Toba-shi, Mie Prefecture 517-0032 |
---|---|
วิธีเดินทาง | เดินจาก Ama Hachiman Kamado เพียง 15 นาที ขับรถเพียง 5 นาที |
ราคา | เดินจาก Ama Hachiman Kamado เพียง 15 นาที ขับรถเพียง 5 นาที |
โทรศัพท์ | 0599-33-7453 |
Toba Observatory (鳥羽展望台): จุดชมวิวมหาสมุทรแปซิฟิก
Toba Observatory หรือจุดชมวิวโทบะ สามารถมองเห็นหมาสมุทรแปซิฟิก ได้อย่างชัดเจน และจากจุดๆนี้เราก็สามารถเห็นเรือสำราญ เรือใหญ่ๆ แล่นไปแล่นมาให้ได้แปลกตามากค่ะ
ถ้าเพื่อนสังเกตุดีๆ ขอบฟ้า และเส้นของทะเลจะไม่เป็น ขีดเส้นตรง แต่เป็นเส้นโค้งๆ ด้วยเส้นสีฟ้าลมุนๆ ที่มีความเข้มของสีฟ้าเข้มของน้ำทะเล และสีฟ้าอ่อนของท้องฟ้า จุดชมวิวจุดนี้มีความสูงจากน้ำทะเล 163 เมตร สามารถที่จะมาดูพระอาทิตย์ขึ้นได้ด้วยนะคะ
ที่มากกว่านั่น ที่จุดชวิวโทบะ ก็มีร้านอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ให้เพื่อนๆได้ทานไปพร้อมกับชมวิวไปด้วย ถือเป็นที่ที่ควรมาจริงๆค่ะ
Toba Observatory (鳥羽展望台)
ที่อยู่ | 3-3 Otake, Kusaki-cho , Toba-shi, Mie prefecture 517-0031 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากศาลเจ้า Shinmei Jinja เดินทางโดยรถ ใช้เวลา 13 นาที |
โทรศัพท์ | 0599-33-6201 |
Toba Aquarium (鳥羽水族館): ที่นี้มีนางเงือก
และแล้วเราก็มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่สุดท้ายของทริปนี้กันแล้วค่ะเพื่อนๆ หญิงพาเพื่อนๆมาที่ Toba Aquarium พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่เขาบอกว่ามีนางเงือกตัวจริงค่ะ
ก่อนเข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เราก็ต้องซื้อบัตรเข้าชมค่ะ (ราคา 2,800 เยน)
และตรงนี้ก็เป็นทะเลข้างๆพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำค่ะ ทางพนักงานบอกว่าจะมีปลาและมีน้ำโลมามาว่ายเล่นแถวนี้เพื่อมาหาอาหารบ่อยมากค่ะ หญิงเห็นไปแค่ครีบอย่างเดียว ก็รู้สึกตื่นเต้นแล้วค่ะ
ในที่สุดเราก็เข้ามาในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำของโทบะแล้วค่ะ ขอบอกเลยว่าว้าวค่ะเพื่อนๆ ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโทบะอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำไว้มากที่สุดในญี่ปุ่นค่ะ
ที่นี่เป็นที่แห่งเดียวในญี่ปุ่นที่อนุรักษ์พันธุ์พยูนไว้ หรือพี่นางเงือกของเรานั่นเองแหละค่ะ
ถ้าเพื่อนๆมองดีๆ จุดนี้สวยมากค่ะ เพราะตู้ปลาและแสง สะท้อนลงที่พื้นกระเบื้องพอดีเลย นี้ถ้าพี่พนักงานไม่บอกหญิง หญิงก็ไม่รู้ค่ะ
ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ ไม่ได้กำหนดทิศทางในการเดินของเราค่ะ ดังนั่นเพื่อนๆสามารถเดินไปไหนมาไหนเองได้ตามสบายเลยค่ะ ว่าอยากจะเจอสัตว์น้ำในทะเลตัวไหนก่อน
ตอนนี้เรามาอยู่กันที่จุดมาดู A มาดูพี่สิงโตทะเลตัวใหญ่มาก กินข้าวกันค่ะ พี่ตัวนี้เขาจะปีนๆขึ้นไป ไปทานแล้วอาหาร แล้วก็จะกระโดดลงมา น้ำกระจายหมดเลยค่ะ
มองดีดี ตัวใหญ่กว่าคนให้อีกค่ะ เพื่อนๆสามารถดูสิงโตทะเล ได้แบบชัดๆ ตรงอุโมงค์ทางเดินใสๆนี้ได้ด้วย เจ๋งสุดๆไปเลย
ที่ต่อไปที่หญิงจะพาเพื่อนๆไปคือ แม่น้ำในญีปุ่น คือ จุดนี้อยู่ที่ จุด J จำลองสภาพแวดล้อมริมฝั่งของแม่น้ำในญีปุ่นรวมถึงน้ำตกและแก่งต่างๆด้วยค่ะ
มาลองเอามือลงไปในน้ำดูสิคะ ขึ้นมานี้มือสะอาดเลยค่ะเพื่อนๆ เพราะเรามีพี่ปลา คอยทำความสะอาดให้ค่ะ
และจุดๆนี้คือ ไฮไลท์ของงานเลยค่ะเพื่อนๆ เวทีโชว์สิงโตทะเล ภายใต้หัวข้อการสื่อสารระหว่างสัตว์กับมนุษย์ คือว่าน้องเก่งและฉลาดมากค่ะ
เราไปชมน้องโชว์กันเลยค่ะเพื่อนๆ อิอิ น้องรอดห่วงได้ด้วย
น้องเตะบอลค่ะ น่าจะส่งไปชิงแชมป์
น้องทำหน้าพริ้มค่ะเพื่อนๆ ตบมือค่า
ต่อไปเราจะไปกันที่จุด E ค่ะ ไปชม ทะเลของอิเสะชิมะ และทะเลรอบๆญี่ปุ่นกัน
พี่ตัวนี้คือโลมาหัวบาตรหลังเรียบนั่นเอง เวลาว่ายชนแสงเป็นอะไรที่สวยและมีเสน่ห์น่ามองมากค่ะ
นอกจากจะมีการแสดงโชว์สิงโตทะเลแล้ว ก็ยังมีพาเหรดเพนกวิน และการแสดงของวอลรัลด้วยนะคะ
และจุดนี้ก็ถือว่าเป็นไฮไลท์อีกจุดเลยค่ะ จุด H จ้า เพราะว่าอะไรนะหรอคะ
พี่คนสวยคนนี้เขาคือทะเลนางเงือกค่ะ หรือพะยูนนั่นเอง เป็นสัตว์ทะเลที่เป็นต้นแบบของนางเงือกในตำนาน ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโทบะคือสถานที่แห่งเดียวในญี่ปุ่นที่เพื่อนๆจะได้ชมสิ่งมีชีวิตที่แสนพิเศษตัวนี้ค่ะ
ยังไงๆก็ต้องแวะมาหาน้อง นากทะเลด้วย เป็นสัตว์น้ำที่มีความขี้เล่นมาก
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโทบะ ได้รวบรวมสัตว์ที่ได้รับความนิยมจากทะเลและแหล่งน้ำต่างๆจากทุกมุมโลกกว่า 1,200 ชนิด รวมทั้งสัตว์หายากด้วยนะคะ และตอนนี้เราก็อยู่กันที่จุด L ค่ะเพื่อนๆ มาดูน้องๆโลมาคอมเมอร์สันว่ายน้ำเล่นลูกบอลค่ะ
นอกจากจุดที่หญิงพาเพื่อนๆไปชมกันแล้ว ยังมีอีกหลายจุดที่น่าชมด้วยเหมือนกันนะคะ เพราะที่พิพิธภัณฑ์โทบะแห่งนี้มีถึง 12 โซน ให้เพื่อนๆได้ชมตามสบายและสัมผัสกับความน่ารักของสัตว์ต่างๆได้อย่างแน่นอนค่ะ
Toba Aquarium (鳥羽水族館)
ที่อยู่ | 3-3-6 Toba, Toba-shi , Mie Prefecture 517-8517 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Toba เดินประมาณ 10 นาที |
เวลาทำการ | เวลาทำการ 9:30 – 17:00 น. (เข้าได้ถึง 16:00 น.) |
ราคา | ผู้ใหญ่ 2,800 เยน / เด็กอายุ 7-15 ปี จากราคา 1,600 เยน / เด็กอายุ 3-6 ปี ราคา 800 เยน |
โทรศัพท์ | 0599-25-2555 |
Website | Toba Aquarium |
ถึงเวลากลับนาโกย่ากันแล้วค่ะเพื่อนๆ ทุกการเดินทางมีการเริ่มต้น และมีปลายทางเสมอเนอะค่ะ เราจะนั่งรถไฟ Tokkyu จากสถานี Toba (鳥羽駅) ไปลงที่สถานี Kintetsu Nagoya (近鉄名古屋) โดยจะใช้เวลา 1 ชั่วโมง 37 นาทีค่ะ
และแน่นอนว่าเราอย่าลืมซื้อตั๋วรถไฟ Tokkyu ไว้ด้วยนะคะ ตั๋วจากสถานี Toba (鳥羽駅) ไปลงที่สถานี Kintetsu Nagoya (近鉄名古屋)อยู่ราคา 1,340 เยนค่ะ ขอให้เดินทางปลอดภัยนะคะ
ข้อสรุป
ในที่สุดการเดินทางครั้งนี้ก็จบลงได้อย่างสวยงาม แถมยังคุ้มอีกต่างหากเพราะเรามีบัตร Kintetsu Rail Pass Plus ที่เป็นทั้งบัตรโดยสาร และบัตรส่วนลดต่างๆให้อีกด้วย ซึ่งเพื่อนคนไหนต้องการเปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ก็อย่าลืมจังหวัดมิเอะนร้า เพราะสถานที่ท่อง เที่ยวของเขาดีจริง ตอนนี้นักท่องเที่ยวก็ยังน้อยมากด้วย ซึ่งแน่นอนว่าจังหวัดมิเอะไม่ได้มีแค่สถานที่ ท่องเที่ยวที่หญิงแนะนำไปเท่านั่น ยังมีอีกหลายที่เลย ฝากจังหวัดมิเอะไว้ในใจเพื่อนๆ และฝากบทความนี้ด้วยนร้า สวัสดีค่ะ