Sankeien Garden ในเมืองโยโกฮาม่าได้รับการกำหนดให้เป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพงดงามโดยรัฐบาลแห่งชาติ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของชาวเมือง ทั้งสวน สระน้ำและเนินเขาล้วนสร้างบรรยากาศที่สวยงาม ท่ามกลางบ้านเรือนในยุคประวัติศาสตร์หลายแห่งที่ย้ายมาจากเกียวโตและคามาคุระ เรียกว่าการมาที่นี่นอกจากจะได้เดินชมสวนดังที่กล่าวไปแล้ว ยังมีเจดีย์สามชั้นอันเป็นสัญลักษณ์ ทำให้เป็นสถานที่เงียบสงบ และเหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจอย่างแท้จริง
หากไล่เรียงสถานที่ต่างๆ ภายในสวนมีนั้นมีบ้านเรือนประวัติศาสตร์กว่า 17 หลัง โดยมี 10 หลังที่ได้รับการกำหนดให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ แม้ว่าโยโกฮาม่าจะเป็นที่รู้จักในฐานะท่าเรือที่สำคัญในการขนส่งและทำการค้าของญี่ปุ่นกับโลกตะวันตกช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แต่ยังมีสถานที่เงียบสงบและฮีลใจได้ดีก็คือที่สวนซังเคเอ็นแห่งนี้ที่เป็นดุจดั่งความงามแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ถึงขนาดมีการนำมาเปรียบเทียบกับพระราชวัง Katsura Detached Palace ในเกียวโตเลยทีเดียว
ที่มาที่ไปของสวนซังเคเอ็น (Sankeien Garden)
ซังเคอิเป็นชื่อที่ “Tomitoro Hara” (ค.ศ.1868–1939) นักอุตสาหกรรมและพ่อค้าผ้าไหมผู้มั่งคั่ง ตั้งขึ้นมา เขาเกิดที่จ.กิฟุในปีค.ศ.1868 มีความเฉลียวฉลาดตั้งแต่ยังเด็ก และมีความสนอกสนใจเกี่ยวกับวรรณกรรมคลาสสิคหลากหลายประเทศ และชอบที่จะศึกษาด้านจิตรกรรมด้วย เขาออกจากกิฟุไปโตเกียวและสำเร็จการศึกษาที่มหาวิทยาลัยวาเซดะในปัจจุบัน ต่อมาฮาระมีอาชีพสอนหนังสือทำให้เขาได้พบกับฮาระ ยาสึ ผู้เป็นภรรยาในอนาคต และเมื่อแต่งงานกันเขาก็ได้เป็นลูกบุญธรรมของครอบครัวพ่อค้าที่มั่งคั่งตั้งแต่เวลานั้น
ในเวลาต่อมา เขาเริ่มซื้อและย้ายบ้านเรือนประวัติศาสตร์จากส่วนต่างๆ ของประเทศมาที่ซังเคเอ็น และสร้างสวนแห่งนี้ขึ้น ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของสวนซังเคเอ็นคือ ฮาระตั้งใจให้สวนแห่งนี้เปิดให้คนทั่วไปสามารถเข้าชมความงามของธรรมชาติได้ ในช่วงเวลาที่เขายังมีชีวิตอยู่ ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีหลังจากที่เริ่มสร้างสวนซังเคเอ็น ฮาระก็ได้เปิดสวนด้านนอกเกือบทั้งหมดซึ่งในเวลาต่อมาฮาระยังคงขยายสวนและซื้อสิ่งก่อสร้างเพิ่มเติมจนกระทั่งสวนเสร็จสมบูรณ์ในปีค.ศ.1922
ไฮไลท์ที่น่าสนใจ
ดังที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่านอกจากจะรวมความงามของสวนทั่วประเทศญี่ปุ่น มาไว้ที่นี่ที่เดียวแล้ว ยังมีรายละเอียดในแต่ละจุดให้ชม ใครเป็นสายรักธรรมชาติรับรองเลยว่าสามารถเดินเพลินๆ ได้ทั้งวัน
สวนญี่ปุ่น
โดยภายในสวนแห่งนี้ปลูกต้นไม้และดอกไม้ที่หลากหลาย อาทิ ต้นบ๊วย ต้นซากุระ ดอกบัวสีชมพู และดอกไม้ตามฤดูกาล (ดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ดอกบัวและไฮเดรนเยียในฤดูร้อน ไปจนถึงดอกแดฟโฟดิลและดอกคามิเลียในฤดูหนาว) ซึ่งในช่วงเวลาที่เเหล่าดอกไม้บ้านสะพรั่งนั้น ที่สวนแห่งนี้ก็กลายเป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมของทั้งคนญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเยี่ยมชมโดยเฉพาะช่วงที่ดอกซากุระในสวนบานสะพรั่ง เหล่านักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับดอกซากุระและภาพเจดีย์สามชั้นที่มีการประดับไฟในเวลากลางคืนได้อีกด้วย
บ้านแบบโบราณ
เนื่องจากภายในสวนแห่งนี้มีบ้านและอาคารที่สวยงามหลายหลัง เราขอหยิบยกมาแนะนำสักเล็กน้อยก่อน
Rinshunkaku เป็นบ้านพักอาศัยของผู้นําซามูไรตั้งแต่ศตวรรษที่ 17จนถึงกลางศตวรรษที่ 19 และเดิมสร้างขึ้นในจังหวัดวากะยามะในปีค.ศ.1649 อาคารที่สวยงามของสวนแห่งนี้แบ่งออกเป็น 12 ห้อง มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสวนแห่งนี้ ตั้งแต่รูปร่างหลังคา ตำแหน่งของศาลา และห้องต่างๆ เพื่อให้เห็นทัศนียภาพอันงดงามของเจดีย์และสะพานไม้ได้อย่างเต็มที่
Kakushōkaku ซึ่งเป็นบ้านพักส่วนตัวของฮาระมีพื้นที่รวม 950 ตารางเมตร ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นบ้านของครอบครัวนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่ฮาระจัดแสดงผลงานศิลปะจำนวนมากของเขาและจัดห้องแสดงผลงานสำหรับศิลปินแนวหน้าในญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมากมาย อย่าง Yokoyama Taikan (ค.ศ.1868–1958) และ Maeda Seison (ค.ศ.1885–1977) ซึ่งมีผลงานศิลปะที่สร้างความฮือฮาจำนวนไม่น้อย โดยอาคารแห่งนี้ถูกกําหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ของเมืองโยโกฮาม่าอีกด้วย
Choshukaku นั้นเป็นอาคารหลังสุดท้ายก่อตั้งในปีค.ศ. 1922 ที่ฮาระตั้งใจให้มีอยู่ที่สวนซังเคเอ็นแห่งนี้เป็นอาคารที่เขาตั้งชื่อให้มีความหมายเป็นภาษาอังกฤษว่า “Enjoy Autumn Pavilion” สถานที่สําหรับเพลิดเพลินกับฤดูใบไม้ร่วง และความงามตามฤดูกาลอื่นๆ ส่วนโครงสร้างแสนมีเสน่ห์แห่งนี้เคยตั้งอยู่ในสวนของปราสาทนิโจที่เกียวโต
ชื่นชมผลงานศิลปะ
ฮาระเป็นนักธุรกิจก็จริง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รักงานศิลปะ คอยสนับสนุนจิตรกรชาวญี่ปุ่นสมัยใหม่ เช่น โยโกยามะ ไทคัง รวมถึงสะสมงานศิลปะ ตลอดจนสนับสนุนเหล่าศิลปิน ที่นี่จึงมีผลงานศิลปะบางส่วน (ประมาณ 500 ชิ้น) ที่จัดเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ซังเค รวมถึงงานศิลปะที่สะสมโดยซังเค ฮาระการประดิษฐ์ตัวอักษรและภาพวาดที่เขาสร้างขึ้นเอง
เจดีย์สามชั้นของวัดโทเมียวจิในอดีต
บนเนินเขาด้านหนึ่งของสวนมีเจดีย์ไม้สามชั้นของวัดโทเมียวจิในเมืองคิซุกาวะ จ.เกียวโตในอดีต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1457 ที่ซึ่งปัจจุบันปิดตัวไป เจดีย์นี้เป็นโครงสร้างที่เก่าแก่ที่สุดในสวนและเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของสวนแห่งนี้เลยก็ว่าได้ โดยตัวเจดีย์ถูกย้ายมายังสวนซังเคเอ็นในปี ค.ศ.1914 และเป็นทัศนียภาพที่สำคัญสำหรับการก่อตั้งอาคารและบ้านต่างๆ ภายในสวนเพราะทุกหลังจะสามารถมองเห็นเจดีย์ได้ในมุมมองที่สวยงามแตกต่างกันออกไป
สระน้ำหลักของสวน
ทิวทัศน์รอบๆ สระน้ำเป็นทัศนียภาพที่งดงามเกินคำบรรยายไม่ว่าจะมายืนมองในฤดูกาลไหน เพราะตัวสระน้ำเป็นส่วนสําคัญในการออกแบบสวน และเพิ่มบรรยากาศที่เงียบสงบ สามารถพบเห็นนกจํานวนมากบริเวณนี้ ยิ่งภาพสะท้อนที่สวยงามของธรรมชาติ รวมถึงเจดีย์สามชั้นอันเป็นสัญลักษณ์ ทำให้บริเวณสระน้ำมีทิวทัศน์อันงดงามซึ่งจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ส่งมอบความมีชีวิตชีวาและงดงามตลอดทั้งปี นอกจากนั้นใกล้ๆ สระน้ำยังมีร้านจำหน่ายอาหารเต่าและปลาคาร์ปไว้บริการด้วย
สวนซังเคเอ็น (Sankeien Garden)
ที่อยู่ | 58-1 Honmokusannotani, Naka Ward, Yokohama, Kanagawa 231-0824 |
วิธีเดินทาง | จากสถานี Yokohama ออกทางออกฝั่งตะวันออก ขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 2 , หมายเลข 8 หรือ148 มาลงที่ป้าย Honmoku Sankeien mae และเดินต่ออีก 5 นาที |
เวลาทำการ | 9.00 – 17.00 น. |
ราคา | ผู้ใหญ่ (อายุ 15 ปีขึ้นไป) ราคา 900 เยนและ เด็ก (อายุไม่เกิน 14 ปี) ราคา 200 เยน |
Website | Sankeien Garden |
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
ใครยังเที่ยวสวนสไตล์ญี่ปุ่นไม่จุใจ ที่โยโกฮาม่ายังมีสวนสวยๆ อีกหลายแห่งให้เที่ยวต่อ ทั้งสวนสาธารณะไม่ไกลจากสวนซังเคเอ็น สามารถเดินเท้าไปเที่ยวต่อได้เลย หรือจะมุ่งตรงไปยังแลนด์มาร์คของโยโกฮาม่า และฝากท้องไว้ที่ย่านร้านอาหารชื่อดังของเมืองก็แนะนำเช่นกัน
สวนฮอนโมคุ ซานโจ (Honmoku Sancho Park)
เป็นสวนสวยอีกแห่งที่อยู่ห่างจากสวนซังเคเอ็น ด้วยการเดินเท้าเพียง 10 นาที สวนฮอนโมคุ ซานโจแห่งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพของสวนสาธารณะขนาดใหญ่ โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิคนญี่ปุ่นในท้องถิ่น นิยมมารวมตัวกันที่นี่เพื่อชมความงามของดอกซากุระในเทศกาลฮานามิกันอย่างพร้อมเพรียง
สวนฮอนโมคุ ซานโจ (Honmoku Sancho Park)
ที่อยู่ | 1-5 Wadayama, Naka Ward, Yokohama, Kanagawa 231-0805 |
วิธีเดินทาง | จากสถานียามาโนเตะ เดิน 25 นาที |
เวลาทำการ | เปิด 24 ชั่วโมง |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website | Honmoku Sancho Park |
หอคอยสัญลักษณ์ท่าเรือโยโกฮาม่า (Yokohama Port Symbol Tower)
หอคอยสีขาวเป็นสัญลักษณ์ของท่าเรือโยโกฮาม่าสร้างเสร็จในเดือนก.ค.ของปีโชวะ 61 ที่สามารถมองเห็นท่าเรือโยโกฮาม่าแบบ 360 องศา ได้จากห้องรับรองของหอสังเกตการณ์ ที่ระดับความสูงจากพื้น 58.5 เมตร(รวมเสาอากาศ) ทำให้เห็นวิวเมืองท่าแบบเต็มอิ่ม ยิ่งในวันที่ท้องฟ้าสดใส ทำให้การขึ้นมาทำความรู้จักเมืองโยโกฮาม่าผ่านวิวนี้ยิ่งประทับใจไปอีก นอกจากนั้นบริเวณโดยรอบของหอคอยเป็นที่ตั้งของสวนสาธารณะที่สามารถแวะนั่งพักชิลๆ ก่อนไปเที่ยวต่อได้ และอย่าพลาด “เทศกาลหอคอยสัญลักษณ์ท่าเรือโยโกฮาม่า” ที่จะจัดขึ้นปีละ 3 ครั้งมีกิจกรรมตลาดนัด คอนเสิร์ต และการแสดงต่างๆ
หอคอยสัญลักษณ์ท่าเรือโยโกฮาม่า (Yokohama Port Symbol Tower)
ที่อยู่ | 1-16 Honmokufuto, Naka Ward, Yokohama, Kanagawa 231-0811 |
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัสจากสถานีโยโกฮาม่าของรถไฟ JR, Tokyu, Keihin Electric Railway, Sagami Railway, Municipal Subway, Minatomirai Line เป็นเวลา 40 นาที ลงที่ Yokohama Harbor Symbol Tower |
เวลาทำการ | 1 มีนาคม ถึง 20 กรกฎาคม 9.30 – 17.30 น. , 21 กรกฎาคม ถึง 31 สิงหาคม 9.30 – 20.00 น., 1 กันยายน ถึง 31 ตุลาคม 9.30 – 17.30 น. |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website | Yokohama Port Symbol Tower |
โยโกฮาม่า ไชน่าทาวน์ (Yokohama Chinatown)
ว่ากันว่าโยโกฮาม่าไชน่าทาวน์นั้นเป็นไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว เพราะที่นี่มีพื้นที่โดยรอบประมาณ 500 ตารางเมตร เป็นที่ตั้งของร้านค้าและร้านอาหารจีนมากกว่า 500 ร้านด้วยกัน อย่าลืมวอร์มขาและวอร์มพุงไว้ให้พร้อมเลย ส่วนประวัติความเป็นมาของที่นี่ต้องเล่าย้อนกลับไปในปีค.ศ.1859 สมัยที่ท่าเรือโยโกฮาม่าเต็มไปด้วยพ่อค้าชาวจีนที่มาตั้งรกรากและสร้างชุมชนของพวกเขา ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยร้านค้าและวัตฒนธรรมที่หลากหลายของคนจีนและญี่ปุ่นที่แสนลงตัวและคึกคักมากในปัจจุบัน
โยโกฮาม่า ไชน่าทาวน์ (Yokohama Chinatown)
ที่อยู่ | Yamashitacho, Naka Ward, Yokohama, Kanagawa 231-0023 |
วิธีเดินทาง | จากสถานี Nihon Odori เดิน 8 นาที |
เวลาทำการ | เปิด 24 ชั่วโมง |
ราคา | เข้าชมฟรี |
Website | Yokohama Chinatown |
สรุป
Sankeien Garden เป็นโอเอซิสอันเงียบสงบที่แนะนำในเมืองโยโกฮาม่า เหล่านักท่องเที่ยวจากทั่วโลกและชาวญี่ปุ่นในท้องถิ่นเอง มักจะมาใช้เวลาพักผ่อนหย่อนใจ สัมผัสประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมดั้งเดิมในหลากหลายแง่มุมจากสถานที่แห่งนี้ อีกทั้งยังสามารถเพลิดเพลินกับบ้านเรืองและอาคารเก่าแก่ท่ามกลางทิวทัศน์ของแต่ละฤดูกาลได้ ทัศนียภาพที่สวยงามตลอดทั้งปีนั้น สมกับที่สวนแห่งนี้ติดอันดับหนึ่งในสวนที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่นเลยแหละ