ครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆไปท่องโลกเสมือนจริงของค่ายการ์ตูนใหญ่ของญี่ปุ่น อย่างค่าย Studio Ghibli ที่ถูกสร้างขึ้นภายในพื้นที่ของ Expo 2005 Aichi Commemorative Park (Moricoro Park)
การเดินทางไปที่ Ghibli Park เป็นการนั่งรถไฟ ….. สาย Linimo ลงที่สถานี Ai-chikyuhaku kinen koen ออกทางประตู 2 ก็จะเจอทางเข้า
จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปที่ลิฟต์ Elevator Tower ลงชั้นหนึ่งเพื่อเข้าไปในส่วนของ Ghibli Park
Hill of Youth
ใครจะเดินไปขึ้นรถบัสของ Ghibli Park ก็ได้ หากขึ้นรถบัสเราขอแนะนำว่าให้ไปลงที่ป้ายสุดท้ายเพื่อเที่ยวชมบ้าน Mei’s House และ Dondoko Forest ก่อนค่ะ
แต่ถ้าเลือกลงลิฟต์ Elevator Tower ก็สามารถเดินเลี้ยวซ้ายไปโซน Hill of Youth ซึ่งเป็นร้านของคุณลุง Nishi Shiro แฟนการ์ตูนต้องชอบร้าน Chikyu-ya ของคุณลุงที่ขายสารพัดสิ่งได้แน่นอน ซึ่งร้านของคุณลุงอยู่ในเรื่อง Whisper of the Heart
ด้านหน้าร้าน Chikyu-ya เราจะพบบ้านของ Baron ซึ่งเป็นตุ๊กตาแมวของคุณ Nishi ที่มีความคูล และถือเป็นแมวที่ช่วยดำเนินเรื่องในการ์ตูนเรื่อง Mimi o Sumaseba ด้วย
ด้านในร้าน Chikyu-ya ไม่สามารถถ่ายรูปได้ แนะนำว่าถ่ายรูปคู่กับบรรยากาศต่างๆ ด้านนอกอย่างป้ายเมล์ Seishun no Oka เพื่อยืนยันว่าเรามาถึงโซน Hill of Youth แล้วนะ
จุดที่คนต่อคิวยาวสุดๆ คงเป็นเจ้าตู้โทรศัพท์ข้างป้ายรถเมล์นี้ ที่พอเรายกหูขึ้นฟัง เราจะได้ยินเสียงปลายสายที่จะสร้างความแปลกใจแบบให้ความรู้สึกเอ๊ะ อะ โอ๊ะ ที่ตามมาพร้อมกับเสียงหัวเราะได้แน่นอน
เดินลงมาด้านล่างเราจะพบอุโมงค์ความฝันของ Shizuku ที่เป็นนางเอกของเรื่อง ใครที่เคยดูการ์ตูนเรื่องนี้จะหลงรักบรรยากาศและอย่าลืมไปฝึกร้องเพลง Take me home, Country Roads กันไว้ด้วยนะ มันได้ฟีลมากๆ เลย ฮี่ๆๆๆ
Ghibli’s Grand Warehouse
เสร็จจากโซน Hill of Youth ไปต่อกันที่ Ghibli’s Grand Warehouse โซนนี้ถือเป็นโซนหลักที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง ขอย้ำว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
นี่เป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ใน “Quartier Latin” และนี่คือชมรมปรัชญา ที่อยู่ในห้องเก็บของเล็กๆ ที่มีประโยคเด็ดว่า “พวกเรารักปรัญชา มีแค่ถังไม้ก็อยู่ได้แล้วครับ” คำตอบอย่างเท่
From Up on Poppy Hill เป็นการ์ตูนโรแมนติกอีกเรื่องที่เพลงเพราะมาก อยากให้เพื่อนๆ ได้ลองไปหาดูและฟังกัน และนี่ก็เป็นฉากหนึ่งในการ์ตูนเรื่องนี้ ที่อยู่ในตึก“Quartier Latin”
เสร็จจากเดินชมตึกละติน ควอเตอร์ ก็ถึงเวลาชมภาพยนตร์แอนิเมชันตอนพิเศษกันแล้ว ตรงจุดนี้คือด้านหน้าทางเข้าโรงภาพยนตร์ค่ะ
รอบที่เราไปดูเรื่อง Kujiratori ซึ่งจริงๆ แล้วภาพยนตร์แอนิเมชันที่ฉายใน Ghibli Park มีทั้งหมด 10 เรื่อง และทุกเรื่องล้วนเป็นตอนพิเศษที่ค่าย Studio Ghibli สร้างขึ้น นี้บัตร
พอมาถึงก็ยื่นบัตรชมภาพยนตร์ให้เจ้าหน้าที่ฉีกท้ายตั๋ว เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเราได้ใช้ตั๋วดูหนังแล้วนะ
ตรงส่วนนี้คือส่วนของจัดแสดงพิเศษ ที่ให้อารมณ์เหมือนเพิ่งออกจากโรงหนัง เพราะสองข้างทางเป็นโปสเตอร์ของแอนิเมชันของค่าย Studio Ghibli ทั้งหมด
เรียกได้ว่าสำหรับแฟนการ์ตูน Studio Ghibli มาที่นี่ต้องตื่นเต้น เพราะมีการ์ตูนที่แปลกตาอีกหลายต่อหลายเรื่องที่เราอาจจะยังไม่เคยดูแต่ปรากฏอยู่
ตรงบาร์ ที่มีโตะโตะโระก็เป็นอีกมุมที่เพื่อนๆ สามารถเข้าไปนั่งถ่ายรูปคู่ได้ ถือเป็นอีกมุมที่คนรักโตะโตะโระไม่ควรพลาด
ในห้องยังมี เนะโกะบัส รถบัสแมวเหมียวในเรื่องโตะโตะโระ ที่สามารถจุคนได้หลายคนมากๆ ไม่ต้องบอกว่าเด็กๆ เท่านั้นที่เห็นแล้วจะต้องชอบ เพราะผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบการ์ตูนเรื่องโตะโตะโระ ก็ต่อคิวรอถ่ายรูปกันแถวยาวเลยจ้า
มาถึงตรงบันไดกลางกัน ตรงจุดนี้จะเชื่อมหลายจุด ชั้นล่างสุดจะเป็นบ้านของ Arrietty ที่พอเราเข้าไปจะรู้สึกว่าเราตัวเล็กเท่า Arrietty ทันที
เข้ามาจุดแรกก็เจอห้องนอน Arrietty ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ใบหญ้าที่ Arrietty ชอบเก็บกลับมาเวลาที่แอบแม่ไปข้างนอก
ห้องอาบน้ำที่อยากลองลงไปอาบสักครั้งว่าจะรู้สึกยังไง คือองค์ประกอบรวมถึงสีนั้นเหมือนในการ์ตูนมากๆ เรียกได้ว่ายกออกมาจากโลกแอนิเมชันยังไงยังงั้น
มาชั้นสอง จุดถ่ายรูปที่ทุกคนไม่ควรพลาด จุดนี้รวมการ์ตูนเรื่องโปรดไว้ให้เราถ่ายรูปเล่นหลายจุดมากๆ อย่างจุดแรกเราจะพบคาโอนาชิ หรือที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อ “ปีศาจไร้หน้า” หรือ “No Face” ที่เป็นตัวละครภูติผู้โดดเดี่ยวจากเรื่อง Spirited Away
จุดต่อไปคือ Porco Rosso (Kurenaino Buta) หรือการ์ตูนที่มีชื่อว่า “The Last Romantic Hero or the Flying Pig”
จุดต่อไปเป็นการ์ตูนเรื่อง Ponyo (Ponyo on the Cliff by the Sea) เรื่องราวของเจ้าหญิงบรุลฮิล หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ โปเนียว (Ponyo) ลูกปลาครึ่งมนุษย์ครึ่งเทพที่ถือกำเนิดจากฟองอากาศในท้องทะเล ที่ได้โซสุเกะ เด็กชายวัย 5 ขวบ ช่วยไว้ตอนที่ติดขวดโหลตอนกลายเป็นปลาทอง
Princess Mononoke เรื่องราวของ อะชิตะกะเจ้าชายองค์สุดท้ายแห่งเอะมิชิ ที่ต่อสู้กับปีศาจหมูป่ายักษ์ และออกตามหาที่มาของหมูป่าจนได้พบกับเด็กหญิงโมะโนะโนะเกะฮิเมะ หรือ เด็กหญิงหมาป่า
From Up on Poppy Hill แอนิเมชันที่ถ่ายทอดภาพสะท้อนของสังคมญี่ปุ่นในปี 1963 ซึ่งเป็นช่วงเวลา 1 ปีก่อนโตเกียว โอลิมปิก เป็นการ์ตูนโรแมนติกธรรมดา ๆ ที่สอดแทรกประเด็นการเมือง ทางสังคม พลังเสียงของเด็กๆ ที่ส่งไปถึงผู้ใหญ่ เป็นการ์ตูนที่ภาพสวยและมีเสน่ห์มาก
When Marnie Was There เป็นเรื่องราวของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า ” อันนา ” ที่ถูกย้ายมาอยู่ชนบท และได้พบกับ ” มาร์นี่ ” เด็กสาวหน้าตาน่ารักที่อาศัยอยู่คฤหาสน์ร้างที่ถูกเล่า ว่ามีวิญญาณ ภูติผีอาศัยอยู่ ส่วนเรื่องราวในเรื่องไปหาดูกันนะ คือบอกเลยว่าซึ้งมาก
Pom Poko เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1960-1969 มนุษย์ตัดต้นไม้ที่เป็นบ้านและแหล่งอาหารของเหล่า ทานุกิ พวกทานุกิจึงรวมตัวกันต่อสู้เพื่อรักษาบ้านด้วยการแปลงร่างและหยุดการพัฒนาที่ดินเหล่านั้น เป็นการ์ตูนที่เรียกเสียงหัวเราะและน้ำตาอย่างหนักหน่วงมาก ยังไงก็ไปหาดูกันนะ
Laputa Castle In The Sky เรื่องราวการผจญภัย ซิต้า และ ปาซู เด็กสองคนกับการค้นหาเมืองลอยฟ้าที่เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติมากมาย
นี่คืออีกมุมที่เพื่อนๆ ไม่ควรพลาด เพราะนี่คือหุ่นยนต์ผู้พิทักษ์ในเรื่อง Laputa ที่แสนอบอุ่นใครมาแล้วต้องตามหาจุดนี้เพื่อถ่ายภาพคู่นะคะ
เดินต่อไปเรื่อยๆ เราจะเจอโกดังขนาดใหญ่ ที่กำลังจัดเตรียมตุ๊กตาต่างๆ ของ Studio Ghibli ซึ่งมีของหลายเรื่องถูกจัดเตรียมอยู่ในโกดังนี้
ด้านนอกของโกดังเราจะพบห้องทำงานของยูบาบา แม่มดใจร้ายและเป็นเจ้าของโรงอาบน้ำที่ควบคุมโลกภูต ที่อยู่ในเรื่อง Spirited Away
Dondoko Forest
ป่าดงโดโกะสมัยโชวะ (1926-1989) มาจากฉากการเต้นรำ dondoko ในเรื่อง My Neighbor Totoro ที่ซัตสึกิและเมย์ เต้นรำกับ Totoro เพื่อหวังว่าเมล็ดพืชที่พวกเขาหว่านจะแตกหน่อเติบโตขึ้น
นี่คือเครื่องเล่นที่เด็กๆ สามารถขึ้นไปด้านในท้อง Totoro ได้ ที่จำลองมาจากฉากที่ Totoro เต้นรำให้เหล่าเมล็ดพืชเติบโต
คุดาริ เป็นรถไฟรางสำหรับขึ้นลงเขาสำหรับคนที่แข้งขาไม่ดี หรืออยากเปลี่ยนบรรยากาศนั่งรถไฟรางชมวิวทิวทิศน์ของป่าดงโดโกะสมัยโชวะ
Satsuki and Mei’s House
หลังจากลงจากป่าดงโดโกะสมัยโชวะ เราจะได้พบบ้านของซัตสึกิและเมย์จัง ที่ยกออกมาจากแอนิเมชันเรื่อง My Neighbor Totoro
นี่คือห้องทำงานของคุณพ่อซัตสึกิและเมย์จัง ที่ทำอาชีพเป็นนักเขียนไปพร้อมๆ กับเรียนต่อมหาวิทยาลัย และยังต้องแบ่งเวลามาดูแลภรรยาที่ป่วยเป็นโรคกระดูกสันหลังอักเสบ ที่กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลด้วย
นี่เป็นอีกมุมที่ซัตสึกิและเมย์จังทำการบ้าน ซึ่งทาง Ghibli Park เก็บรายละเอียดได้ครบเหมือนในแอนิเมชัน
ตู้เก็บของบานเลื่อนหรือที่ๆคนญี่ปุ่นมักใช้เก็บฟุตง(ที่นอนแบบพับเก็บได้) และสิ่งของต่างๆ ซึ่งบ้านญี่ปุ่นในปัจจุบันก็ยังคงมีใช้อยู่
นี่คือห้องครัวที่เราสามารถหยิบจับสิ่งของต่างๆได้ รวมถึงคันโยกน้ำก็สามารถโยกเล่นได้ และมีน้ำออกมาจริงๆ ด้วยนะ
นี่เป็นนอกชานที่เด็กๆ ชอบมานั่งและเมย์จังได้พบกับโตะโตะโระสีฟ้ากับสีขาว ที่ออกมาจากช่องไม้ใต้ถุนบ้าน
นี่คือห้องอาบน้ำที่อยู่ในเรื่อง Totoro เราจะพบน้องๆ มัคคุโระ คุโระ สุเกะ (เขม่าถ่าน) ที่หลบอยู่เพราะเนื่องจากบ้านไม่มีคนมาอยู่
จักรยานที่อยู่ในเรื่อง Totoro เป็นจักรยานคันเก่งของคุณพ่อที่ใช้ปั่นไปทำงาน และปั่นตามตัวหาเมย์จังตอนที่เมย์จังหายตัวไปขึ้นรถเนโกะบัส
เครื่องรางหรือโอมาโมริของ Ghibli Park น่ารักมาก เลือกไม่ถูกเลยว่าจะหยิบชิ้นไหนพากลับบ้านด้วย เพราะทุกลายก็ล้วนเป็นตัวเอกในการ์ตูนเรื่องโปรดทั้งนั้น
Ghibli Park
ที่อยู่ | 1533-1 Ibaragabasama, Nagakute, Aichi 480-1342 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Nagoya นั่งรถไฟสาย Higashiyama ทางไป Fujigaoka ลงที่สถานีFujigaoka จากสถานี Fujigaoka นั่งรถไฟสาย Linimo ทางไป Yakusa ลงที่สถานี Ai-Chikyuhaku-Kinen-Koen ออกที่ประตู 2 ถึงสวน Ghibli Park |
เวลาทำการ | วันธรรมดา 10:00-17:00น. *9.00-17.00 น. ในวันธรรมดาในช่วงวันหยุดยาว เสาร์/อาทิตย์/วันหยุด 9:00-17:00น. หยุดทุกวันอังคาร |
ราคา | Ghibli’s Grand Warehouse ผู้ใหญ่ 3,000 เยน เด็ก (อายุ 4 ขวบถึงชั้นประถมศึกษา) 1,5000 เยน เสาร์/อาทิตย์/วันหยุด ผู้ใหญ่ 3,500 เยน เด็ก (อายุ 4 ขวบถึงชั้นประถมศึกษา) 1,750 เยน Hill of Youth ผู้ใหญ่ 3,000 เยน เด็ก (อายุ 4 ขวบถึงชั้นประถมศึกษา) 1,5000 เยน เสาร์/อาทิตย์/วันหยุด ผู้ใหญ่ 3,500 เยน เด็ก (อายุ 4 ขวบถึงชั้นประถมศึกษา) 1,750 เยน Dondoko Forest ผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็ก (อายุ 4 ขวบถึงชั้นประถมศึกษา) 500 เยน |
Website | https://ghibli-park.jp/ |