หลังจากเที่ยวชมและเต็มอิ่มไปกับเมืองติดทะเลอย่างโทยามะกันไปแล้ว รีวิวทริปหน้าหนาวใจกลางญี่ปุ่น ตอนที่ 5 นี้เราจะพาไปเที่ยวกันที่เมือง Nagoya อันเป็นเมืองเด่นที่มีชื่อเสียงเสมือนเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคจูบุ และจุดมุ่งหมายสุดท้ายก่อนจบทริปของเราในครั้งนี้
นาโกย่า ตั้งอยู่ในจังหวัด Ichi (ไอจิ) และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดนี้ ทั้งยังเป็นเมืองที่เด่นดังเรื่องประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและอุตสาหกรรม ซึ่งรถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA นั้นได้ถือกำเนิดมาจากที่นี่นั่นเอง
ทำความรู้จักจังหวัดไอจิมากขึ้น เที่ยวทุกพิกัดไฮไลท์ อ่านเลย
สำหรับการเดินทางไปยังเมืองนาโกย่าเรายังคงใช้ พาสสุดคุ้ม SHORYUDO Highway Bus Ticket ในการขึ้นรถบัสอีกเช่นเคย ซึ่งคราวนี้จะใช้เวลา 3 ชั่วโมงซึ่งค่อนข้างนานหน่อยเนื่องจากทั้งสองเมืองอยู่ค่อนข้างไกลกัน
เที่ยวจูบุใจกลางญี่ปุ่น เดินทางด้วย SHORYUDO Highway Bus Ticket สุดคุ้ม
รีวิวทริปหน้าหนาว สัมผัสความงามใจกลางญี่ปุ่น เที่ยวภูมิภาคจูบุได้แสนสะดวก เดินทางด้วย SHORYUDO Highway Bus Ticket บัตรพาสสุดเลิศ มีใบเดียวเที่ยวได้แทบทุกเมืองในภูมิภาค
ซึ่งในระยะเวลาที่เราอยู่บนรถบัสเรากลับไม่เบื่อเลย เพราะที่นั่งบนรถนั่งได้สบาย ให้เราได้ปล่อยต่อปล่อยใจนึกถึงความสนุกตลอดทริปที่ผ่านมาก่อนไปเริ่มเดินทางในเมืองใหม่ ระหว่างนั้นก็ได้ชมทิวทัศน์สวย ๆ ของถนนแต่ละแห่งที่ขับผ่าน เราจึงได้ชมความงามของฤดูหนาวนประเทศญี่ปุ่นในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
นั่งชมวิวไปจนเพลินรู้ตัวอีกทีก็เข้าใกล้ตัวเมืองนาโกย่าซะแล้ว เราเดินทางออกจากโทยามะค่อนข้างเย็นทำให้มาถึงนาโกย่าในช่วงเวลาเกือบค่ำพอดี เราจึงได้เห็นวิวสวย ๆ ของเมืองนี้ตอนกลางคืนและมีเวลาเตรียมตัวจะพาทุกคนไปเที่ยวกันในตัวเมืองนาโกย่าในวันต่อไป
ที่อยู่ | 1 Chome-1-4 Meieki, Nakamura-ku, Nagoya-shi, Aichi-ken 450-0002, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัสจากเมืองโทยามะไปยังเมืองนาโกย่าใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง |
Nagoya subway One day pass : ตั๋วรถไฟใต้ดินแบบ 1 วัน
อย่าเพิ่งแปลกใจไปที่เห็นภาพเดินลงสถานีรถไฟใต้ดินของเราภาพน้ี เพราะสำหรับการเดินทางในตัวเมืองนาโกย่านี้เราจะเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินที่แสนรวดเร็วและสะดวกสบายนั่นเอง
เนื่องจากเรามีเวลาเที่ยวในเมืองนาโกย่าแค่หนึ่งวันก่อนกลับไทย ตั๋วรถไฟใต้ดินที่คุ้มค่ากับการเดินทางแบบเรามากที่สุดก็เห็นเป็นเจ้าตั๋ว One day pass Subway ticket นี่แหละ
ซึ่งตั๋วประเภทนี้ เราสามารถซื้อได้จากเคาท์เตอร์ซื้อตั๋วอัตโนมัติในสถานีรถไฟใต้ดินในเมืองนาโกย่าได้เลย โดยตั๋วนี้ใช้เพื่อโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินใน 1 วันแบบไม่จำกัดเที่ยวได้ตลอดทั้งวัน โดยบัตรมีอายุการใช้งานภายในเที่ยงคืนของวันที่เริ่มใช้ ซึ่งตั๋วจำนวนอยู่ที่ราคา ผู้ใหญ่ 740 เยน เด็ก 370 เยน
สายรถไฟใต้ดินที่บัตรนี้ใช้ขึ้นได้นั้นใช้ได้ถึง 6 สายคือ
สถานที่ซื้อบัตร (จุดจำหน่าย )
บอกเลยว่าใครคิดจะเดินทางเที่ยวในนาโกย่าซื้อตั๋วนี้แล้วคุ้มค่าและสะดวกรวดเร็วแน่นอน หรือสามารถดูบัตรรถไฟใต้ดินิประเภทอื่น ๆ ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้เลย
สุดคุ้ม! เที่ยวนาโกย่าด้วยตัวเอง โดยตั๋ว 1 Day Pass
เที่ยวนาโกย่าด้วยตัวเอง รอบนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเดินทาง เพราะเรามีตั๋วโดยสารแบบ 1 Day Pass ที่จ่ายเพียงครั้งเดียวก็เที่ยวได้ไม่จำกัดรอบในหนึ่งวัน !
Nagoya Castle : ปราสาทงามแห่งเมืองนาโกย่า
ซื้อตั๋วใต้ดินกันเรียบร้อยแล้วเราก็นั่งรถไฟใต้ดินสาย Meijo Line มาลงที่สถานี Shiyakusho แล้วเดินต่อประมาณ 8 นาที ระยะทางระหว่างสถานีนั้นร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ตลอดทาง ระหว่างเดินไปเราก้มลงมาเห็นฝาท่อของเมืองนี้พอดี ที่ญี่ปุ่นฝาท่อของแต่ละเมืองหรือตามสถานที่ต่าง ๆ นั้นมักจะทำลวดลายแตกต่างกัน ซึ่งเราก็ชอบถ่ายรูปเก็บไว้เพราะรู้สึกว่านี่คือสีสันและรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างหนึ่งของที่นี่
เดินเพลิน ๆ ไม่นานก็มาถึงหน้าทางเข้าปราสาทนาโกย่า สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่เราจะพาทุกคนไปเที่ยวกันที่นี่เป็นปราสาทที่มีความสำคัญสำหรับเมืองนี้มาก เพราะเป็นแลนด์มาร์กที่โด่งดังและเป็นที่ท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่นแวะเวียนกันมามากมาย
เมื่อทำการซื้อตั๋วเข้าชมเรียบร้อยแล้วเราก็เดินเข้าไปชมปราสาทได้เลย ความรู้สึกแรกที่เราได้เข้าไปในบริเวณปราสาทนั้นรู้สึกว่าที่นี่กว้างขวางมาก และบรรยากาศร่มรื่นดีเหลือเกิน แถมได้ยินมาว่าบริเวณรอบ ๆ ปราสาทที่แห่งนี้ยังเป็นจุดชมดอกซากุระซะด้วย
การได้มองเห็นปราสาทนาโกย่าตั้งอยู่เบื้องหน้ายิ่งรู้สึกว่าที่นี่มีความยิ่งใหญ่อลังการและนอกจากความยิ่งใหญ่ภายนอกแล้ว เรายังเข้าไปชมภายในตัวปราสาทได้อีกด้วยนะ โดยปราสาทนาโกย่าแห่งนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นในสมัยเอโดะ
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ปราสาทถูกโจมตีทางอากาศและเสียหายไปในปี 1945 จากนั้นทางญี่ปุ่นจึงทำการบูรณะขึ้นใหม่ให้ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ทันสมัย (ถึงขนาดมีลิฟต์ด้วย) ที่มีการจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์และเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับปราสาทแห่งนี้
หนึ่งสิ่งที่ทำให้ปราสาทแห่งนี้มีชื่อเสียงก็คือรูปสลักปลาหัวเสือทองคำ ที่ถูกสร้างขึ้นโดยท่านโชกุนคนดังโทกุคาวะ อิเอยาสุตามความเชื่อว่าหากมีไว้จะช่วยให้ปราสาทพ้นจากเหตุไฟไหม้ และเจ้าปลาหัวเสือตัวนี้เราสามารถขึ้นไปขี่และโพสท่าถ่ายรูปเป็นที่ระลึกได้ด้วยนะเออ
ปราสาทแห่งนี้จะมีให้เราเดินชมทั้งหมด ตั้งแต่ชั้น B ถึงชั้น 7 (ยกเว้นชั้น 6 ที่ห้ามเข้า) แต่ละชั้นล้วนมีเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ให้เราได้ศึกษา และสำหรับชั้นที่ 7 จะเป็นจุดชมวิวซึ่งเราก็มายืนชมทิวทัศน์ของเมืองนาโกย่าได้ เพราะตรงจุดนี้สามารถมองเห็นวิวสวย ๆ ของเมืองได้ชัดเจน
นอกจากปราสาท ในบริเวณข้างเคียงยังมี ‘ฮอนมารุโกะเท็น’ อดีตบ้านพักทรงญี่ปุ่นดั้งเดิมของผู้ปกครองปราสาทและเป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองแห่งนี้ที่น่าสนใจและอยากให้ทุกคนได้เข้าไปชมกัน ก่อนเข้าชมจะต้องถอดรองเท้าและฝากสัมภาระก่อนเข้าชมนะจ๊ะ
เมื่อฝากสัมภาระและรองเท้าไว้บริเวณล็อกเกอร์ด้านหน้าเรียบร้อยแล้ว เราก็สวมรองเท้าแตะที่เขาเตรียมไว้ให้เดินชมบ้านพักแห่งนี้ได้เลย โดยที่นี่เพิ่งได้รับการบูรณะซ่อมแซมใหม่ในปี 2013 และเปิดให้เราเข้าชมกันเมื่อเร็ว ๆ นี้นี่เอง
ภายในของอาคารจะตกแต่งตามแบบฉบับเดิมทุกอย่าง แม้กระทั่งลวดลายบนบานประตูหรือฉากกั้น ทุกอย่างล้วนทำเลียนแบบเสมือนของจริงทั้งสิ้น
ภายในบ้านพักหลังนี้นั้นมีห้องหับต่าง ๆ มากมายให้เราชมพร้อมกับเรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์และการเดินไปชมห้องต่าง ๆ เราจะได้ยืนชมเพียงด้านนอกเท่านั้นเพื่อคงสภาพความสวยงาม
ห้องแต่ละห้องมีขนาดกว้างขวางไม่เท่ากันและลวดลายของกำแพงที่ทำจากไม้และกระดาษอัดตามสไตล์ญี่ปุ่นนั้นมีความสวยงามและลวดลายที่แตกต่างกัน ทำให้เรารู้สึกสนุกกับการได้เดินชมที่นี่ และรู้สึกเหมือนได้เสพงานศิลปะไปในตัว ซึ่งใครที่ชอบงานศิลปะสไตล์ญี่ปุ่นหรือบ้านเก่าที่มีความงดงามแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมละก็ต้องไม่พลาดชมที่่นี่เลย
ตัวอาคารทั้งหลังทำจากไม้ทั้งหมด ทำให้ภายในอาคารค่อนข้างหนาว ยิ่งเข้าชมในฤดูหนาวด้วยแล้ว ยังไงก็อย่าเผลอถอดเสื้อหนาวฝากไว้ในล็อกเกอร์กันจนหมดนะจ๊ะ
ก่อนจะออกจากบ้านพักหลังนี้เราแอบเห็นความใส่ใจในการดูแลสถานที่สำคัญแห่งนี้ของคุณป้าพนักงานท่านนี้ที่กำลังปัดฝุ่นและดูแลเจ้าบานประตูแบบญี่ปุ่นบานนี้ตรงบริเวณทางออก เห็นแล้วรู้สึกชื่นใจในความใส่ใจของคนญี่ปุ่นเขาจริง ๆ เรียกได้ว่าที่นี่ถูกใจเราทั้งตาทั้งใจ
ชมทั้งปราสาทและบ้านพักสถานที่สำคัญของเมืองนี้กันไปแล้ว ก่อนกลับเราก็ได้เจอคุณนินจามาเก๊กถ่ายรอให้ถ่ายรูปอยู่ด้านนอกพอดี เท่บาดใจไปเลยใช่มั๊ยล่ะ ถ้ามาเที่ยวนาโกย่ากันก็ลองแวะมาชมความงามทางประวัตศาสตร์ของเมืองนี้กันดูนะ
Nagoya Castle
ที่อยู่ | 1-1 Honmaru, Naka Ward, Nagoya, Aichi Prefecture 460-0031, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย Meijo Line ลงที่สถานี Shiyakusho แล้วเดินต่อประมาณ 8 นาที |
เวลาทำการ | 9.00-16.30 น. ปิดทำการ 29 ธันวาคม 1 มกราคม |
ราคา | ผู้ใหญ่ 500 เยน ผู้สุงอายุ 100 เยน |
โทรศัพท์ | 052-231-1700 |
Website | Nagoya Castle |
Nittaiji Temple : วัดญี่ปุ่นหัวใจไทย
หลังจากชมแลนด์มาร์กสุดสำคัญอย่างปราสาทนาโกย่าของเมืองนี้กันไปแล้ว ขอพาทุกคนเปลี่ยนสายรถไฟใต้ดินมายังสาย Higashiyama Line แล้วมาลงที่สถานี Kakuozan เพื่อเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปของเราซึ่งนั่นก็คือ Nittaiji Temple หรือที่หลายคนเรียกกันว่า วัดไทยญี่ปุ่น
ระหว่างทางจากสถานีรถไฟไปยังวัดแห่งนี้นั้นจะมีร้านขายชากาแฟ คาเฟ่ รวมไปถึงร้านขายของที่ระลึกน่ารัก ๆ เดินผ่านแล้วชื่นตาชื่นใจจริง ๆ
วัด Nittai หรือ นิตไทจิแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งสิ่งที่เชื่อมความสัมพันธ์ของประเทศไทยและญี่ปุ่นเอาไว้ด้วยกัน
เดิมวัดแห่งนี้มีชื่อว่า วัดนิตเซนจิที่แปลว่า วัดญี่ปุ่น-สยาม แต่เมื่อประเทศไทยเปลี่ยนชื่อจาก สยาม เป็น ไทย วัดนี้จึงเปลี่ยนชื่อตามเป็นวัดนิตไทจิอย่างในปัจจุบันนั่นเอง
บริเวณภายวัดมีบริเวณกว้างขวางมาก และเห็นได้ชัดจึงการผสมผสานศิลปะวัฒนธรรมของวัดไทยและวัดญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน โดยประตูทางเข้า ตัววัดและเจดีย์ขนาดใหญ่จะเป็นลักษณะแบบวัดญี่ปุ่น
แต่เมื่อเข้าไปในวัดแล้วจะเป็นตกแต่งภายในแบบไทย พระพุทธรูปที่ประดิษฐานก็เป็นแบบไทยด้วยเช่นเดียวกัน เป็นวัดที่ผสมผสามความเป็นไทยและญี่ปุ่นเอาไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว
นอกจากนั้นวัดนี้ยังมีความพิเศษและแตกต่างจากวัดอื่นที่ไม่ขึ้นตรงกับศาสนาพุทธนิกายใด จึงจะมีส่วนผสมของทุกนิกาย และทุกนิกายผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลปีละ 1 นิกาย
ซึ่งวัดนี้สร้างขึ้นในช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ปี พ.ศ. 2446 และยังเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมมสารีริกธาตุจากเมืองกบิลพัสดุ์ที่รัชกาลที่ 5 พระราชทานให้ญี่ปุ่นอีกด้วย ทำให้ที่นี้มีพระบรมรูปของรัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่
ความเป็นเอกลักษณ์ลูกครึ่งผสมระหว่างไทยและญี่ปุ่นของวัดนี้นั้นมีหลายจุดที่หาดูจากที่อื่นไม่ได้ เช่นป้ายชื่อทางเข้าวิหารหลักแบบญี่ปุ่นแต่เขียนด้วยภาษาไทย ระฆังสไตล์วัดเซนที่สลักตัวย่อเป็นสัญลักษณ์ จปร. และคำว่า ศกยมุนี
ซึ่งด้วยความเป็นลูกผสมของวัดนี้ทำให้เรารู้สึกถึงบรรยากาศของประเทศไทยทั้ง ๆ ที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น
รู้สึกไม่เหงาแม้จะอยู่ในต่างแดน รู้สึกเหมือนได้รรับการต้อนรับเป็นอย่างดี หากมานาโกย่าก็อยากให้เข้ามาเยี่ยมเยียนที่นี่ดูสักครั้ง แล้วจะรู้สึกอิ่มเอมในใจกลับไปแน่นอน
Nittaiji Temple
ที่อยู่ | Japan, 〒464-0046 Aichi Prefecture, Nagoya, Chikusa Ward, Shiroyamashinmachi, 1 Chome−1 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย Higashiyama Line ลงสถานี Kakuozan จากนั้นเดินต่อประมาณ 10 นาที |
ราคา | ไม่เสียค่าเข้า |
โทรศัพท์ | 052-751-2121 |
Website | Nittaiji Temple |
Osu Shopping street : แหล่งช๊อปสไตล์บ้าน ๆ
เดินชิลล์ชมวัดกันมาพอควรแล้ว ที่ต่อไปเราขอให้ทุกคนเตรียมพร้อมให้ดี สะบัดข้อมือข้อเท้าเล็กน้อยก่อนจะตามเราไปยังย่านช๊อปปิ้งโอสุ แหล่งช๊อปเก่าแก่สไตล์พื้นบ้านที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งเมืองนาโกย่า
ย่านร้านค้าแห่งนี้มีความเก่าแก่ราว 400 ปี ด้วยมนต์เสน่ห์ในบรรยากาศพื้นบ้านของร้านค้าแต่ละร้าน และสินค้าหลากหลายประเภทที่วางจำหน่ายอยู่มากมาย ทำให้ที่นี่เป็นถนนการค้าที่มีชื่อเสียงและมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาไม่เว้นแต่ละวัน
สินค้าที่วางจำหน่ายภายในย่านนี้นั้นมีหลากหลายมาก หรือจะเรียกว่ามีให้ซื้อเกือบทุกอย่างเลยก็ได้ เพราะมีทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า ขนมของฝาก ร้านขายยา สินค้าเกี่ยวกับอนิเมะ รวมมากกมายกว่า 1,200 ร้าน รวมไปถึงร้านอาหาร หรือขนาดซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ยังมี
เราเองก็ใจสั่นไปกับเสื้อผ้า และของที่ระลึกน่ารัก ๆ ที่แต่ละร้านทำออกมาขายกันในแบบของตัวเอง การเดินตลาดนี้จึงทั้งแปลกใหม่และน่าตื่นตาตื่นใจ เพราะร้านค้านั้นเรียงรายจนเลือกเข้าแทบไม่ถูก
ความน่าสนใจของร้านค้าแต่ละร้าน ทำให้เราอดใจไม่ไหวเดินเข้าร้านนี้ออกร้านนู้นอยู่ร่ำไป ขนาดเราไม่ใช่ขาช๊อปตัวแม่ก็ยังห้ามใจไม่ให้เงินเยนปลิวออกจากกระเป๋าไม่ไหวเลย ฉะนั้นขาช๊อปถ้ามานาโกย่าแล้วต้องไม่พลาดที่จะมาย่านโอสุแห่งนี้โดยเด็ดขาด
Osu Shopping street
ที่อยู่ | Ōsu Naka-ku, Nagoya-shi, Aichi-ken 460-0011 Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย Tsurumai Line มาลงสถานี Makimaezu แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที |
เวลาทำการ | 11.00-20.00 น. |
Website | Osu Shopping street |
Komehyo : แหล่งช๊อปมือสอง คุณภาพแจ่ม ราคาดี
ในย่านโอสุนั้นยังมีมีร้านค้าสินค้าแบรนด์เนมมือสอง การันตีสภาพ ราคาดูดีและโนของปลอมอยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือร้าน Komehyo สาขาถนนโอสุที่เราจะพาทุกคนไปช๊อปกันก่อนไปที่อื่นต่อ
Komehyo เป็นร้านขายของมือสองแบรนด์ดีงที่มีให้ช๊อปกันตั้งแต่ เครื่องประดับ นาฬิกา เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า มือสองสภาพดี (อาจมีบางชิ้นที่เป็นมือหนึ่งด้วย) ที่เราสามารถซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่าราคาเดิมของมัน
เราเองเข้าไปเดินดูแล้วก็ได้เห็นแต่ของสวย ๆ งาม ๆ เต็มไปหมด เห็นชิ้นไหนก็น่าซื้อน่าโดน ยิ่งชิ้นไหนนี้ที่ลดราคาอยู่ยิ่งดูน่าสนใจ
นอกจากกระเป๋าและเครื่องประดับแล้ว ที่นี่ก็มีขายเสื้อผ้าแบรนด์เนมมือสองทั้งของผู้หญิงและผู้ชายให้เลือกกันได้หลายราว เรียกได้ว่าถ้ามาช๊อปเราอาจได้ชุดเสื้อผ้าแบรนด์ทั้งชุดตั้งแต่หัวจรดเท้ากลับไปในราคาที่ถูกใจเลยก็ได้
และนอกจากที่นี่จะมีขายสินค้ามือสองแบบเป็นชิ้นเป็นอันอย่างเดียวแล้ว ก็ยังมีโซนขายเสื้อผ้าแบบชั่งกิโลขายอยู่ที่ชั้นบนสุดด้วย บอกเลยว่าใครชอบความคุ้มค่า ขอให้มาจัดกันที่โซนนี้ เพราะการซื้อเสื้อผ้าชั่งกิโลขายของที่นี่ เขาจะคิดราคาเป็นกรัม และจะเริ่มที่กรัมละ 2-5 เยนด้วยซ้ำ !
แน่นอนว่าจะมีเสื้อผ้าให้เราเลือกไปชั่งกิโลกันได้อย่างหลากหลาย และเขาก็จะแบ่งประเภทของเสื้อหรือคัดเกรดไปตามราคาต่อกรัมที่ไม่เหมือนกันด้วย เรียกได้ว่าถ้าสภาพดีหน่อย หรือรุ่นใหม่หน่อยก็อาจจะมีราคาต่อกรัมที่แพงขึ้น อย่างในโซนที่เห็นนี้คือราคา 3 เยน / กรัม
ใครชอบช๊อปแบบได้ตะลุยเลือกเสื้อผ้า ตามหาความคุ้มด้วยตัวเองละก็ของแนะนำให้มาที่ชั้นบนของร้าน Komehyo เลย เพราะการที่เราตามหาเสื้อที่ถูกใจและได้ไปในราคาที่คุ้มค่านั้นมันเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งของนักช๊อปเลยนะ
Komehyo
ที่อยู่ | 3-25 -31 Osu, Naka-ku Nagoya-shi, Aichi Prefecture 460-0011 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย Tsurumai Line จากนั้นลงที่สถานี Osu Kannon แล้วเดินต่อประมาณ 7 นาที |
เวลาทำการ | 10.30-19.30 น. |
โทรศัพท์ | 052-242-0088 |
Website | Komehyo |
Yabaton : อร่อยกับหมูทอดมิโสะชื่อดัง
หลังจากที่ช๊อปกันมาจนเกือบหมดแรง เราขอพาทุกคนไปเติมพลังกันด้วยอาหารกลางวันที่ร้าน Yabaton อันเป็นร้านอาหารชื่อดังที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองนาโกย่า เพราะมาทั้งทีก็ต้องลองกินของอร่อยประจำเมืองใช่มั๊ยล่ะ
Yabaton คือร้านที่มีเมนู มิโสะคัทซึหรือหมูทอดราดซอสมิโสะที่อร่อยและขึ้นชื่อของเมืองนาโกย่าอยู่ โดยร้านนี้ทำเมนูนี้ออกมาตามสูตรดั้งเดิมจึงทำให้รสชาติของมิโสะคัทสึของที่นี่อร่อยและเป็นที่ประทับใจของทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
Cr : MadamAutuer ไทยรัฐออนไลน์
มิโสะของทางร้านจะหมักตามวิธีการดั้งเดิม และเป็นมิโสะสีแดงที่มีรสชาติเข้มข้นกลมกล่อมมากที่สุด สำหรับข้าวหมูทอดราดมิโสะของร้านนี้สนนราคาอยู่ที่ถ้วยละ 1,188 เยน พร้อมเสิร์ฟมากับซุปมิโสะใสและผักดองเครื่องเคียง หมูที่นำมาชุบแป้งทอดนั้นจะเป็นเนื้อหมูสันในชั้นดีที่กินแล้วนุ่มถูกใจ เข้ากับรสสัมผัสกรุบกรอบของเกล็ดขนมปังที่ชุบไว้ได้นอกได้เป็นอย่างดี
และนอกจากหมูทอดแล้วร้านนี้ยังมีเมนูอื่น ๆ ในเลือกกินอีกด้วยนะ โดยเฉพาะพวกของทอด ไม่ว่าจะเป็น คุชิคัทสึหมูสันนอกเสียบไม้ราดซอสมิโสะ หรืออาหารทะเลทอด จำพวกหอยเชลล์หรือกุ้ง รวมไปถึงข้าวหน้าต่าง ๆ ที่ราดด้วยซอสมิโสะแดงของอร่อยประจำเมือง บอกเลยว่าสำหรับรสชาตินั้นทั้งอร่อยทั้งกลมกล่อมแถมยังอิ่มและเติมพลังให้หายเหนื่อยได้เป็นปลิดทิ้ง
Yabaton
ที่อยู่ | 3 Chome-6-18 Osu, Naka Ward, Nagoya, Aichi Prefecture 460-0011, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย Meijo Line ลงที่สถานี Yabacho เดินต่อประมาณ 5 นาที |
เวลาทำการ | 11.00-21.00 น. |
ราคา | อาหารเซ็ตเริ่มเต้นที่ 1,188 เยน |
โทรศัพท์ | 052-252-8810 |
Website | Yabaton |
Donkihote Sakae : ช้อปแหลก 24 ชั่วโมง
ก่อนจะจบทริปเที่ยวเมืองนาโกย่าวันนี้ของเราก็เริ่มจะมืดซะแล้ว ร้านค้าร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ก็เริ่มจะปิดตัวลง แต่เราจะขอพาทุกคนไปยังที่หนึ่งปิดท้ายก่อนจะจากเมืองนี้ไป
ซึ่งสถานที่ที่ยังเปิดอยู่แม้เริ่มดึกดื่นในญี่ปุ่นนั้นมีไม่กี่ที่ หนึ่งในนั้นก็คือ Donkihote สาขา Sakae ในเมืองนาโกย่าแห่งนี้ที่จะเปิดต้อนรับเราตลอด 24 ชั่วโมงและเปิดบริการให้เราช้อปปิ้งได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน
Donkihote หรือที่คนไทยเรียกกันสั้น ๆ ว่า ด๊องกี้นั้นเป็นร้านขายสินค้าปลีกที่มีสินค้ามากมายให้เราได้เลือกซื้อกลับบ้าน ทั้งไปเป็นของฝากและนำไปใช้เอง ประเภทของสินค้านั้นก็หลากหลายตั้งแต่อาหาร ขนม ของเล่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้า กระเป๋า รองเท้า รวมไปถึงสินค้าแปลก ๆ อย่างพวกชุดคอสเพลย์ก็ยังมี
เรียกได้ว่าเป็นร้านที่มีทุกอย่างครบครัน ถ้าอยากจะซื้อของฝากจำนวนมากแต่ราคาถูกละก็ แนะนำให้ซื้อที่นี่ เพราะนอกจากจะมีให้เลือกเยอะแล้ว ยังราคาถูกด้วยนะ แล้วอย่าเผลอช้อปเพลินจนเกินงบกันนะ และถ้ามีโอกาสก็ลองแวะมาเที่ยวนาโกย่าเมืองดังที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งจูบุกันดูนะ
Donkihote Sakae
ที่อยู่ | 3 Chome-17-15 Nishiki, Naka-ku, Nagoya-shi, Aichi-ken 460-0003, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย Meijo Line แล้วลงที่สถานี Hisayaodori จากนั้นเดินต่อประมาณ 7 นาที |
เวลาทำการ | เปิด 24 ชั่วโมง |
โทรศัพท์ | 052-957-6311 |
Website | Donkihote Sakae |
ข้อสรุป
นาโกย่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ครบรสชาติเมืองหนึ่งของญี่ปุ่น เพราะนอกจากบรรยากาศความทันสมัยภายในตัวเมืองและความเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมแล้ว เมืองนี้ยังมีซ่อนความดั้งเดิม ความงดงามตามแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ๆ เอาไว้ภายใน หากอยากเที่ยวครบรสเมืองนี้เป็นอีกเมืองหนึ่งที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
พิกัดที่เที่ยวนาโกย่า เมืองหลวงแห่งไอจิ พร้อมข้อมูลแน่นๆ ที่นี่
12 ที่เที่ยวนาโกย่า (Nagoya) ตะลอนเที่ยวแบบคูลๆ ข้อมูลแน่นๆ ไม่พลาดแน่นอน!
นาโกย่า ไม่ใช่จังหวัด แต่เมืองหนึ่งในจังหวัดกิฟุ อยู่ในภูมิภาค Chubu เป็นเมืองท่าหลักของญี่ปุ่น และเป็นแหล่งอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นอีกด้วย
หากใครที่ยังไม่รู้จักจังหวัดไอจิล่ะก็ วันนี้เราจะชวนทุกคนไปทำความรู้จักที่นี่กัน
10 ที่เที่ยวไอจิ (Aichi) เที่ยวเมืองสุดล้ำ สัมผัสธรรมชาติ แห่งจูบุ
จังหวัดไอจิ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่น่าสนใจ ทั้งด้านอาหาร การท่องเที่ยวด้านต่างๆ รวมไปถึงยังเป็นจุดศูนย์กลางในการเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ในญี่ปุ่น