ภูมิภาค Hokkaido
ขึ้นชื่อว่าเป็นภูมิภาคที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่นแล้ว “ฮอกไกโด” จึงเป็นพื้นที่ที่หนาวเย็นที่สุดของประเทศ มีลักษณะเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่แยกตัวออกจากภูมิภาคอื่นๆ เป็นเกาะที่ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกับบรรยากาศแบบธรรมชาติ เพราะทัศนียภาพของเกาะฮอกไกโดแห่งนี้เรียกได้ว่าสวยงามสุดๆ ทั้งยังมีอาหารทะเลสดรสอร่อยอีกด้วย
เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว อุณหภูมิของเกาะฮอกไกโดจะเย็นจัดถึง -10 องศาเซลเซียส ทำให้ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยสีขาวโพลนของเหล่าหิมะที่รวมตัวกัน ดึงดูดนักสกีและนักสโนว์บอร์ดจากทั่วทุกมุมโลกได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญยังเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลหิมะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งจะมีผลงานการแกะสลักน้ำแข็งให้เราได้ชมทุกปี
รวมบทความที่เกี่ยวข้อง
1. Otaru Canal
Otaru (โอตารุ) เป็นเมืองท่าขนาดเล็กที่มีเสน่ห์และความน่ารักในตัวเอง เราสามารถเดินทางจากเมืองซัปโปโรเพื่อมาเที่ยวที่นี่ได้แบบเช้าเย็นกลับเพราะใช้เวลาในการเดินทางเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง เอกลักษณ์ของเมืองนั้นอยู่ที่คลองขนาดเล็กที่อยู่เลียบไประหว่างโกดังสินค้าเก่าเพราะในอดีตที่นี่เคยเป็นท่าเรือขนส่งสินค้ามาก่อนนั่นเอง ในช่วงหน้าหนาวนั้นจะมีการจัดเทศกาล Otaru Snow and Light Path Festival ที่โรแมนติกมาก และแม้จะเป็นเมืองขนาดเล็กแต่บอกเลยว่าร้านรวงนั้นมากมาย โดยเฉพาะร้านอาหารและร้านขนมหวานที่แข่งกันเปิดเรียกนักท่องเที่ยวแบบสุดๆ น่ามา เที่ยวหิมะญี่ปุ่น มากๆ
Otaru Canal
ที่อยู่ | Otaru, Hokkaido Prefecture 047-0000, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Hakodate Line มาลงสถานี Otaru แล้วเดินอีก 12 นาที |
เวลาทำการ | เดินชมได้ตลอดเวลา |
Website | Otaru City |
2. Blue Pond (青い池)
Blue Pond (青い池) เป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่มีสีฟ้าสดใส เกิดขึ้นจากความบังเอิญหลังการสร้างเขื่อนเพื่อป้องกันการเกิดโคลนถล่ม น้ำในบริเวณนี้ถูกกักเก็บรวมกันไว้จนเกิดเป็นบ่อน้ำสีฟ้าที่สวยอย่างที่เราเห็นอยู่นี้ พร้อมกับเหล่าตอไม้สูงที่เรียงรายกันอยู่ เกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่หลงใหลในความงดงามของธรรมชาติต่างแห่แหนกันมาชื่นชมความงามของบ่อน้ำแห่งนี้ โดยความสวยงามนั้นจะขึ้นอยู่กับจุดที่เรายืนและปริมาณแสงแดดที่ส่องกระทบผิวน้ำลงมาในแต่ละวัน ซึ่งจะสวยงามที่สุดในช่วงฤดูหนาวนั่นเอง
Blue Pond (青い池)
ที่อยู่ | Shirogane, Kamikawa District, Hokkaido Prefecture 071-0235, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Furano Line มาลงสถานี Biei แล้วนั่งรถบัสไปลงสถานีชิโรงาเนะอาโออิเคะอิริกุจิอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะถึงทางเข้า |
3. ธารน้ำแข็ง (流氷)
โดยปกติแล้วธารน้ำแข็งนั้นจะปรากฎขึ้นแค่ในแถบอาร์กติกและแอนตาร์กติกเซอร์เคิลเท่านั้น แต่ถ้ามาที่ฮอกไกโดในฤดูหนาว เราจะได้เห็นธารน้ำแข็งกับตาของเราเอง ! ธารน้ำแข็งที่ปกคลุมพื้นผิวมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ควรไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต เราสามารถชมธารน้ำแข็งได้อย่างใกล้ชิดด้วยการเดินชมบนธารน้ำแข็งด้วยสองเท้าของเรา แต่ถ้าใจไม่ถึงก็เลือกเป็นการล่องเรือตัดน้ำแข็ง หรือขึ้นบอลลูนก็มีความหรูหราทีเดียว แต่ถ้าอยากได้อีกบรรยากาศก็เลือกเป็นการนั่งรถไฟเลียบชายฝั่งทะเลโอโสสึคุที่จะพาเราชมบรรยากาศสวยๆ เที่ยวหิมะญี่ปุ่น ท่ามกลางความหนาวเย็นของฤดูหนาว
ธารน้ำแข็ง (流氷)
ที่อยู่ | 4 Chome-5-1 Minami 3 Jōhigashi, Abashiri-shi, Hokkaidō 093-0003, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Okhotsk Line มาลงที่สถานี Abashiri แล้วนั่งรถบัสต่อไปลงที่ท่าเรือ |
เวลาทำการ | ประมาณ 09.00-18.00 น. |
ราคา | ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่เลือกทำ ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 840 เยนขึ้นไป (นั่งรถไฟ) |
โทรศัพท์ | 0152-445-849 (ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว) |
4. Shikaribetsu Lake (然別湖)
Shikaribetsu Lake คือทะเลสาบเล็กๆ ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันแสนสงบ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง ซึ่งทะเลสาบแห่งนี้มีความโด่งดังในเรื่องหมู่บ้านน้ำแข็งมาก เพราะเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวที่ทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็งจะมีทิวทัศน์ที่สวยงามมากเป็นพิเศษ ทั้งยังมีการสร้างหมู่บ้านน้ำแข็งจำลองขึ้นตามแบบของชาวเอสกิโมอีกด้วย ซึ่งเราสามารถเข้าไปเยี่ยมชมในจุดต่างๆ ได้ด้วย โดยจะมีกิจกรรมแตกต่างกันไปอย่างบาร์ คาเฟ่ คอนเสิร์ต หรือแม้กระทั่งออนเซ็นที่ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่มากๆ
Shikaribetsu Lake (然別湖)
ที่อยู่ | Kato District, Hokkaido |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Numero Line มาลงสถานี Shintoku แล้วนั่งรถบัสต่อไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อลงที่ป้าย Shikaribetsu-ko |
เวลาทำการ | 06.00-22.00 น. |
5. Lake Akan (阿寒湖)
Lake Akan (阿寒湖) เป็นทะเลสาบที่เราควรไปเยือนสักครั้งในชีวิต เพราะเมื่อฤดูกาลแห่งหิมะเวียนมาถึง ดอกไม้จะออกดอกผลิบานอีกครั้ง ซึ่งดอกไม้ที่ว่านั้นไม่ใช่ดอกไม้จริงๆ แต่เป็นดอกไม้น้ำแข็งที่เกิดจากพื้นผิวของทะเลสาบที่เจอลมหนาวจนเกิดเป็นเกล็ดน้ำแข็งที่ตกผลึกขึ้นเป็นรูปทรงคล้ายดอกไม้ทั่วทั้งทะเลสาบ เกิดเป็นภาพทะเลสาบหน้าหนาวที่สวยงามแปลกตาไปอีกแบบหนึ่ง และที่นี่เองนั่นเองที่เป็นแหล่งกำเนิดสาหร่ายมาริโมะที่คนไทยนิยมเลี้ยงกันอยู่ช่วงหนึ่ง เพราะเชื่อว่าจะนำโชคดีมาให้
Lake Akan (阿寒湖)
ที่อยู่ | Kushiro, Hokkaido Prefecture |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Numero Line มาลงสถานี Kushiro แล้วนั่งรถบัสเพื่อไปลงที่ Akanko Onsen อีกประมาณ 1 ชั่วโมงกับอีก 30 นาที |
เวลาทำการ | ควรเดินทางไปและกลับให้ทันช่วงเวลาที่รถบัสให้บริการ |
โทรศัพท์ | 01-5467-3200 |
Website | Lake Akan Tourist Information |
ภูมิภาค Tohoku
ถ้าให้แปลกันตรงตัวคำว่าโทโฮคุนั้นหมายถึงทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ครอบคลุมพื้นที่ 1 ใน 4 ของเกาะฮอนชู ภูมิภาคนี้ถือเป็นดินแดนที่มีตำนานเล่าขานถึงมากมาย มีการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณเอาไว้ภายใต้ความเจริญของเมืองในสมัยใหม่ เมื่อพูดถึงสภาพภูมิอากาศแล้วที่นี่ถือเป็นอีกแห่งในประเทศญี่ปุ่นที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นและมีหิมะตกในฤดูหนาว เป็นพิกัด เที่ยวหิมะญี่ปุ่น ที่น่าไปสุดๆ
รวมบทความที่เกี่ยวข้อง
1. Snow Monster (樹氷)
ที่จังหวัด Yamagata นั้นเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ขึ้นชื่อว่ามีหิมะตกปริมาณมากที่สุดในญี่ปุ่น ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่เล่นสกีที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกด้วยเพราะเหมาะกับทั้งนักสกีมือใหม่และนักสกีมืออาชีพที่จะมาท้าทายเนินหิมะแห่งนี้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้ที่นี่โด่งดังก็คือเหล่าปีศาจหิมะ (Juhyou) ที่เกิดจากหิมะและน้ำค้างที่เผชิญกับอุณหภูมิที่หนาวจัดจนติดลบและเกิดเป็นก้อนน้ำแข็งรูปร่างประหลาดคล้ายกับปีศาจจึงเป็นที่มาของชื่อเรียกนี้นั่นเอง และในช่วงกลางคืนจะมีการเปิดไฟที่เรียกว่า Light up สวยงามแบบหลอนๆ ไปอีกแบบหนึ่ง
Snow Monster (樹氷)
ที่อยู่ | 229-3 Zaoonsen, Yamagata, Yamagata Prefecture, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Aterazawa Line มาลงสถานี Yamagata แล้วนั่งรถบัสจากชานชาลาที่ 1 ของสถานีเพื่อไปลงที่ Zao Onsen Bus Terminal แล้วเดินอีก 15 นาที |
เวลาทำการ | 08.00-17.00 น. |
ค่า Ropeway | เที่ยวเดียว : 1,500 เยน, ไป-กลับ : 2,600 เยน |
โทรศัพท์ | 023-694-9328 |
Website | Zao Ropeway |
2. Iwate Snow Festival @Koiwai Farm
Iwate Snow Festival คือ งานเทศกาลหิมะฤดูหนาวที่จัดว่าเป็น 1 ใน 5 ของงานเทศกาลหิมะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจังหวัดอิวาเตะ โดยจะจัดขึ้นทุกปีในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ Koiwai Farm ซึ่งที่นี่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งฤดูหนาวของจังหวัดไปแล้ว เพราะชาวเมืองต่างรอคอยที่จะเฉลิมฉลองเพื่อต้อนรับการกลับมาของหิมะกันอย่างพร้อมเพรียง ถ้ามาที่นี่เราจะได้เห็นประติมากรรมจากหิมะรูปร่างต่างๆ มากมาย พร้อมทั้งกิจกรรมสนุกๆ ที่มีให้เราได้เข้าร่วม อย่างเช่น ม้าลากเลื่อน สไลเดอร์หิมะ และอื่นๆ รวมไปถึงพ่อค้าแม่ค้าที่มาออกร้านจำหน่ายอาหารกันอย่างคับคั่ง จะจิบเบียร์หรือซดซุปคลายหนาวก็เป็นไอเดียที่ไม่เลว ถือเป็นการ เที่ยวหิมะญี่ปุ่น ที่ดี
Koiwai Farm (小岩井農場)
ที่อยู่ | 36-1, Maruyachi, Shizukuishi-cho, Iwate, Japan 020-0507 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Tohoku Line มาลงสถานี Morioka แล้วนั่งรถบัสที่วิ่งเส้น Amihari Onsen Line ที่ป้าย No.10 เพื่อตรงมายังฟาร์ม ใช้เวลาประมาณ 40 นาที |
เวลาทำการ | 09.00-17.00 น. |
ราคา | ผู้ใหญ่ 800 เยน, เด็ก 300 เยน |
โทรศัพท์ | 019-692-4321 |
Website | Koiwai Farm |
3. Yokote Kamakura Matsuri
Yokote Kamakura Festival ที่จัดขึ้นที่จังหวัดอะกิตะนี้เป็นเทศกาลแห่งการขอบคุณเทพเจ้าแห่งน้ำ พร้อมทั้งจะมีการสวดมนต์ร้องขอให้เทพเจ้าบันดาลน้ำท่าให้มีกินมีใช้อย่างอุดมสมบูรณ์ตลอดไป โดยเป็นงานเทศกาลเก่าแก่ที่สืบทดกันมานานกว่า 400 ปีแล้ว และยังถูกจัดให้เป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ของจังหวัด ภายในงานจะมีการสร้างบ้านน้ำแข็งจากหิมะขึ้นหลายขนาด ด้านในมีการบูชาเทพเจ้าด้วยโมจิและสาเก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปนั่งจิบสาเกในบ้านหิมะเหล่านี้ได้อีกด้วย ใครอยากไปก็ต้องรีบจองตั๋วหน่อยนะ เพราะพิกัด เที่ยวหิมะญี่ปุ่น ที่นี่ฮอตฮิตมากเลยล่ะ
Yokote Kamakura Matsuri
ที่อยู่ | 8-12 Chūōmachi, Yokote-shi, Akita-ken 013-0023, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย KitaKami Line มาลงสาถนี Yokote แล้วเดินอีก 9 นาที |
เวลาทำการ | 15-16 กุมภาพันธ์ของทุกปี |
ราคา | ไม่เสียค่าเข้าชมบริเวณด้านนอก |
ภูมิภาค Kanto
ภูมิภาคคันโตที่คนไทยนั้นรู้จักดีเพราะเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงอย่างโตเกียว ทุกจังหวัดมีการคมนาคมที่ดี ทำให้ง่ายต่อนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะเดินทางไปรอบๆ ภูมิภาค แหล่งช้อปปิ้งและสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นครบครัน ที่เที่ยวก็มีทั้งเชิงธรรมชาติ เชิงวัฒนธรรม วัด ศาลเจ้า และสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอื่นๆ เรียกได้ว่ามาภูมิภาคเดียวเที่ยวได้ครบเลย สภาพอากาศที่นี่นั้นกำลังดี ไม่หนาวเย็นจนเกินไป แต่ก็ไม่ร้อนเช่นกัน แต่ถ้าใครที่หวังจะเจอหิมะในปริมาณมากๆ คงต้องยากสักหน่อย เพราะต้องรอลุ้นวันที่อากาศหนาวเย็นจนหิมะตกโปรยปราย
1. Yunishikawa Onsen Kamakura Matsuri (湯西川温泉 かまくら祭)
Yunishikawa Onsen Kamakura Matsuri (湯西川温泉 かまくら祭) เป็นงานเทศกาลหิมะที่จัดขึ้นในบริเวณของ Yunishikawa Onsen ณ เมืองนิกโก้ จังหวัดโทะชิงิ ซึ่งที่นี่เป็นงานเทศกาลหิมะที่พิเศษกว่าที่อื่นเพราะสถานที่จัดงานเป็นถึงเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม ทำให้ที่นี่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยว ความสนุกสนานของเทศกาลเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเวลากลางวันที่ที่ให้เราสนุกสนานไปกับเลื่อนหิมะและอิ่มอร่อยกับอาหารต่างๆ ภายในงาน พอตกกลางคืนก็มาประทับใจกันต่อกับไฟประดับอันสวยงาม หรืออยากจะแช่ออนเซ็นพร้อมชมวิวหิมะก็เก๋ไปอีกแบบ
Yunishikawa Onsen Kamakura Matsuri (湯西川温泉 かまくら祭)
ที่อยู่ | 1042 Yunishigawa, Nikkō-shi, Tochigi-ken 321-2601, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย Yogan Tetsudo มาลงที่สถานี Yunishikawa Onsen แล้วนั่งรถบัส Nikko Koutsu Bus มาลงที่ Honke Bankyu Ryokan Mae แล้วเดินต่ออีก 15 นาที |
เวลาทำการ | 09.00-21.00 น. |
ค่าเข้าชม | 510 เยน |
โทรศัพท์ | 0288-22-1525 |
Website | Yunishigawa Kamakura Festival |
2. Takaragawa Onsen
ในประเทศญี่ปุ่นมีแหล่งแช่ออนเซ็นอยู่ในหลายจังหวัด แต่ถ้าพูดถึงสุดยอดออนเซ็นที่อยู่ใกล้โตเกียวคงต้องยกให้กับออนเซ็นในจังหวัดกุนมะ เพราะที่นี่ได้รับฉายาว่าเป็น “เมืองแห่งออนเซ็น” ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เป็นออนเซ็นที่มีความหลากหลายแตกต่างกันไป เช่น คุณภาพ ปริมาณน้ำที่พุ่งออกมา ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และอื่นๆ ซึ่งเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวที่หิมะตกหนักจะมีอะไรดีไปกว่าการแช่ตัวลงในน้ำอุ่นๆ และออนเซ็นในจังหวัดกุนมะที่ห้ามพลาดก็คือออนเซ็นย่านมินาคามิที่รวม 9 ออนเซ็นไว้ด้วยกัน ซึ่ง Takaragawa Onsen ถือเป็นแหล่งที่โด่งดังที่สุด ยังคงความอุดมสมบูรรณ์ทางธรรมชาติเอาไว้ได้มาก ในหน้าหนาวเราจะสามารถแช่ออนเซ็นไปพร้อมกับการชมวิวหิมะโปรยปราย เป็นกิจกรรมเพิ่มความฟินที่แท้จริง
Takaragawa Onsen
ที่อยู่ | 379-1721 Gunma, Tone-gun, Minakami-machi, Hujiwara 1899 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Akagi มาลงสถานี Minakami แล้วนั่งรถบริการฟรีของออนเซ็น (ต้องทำการแจ้งล่วงหน้า) เพื่อมายัง Takaragawa Onsen |
เวลาทำการ | ออนเซ็นกลางแจ้งเปิดตลอด 24 ชั่วโมง |
ราคา | ที่พักเริ่มต้นประมาณ 10,000 เยน |
โทรศัพท์ | 0278-75-2611 |
Website | Takaragawa Onsen |
ภูมิภาค Chubu
ภูมิภาคชูบุนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย อยู่ติดกับภูมิภาคคันโตอันเป็นที่ตั้งของกรุงโตเกียวนั่นเอง มีเทือกเขาสูงอยู่รวมตัวกันทำให้ที่นี่มีสภาพอากาศที่ค่อนข้างแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ถ้าเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับทะเลจะอบอุ่น แต่ถ้าเป็นบนเทือกเขาจะปกคลุมไปด้วยหิมะที่หนาถึง 5 เมตรเลยทีเดียว สถานที่ท่องเที่ยวของภูมิภาคจึงมีลักษณะที่หลากหลาย ทั้งภูเขา ธรรมชาติ ทะเล ไปจนถึงด้านวัฒนธรรมและเทคโนโลยี เที่ยวกันได้ตลอดปี ซึ่งในหน้าหนาวก็ต้องมา เที่ยวหิมะญี่ปุ่น กัน
รวมบทความที่เกี่ยวข้อง
1. Shirakawa-go (白川村役場)
Shirakawa-go (ชิราคาวาโกะ) นั้นเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงมากเรื่องความสวยงาม และยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย ลักษณะของบ้านเป็นสไตล์กัสโชดั้งเดิมราว 113 หลัง และบ้านสไตล์ญี่ปุ่นอีก 329 หลัง เมื่ออยู่รวมตัวกันจึงเป็นภาพของหมู่บ้านโบราณที่มีเสน่ห์มากๆ และเมื่อถึงช่วงที่หิมะโปรยปรายลงมา หลังคาของบ้านเรือนแต่ละหลังจะถูกปกคลุมไปด้วยปุยหิมะสีขาวสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังมีการเปิดไฟ Light up ในช่วงกลางคืนอีกด้วย ควงคนรักไปด้วยกันคงจะโรแมนติกสุดๆ
Shirakawa Village Office (白川村役場)
ที่อยู่ | 501-56 Hatotani-517, Shirakawa-Village, Ohno-District, Gifu Pref. |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Hida Line มาลงสถานี Takayama แล้วนั่งรถบัส Expressway Shuttle Bus ต่อมาอีกประมาณ 50 นาที |
ราคา | ผู้ใหญ่ : 500 เยน, เด็ก : 300 เยน |
โทรศัพท์ | 05-769-6-1311 |
Website | Shirakawa Village Office |
2. Jigokudani Monkey Park (地獄谷野猿公苑)
Jigokudani Monkey Park (地獄谷野猿公苑) คือ สวนวิจัยแห่งแรกที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าลิงภูเขาหรือลิงหิมะจำนวนกว่า 200 ตัว พวกมันได้รับอาหารจำนวนมากเพียงพอที่จะไม่ไประรานมนุษย์ เจ้าลิงน้อยเหล่านี้เป็นลิงที่อยู่ตามธรรมชาติอย่างแท้จริง พวกมันจะวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานไปทั่วบริเวณสวน แต่ความพิเศษของที่นี่จะเกิดขึ้นในฤดูหนาว เพราะเราจะได้เห็นภาพลิงภูเขาแช่ออนเซ็น ! ใช่แล้ว…ได้ยินไม่ผิดเลยล่ะ เพราะไม่ใช่แค่คนญี่ปุ่นเท่านั้นที่ชอบแช่ออนเซ็น ลิงญี่ปุ่นก็ชอบเหมือนกัน ใบหน้าของเจ้าลิงแดงก่ำเมื่อมันแช่ตัวอยู่ในน้ำร้อน หิมะที่โปรยปรายลงมาก็หล่นมาปกคลุมอยู่บนหัว ไอควันร้อนพวยพุ่งออกมา เราจะได้เห็นว่าสีหน้าของพวกมันนั้นมีความสุขมากจริงๆ เป็นภาพที่น่ารักและประทับใจจนหลายคนถึงกับบอกว่าทริปเที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาวจะสมบูรณ์ไม่ได้เลยถ้าไม่ได้มาสัมผัสความน่ารักของเล่าลิงภูเขากลุ่มนี้
Jigokudani Monkey Park (地獄谷野猿公苑)
ที่อยู่ | 6845 Hirao, Yamanouchi-machi, Shimotakai-gun, Nagano-ken 381-0401, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย Nagano Dentetsu-Nagano Line มาลงสถานี Yudanaka แล้วนั่งรถบัสต่อเพื่อไปลงที่ Kanbayashi Onsen Bus Stop แล้วเดินต่ออีกประมาณ 40 นาทีเพื่อไปยังสวนลิง |
เวลาทำการ | 09.00-16.00 น. |
ค่าเข้าชม | 500 เยน |
โทรศัพท์ | 026-235-7252 |
Website | สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดนากาโน่่ |
3. Tateyama Kurobe Alpine Route (立山黒部アルペンルート)
เตรียมตัวให้พร้อม คว้าเสื้อกันหนาวที่หนาที่สุด ถุงมือ ถุงเท้า และที่ปิดหู เพราะเราจะต้องไปเดินเล่นชมกำแพงหิมะด้วยกันที่เส้นทาง Tateyama Kurobe Alpine Route (立山黒部アルペンルート) ที่ Tateyama เป็นพื้นที่ที่มีหิมะตกปริมาณมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก เคยมีหิมะทับถมกันสูงสุดเท่ากับ 10 ชั้นมาแล้ว ! สาเหตุที่มีหิมะตกมากก็เป็นเพราะที่นี่เปรียบเหมือนเป็นหลังคาของประเทศญี่ปุ่น มีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,400 เมตร และเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ที่นี่ก็ถูกจัดแจงหิมะให้กลายเป็นกำแพงหิมะที่สูงมากๆ และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามา เที่ยวหิมะญี่ปุ่น และสัมผัสกับความหนาวเย็นกัน เราสามารถเลือกได้ว่าต้องการเดินทางด้วยพาหนะแบบใดเพื่อเข้าชมกำแพง ซึ่งจะแตกต่างกันทั้งราคาและระยะเวลาที่ใช้
Tateyama Kurobe Alpine Route (立山黒部アルペンルート)
ที่อยู่ | Ashikuraji, Tateyama, Nakaniikawa District, Toyama Prefecture 930-1406, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Takayama Line มาลงสถานี Toyama แล้วนั่งรถบัสต่อไปยังสถานี Tateyama จากนั้นใช้บริการ Cable Car เพื่อขึ้นไปยัง Bijodaira จากนั้นเราสามารถเลือกพาหนะเพื่อนั่งไปชมกำแพงหิมะได้ โดยมีระยะทางที่แตกต่างกันถึง 7 เส้นทาง |
เวลาทำการ | จันทร์-ศุกร์ : 10.00-15.15 น. เสาร์-อาทิตย์ : 9.30-15.15 น. |
ราคา | แตกต่างกันไปตามพาหนะที่เลือกเดินทาง |
Website | Tateyama Kurobe Alpine Route |
4. สวน Kenrokuen (兼六園)
สวน Kenrokuen (兼六園) คือ สวนสวยสไตล์ญี่ปุ่นที่มีที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของจังหวัดคานาซาว่า อยู่ไม่ไกลจากปราสาทคานาซาว่า ด้วยสัดส่วนที่พอเหมาะพอดีและความงดงามขั้นสุดทำให้สวนแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสวนของขุนนางศักดินาที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ภายในสวนประกอบไปด้วยสระน้ำขนาดใหญ่ เนินเขาที่สร้างขึ้น และบ้านเรือนจำนวนหนึ่ง นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของความงดงามในฤดูหนาวของสวนที่ถูกหิมะปกคลุมทั่ว ดูราวกับภาพวาดเลยทีเดียว ใครอยากชมหิมะแบบชิลล์ๆ ต้องห้ามพลาดที่นี่เลย
สวน Kenrokuen (兼六園)
ที่อยู่ | 1 Kenrokumachi, Kanazawa-shi, Ishikawa-ken 920-0936, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Hokuriku Line มาลงสถานี Kanazawa แล้วนั่ง Kanazawa Loop Bus มาลงที่สวน |
เวลาทำการ | 07.00-18.00 น. |
ค่าเข้าชม | 310 เยน |
โทรศัพท์ | 0234–3800 |
Website | Kenrokuen |
5. Tsumago-juku (妻籠)
Tsumago-juku เป็น 1 ใน 50 หมู่บ้านที่ทางการของญี่ปุ่นยกย่องว่าเป็นหมู่บ้านที่สวยงามที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่ในย่าน Kiso Valley จังหวัดนากาโน่ และได้รับการอนุรักษ์ห้คงสภาพเดิมไว้ให้เหมือนในสมัยเอโดะ ทำให้เส้นทางนี้มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นโบราณหลงเหลืออยู่มาก หากใครที่ชื่นชมในประวัติศาสตร์และความงดงามสไตล์ดั้งเดิมจะต้องตกหลุมรักที่นี่อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่จะสวยงามเป็นพิเศษเนื่องจากบ้านเรือนแต่ละหลังจะถูกหิมะย้อมสีจนเป็นสีขาวโลพนสะอาดตา ให้ความรู้สึกโรแมนติกแบบเย็นๆ ไปอีกแบบ
Tsumago-juku (妻籠)
ที่อยู่ | 2159−2 Kiso District, Nagano Prefecture, Japan 399-5302 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Chuo Line มาลงที่สถานี Nagiso แล้วนั่งรถ Local Bus มาลงที่หมู่บ้านได้เลย |
เวลาทำการ | 08.30-17.00 น. |
ราคา | ไม่เสียค่าเข้าชม |
โทรศัพท์ | 0264-57-3123 |
Website | Tumago |
ภูมิภาค Kansai
หากพูดถึงคันไซอาจไม่ค่อยมีใครนึกออก แต่ถ้าบอกว่าที่นี่เป็นภูมิภาคของโอซาก้ จะต้องร้องอ๋อแน่ๆ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมากันค่อนข้างเยอะ เพราะเป็นที่ที่รวมแหล่งท่องเที่ยวสุดครื้นเครงเอาไว้มากมาย แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งความเป็นญี่ปุ่นอย่างปราสาทฮิเมจิที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ และสถานที่อื่นๆ ที่ไม่แพ้คันโตเลยทีเดียว แต่ที่นี่นั้นอากาศจะไม่หนาวเย็นเท่าทางตอนเหนือ หิมะที่ตกอาจมีปริมาณไม่มาก แต่ก็หนาวเย็นแบบที่คนไทยพอทนได้ แต่เมื่อถึงวันที่หิตะตกก็สวยงามน่าประทับใจมากเช่นกัน
รวมบทความที่เกี่ยวข้อง
วัด Kiyomizudera (清水寺)
วัดคิโยมิซุ (清水寺) หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่วัดน้ำใสนั้นนอกจากจะเป็นจุดชมใบไม้แดงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งแล้ว ในฤดูหนาวที่หิมะตกก็สวยงามไม่แพ้กัน จากระเบียงไม้ขนาดใหญ่ของวัดที่มีระดับความสูงถึง 13 เมตรนับเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปชมวิวและถ่ายภาพกันมาก ซึ่งเราจะได้เห็นภาพความสวยงามของหิมะที่ปกคลุมกิ่งก้านของต้นไม้ หลังคาวัด เรื่อยลงมาจนถึงพื้นทางเดิน เป็นภาพบรรยากาศน่าประทับใจที่ควรไปชมสักครั้งในชีวิต
วัด Kiyomizudera (清水寺)
ที่อยู่ | 294 Kiyomizu 1-chome, Higashiyama Ward, Kyoto, Kyoto Prefecture 605-0862, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Haruka Line มาลงสถานี Kyoto แล้วนั่งรถบัสสาย 100 หรือ 206 มาลงที่ป้าย Kiyomizu-michi แล้วเดินอีก 15 นาที |
เวลาทำการ | 06.00-17.30 น. |
ค่าเข้าชม | 300 เยน |
โทรศัพท์ | 075-551-1234 |
Kiyomizudera Temple |
วัด Kinkakuji (金閣寺)
วัด Kinkakuji (金閣寺) หรือมีชื่อไทยอีกชื่ออหนึ่งที่คนไทยเราเรียกกันคือ “วัดทอง” วัดแห่งนี้มีลักษณะของสถาปัตยกรรมที่แตกต่างไปจากวัดอื่นในญี่ปุ่น โดยเฉพาะเอกลักษณ์ของวัดที่โดดเด่นที่สุดนั่นก็คือปราสาทสีทองที่ลอยอยู่กลางน้ำอันเป็นที่มาของชื่อวัดทองนั่นเอง และเมื่อหิมะสีขาวโปรยปรายลงมา ปราสาทสีทองแห่งนี้ก็จะดูดโดดเด่นที่สุดท่ามกลางปุยหิมะสีขาว และเมื่อถึงช่วงที่อุณหภูมิลดต่ำลงถึงขีดสุดจนผืนน้ำรอบปราสาทเริ่มจับตัวกันเป็นน้ำแข็งด้วยแล้ว ก็ถือเป็นภาพที่มหัศจรรย์แห่งฤดูหนาวทีเดียว ใครอยากไปตามรอยอิคคิวซังก็อย่าพลาดเลยน้า
วัด Kinkakuji (金閣寺)
ที่อยู่ | 1 Kinkakujichō, Kita-ku, Kyōto-shi, Kyōto-fu 603-8361, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Hashidate มาลงสถานี Emmachi แล้วนั่งรถบัสต่อไปเพื่อลงที่ป้าย Kinkakuji-michi Bus Stop |
เวลาทำการ | 09.00-17.00 น. |
ค่าเข้าชม | 400 เยน |
ภูมิภาค Chugoku
จูโกขุเป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยเมืองที่เงียบสงบและสวยงาม มีหมู่บ้านน่ารักๆ อยู่มากมาย ทั้งหมู่บ้านประมงและหมู่บ้านทะเลเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ตามทิวเขา เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากเยี่ยมชมทิวทัศน์เมืองที่ยังคงมีกลิ่นอายของญี่ปุ่นในอดีตหลงเหลือให้เราได้เข้าไปสัมผัส นอกจากนั้นยังเป็นเป็นภูมิภาคที่มีชื่อเสียงในเรื่องของปราสาทและสถาปัตยกรรม ศิลปหัตถกรรมโบราณอีกด้วย รวมถึงเนินทรายชื่อดังแห่งจังหวัด Tottori ก็ตั้งอยู่ในภูมิภาคนี้เช่นกัน
รวมบทความที่เกี่ยวข้อง
1. Tottori Sand Dunes (鳥取砂丘)
Tottori Sand Dunes หรือ เนินทราย Tottori เป็นเนินทรายขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Sanin Kaigan มีความสูงมากถึง 50 เมตร และกว้าง 2 กิโลเมตร อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองนัก ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนที่นี่เป็นจำนวนมาก ที่นี่ถูกสร้างมานานกว่าพันปีแล้ว ภูมิทัศน์ของเนินทรายจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามกระแสน้ำและสายลมที่พัดพาเข้ามาที่ชายฝั่ง ความสวยงามของที่นี่ไม่ได้มีแค่ช่วงฤดูร้อนเท่านั้น เพราะเราสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่ได้ในฤดูหนาว เพราะพื้นที่กว้างของเนินทรายที่แต่เดิมเป็นสีน้ำตาลนั้นจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวสะอาดตาทั่วทั้งพื้นที่ ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสดใสได้ภาพความสวยงามอีกแบบหนึ่ง กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดคือการขี่อูฐ ! แม้จะหนาวแต่เจ้าอูฐก็ยังคงทำงานอยู่
Tottori Sand Dunes (鳥取砂丘)
ที่อยู่ | 2164-661 Fukubecho Yuyama, Tottori, Tottori Prefecture 689-0105, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Hamakaze Line มาลงสถานี Tottori แล้วนั่งรถบัสต่อมาจนสุดสายก็จะถึงเนินทราย |
เวลาทำการ | 10.00-16.00 น. |
ราคา | ค่าขี่อูฐ : 1,300 เยน |
2. Itsukushima Shrine (厳島神社)
ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) มีทำเลที่ตั้งอยู่บนเกาะมิยาจิมา (Miyajima) ตามตำนานกล่าวไว้ว่าศาลเจ้าแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นเมื่อช่วงศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นที่สถิตของธิดาแห่งเทพพายุและท้องทะเลทั้ง 3 องค์ และเทพแห่งดวงอาทิตย์อามาเทราสุอีกด้วย ที่นี่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมจากองค์การ UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1996 และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมประจำเมืองฮิโรชิมาสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เราสามารถเดินทางมาเยือนได้ทุกฤดูกาล และในหน้าหนาวนั้นจะมีความสวยงามอีกแบบหนึ่ง แถมยังเป็นช่วงที่คนไม่หนาแน่นเท่าฤดูร้อนอีกด้วย เราจะได้เห็นภาพของหลังคาศาลเจ้าที่เคยเป็นสีแดงถูกปกคลุมด้วยสีขาวของหิมะ พร้อมอร่อยไปกับหอยนางรมธรรมชาติที่เป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี่อีกด้วย
Itsukushima Shrine (厳島神社)
ที่อยู่ | 1-1 Miyajima-cho, Hatsukaichi, Hiroshima Prefecture, Japan 739-0588 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย San-yo Line มาลงสถานี Miyajimaguchi แล้วเดินอีก 5 นาทีไปยังท่าเรือเพื่อข้ามไปยังเกาะมิยาจิมา |
เวลาทำการ | 06.30-18.00 น. |
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ 300 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 200 เยน, เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี 100 เยน |
โทรศัพท์ | 0829-44-2020 |
Welcome to Miyajima |
ภูมิภาค Shikoku
ชิโกกุเป็นภูมิภาคที่ยังคงความเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์หลงเหลืออยู่มากแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นที่ยังไม่ถูกความทันสมัยของเทคโนโลยีสมัยใหม่กลืนกินไป นักท่องเที่ยวสามารถปั่นจักรยานเที่ยวไปรอบๆ เมืองได้ในช่วงที่อากาศไม่หนาวเย็นมากนัก และหลายคนที่ชื่นชอบในการแวะเวียนไปสักการะตามวัดและศาลเจ้าต่างๆ ก็จะได้สุขใจไปกับวัดจำนวนมากมายตามเมืองต่างๆ ของภูมิภาคนี้ อากาศจะไม่ค่อยหนาวเย็นนัก จะค่อนข้างอบอุ่นและหนักไปทางฝนเสียมากกว่า
รวมบทความที่เกี่ยวข้อง
1. Gala Yuzawa Resort (ガーラ湯沢スノーリゾート)
Gala Yuzawa Resort เป็นรีสอร์ทยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่นิยมมาเล่นหิมะกันที่นี่ เนื่องจากเป็นรีสอร์ทที่อยู่ไม่ไกลจากโตเกียว แถมยังอำนวยความสะดวกสำหรับมือใหม่หัดเล่นสกีและสโนว์บอร์ดด้วยบริการให้เช่าอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมสรรพ เหมาะสำหรับใครที่อยากเล่นหิมะแบบเอ็กซ์ตรีมหน่อย ไม่ใช่แค่เดินเล่นบนหิมะเฉยๆ ที่นี่นับว่าตอบโจทย์มากๆ เป็นสถานที่ที่ทุกคนต่างมาเพื่อสนุกสนานกับหิมะ เราสามารถขึ้นกระเช้าเพื่อชมวิวหิมะจากด้านบน แล้วต่อด้วยการเล่นสโนว์บอร์ดหรือถ้าแอดวานซ์กว่านั้นก็สกีไปเลย !
Gala Yuzawa Resort (ガーラ湯沢スノーリゾート)
ที่อยู่ | 1039−2 Yuzawa, Minamiuonuma District, Niigata Prefecture, Japan 949-6101 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Tokyo นั่ง Joetsu Shinkansen (Toki, Max Toki, Tanigawa และ Max Tanigawa) ไปลงที่สถานี GALA Yuzawa ใช้เวลาเดินทางประมาณ 90 นาที |
เวลาทำการ | 08.00-17.00 น. |
ราคา | ประมาณ 3,000 เยน |
โทรศัพท์ | 025-785-6543 |
Website | Gala Yuzawa Resort |
ภูมิภาค Kyushu
ภูมิภาคคิวชูเป็นอีกหนึ่งภูมิภาคที่ไม่ค่อยมีเหตุการณ์หิมะตกโปรยปราย แต่มีไม่มากก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มี และเมื่อหิมะเข้าครอบคลุมที่นี่แล้วก็ทำให้มีบรรยากาศที่สวยงามและมีเสน่ห์ไม่แพ้ที่อื่นๆ เลยล่ะ เมื่อเข้าสู่สิ้นเดือนพฤศจิกายน หิมะจะเริ่มโปรยปรายลงมาปกคลุมเหล่าภูเขาน้อยใหญ่ เมื่อธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของคิวชูถูกหิมะเข้าแต่งแต้มก็เกิดเป็นภาพที่นักท่องเที่ยวประทับใจไปอีกแบบ
รวมบทความที่เกี่ยวข้อง
1. ภูเขา Tsurumi (鶴見岳)
ภูเขา Tsurumi เป็นภูเขาที่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปเพื่อสัมผัสกับหิมะเพราะบนยอดเขาจะมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าพื้นดินค่อนข้างมาก โดยเราสามารถนั่งกระเช้าไฟฟ้าเพื่อพาเราขึ้นสู่ยอดเขาอันหนาวเหน็บได้ นอกจากความหนาวเย็นที่เราจะได้พานพบแล้ว ด้านบนยอดเขายังมีศาลเจ้าที่ชื่อว่า Tsurumi Sanjo Gongen Shrine ตั้งอยู่ ซึ่งนับว่าเป็นศาลเจ้าหลักของที่นี่เลยก็ว่าได้ วิวจากยอดเขาด้านบนนั้นสวยงามจนลืมเหนื่อยจริงๆ ท่ามกลางปุยหิมะสีขาวยังมีเสาโทริอิสีแดงโดดเด่นตั้งอยู่ อันเป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้รู้กันว่าเรามาถึงที่นี่แล้ว
ภูเขา Tsurumi (鶴見岳)
ที่อยู่ | Beppu, Oita Prefecture 874-0000 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Nippou Line มาลงสถานี Beppu แล้วนั่งรถบัสต่อไปเพื่อลงที่ที่ทางขึ้นกระเช้า |
เวลาทำการ | 09.00-17.00 น. |
ราคา | ไป-กลับ : ผู้ใหญ่ 1,600 เยน, เด็ก 800 เยน |
โทรศัพท์ | 0977-222-278 |
Website | Beppu Ropeway |
2. Kurokawa Onsen (黒川温泉観光旅館協同組合)
Kurokawa เป็นเมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนภูเขารายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ ทำให้ที่นี่เป็นเมืองออนเซ็นในฝันองชาวญี่ปุ่นหลายคน ที่นี่จะไม่มีการสร้างตึกสูง อาคาร หรือป้ายขนาดใหญ่ให้มาบดบังทัศนียภาพอันสวยงามของเมือง ตลอดเส้นทางที่เราเดินจะได้ยินเสียงน้ำไหลผ่าน ได้บรรยากาศสุดๆ แถมบ้านเรือนและร้านค้าในสไตล์ดั้งเดิมก็มีเสน่ห์ดึงดูดจริงๆ นอกจากจะได้เดินเล่นแล้ว เรายังสามารถซื้อแผ่นป้ายไม้เพื่อเข้าแช่ออนเซ็นในเมืองได้แบบบุฟเฟ่ต์อีกด้วย นับว่าเป็นความทรงจำในฤดูหนาวที่ยากจะลืมเลือน
Kurokawa Onsen (黒川温泉観光旅館協同組合)
ที่อยู่ | 6594−3 Minamioguni-machi, Aso-gun, Kumamoto-ken, Japan 869-2402 | |
---|---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Nippou Line มาลงสถานี Beppu แล้วนั่งรถบัส Kyushu Odan Bus มาลงที่ Kurokawa Onsen (สามารถจองล่วงหน้าได้ที่
|
Kyushu Odan Bus |
เวลาทำการ | 09.00-18.00 น. | |
โทรศัพท์ | 0967-44-0076 | |
Website | Kurokawa Onsen |
3. ภูเขาไฟ Aso (阿蘇山)
ภูเขาไฟ Aso เป็นหนึ่งในภูเขาที่มีชื่อเสียงในกลุ่มนักท่องเที่ยวมากที่สุดของภูมิภาคคิวชู เป็นภูเขาไฟที่ยังคงคุกรุ่นรอวันที่จะปะทุ ตั้งอยู่ในจังหวัดคุมาโมโต้ มีขนาดใหญ่กว่า 1,000 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นภูเขาไฟที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ชุมชนเมืองโดยรอบเป็นชนบทเล็กๆ มีนาข้าวกระจายอยู่ทั่วไป ณ จุดศูนย์กลางของยอดเขาจะมีปล่องภูเขาไฟอยู่หลายปล่อง แต่ปล่องที่เราสามารถเข้าถึงได้ง่ายที่สุดคือปล่องคาดาเกะ แม้ว่าทางจังหวัดจะอนุญาตให้เราเข้าชมได้แต่ในบางวันที่มีการตรวจจับปริมาณก๊าชพิษได้สูงอาจจะทำการปิดเพื่อความปลอดภัย แต่ถ้าใครได้ไปแล้วจะรู้ว่าความสวยงามของธรรมชาตินั้นมีอยู่จริง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่หิมะปกคลุมยอดเขานั้น บรรยากาศจะเปรียบเหมือนกับประเทศสวิตช์เซอร์แลนด์เลยทีเดียว
Mt.Aso Ropeway (Asosan Ropeway)
阿蘇山ロープウェー
ที่อยู่ | 869-2225 Kurokawa808-5, Aso city, Kumamoto Pref. |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Hohi Line มาลงสถานี Aso แล้วต่อรถบัสไปลงที่สถานีขึ้นกระเช้า Asosan Ropeway |
เวลาทำการ | 09.00-17.00 (รอบสุดท้าย 16.25 น.) |
ราคา | ไป-กลับ : ผู้ใหญ่ 1,200 เยน, เด็ก 600 เยน |
โทรศัพท์ | 0967-34-0411 |
Website | Asosan Ropeway |
ข้อสรุป
เที่ยวหิมะญี่ปุ่น อาจเป็นหนึ่งในความฝันของหลายๆ คนที่อยากจะสัมผัสความเย็นที่หาไม่เจอในประเทศไทยของเรา เพราะฉะนั้นควรเดินทางไปแดนปลาดิบสักครั้งเพื่อสัมผัสกับมัน แต่ถ้าอยากให้ชัวร์ แนะนำให้ไปที่ทางตอนเหนือของญี่ปุ่นอย่างเกะาฮอกไกโดเพราะจะเป็นภูมิภาคที่หนาวเย็นและมีปริมาณหิมะตกมากที่สุดนั่นเอง