Contents Index
ขึ้นชื่อว่าเป็นภูมิภาคที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่นแล้ว “ฮอกไกโด” จึงเป็นพื้นที่ที่หนาวเย็นที่สุดของประเทศ มีลักษณะเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่แยกตัวออกจากภูมิภาคอื่นๆ เป็นเกาะที่ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสกับบรรยากาศแบบธรรมชาติ เพราะทัศนียภาพของเกาะฮอกไกโดแห่งนี้เรียกได้ว่าสวยงามสุดๆ ทั้งยังมีอาหารทะเลสดรสอร่อยอีกด้วย
เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว อุณหภูมิของเกาะฮอกไกโดจะเย็นจัดถึง -10 องศาเซลเซียส ทำให้ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยสีขาวโพลนของเหล่าหิมะที่รวมตัวกัน ดึงดูดนักสกีและนักสโนว์บอร์ดจากทั่วทุกมุมโลกได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญยังเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลหิมะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งจะมีผลงานการแกะสลักน้ำแข็งให้เราได้ชมทุกปี
Otaru (โอตารุ) เป็นเมืองท่าขนาดเล็กที่มีเสน่ห์และความน่ารักในตัวเอง เราสามารถเดินทางจากเมืองซัปโปโรเพื่อมาเที่ยวที่นี่ได้แบบเช้าเย็นกลับเพราะใช้เวลาในการเดินทางเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง เอกลักษณ์ของเมืองนั้นอยู่ที่คลองขนาดเล็กที่อยู่เลียบไประหว่างโกดังสินค้าเก่าเพราะในอดีตที่นี่เคยเป็นท่าเรือขนส่งสินค้ามาก่อนนั่นเอง ในช่วงหน้าหนาวนั้นจะมีการจัดเทศกาล Otaru Snow and Light Path Festival ที่โรแมนติกมาก ถ้ามาคนเดียวอาจจะเหงาไปนิดนะนี่ และแม้จะเป็นเมืองขนาดเล็กแต่บอกเลยว่าร้านรวงนั้นมากมาย โดยเฉพาะร้านอาหารและร้านขนมหวานที่แข่งกันเปิดเรียกนักท่องเที่ยวแบบสุดๆ
ที่อยู่ | Otaru, Hokkaido Prefecture 047-0000, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Hakodate Line มาลงสถานี Otaru แล้วเดินอีก 12 นาที |
เวลาทำการ | เดินชมได้ตลอดเวลา |
Website | Otaru City |
Blue Pond (青い池) เป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่มีสีฟ้าสดใส เกิดขึ้นจากความบังเอิญหลังการสร้างเขื่อนเพื่อป้องกันการเกิดโคลนถล่ม น้ำในบริเวณนี้ถูกกักเก็บรวมกันไว้จนเกิดเป็นบ่อน้ำสีฟ้าที่สวยอย่างที่เราเห็นอยู่นี้ พร้อมกับเหล่าตอไม้สูงที่เรียงรายกันอยู่ เกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่หลงใหลในความงดงามของธรรมชาติต่างแห่แหนกันมาชื่นชมความงามของบ่อน้ำแห่งนี้ โดยความสวยงามนั้นจะขึ้นอยู่กับจุดที่เรายืนและปริมาณแสงแดดที่ส่องกระทบผิวน้ำลงมาในแต่ละวัน ซึ่งจะสวยงามที่สุดในช่วงฤดูหนาวนั่นเอง
ที่อยู่ | Shirogane, Kamikawa District, Hokkaido Prefecture 071-0235, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Furano Line มาลงสถานี Biei แล้วนั่งรถบัสไปลงสถานีชิโรงาเนะอาโออิเคะอิริกุจิอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะถึงทางเข้า |
โดยปกติแล้วธารน้ำแข็งนั้นจะปรากฎขึ้นแค่ในแถบอาร์กติกและแอนตาร์กติกเซอร์เคิลเท่านั้น แต่ถ้ามาที่ฮอกไกโดในฤดูหนาว เราจะได้เห็นธารน้ำแข็งกับตาของเราเอง ! ธารน้ำแข็งที่ปกคลุมพื้นผิวมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ควรไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต เราสามารถชมธารน้ำแข็งได้อย่างใกล้ชิดด้วยการเดินชมบนธารน้ำแข็งด้วยสองเท้าของเรา แต่ถ้าใจไม่ถึงก็เลือกเป็นการล่องเรือตัดน้ำแข็ง หรือขึ้นบอลลูนก็มีความหรูหราทีเดียว แต่ถ้าอยากได้อีกบรรยากาศก็เลือกเป็นการนั่งรถไฟเลียบชายฝั่งทะเลโอโสสึคุที่จะพาเราชมบรรยากาศสวยๆ ท่ามกลางความหนาวเย็นของฤดูหนาว
ที่อยู่ | 4 Chome-5-1 Minami 3 Jōhigashi, Abashiri-shi, Hokkaidō 093-0003, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Okhotsk Line มาลงที่สถานี Abashiri แล้วนั่งรถบัสต่อไปลงที่ท่าเรือ |
เวลาทำการ | ประมาณ 09.00-18.00 น. |
ราคา | ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่เลือกทำ ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 840 เยนขึ้นไป (นั่งรถไฟ) |
โทรศัพท์ | 0152-445-849 (ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว) |
Shikaribetsu Lake คือทะเลสาบเล็กๆ ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันแสนสงบ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง ซึ่งทะเลสาบแห่งนี้มีความโด่งดังในเรื่องหมู่บ้านน้ำแข็งมาก เพราะเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวที่ทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็งจะมีทิวทัศน์ที่สวยงามมากเป็นพิเศษ ทั้งยังมีการสร้างหมู่บ้านน้ำแข็งจำลองขึ้นตามแบบของชาวเอสกิโมอีกด้วย ซึ่งเราสามารถเข้าไปเยี่ยมชมในจุดต่างๆ ได้ด้วย โดยจะมีกิจกรรมแตกต่างกันไปอย่างบาร์ คาเฟ่ คอนเสิร์ต หรือแม้กระทั่งออนเซ็นที่ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่มากๆ
ที่อยู่ | 189 Ubayanagicho Nakagyo-ku Kyoto Kyoto |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Numero Line มาลงสถานี Shintoku แล้วนั่งรถบัสต่อไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อลงที่ป้าย Shikaribetsu-ko |
เวลาทำการ | 06.00-22.00 น. |
Lake Akan (阿寒湖) เป็นทะเลสาบที่เราควรไปเยือนสักครั้งในชีวิต เพราะเมื่อฤดูกาลแห่งหิมะเวียนมาถึง ดอกไม้จะออกดอกผลิบานอีกครั้ง ซึ่งดอกไม้ที่ว่านั้นไม่ใช่ดอกไม้จริงๆ แต่เป็นดอกไม้น้ำแข็งที่เกิดจากพื้นผิวของทะเลสาบที่เจอลมหนาวจนเกิดเป็นเกล็ดน้ำแข็งที่ตกผลึกขึ้นเป็นรูปทรงคล้ายดอกไม้ทั่วทั้งทะเลสาบ เกิดเป็นภาพทะเลสาบหน้าหนาวที่สวยงามแปลกตาไปอีกแบบหนึ่ง และที่นี่เองนั่นเองที่เป็นแหล่งกำเนิดสาหร่ายมาริโมะที่คนไทยนิยมเลี้ยงกันอยู่ช่วงหนึ่ง เพราะเชื่อว่าจะนำโชคดีมาให้
ที่อยู่ | Kushiro, Hokkaido Prefecture |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Numero Line มาลงสถานี Kushiro แล้วนั่งรถบัสเพื่อไปลงที่ Akanko Onsen อีกประมาณ 1 ชั่วโมงกับอีก 30 นาที |
เวลาทำการ | ควรเดินทางไปและกลับให้ทันช่วงเวลาที่รถบัสให้บริการ |
โทรศัพท์ | 01-5467-3200 |
Website | Lake Akan Tourist Information |
ถ้าให้แปลกันตรงตัวคำว่าโทโฮคุนั้นหมายถึงทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ครอบคลุมพื้นที่ 1 ใน 4 ของเกาะฮอนชู ภูมิภาคนี้ถือเป็นดินแดนที่มีตำนานเล่าขานถึงมากมาย มีการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณเอาไว้ภายใต้ความเจริญของเมืองในสมัยใหม่ เมื่อพูดถึงสภาพภูมิอากาศแล้วที่นี่ถือเป็นอีกแห่งในประเทศญี่ปุ่นที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็นและมีหิมะตกในฤดูหนาว
ที่จังหวัด Yamagata นั้นเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ขึ้นชื่อว่ามีหิมะตกปริมาณมากที่สุดในญี่ปุ่น ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่เล่นสกีที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกด้วยเพราะเหมาะกับทั้งนักสกีมือใหม่และนักสกีมืออาชีพที่จะมาท้าทายเนินหิมะแห่งนี้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้ที่นี่โด่งดังก็คือเหล่าปีศาจหิมะ (Juhyou) ที่เกิดจากหิมะและน้ำค้างที่เผชิญกับอุณหภูมิที่หนาวจัดจนติดลบและเกิดเป็นก้อนน้ำแข็งรูปร่างประหลาดคล้ายกับปีศาจจึงเป็นที่มาของชื่อเรียกนี้นั่นเอง และในช่วงกลางคืนจะมีการเปิดไฟที่เรียกว่า Light up สวยงามแบบหลอนๆ ไปอีกแบบหนึ่ง
ที่อยู่ | 229-3 Zaoonsen, Yamagata, Yamagata Prefecture, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Aterazawa Line มาลงสถานี Yamagata แล้วนั่งรถบัสจากชานชาลาที่ 1 ของสถานีเพื่อไปลงที่ Zao Onsen Bus Terminal แล้วเดินอีก 15 นาที |
เวลาทำการ | 08.00-17.00 น. |
ค่า Ropeway | เที่ยวเดียว : 1,500 เยน, ไป-กลับ : 2,600 เยน |
โทรศัพท์ | 023-694-9328 |
Website | Zao Ropeway |
Iwate Snow Festival คือ งานเทศกาลหิมะฤดูหนาวที่จัดว่าเป็น 1 ใน 5 ของงานเทศกาลหิมะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจังหวัดอิวาเตะ โดยจะจัดขึ้นทุกปีในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ Koiwai Farm ซึ่งที่นี่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งฤดูหนาวของจังหวัดไปแล้ว เพราะชาวเมืองต่างรอคอยที่จะเฉลิมฉลองเพื่อต้อนรับการกลับมาของหิมะกันอย่างพร้อมเพรียง ถ้ามาที่นี่เราจะได้เห็นประติมากรรมจากหิมะรูปร่างต่างๆ มากมาย พร้อมทั้งกิจกรรมสนุกๆ ที่มีให้เราได้เข้าร่วม อย่างเช่น ม้าลากเลื่อน สไลเดอร์หิมะ และอื่นๆ รวมไปถึงพ่อค้าแม่ค้าที่มาออกร้านจำหน่ายอาหารกันอย่างคับคั่ง จะจิบเบียร์หรือซดซุปคลายหนาวก็เป็นไอเดียวที่ไม่เลว
ที่อยู่ | 36-1, Maruyachi, Shizukuishi-cho, Iwate, Japan 020-0507 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Tohoku Line มาลงสถานี Morioka แล้วนั่งรถบัสที่วิ่งเส้น Amihari Onsen Line ที่ป้าย No.10 เพื่อตรงมายังฟาร์ม ใช้เวลาประมาณ 40 นาที |
เวลาทำการ | 09.00-17.00 น. |
ราคา | ผู้ใหญ่ 800 เยน, เด็ก 300 เยน |
โทรศัพท์ | 019-692-4321 |
Website | Koiwai Farm |
Yokote Kamakura Festival ที่จัดขึ้นที่จังหวัดอะกิตะนี้เป็นเทศกาลแห่งการขอบคุณเทพเจ้าแห่งน้ำ พร้อมทั้งจะมีการสวดมนต์ร้องขอให้เทพเจ้าบันดาลน้ำท่าให้มีกินมีใช้อย่างอุดมสมบูรณ์ตลอดไป โดยเป็นงานเทศกาลเก่าแก่ที่สืบทดกันมานานกว่า 400 ปีแล้ว และยังถูกจัดให้เป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ของจังหวัด ภายในงานจะมีการสร้างบ้านน้ำแข็งจากหิมะขึ้นหลายขนาด ด้านในมีการบูชาเทพเจ้าด้วยโมจิและสาเก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปนั่งจิบสาเกในบ้านหิมะเหล่านี้ได้อีกด้วย ใครอยากไปก็ต้องรีบจองตั๋วหน่อยนะ เพราะที่นี่ฮอตฮิตมากเลยล่ะ
ที่อยู่ | 8-12 Chūōmachi, Yokote-shi, Akita-ken 013-0023, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย KitaKami Line มาลงสาถนี Yokote แล้วเดินอีก 9 นาที |
เวลาทำการ | 15-16 กุมภาพันธ์ของทุกปี |
ราคา | ไม่เสียค่าเข้าชมบริเวณด้านนอก |
ภูมิภาคคันโตที่คนไทยนั้นรู้จักดีเพราะเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงอย่างโตเกียว ทุกจังหวัดมีการคมนาคมที่ดี ทำให้ง่ายต่อนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะเดินทางไปรอบๆ ภูมิภาค แหล่งช้อปปิ้งและสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นครบครัน ที่เที่ยวก็มีทั้งเชิงธรรมชาติ เชิงวัฒนธรรม วัด ศาลเจ้า และสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอื่นๆ เรียกได้ว่ามาภูมิภาคเดียวเที่ยวได้ครบเลย สภาพอากาศที่นี่นั้นกำลังดี ไม่หนาวเย็นจนเกินไป แต่ก็ไม่ร้อนเช่นกัน แต่ถ้าใครที่หวังจะเจอหิมะในปริมาณมากๆ คงต้องยากสักหน่อย เพราะต้องรอลุ้นวันที่อากาศหนาวเย็นจนหิมะตกโปรยปราย
Yunishikawa Onsen Kamakura Matsuri (湯西川温泉 かまくら祭) เป็นงานเทศกาลหิมะที่จัดขึ้นในบริเวณของ Yunishikawa Onsen ณ เมืองนิกโก้ จังหวัดโทะชิงิ ซึ่งที่นี่เป็นงานเทศกาลหิมะที่พิเศษกว่าที่อื่นเพราะสถานที่จัดงานเป็นถึงเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม ทำให้ที่นี่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยว ความสนุกสนานของเทศกาลเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเวลากลางวันที่ที่ให้เราสนุกสนานไปกับเลื่อนหิมะและอิ่มอร่อยกับอาหารต่างๆ ภายในงาน พอตกกลางคืนก็มาประทับใจกันต่อกับไฟประดับอันสวยงาม หรืออยากจะแช่ออนเซ็นพร้อมชมวิวหิมะก็เก๋ไปอีกแบบ
ที่อยู่ | 1042 Yunishigawa, Nikkō-shi, Tochigi-ken 321-2601, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย Yogan Tetsudo มาลงที่สถานี Yunishikawa Onsen แล้วนั่งรถบัส Nikko Koutsu Bus มาลงที่ Honke Bankyu Ryokan Mae แล้วเดินต่ออีก 15 นาที |
เวลาทำการ | 09.00-21.00 น. |
ค่าเข้าชม | 510 เยน |
โทรศัพท์ | 0288-22-1525 |
Website | Yunishigawa Kamakura Festival |
ในประเทศญี่ปุ่นมีแหล่งแช่ออนเซ็นอยู่ในหลายจังหวัด แต่ถ้าพูดถึงสุดยอดออนเซ็นที่อยู่ใกล้โตเกียวคงต้องยกให้กับออนเซ็นในจังหวัดกุนมะ เพราะที่นี่ได้รับฉายาว่าเป็น “เมืองแห่งออนเซ็น” ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เป็นออนเซ็นที่มีความหลากหลายแตกต่างกันไป เช่น คุณภาพ ปริมาณน้ำที่พุ่งออกมา ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และอื่นๆ ซึ่งเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวที่หิมะตกหนักจะมีอะไรดีไปกว่าการแช่ตัวลงในน้ำอุ่นๆ และออนเซ็นในจังหวัดกุนมะที่ห้ามพลาดก็คือออนเซ็นย่านมินาคามิที่รวม 9 ออนเซ็นไว้ด้วยกัน ซึ่ง Takaragawa Onsen ถือเป็นแหล่งที่โด่งดังที่สุด ยังคงความอุดมสมบูรรณ์ทางธรรมชาติเอาไว้ได้มาก ในหน้าหนาวเราจะสามารถแช่ออนเซ็นไปพร้อมกับการชมวิวหิมะโปรยปราย เป็นกิจกรรมเพิ่มความฟินที่แท้จริง
ที่อยู่ | 379-1721 Gunma, Tone-gun, Minakami-machi, Hujiwara 1899 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Akagi มาลงสถานี Minakami แล้วนั่งรถบริการฟรีของออนเซ็น (ต้องทำการแจ้งล่วงหน้า) เพื่อมายัง Takaragawa Onsen |
เวลาทำการ | ออนเซ็นกลางแจ้งเปิดตลอด 24 ชั่วโมง |
ราคา | ที่พักเริ่มต้นประมาณ 10,000 เยน |
โทรศัพท์ | 0278-75-2611 |
Website | Takaragawa Onsen |
ภูมิภาคชูบุนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย อยู่ติดกับภูมิภาคคันโตอันเป็นที่ตั้งของกรุงโตเกียวนั่นเอง มีเทือกเขาสูงอยู่รวมตัวกันทำให้ที่นี่มีสภาพอากาศที่ค่อนข้างแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ถ้าเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับทะเลจะอบอุ่น แต่ถ้าเป็นบนเทือกเขาจะปกคลุมไปด้วยหิมะที่หนาถึง 5 เมตรเลยทีเดียว สถานที่ท่องเที่ยวของภูมิภาคจึงมีลักษณะที่หลากหลาย ทั้งภูเขา ธรรมชาติ ทะเล ไปจนถึงด้านวัฒนธรรมและเทคโนโลยี เที่ยวกันได้ตลอดปี
Shirakawa-go (ชิราคาวาโกะ) นั้นเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงมากเรื่องความสวยงาม และยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย ลักษณะของบ้านเป็นสไตล์กัสโชดั้งเดิมราว 113 หลัง และบ้านสไตล์ญี่ปุ่นอีก 329 หลัง เมื่ออยู่รวมตัวกันจึงเป็นภาพของหมู่บ้านโบราณที่มีเสน่ห์มากๆ และเมื่อถึงช่วงที่หิมะโปรยปรายลงมา หลังคาของบ้านเรือนแต่ละหลังจะถูกปกคลุมไปด้วยปุยหิมะสีขาวสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังมีการเปิดไฟ Light up ในช่วงกลางคืนอีกด้วย ควงคนรักไปด้วยกันคงจะโรแมนติกสุดๆ
ที่อยู่ | 501-56 Hatotani-517, Shirakawa-Village, Ohno-District, Gifu Pref. |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Hida Line มาลงสถานี Takayama แล้วนั่งรถบัส Expressway Shuttle Bus ต่อมาอีกประมาณ 50 นาที |
ราคา | ผู้ใหญ่ : 500 เยน, เด็ก : 300 เยน |
โทรศัพท์ | 05-769-6-1311 |
Website | Shirakawa Village Office |
Jigokudani Monkey Park (地獄谷野猿公苑) คือ สวนวิจัยแห่งแรกที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าลิงภูเขาหรือลิงหิมะจำนวนกว่า 200 ตัว พวกมันได้รับอาหารจำนวนมากเพียงพอที่จะไม่ไประรานมนุษย์ เจ้าลิงน้อยเหล่านี้เป็นลิงที่อยู่ตามธรรมชาติอย่างแท้จริง พวกมันจะวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานไปทั่วบริเวณสวน แต่ความพิเศษของที่นี่จะเกิดขึ้นในฤดูหนาว เพราะเราจะได้เห็นภาพลิงภูเขาแช่ออนเซ็น ! ใช่แล้ว…ได้ยินไม่ผิดเลยล่ะ เพราะไม่ใช่แค่คนญี่ปุ่นเท่านั้นที่ชอบแช่ออนเซ็น ลิงญี่ปุ่นก็ชอบเหมือนกัน ใบหน้าของเจ้าลิงแดงก่ำเมื่อมันแช่ตัวอยู่ในน้ำร้อน หิมะที่โปรยปรายลงมาก็หล่นมาปกคลุมอยู่บนหัว ไอควันร้อนพวยพุ่งออกมา เราจะได้เห็นว่าสีหน้าของพวกมันนั้นมีความสุขมากจริงๆ เป็นภาพที่น่ารักและประทับใจจนหลายคนถึงกับบอกว่าทริปเที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาวจะสมบูรณ์ไม่ได้เลยถ้าไม่ได้มาสัมผัสความน่ารักของเล่าลิงภูเขากลุ่มนี้
ที่อยู่ | 6845 Hirao, Yamanouchi-machi, Shimotakai-gun, Nagano-ken 381-0401, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย Nagano Dentetsu-Nagano Line มาลงสถานี Yudanaka แล้วนั่งรถบัสต่อเพื่อไปลงที่ Kanbayashi Onsen Bus Stop แล้วเดินต่ออีกประมาณ 40 นาทีเพื่อไปยังสวนลิง |
เวลาทำการ | 09.00-16.00 น. |
ค่าเข้าชม | 500 เยน |
โทรศัพท์ | 026-235-7252 |
Website | สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดนากาโน่่ |
เตรียมตัวให้พร้อม คว้าเสื้อกันหนาวที่หนาที่สุด ถุงมือ ถุงเท้า และที่ปิดหู เพราะเราจะต้องไปเดินเล่นชมกำแพงหิมะด้วยกันที่เส้นทาง Tateyama Kurobe Alpine Route (立山黒部アルペンルート) ที่ Tateyama เป็นพื้นที่ที่มีหิมะตกปริมาณมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก เคยมีหิมะทับถมกันสูงสุดเท่ากับ 10 ชั้นมาแล้ว ! สาเหตุที่มีหิมะตกมากก็เป็นเพราะที่นี่เปรียบเหมือนเป็นหลังคาของประเทศญี่ปุ่น มีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,400 เมตร และเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ที่นี่ก็ถูกจัดแจงหิมะให้กลายเป็นกำแพงหิมะที่สูงมากๆ และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเที่ยวชมและสัมผัสกับความหนาวเย็นกัน เราสามารถเลือกได้ว่าต้องการเดินทางด้วยพาหนะแบบใดเพื่อเข้าชมกำแพง ซึ่งจะแตกต่างกันทั้งราคาและระยะเวลาที่ใช้
ที่อยู่ | Ashikuraji, Tateyama, Nakaniikawa District, Toyama Prefecture 930-1406, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Takayama Line มาลงสถานี Toyama แล้วนั่งรถบัสต่อไปยังสถานี Tateyama จากนั้นใช้บริการ Cable Car เพื่อขึ้นไปยัง Bijodaira จากนั้นเราสามารถเลือกพาหนะเพื่อนั่งไปชมกำแพงหิมะได้ โดยมีระยะทางที่แตกต่างกันถึง 7 เส้นทาง |
เวลาทำการ | จันทร์-ศุกร์ : 10.00-15.15 น. เสาร์-อาทิตย์ : 9.30-15.15 น. |
ราคา | แตกต่างกันไปตามพาหนะที่เลือกเดินทาง |
Website | Tateyama Kurobe Alpine Route |
สวน Kenrokuen (兼六園) คือ สวนสวยสไตล์ญี่ปุ่นที่มีที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของจังหวัดคานาซาว่า อยู่ไม่ไกลจากปราสาทคานาซาว่า ด้วยสัดส่วนที่พอเหมาะพอดีและความงดงามขั้นสุดทำให้สวนแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสวนของขุนนางศักดินาที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ภายในสวนประกอบไปด้วยสระน้ำขนาดใหญ่ เนินเขาที่สร้างขึ้น และบ้านเรือนจำนวนหนึ่ง นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของความงดงามในฤดูหนาวของสวนที่ถูกหิมะปกคลุมทั่ว ดูราวกับภาพวาดเลยทีเดียว ใครอยากชมหิมะแบบชิลล์ๆ ต้องห้ามพลาดที่นี่เลย
ที่อยู่ | 1 Kenrokumachi, Kanazawa-shi, Ishikawa-ken 920-0936, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Hokuriku Line มาลงสถานี Kanazawa แล้วนั่ง Kanazawa Loop Bus มาลงที่สวน |
เวลาทำการ | 07.00-18.00 น. |
ค่าเข้าชม | 310 เยน |
โทรศัพท์ | 0234–3800 |
Website | Kenrokuen |
Tsumago-juku เป็น 1 ใน 50 หมู่บ้านที่ทางการของญี่ปุ่นยกย่องว่าเป็นหมู่บ้านที่สวยงามที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่ในย่าน Kiso Valley จังหวัดนากาโน่ และได้รับการอนุรักษ์ห้คงสภาพเดิมไว้ให้เหมือนในสมัยเอโดะ ทำให้เส้นทางนี้มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นโบราณหลงเหลืออยู่มาก หากใครที่ชื่นชมในประวัติศาสตร์และความงดงามสไตล์ดั้งเดิมจะต้องตกหลุมรักที่นี่อย่างแน่นอน โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่จะสวยงามเป็นพิเศษเนื่องจากบ้านเรือนแต่ละหลังจะถูกหิมะย้อมสีจนเป็นสีขาวโลพนสะอาดตา ให้ความรู้สึกโรแมนติกแบบเย็นๆ ไปอีกแบบ
ที่อยู่ | 2159−2 Kiso District, Nagano Prefecture, Japan 399-5302 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Chuo Line มาลงที่สถานี Nagiso แล้วนั่งรถ Local Bus มาลงที่หมู่บ้านได้เลย |
เวลาทำการ | 08.30-17.00 น. |
ราคา | ไม่เสียค่าเข้าชม |
โทรศัพท์ | 0264-57-3123 |
Website | Tumago |
หากพูดถึงคันไซอาจไม่ค่อยมีใครนึกออก แต่ถ้าบอกว่าที่นี่เป็นภูมิภาคของโอซาก้ จะต้องร้องอ๋อแน่ๆ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมากันค่อนข้างเยอะ เพราะเป็นที่ที่รวมแหล่งท่องเที่ยวสุดครื้นเครงเอาไว้มากมาย แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งความเป็นญี่ปุ่นอย่างปราสาทฮิเมจิที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ และสถานที่อื่นๆ ที่ไม่แพ้คันโตเลยทีเดียว แต่ที่นี่นั้นอากาศจะไม่หนาวเย็นเท่าทางตอนเหนือ หิมะที่ตกอาจมีปริมาณไม่มาก แต่ก็หนาวเย็นแบบที่คนไทยพอทนได้ แต่เมื่อถึงวันที่หิตะตกก็สวยงามน่าประทับใจมากเช่นกัน
วัดคิโยมิซุ (清水寺) หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่วัดน้ำใสนั้นนอกจากจะเป็นจุดชมใบไม้แดงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งแล้ว ในฤดูหนาวที่หิมะตกก็สวยงามไม่แพ้กัน จากระเบียงไม้ขนาดใหญ่ของวัดที่มีระดับความสูงถึง 13 เมตรนับเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปชมวิวและถ่ายภาพกันมาก ซึ่งเราจะได้เห็นภาพความสวยงามของหิมะที่ปกคลุมกิ่งก้านของต้นไม้ หลังคาวัด เรื่อยลงมาจนถึงพื้นทางเดิน เป็นภาพบรรยากาศน่าประทับใจที่ควรไปชมสักครั้งในชีวิต
ที่อยู่ | 294 Kiyomizu 1-chome, Higashiyama Ward, Kyoto, Kyoto Prefecture 605-0862, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Haruka Line มาลงสถานี Kyoto แล้วนั่งรถบัสสาย 100 หรือ 206 มาลงที่ป้าย Kiyomizu-michi แล้วเดินอีก 15 นาที |
เวลาทำการ | 06.00-17.30 น. |
ค่าเข้าชม | 300 เยน |
โทรศัพท์ | 075-551-1234 |
Kiyomizudera Temple |
วัด Kinkakuji (金閣寺) หรือมีชื่อไทยอีกชื่ออหนึ่งที่คนไทยเราเรียกกันคือ “วัดทอง” วัดแห่งนี้มีลักษณะของสถาปัตยกรรมที่แตกต่างไปจากวัดอื่นในญี่ปุ่น โดยเฉพาะเอกลักษณ์ของวัดที่โดดเด่นที่สุดนั่นก็คือปราสาทสีทองที่ลอยอยู่กลางน้ำอันเป็นที่มาของชื่อวัดทองนั่นเอง และเมื่อหิมะสีขาวโปรยปรายลงมา ปราสาทสีทองแห่งนี้ก็จะดูดโดดเด่นที่สุดท่ามกลางปุยหิมะสีขาว และเมื่อถึงช่วงที่อุณหภูมิลดต่ำลงถึงขีดสุดจนผืนน้ำรอบปราสาทเริ่มจับตัวกันเป็นน้ำแข็งด้วยแล้ว ก็ถือเป็นภาพที่มหัศจรรย์แห่งฤดูหนาวทีเดียว ใครอยากไปตามรอยอิคคิวซังก็อย่าพลาดเลยน้า
ที่อยู่ | 1 Kinkakujichō, Kita-ku, Kyōto-shi, Kyōto-fu 603-8361, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Hashidate มาลงสถานี Emmachi แล้วนั่งรถบัสต่อไปเพื่อลงที่ป้าย Kinkakuji-michi Bus Stop |
เวลาทำการ | 09.00-17.00 น. |
ค่าเข้าชม | 400 เยน |
จูโกขุเป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยเมืองที่เงียบสงบและสวยงาม มีหมู่บ้านน่ารักๆ อยู่มากมาย ทั้งหมู่บ้านประมงและหมู่บ้านทะเลเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ตามทิวเขา เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากเยี่ยมชมทิวทัศน์เมืองที่ยังคงมีกลิ่นอายของญี่ปุ่นในอดีตหลงเหลือให้เราได้เข้าไปสัมผัส นอกจากนั้นยังเป็นเป็นภูมิภาคที่มีชื่อเสียงในเรื่องของปราสาทและสถาปัตยกรรม ศิลปหัตถกรรมโบราณอีกด้วย รวมถึงเนินทรายชื่อดังแห่งจังหวัด Tottori ก็ตั้งอยู่ในภูมิภาคนี้เช่นกัน
Tottori Sand Dunes หรือ เนินทราย Tottori เป็นเนินทรายขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Sanin Kaigan มีความสูงมากถึง 50 เมตร และกว้าง 2 กิโลเมตร อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองนัก ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนที่นี่เป็นจำนวนมาก ที่นี่ถูกสร้างมานานกว่าพันปีแล้ว ภูมิทัศน์ของเนินทรายจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามกระแสน้ำและสายลมที่พัดพาเข้ามาที่ชายฝั่ง ความสวยงามของที่นี่ไม่ได้มีแค่ช่วงฤดูร้อนเท่านั้น เพราะเราสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่ได้ในฤดูหนาว เพราะพื้นที่กว้างของเนินทรายที่แต่เดิมเป็นสีน้ำตาลนั้นจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวสะอาดตาทั่วทั้งพื้นที่ ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสดใสได้ภาพความสวยงามอีกแบบหนึ่ง กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดคือการขี่อูฐ ! แม้จะหนาวแต่เจ้าอูฐก็ยังคงทำงานอยู่
ที่อยู่ | 2164-661 Fukubecho Yuyama, Tottori, Tottori Prefecture 689-0105, Japan |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Hamakaze Line มาลงสถานี Tottori แล้วนั่งรถบัสต่อมาจนสุดสายก็จะถึงเนินทราย |
เวลาทำการ | 10.00-16.00 น. |
ราคา | ค่าขี่อูฐ : 1,300 เยน |
ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) มีทำเลที่ตั้งอยู่บนเกาะมิยาจิมา (Miyajima) ตามตำนานกล่าวไว้ว่าศาลเจ้าแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นเมื่อช่วงศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นที่สถิตของธิดาแห่งเทพพายุและท้องทะเลทั้ง 3 องค์ และเทพแห่งดวงอาทิตย์อามาเทราสุอีกด้วย ที่นี่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมจากองค์การ UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1996 และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมประจำเมืองฮิโรชิมาสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เราสามารถเดินทางมาเยือนได้ทุกฤดูกาล และในหน้าหนาวนั้นจะมีความสวยงามอีกแบบหนึ่ง แถมยังเป็นช่วงที่คนไม่หนาแน่นเท่าฤดูร้อนอีกด้วย เราจะได้เห็นภาพของหลังคาศาลเจ้าที่เคยเป็นสีแดงถูกปกคลุมด้วยสีขาวของหิมะ พร้อมอร่อยไปกับหอยนางรมธรรมชาติที่เป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี่อีกด้วย
ที่อยู่ | 1-1 Miyajima-cho, Hatsukaichi, Hiroshima Prefecture, Japan 739-0588 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย San-yo Line มาลงสถานี Miyajimaguchi แล้วเดินอีก 5 นาทีไปยังท่าเรือเพื่อข้ามไปยังเกาะมิยาจิมา |
เวลาทำการ | 06.30-18.00 น. |
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ 300 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 200 เยน, เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี 100 เยน |
โทรศัพท์ | 0829-44-2020 |
Welcome to Miyajima |
ชิโกกุเป็นภูมิภาคที่ยังคงความเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์หลงเหลืออยู่มากแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นที่ยังไม่ถูกความทันสมัยของเทคโนโลยีสมัยใหม่กลืนกินไป นักท่องเที่ยวสามารถปั่นจักรยานเที่ยวไปรอบๆ เมืองได้ในช่วงที่อากาศไม่หนาวเย็นมากนัก และหลายคนที่ชื่นชอบในการแวะเวียนไปสักการะตามวัดและศาลเจ้าต่างๆ ก็จะได้สุขใจไปกับวัดจำนวนมากมายตามเมืองต่างๆ ของภูมิภาคนี้ อากาศจะไม่ค่อยหนาวเย็นนัก จะค่อนข้างอบอุ่นและหนักไปทางฝนเสียมากกว่า
Gala Yuzawa Resort เป็นรีสอร์ทยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่นิยมมาเล่นหิมะกันที่นี่ เนื่องจากเป็นรีสอร์ทที่อยู่ไม่ไกลจากโตเกียว แถมยังอำนวยความสะดวกสำหรับมือใหม่หัดเล่นสกีและสโนว์บอร์ดด้วยบริการให้เช่าอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมสรรพ เหมาะสำหรับใครที่อยากเล่นหิมะแบบเอ็กซ์ตรีมหน่อย ไม่ใช่แค่เดินเล่นบนหิมะเฉยๆ ที่นี่นับว่าตอบโจทย์มากๆ เป็นสถานที่ที่ทุกคนต่างมาเพื่อสนุกสนานกับหิมะ เราสามารถขึ้นกระเช้าเพื่อชมวิวหิมะจากด้านบน แล้วต่อด้วยการเล่นสโนว์บอร์ดหรือถ้าแอดวานซ์กว่านั้นก็สกีไปเลย !
ที่อยู่ | 1039−2 Yuzawa, Minamiuonuma District, Niigata Prefecture, Japan 949-6101 |
---|---|
วิธีเดินทาง | จากสถานี Tokyo นั่ง Joetsu Shinkansen (Toki, Max Toki, Tanigawa และ Max Tanigawa) ไปลงที่สถานี GALA Yuzawa ใช้เวลาเดินทางประมาณ 90 นาที |
เวลาทำการ | 08.00-17.00 น. |
ราคา | ประมาณ 3,000 เยน |
โทรศัพท์ | 025-785-6543 |
Website | Gala Yuzawa Resort |
ภูมิภาคคิวชูเป็นอีกหนึ่งภูมิภาคที่ไม่ค่อยมีเหตุการณ์หิมะตกโปรยปราย แต่มีไม่มากก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มี และเมื่อหิมะเข้าครอบคลุมที่นี่แล้วก็ทำให้มีบรรยากาศที่สวยงามและมีเสน่ห์ไม่แพ้ที่อื่นๆ เลยล่ะ เมื่อเข้าสู่สิ้นเดือนพฤศจิกายน หิมะจะเริ่มโปรยปรายลงมาปกคลุมเหล่าภูเขาน้อยใหญ่ เมื่อธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของคิวชูถูกหิมะเข้าแต่งแต้มก็เกิดเป็นภาพที่นักท่องเที่ยวประทับใจไปอีกแบบ
ภูเขา Tsurumi เป็นภูเขาที่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปเพื่อสัมผัสกับหิมะเพราะบนยอดเขาจะมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าพื้นดินค่อนข้างมาก โดยเราสามารถนั่งกระเช้าไฟฟ้าเพื่อพาเราขึ้นสู่ยอดเขาอันหนาวเหน็บได้ นอกจากความหนาวเย็นที่เราจะได้พานพบแล้ว ด้านบนยอดเขายังมีศาลเจ้าที่ชื่อว่า Tsurumi Sanjo Gongen Shrine ตั้งอยู่ ซึ่งนับว่าเป็นศาลเจ้าหลักของที่นี่เลยก็ว่าได้ วิวจากยอดเขาด้านบนนั้นสวยงามจนลืมเหนื่อยจริงๆ ท่ามกลางปุยหิมะสีขาวยังมีเสาโทริอิสีแดงโดดเด่นตั้งอยู่ อันเป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้รู้กันว่าเรามาถึงที่นี่แล้ว
ที่อยู่ | Beppu, Oita Prefecture 874-0000 |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Nippou Line มาลงสถานี Beppu แล้วนั่งรถบัสต่อไปเพื่อลงที่ที่ทางขึ้นกระเช้า |
เวลาทำการ | 09.00-17.00 น. |
ราคา | ไป-กลับ : ผู้ใหญ่ 1,600 เยน, เด็ก 800 เยน |
โทรศัพท์ | 0977-222-278 |
Website | Beppu Ropeway |
Kurokawa เป็นเมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนภูเขารายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ ทำให้ที่นี่เป็นเมืองออนเซ็นในฝันองชาวญี่ปุ่นหลายคน ที่นี่จะไม่มีการสร้างตึกสูง อาคาร หรือป้ายขนาดใหญ่ให้มาบดบังทัศนียภาพอันสวยงามของเมือง ตลอดเส้นทางที่เราเดินจะได้ยินเสียงน้ำไหลผ่าน ได้บรรยากาศสุดๆ แถมบ้านเรือนและร้านค้าในสไตล์ดั้งเดิมก็มีเสน่ห์ดึงดูดจริงๆ นอกจากจะได้เดินเล่นแล้ว เรายังสามารถซื้อแผ่นป้ายไม้เพื่อเข้าแช่ออนเซ็นในเมืองได้แบบบุฟเฟ่ต์อีกด้วย นับว่าเป็นความทรงจำในฤดูหนาวที่ยากจะลืมเลือน
ที่อยู่ | 6594−3 Minamioguni-machi, Aso-gun, Kumamoto-ken, Japan 869-2402 | |
---|---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Nippou Line มาลงสถานี Beppu แล้วนั่งรถบัส Kyushu Odan Bus มาลงที่ Kurokawa Onsen (สามารถจองล่วงหน้าได้ที่ | Kyushu Odan Bus |
เวลาทำการ | 09.00-18.00 น. | |
โทรศัพท์ | 0967-44-0076 | |
Website | Kurokawa Onsen |
ภูเขาไฟ Aso เป็นหนึ่งในภูเขาที่มีชื่อเสียงในกลุ่มนักท่องเที่ยวมากที่สุดของภูมิภาคคิวชู เป็นภูเขาไฟที่ยังคงคุกรุ่นรอวันที่จะปะทุ ตั้งอยู่ในจังหวัดคุมาโมโต้ มีขนาดใหญ่กว่า 1,000 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นภูเขาไฟที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ชุมชนเมืองโดยรอบเป็นชนบทเล็กๆ มีนาข้าวกระจายอยู่ทั่วไป ณ จุดศูนย์กลางของยอดเขาจะมีปล่องภูเขาไฟอยู่หลายปล่อง แต่ปล่องที่เราสามารถเข้าถึงได้ง่ายที่สุดคือปล่องคาดาเกะ แม้ว่าทางจังหวัดจะอนุญาตให้เราเข้าชมได้แต่ในบางวันที่มีการตรวจจับปริมาณก๊าชพิษได้สูงอาจจะทำการปิดเพื่อความปลอดภัย แต่ถ้าใครได้ไปแล้วจะรู้ว่าความสวยงามของธรรมชาตินั้นมีอยู่จริง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่หิมะปกคลุมยอดเขานั้น บรรยากาศจะเปรียบเหมือนกับประเทศสวิตช์เซอร์แลนด์เลยทีเดียว
ที่อยู่ | 869-2225 Kurokawa808-5, Aso city, Kumamoto Pref. |
---|---|
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Hohi Line มาลงสถานี Aso แล้วต่อรถบัสไปลงที่สถานีขึ้นกระเช้า Asosan Ropeway |
เวลาทำการ | 09.00-17.00 (รอบสุดท้าย 16.25 น.) |
ราคา | ไป-กลับ : ผู้ใหญ่ 1,200 เยน, เด็ก 600 เยน |
โทรศัพท์ | 0967-34-0411 |
Website | Asosan Ropeway |
หิมะ อาจเป็นหนึ่งในความฝันของหลายๆ คนที่อยากจะสัมผัสความเย็นที่หาไม่เจอในประเทศไทยของเรา เพราะฉะนั้นควรเดินทางไปแดนปลาดิบสักครั้งเพื่อสัมผัสกับมัน แต่ถ้าอยากให้ชัวร์ แนะนำให้ไปที่ทางตอนเหนือของญี่ปุ่นอย่างเกะาฮอกไกโดเพราะจะเป็นภูมิภาคที่หนาวเย็นและมีปริมาณหิมะตกมากที่สุดนั่นเอง
Blogger : Mytarn
เราเองก็เป็นหนึ่งในคนไทยที่หลงใหลในประเทศญี่ปุ่น ?? และรู้สึกเหมือนกับหลาย ๆ คนที่ไม่เคยเบื่อการเดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศแห่งนี้ สิ่งที่ชอบที่สุดคงจะเป็นขนม เบียร์ และการช้อปปิ้ง อิ้ง อิ้ง อิ้ง~ ???
179 Posts
Mitsui Garden Hotel Ueno พักสบายๆ ในห้องพักราคาดี ตรงข้ามสถานีอุเอโนะ
Cr: Booking ยินดีต้อนรับเข้าสู่โรงแรม Mitsui Garden Hotel Ueno ที่นับว่าเป็นโร...
เครื่องสำอางญี่ปุ่น 2020 รวม 40 อันดับน่าใช้ได้ใจสุด
มาแลัว กับอันดับ เครื่องสำอางญี่ปุ่น 2020 ออกใหม่สดๆ ร้อนๆ ยังคงรวบรวบข้อมูลใ...
Seibu Pepe Shinjuku & Brick St.ห้างวินเทจใจกลางชินจูกุ แหล่งรวมร้านอร่อย ช้อปปิ้งสุดเพลินทั้งวัน
Seibu Pepe Shinjuku & Brick St. คือห้างใหญ่ใจกลางเมืองชินจูกุ การเดินทางมาแสน...
เปิดประสบการณ์ เที่ยว คิวชู เหนือ สัมผัสธรรมชาติและวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม
จะไปเที่ยวคิวชูเหนือหรอ? ไปทำอะไรนะ!? คิดไม่ออกเลยใช่ไหมล่ะ!! งั้นเราลองไปดูกั...
10 ที่เที่ยวฟูจิ เปิดพิกัดที่เที่ยวแบบใหม่ ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
Kitaguchi-hongu Fuji Sengen Shrine ศาลเจ้าที่อุดมไปด้วยพลังงานของขุนเขา คิตะกุ...
วิตามิน dhc ตัวไหนดี ช่วยเรื่องอะไรบ้าง อยากรู้ต้องดู
01/07/2018 | Japan
เหล้าบ๊วยญี่ปุ่น 7 อันดับ รสเยี่ยม ที่ต้องห้ามพลาด
23/02/2017 | Japan
รวมเว็บ และ แอพสั่งของจากญี่ปุ่น มาไทยสุดสะดวก พร้อมข้อมูลต้องรู้ของนักช้อป
04/04/2020 | Japan
โอมากาเสะ คือ อะไร แพงมากจริงไหม แชร์ให้รู้ก่อนไปลอง
31/07/2018 | Japan
50 อันดับ อาหารประเทศญี่ปุ่น ที่ไปแล้วต้องกิน !
22/07/2019 | Japan
Police
110
Ambulance
119
AMDA International Medical Information Center
03-5285-8088
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว
03-5789-2449
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า
06-6262-9226-7
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟุกุโอกะ
092-686-8775